อนุสาวรีย์ปชต.-คึกคัก
ยืน1.12ชม.ไล่ประยุทธ์

เขียงติดรูปใบหน้าประยุทธ์ขณะดมถุงเท้า ‘เต้น-ณัฐวุฒิ’เตรียมไว้แล้ว เป็นรางวัลสำหรับคาร์ม็อบ คอลเอาต์วันอาทิตย์นี้ให้ผู้ที่ตกแต่งรถสีสันโดนตา เขียนข้อความโดนใจ รวมถึงช่างภาพสมัครเล่นที่ถ่ายรูปมุมภาพไอเดียเยี่ยมนำขึ้นออนไลน์ นักศึกษาแกนนำคาร์ม็อบ เชียงใหม่ มอบตัวคดี 112 พนักงานสอบสวนไม่ให้ประกันนำฝากขังศาลทันที ด้านลูกนัทก็เข้ารับทราบข้อหาชุมนุม-ร่วมม็อบสมบัติทัวร์

รางวัล -‘เต้น’ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำเครือข่ายไล่ประยุทธ์ โชว์เขียงรูป ‘บิ๊กตู่’ขอ งราง วัลกิจกรรม CARMOB CALLOUT ที่จัดร่วมกับ บก.ลายจุด-สมบัติ บุญงามอนงค์ ในวันอาทิตย์ที่ 29ส.ค.นี้

เมื่อวันที่ 27 ส.ค. จากกรณีนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำเครือข่ายไล่ประยุทธ์ หรือ อ.ห.ต. และนายสมบัติ บุญงามอนงค์ หรือ บก.ลายจุด ประกาศนัดหมายทำกิจกรรมคาร์ม็อบ คอล เอาต์ ในวันที่ 29 ส.ค. ซึ่งเป็นการผนึกมวลชนในพื้นที่ 3 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพฯ นนทบุรี และปทุมธานี เคลื่อนที่ตามเส้นทาง ก่อนยกระดับชุมนุมใหญ่ขับไล่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และรมว.กลาโหม ในช่วงการอภิปรายไม่ไว้วางใจ โดยมีการประกวดตกแต่งรถ ป้ายข้อความในขบวนเพิ่มเติมคือ การประกวดภาพถ่าย และคลิปวิดีโอ ขอสงวนสิทธิเฉพาะช่างภาพอิสระเท่านั้น โพสต์ผ่านช่องทางออนไลน์ นอกจากนั้น ยังประกวดกองเชียร์ 2 เส้นทาง มีการออกแบบวิธีการแสดงพลังเชิงสัญลักษณ์ บันทึกภาพลงโซเชี่ยลมีเดีย จะมีกรรมการนับคะแนนนั้น

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายณัฐวุฒิได้โพสต์ภาพของรางวัล พร้อมข้อความผ่านเฟซบุ๊ก นาย ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ โดยระบุว่า คาร์ม็อบ คอลเอาต์ 29 ส.ค. เขียงรางวัลพร้อม

“ใครรู้จักผู้ชนะการประกวดครั้งที่แล้วบอกให้ติดต่อ 09-2712-8989 ด่วน หลายคนรับแล้วบางรายยังเงียบ แต่เขียงเพียบนะจ๊ะ รอบนี้มีแจกอีกหลายอัน คัดเลือกรูปคนที่ท่านห่วงใย กำลังดมส้นตีน เอิ่มมม… ตรวจสอบกลิ่นถุงเท้า แต่งรถ ป้ายข้อความ ภาพนิ่ง คลิปขบวน กองเชียร์ข้างทาง ใครแน่แชร์ลงโซเชียล จัดไป”

ที่ สน.ดอนเมือง นายธนัตถ์ ธนากิจอำนวย หรือไฮโซลูกนัท พร้อมทนายความ เดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.โสภณ ผ่าโผน รอง ผกก.(สอบสวน) สน.ดอนเมือง เพื่อรับทราบข้อกล่าวหาตามหมายเรียก ร่วมกันจัดกิจกรรมรวมกลุ่มที่มีความเสี่ยงต่อการแพร่โรค ในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด ซึ่งมีการร่วมกันของบุคคลมากกว่า 5 คน และร่วมกันกีดขวางทางสาธารณะจนเป็นอุปสรรคต่อความปลอดภัยและการจราจร กรณีร่วมชุมนุมคาร์ม็อบ(สมบัติทัวร์) บริเวณประตู 8 หน้าสนามบินดอนเมือง ถนนวิภาวดีรังสิตขาเข้า แขวงสนามบิน เขตดอนเมือง กทม.

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พนักงานสอบสวนนัดให้นายธนัตถ์มาพบตั้งแต่วันที่ 18 ส.ค. แต่ไฮโซลูกนัทโดนยิงเบ้าตาขวาได้รับบาดเจ็บสาหัส จากการร่วมชุมนุมที่บริเวณแยกดินแดง จึงขอเลื่อนนัดเดินทางมาวันเดียวกันนี้ ทั้งนี้ได้นำหลักฐานใบรับรองแพทย์ จาก ร.พ.พญาไท 2 ระบุตาข้างขวาบอดจากแรงกระแทกอย่างรุนแรง มาให้เป็นหลักฐานด้วย

หลังรับทราบข้อกล่าวหา พนักงานสอบ สวนปล่อยตัวชั่วคราว ตามเงื่อนไขเข้ารับทราบข้อกล่าวหาตามหมายเรียก

ด้านไฮโซลูกนัทกล่าวว่า ตนมารับทราบข้อกล่าวหาร่วมชุมนุมคาร์ม็อบ ยอมรับว่ามาร่วมจริง มีภาพถ่ายตามสื่อต่างๆ แต่ตนขอปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา เนื่องจากการชุมนุมเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานตามระบอบประชาธิปไตย

วันเดียวกัน นายธวัชชัย ชัยวัฒน์ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ และโฆษกกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยว่า ได้รับแจ้งจากนายสมบูรณ์ ศิลา ผู้อำนวยการทัณฑสถานบำบัดพิเศษกลาง รายงานผลการตรวจหาเชื้อในผู้ต้องขัง 3 ราย ที่ยังอยู่ในการควบคุมของทัณฑสถานบำบัดพิเศษกลาง ประกอบด้วย นายอานนท์ นำภา นายจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา และนายเวหา แสนชนชนะศึก โดยได้ตรวจหาเชื้อโควิด-19 เพื่อยืนยันเพื่อความถูกต้องชัดเจน เนื่องจากเป็นผู้ต้องขังกลุ่มเสี่ยงสูง ปรากฏผลตรวจเป็นลบ 2 ราย และมีผลเป็นบวก 1 รายคือ นายจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา หรือไผ่ ดาวดิน โดยในส่วนของนายจตุภัทร์ ขณะนี้ได้ดำเนินการส่งตัวเพื่อเข้ารับการรักษาที่ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์เรียบร้อยแล้ว

ที่ สภ.เมืองเชียงใหม่ จ.เชียงใหม่ นายธนาธร วิทยเบญจางค์ นักศึกษามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ แกนนำนักศึกษาที่เคลื่อนไหวร่วมกับกลุ่มคณะราษฎร 63 และเยาวชนปลดแอก เดินทางพร้อมทนายความและกลุ่มผู้สนับสนุน เข้าพบพนักงานสอบสวน เพื่อรับทราบข้อกล่าวหาในฐานความผิดตามมาตรา 112 จากกรณีการจัดกิจกรรมคาร์ม็อบเชียงใหม่ เมื่อวันที่ 15 ส.ค. ซึ่งเบื้องต้นนายธนาธรให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา และทำเรื่องขอประกันตัวในชั้นพนักงานสอบสวน

อย่างไรก็ตาม พนักงานสอบสวนระบุว่า ตามกระบวนการต้องยื่นเรื่องให้ศาลเป็น ผู้พิจารณา เนื่องจากพนักงานสอบสวนไม่มีอำนาจ ซึ่งสร้างความไม่พอใจให้กับกลุ่ม ผู้สนับสนุนเป็นอย่างมาก และรวมตัวกันแสดงออกต่างๆ บริเวณหน้าสถานีตำรวจ โดยช่วงบ่ายพนักงานสอบสวนได้ควบคุมตัว นายธนาธรส่งศาล

ล่าสุดศาลจังหวัดเชียงใหม่อนุญาตให้ประกันตัวแล้ว

เมื่อเวลา 15.50 น. วันเดียวกัน ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เครือข่ายรามคำแหงเพื่อประชาธิปไตย และกลุ่มไทยไม่ทน ได้นัดทำกิจกรรม “ยืนไล่ทรราช ประยุทธ์ จันทร์โอชา ต้องลาออก” ในเวลา 16.00 น. โดยจะทำกิจกรรมยืนนิ่งเป็นเวลา 1 ชั่วโมง 12 นาที สลับกับการปราศรัย โดยมีมวลชนทยอยเดินทางมาร่วม เนื่องจากมีฝนตกลงมาทั้งวัน มีการใช้รั้วเหล็กมากั้นพื้นถนนบริเวณด้านหน้าร้านแมคโดนัลด์เพื่อใช้สำหรับเป็นพื้นที่ทำกิจกรรม มีการใช้รถเครื่องเสียงขนาดเล็ก กระบะ 4 ล้อ เป็นเวทีในการปราศรัย ระหว่างที่รอมวลชนมาเข้าร่วมกิจกรรม กลุ่มคนเสื้อแดงมีการร้องรำทำเพลงกันอย่างสนุกสนาน

จากนั้นเวลา 16.20 น. กลุ่มแกนนำได้นำผ้าสีขาวสี่เหลี่ยมจัตุรัสขนาดใหญ่มาปูวางบน พื้นถนนด้านหน้าป้ายไวนิลที่ระบุข้อความ “ยืนไล่ทรราช ประยุทธ์ จันทร์โอชา ต้องลาออก” ก่อนจะนำหุ่นฟางห่อผ้าสีขาวลักษณะคล้ายศพจำลองที่มีรูปใบหน้าคณะรัฐมนตรีและบุคคลในศบค.แปะเอาไว้มาวางบนผ้าสีขาวนั้น และวางตั้งบนเก้าอี้พลาสติก 3 ตัวบนฟุตปาธ ซึ่งเก้าอี้ 2 ตัวนั้นเป็นหุ่นจำลองของพล.อ.ประยุทธ์ และนายอนุทิน ชาญวีรกูล รมว.สาธารณสุข รวมถึงมีการสาดสีแดงเป็นสัญลักษณ์แทนเลือดด้วย

ตัวแทนเครือข่ายรามคำแหงฯ ได้ให้สัมภาษณ์ว่า จุดมุ่งหมายของกิจกรรมวันนี้คือการยืนไล่ทรราช ซึ่งมีจุดยืนเดียวคือ พล.อ. ประยุทธ์ต้องลาออก เพราะทั้งเรื่องเศรษฐกิจ สังคม การเมือง วัคซีนก็ไม่มีความคืบหน้า เราจึงจัดกิจกรรมขึ้นมาเพื่อให้ประชาชนทางบ้านได้รับทราบว่า ต่อให้เพื่อนแกนนำจะอยู่ในเรือนจำ แต่เราจะสานต่อเจตนารมณ์ เราต้องการรัฐธรรมนูญใหม่ฉบับประชาชน และไม่ควรมีใครโดนข้อหาทางการเมือง เรายืนยันในหลักสันติวิธี แต่เป็นกำลังใจให้กับทุกกลุ่มที่ออกมาชุมนุมขับไล่พล.อ.ประยุทธ์ และขอประณามการใช้ความรุนแรงของเจ้าหน้าที่ ไม่ว่าจะกรณีของนายธนัตถ์หรือไฮโซลูกนัท หรือเหตุการณ์ที่ดินแดง สิ่งที่ตำรวจทำไม่ใช่หลักสันติวิธีและประชาชนรับไม่ได้

ต่อมาเวลา 16.50 น. เริ่มทำกิจกรรม โดยตัวแทนเครือข่ายรามคำแหงซึ่งเป็นนักศึกษาอายุ 18 ปี ได้เริ่มปราศรัยว่า “เราทุกคนเป็นประชาชนคนหนึ่งเหมือนกับประชาชนที่ถูก ผู้ถือกฎหมายฆาตกรรมและใช้กฎหมายทำให้ตัวเองพ้นผิด ตำรวจที่ควรจะมีหน้าที่ปกป้องเราทุกคน เรารู้ดีว่าเกิดอะไรขึ้นแต่เราพูดไม่ได้ เราที่กำลังจะถูกประเทศนี้ฆ่า ในฐานะนักศึกษาคนหนึ่ง เกือบ 10 ปีที่ถูกเผด็จการประยุทธ์พรากเอาไป ผมแค่อยากจะมีชีวิตที่ดีกว่านี้ เราแค่มีความฝันและออกมาเพื่อเรียกร้องอนาคต แต่พล.อ.ประยุทธ์และองคาพยพ รวมถึง ผู้บังคับใช้กฎหมาย ทำราวกับเราไม่ใช่คน พี่น้องและเพื่อนของผมต้องเข้าออกเรือนจำเป็นว่าเล่นทั้งที่ไม่ได้ทำผิด กลับกันคนที่ฆ่าคนทั้งคนด้วยถุงพลาสติก ไม่แม้แต่จะได้รับการปฏิบัติแบบเดียวกับเพื่อนเรา ฆาตกรกับนักโทษทางการเมืองได้รับการปฏิบัติต่างกันราวฟ้ากับเหว ประเทศนี้เกิดอะไรขึ้น เกิดอะไรกับระบบยุติธรรม เรื่องแบบนี้จะไม่เกิดขึ้นเลยถ้าไม่มีพล.อ.ประยุทธ์ องคาพยพ ส.ว. 250 คน ฉะนั้น พล.อ.ประยุทธ์และองคาพยพจะต้องออกไป ในฐานะประชาชนคนหนึ่ง ผมขอให้พี่น้องทุกคนลุกขึ้นมา อย่าให้เผด็จการได้มีที่ยืน”

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างที่มีการปราศรัย ผู้มาร่วมชุมนุมได้มีการคล้องป้ายระบุข้อความโจมตีรัฐบาล และขับไล่พล.อ.ประยุทธ์ ซึ่ง บางป้ายมีรูปใบหน้าของพล.อ.ประยุทธ์และ ครม.ด้วย

ด้านนายธนาวุฒิ วิชัยดิษฐ โฆษกนปช.ปราศรัยว่า สิ่งที่เราต้องการคือทำอย่างไรก็ได้ให้ประเทศนี้มีความยุติธรรมและเป็นประชาธิปไตย แต่ทุกวันนี้คือเผด็จการสำเร็จรูป และหัวใจของเผด็จการคือพล.อ.ประยุทธ์ หากพล.อ.ประยุทธ์ออกไปทุกอย่างจบ โควิดและเศรษฐกิจแก้ไขได้ รัฐธรรมนูญก็จะแก้ไขได้ทันที ฉะนั้น ขอฝากไปถึงพรรคร่วมรัฐบาลว่าให้หันไปถามประชาชนในพื้นที่ และมีทางเดียวที่จะช่วยประเทศแก้ไขโควิดและเศรษฐกิจได้ คือในการอภิปรายไม่ไว้วางใจขอให้ท่านยกมือไม่สนับสนุนพล.อ.ประยุทธ์

ต่อมาเวลา 17.40 น. ยังคงมีการปราศรัยโจมตีการทำงานของรัฐบาลอย่างต่อเนื่อง เน้นหนักเรื่องการจัดการโควิด-19 เศรษฐกิจ การปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ และการใช้กฎหมายอย่างไม่เป็นธรรม ซึ่งมีข้อเรียกร้องสำคัญคือการกดดันให้ พล.อ.ประยุทธ์ลาออก โดยสลับกันปราศรัยระหว่างตัวแทนคนรุ่นเก่ากับคนรุ่นใหม่

อย่างไรก็ตาม การอภิปรายไม่ไว้วางใจจะเริ่มต้นในวันที่ 31 ส.ค.นี้ และวันที่ 4 ก.ย. จะลงมติ ซึ่งการปราศรัยในสภาสุดท้ายพรรคร่วมรัฐบาลก็ยกมือให้ เป็นการแสดงละครลิงในสภา แม้ฝ่ายค้านจะนำข้อมูลและหลักฐานเด็ดมานำเสนอ ก็ไม่สามารถจูงจมูกชักมือฝ่ายรัฐบาลไม่ให้ยกมือให้พล.อ.ประยุทธ์ได้ เพราะเขาเลี้ยงด้วยกล้วย ดังนั้น ประชาชนจงใช้วิจารณญาณและออกมาแสดงด้วยกันว่า พล.อ.ประยุทธ์หมดสภาพที่จะเป็นนายกฯ อีกต่อไป

ต่อมาเวลา 18.20 น. นายไทกร พลสุวรรณ ปราศรัยว่า ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจวันที่ 31 ส.ค.-4 ก.ย.นี้ การลงมติจะเป็นฟางเส้นสุดท้ายที่วางอยู่บนหลังประชาชน หากพรรคร่วมรัฐบาลยังยกมือสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ อยู่ จะยกระดับการชุมนุม และบอกเลยว่าเหตุการณ์ที่สามเหลี่ยมดินแดงจะเป็นเรื่องเด็กๆ ไปเลย

ต่อมาเวลา 18.50 น. มีการนำโลงศพจำลองมาวางบนเก้าอี้พลาสติกที่บริเวณด้านหน้าหุ่นจำลองที่วางอยู่บนพื้น ก่อนจะจุดไฟในถังปี๊บที่วางอยู่ด้านหน้าโลงศพอีกที แล้วโรยพริกกับเกลือลงไป พร้อมกับเปิดเสียงพระสวดบทกุสลา แสดงสัญลักษณ์ของการเผาพริกเผาเกลือสาปแช่ง หลังจากนั้นมีการนำหุ่นฟางที่แปะรูปใบหน้าพล.อ.ประยุทธ์ลงไปเผาในปี๊บ ตามด้วยรูปใบหน้าบุคคลที่เกี่ยวข้องกับรัฐบาล เช่น พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศบค. นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ ซึ่งระหว่างการเผานั้นผู้ชุมนุมก็ตะโกนสาปแช่ง พล.อ.ประยุทธ์ไปด้วยเช่นกัน

จากนั้น เมื่อเสร็จกิจกรรมเผาพริกเผาเกลือ แกนนำเครือข่ายรามคำแหงฯ ปราศรัยบทกวีเมื่อท้องฟ้าสีทองผ่องอำไพ ตามด้วยการตะโกน “ประยุทธ์ออกไป” รวม 3 ครั้ง และ “ศักดินาจงพินาศ ประชาราษฎร์จงเจริญ” อีก 3 ครั้ง ก่อนประกาศนัดพบครั้งต่อไปที่ด้านหน้ารัฐสภา เพื่อติดตามการอภิปรายไม่ไว้วางใจ โดยจะแจ้งกำหนดการในภายหลัง และประกาศยุติกิจกรรมเวลา 18.55 น.

ถุงดำ – กลุ่มเครือข่ายรามคำแหงเพื่อประชาธิปไตย ทำกิจกรรมยืนไล่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี โดยสวมถุงดำคลุมศีรษะถือป้ายข้อความ ประยุทธ์ออกไป เผด็จการจงพินาศ ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เมื่อวันที่ 27 ส.ค.

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน