ลุ้นผลมติ 10โมงวันนี้
ภท.-ปชป.หนุนสุดตัว
นายกย้ำ‘3 ป’แน่นปึ้ก
‘ชวน’ตั้งกก.สอบ5ล.

จับตา 10 โมงวันนี้ สภาโหวตญัตติซักฟอก ‘บิ๊กตู่’ อารมณ์ดี ‘พี่ป้อม’ ช่วยเคลียร์ศึกใน พปชร. จบนาทีท้าย ย้ำสัมพันธ์พี่น้อง ‘3 ป’เหนียวแน่น ไม่มีใครทำลายได้ ซัด ‘วิสาร’ ส.ส.เพื่อไทยไร้สติ ปล่อยข่าวแจก 5 ล้าน แลกคะแนนหนุน เปิดกระเป๋าโชว์สื่อ มีแต่เอกสารประชุม ‘ธรรมนัส’ ยอมถอย ไหว้ขอโทษ นายกฯ ‘บิ๊กป้อม’ ลั่น ‘ถ้านายกฯไป ผมก็ไป’ ยันไม่มีส.ส.แตกแถว ‘ภท.-ปชป.-ชทพ.’ยันเทคะแนนให้ ‘นายกฯ-5 รมต.’ หมดหน้าตัก ‘ชวน’ สั่งตั้งกรรมการสอบกรณีแจกกล้วย 5 ล้าน ส่งท้ายศึกซักฟอก ฝ่ายค้านขย่มปมแรงงานเถื่อน ‘สุชาติ’ ลุกแจงยิบ ‘ศักดิ์สยาม’ โต้ข้อหา ‘เสเพล’ ยันไม่ได้เป็นต้นตอคลัสเตอร์ ทองหล่อ ‘สุทิน’ อภิปรายสรุป เกือบ 2 ช.ม. เสียใจนักการเมืองดับความหวังชาวบ้าน

‘บิ๊กตู่’ซัดคนปล่อยข่าวแจก 5 ล้าน

เมื่อวันที่ 3 ก.ย. ที่รัฐสภา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เข้าร่วมการประชุมสภาผู้แทนราษฎรเพื่อการพิจารณาญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล ให้สัมภาษณ์กรณีที่นายวิสาร เตชะธีราวัฒน์ ส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวหามีการแจกเงินส.ส.กลุ่มหนึ่งคนละ 5 ล้านบาทเพื่อซื้อคะแนนโหวตการอภิปรายไม่ไว้วางใจว่า กรณีที่ส.ส.กล่าวหาเป็นการพูดที่ไม่มีสติสัมปชัญญะ ไม่มีหลักฐาน อะไร คาดว่าฝ่ายกฎหมายและหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้องจะดำเนินการต่อไป ปล่อยไว้ไม่ได้ เรื่องแบบนี้

คนแบบนี้ก็มีพฤติกรรมแบบนี้หลายครั้งแล้ว ช่วงก่อนก็กรีดเลือดในสภา ดูพฤติกรรมแล้วกัน แต่ละคนที่พูดออกมา ความน่าเชื่อถือระหว่างเขากับนายกฯ เป็นอย่างไร ไม่ว่าใครก็ตามไอ้คนที่ล้มนายกฯ เขาก็ต้องการล้มอยู่แล้ว ก็ต้องมาดูว่านายกฯ กับเขาความน่าเชื่อถือ มีแค่ไหน เรียกว่ามีราคาหรือไม่

ยันไม่มีใครเสี้ยม‘3 ป’ได้

ผู้สื่อข่าวถามว่าแนวทางโหวตเป็นอย่างไร พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ตนจะรู้หรือไม่ เขาก็โหวตของเขาเอง ตนคุยกับพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ทุกวัน เรื่องเหล่านี้อยากกราบเรียนทุกคนและสื่อก็เป็นคนตั้งเองใช่หรือไม่ 3 ป ไม่มีใครมาทำลายได้หรอก ทุกคนอาจไม่รู้ ทุกคนอาจไม่รักเพื่อนรักคนอื่นเหมือนตนรักกัน 3 คน ตนร่วมเป็นร่วมตายกันมา ชายแดนตนก็อยู่ ท่ามกลางสนามรบ ก็เคยอยู่ด้วยกัน

“ท่านเป็นผู้บังคับบัญชาของผมมาตั้งแต่ก้าวแรกที่มารับราชการ อยู่บ้านเดียวกัน กินนอน ด้วยกัน สั่งสอนกัน ฝึกอบรมด้วยกันและโตขึ้นมาก็ยังคบ ยังเคารพกันอยู่ ทุกอย่าง ผมเป็นวันนี้ได้เพราะพี่ทั้งสองคนได้สั่งสอนผมมา และผมจำได้ว่าพี่ทั้งสองคนจะสอนผม ทุจริต โกง ไม่มี เรื่องความสัมพันธ์ทั้ง 3 คนไม่ว่าจะตีตนอย่างไร ไม่มีแตกกันอยู่แล้ว รักกันเหมือนพี่น้องท้องเดียวกัน จำคำพูดตนไว้”

ผู้สื่อข่าวถามว่า แสดงว่าวันนี้มีคนเสี้ยมให้ 3 ป.แตกกัน พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า “มันเสี้ยม มาตั้งนานแล้ว ทุกฝ่ายเสี้ยมหมด” ผู้สื่อข่าวถามว่าต้องมีแผนเผชิญเหตุ แผนสำรองรับมืออุบัติเหตุทางการเมืองหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า แล้วจะทำอย่างไร ถึงแม้จะมีการล้มนายกฯ ก็ต้องไปดูกฎหมายมาตรา 167 มาตรา 168 แต่จะใช่หรือไม่ใช่ก็ไม่รู้ ที่มีการวางแผนอย่างโน้นอย่างนี้แล้วทำได้หรือเปล่า แต่ตนไม่หวั่นไหวด้วยการทำงานของตน แม้จะมีปัญหาอยู่บ้าง แต่หลายอย่างที่สำเร็จก็ไม่พูดกัน

เล็งพบปะส.ส.พลังประชารัฐ

ต่อข้อถามว่าจะโทร.คุยกับแกนนำหรือส.ส.หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ไม่ต้องโทร.คุย ตนอาจไปเยี่ยมเขาก็ได้เพื่อให้เห็นความมั่นใจ ผู้สื่อข่าวถามว่าที่ผ่านมานายกฯ เว้นระยะห่างส.ส.มากเกินไปหรือไม่ เลยทำ ให้เกิดความไม่เข้าใจกัน พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า เป็นไปได้ คงต้องหาโอกาสให้มากขึ้น ตนทำงานเยอะต้องใช้เวลาในการทำงาน มีอะไรตนก็พูดคุยกับหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ และตนยังได้คุยกับส.ส.ที่มาพบตนเมื่อ 2 ก.ย. จริงๆ ไม่ใช่คณะนี้คณะเดียว มาตั้งหลายสิบคน และที่มาก็เป็นที่เปิดเผยไม่ใช่ไปแอบในส้วมหรือในห้องน้ำ ตนทำอะไรจะมี บุคคลที่สามอยู่เสมอ จะได้เห็นความโปร่งใส ทำอะไรไม่มีพยานลำบาก ฉะนั้นถ้าจะไปพูดจา อะไรมันก็จะเสียหายหมด

ผู้สื่อข่าวถามว่า กับร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ เลขาธิการพรรค พลังประชารัฐ(พปชร.) ยังกังวลใจอะไรกันอีกหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า “ผมไม่เคยมีประเด็นอะไรกับเขา เพราะผมเป็นคนให้เขาเข้ามาทำงานเองจะไปมีอะไรกับเขา ผู้ใหญ่ จะไปมีปัญหากับเด็ก ไม่ได้พูดเฉพาะถึง แค่รายนี้” ผู้สื่อข่าวถามว่าแต่ถ้าเด็กมีปัญหา นายกฯ กล่าวว่า เดี๋ยวตนแก้เอง ถ้ามันจริง

ผู้สื่อข่าวถามว่ามั่นใจหรือไม่ว่าจะผ่านการลงมติ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า เป็นเรื่องของสภา เป็นเรื่องของส.ส. เป็นเรื่องความเชื่อถือและเชื่อมั่น เมื่อถามว่ายังมั่นใจ ที่จะเดินหน้าต่อในการทำงาน พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ก็ต้อง เดินสิ ตราบใดที่ประชาชนยังต้องการตน ก็ต้องเดินต่อ ต่อข้อถามว่า รวมถึงสมัยหน้าหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า อยู่ที่สภา

จบศึก – พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ เรียกประชุมส.ส.พรรคที่กำลังมีปัญหาภายใน ก่อนสรุปให้ส.ส.โหวตไว้วางใจพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ 5 รมต. ที่ห้องประชุมในรัฐสภา เมื่อวันที่ 3 ก.ย.

‘บิ๊กป้อม’ลั่น‘นายกฯไปผมก็ไป’

เมื่อเวลา 13.00 น. ที่ห้องประชุมพรรคพลังประชารัฐ ชั้น 6 รัฐสภา มีการประชุมแกนนำและส.ส.พรรคพลังประชารัฐ เพื่อเตรียมตัวในการลงมติหลังการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ในวันที่ 4 ก.ย. ส่วน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ เดินทางมาถึงเวลา 13.20 น. และให้สัมภาษณ์อย่างมีอารมณ์ดุเดือดว่า “ปัญหาในพรรคไม่มีอะไร นายกฯ ไปผมก็ไป” ผู้สื่อข่าวถามว่าพรรคพลังประชารัฐยังมีเอกภาพ หรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ยังมีเอกภาพ ต่อข้อถามว่าผลคะแนนลงมติจะมีปัญหาหรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่าไม่มีปัญหา

เมื่อ พล.อ.ประวิตรเข้าร่วมประชุม ได้กล่าว กับส.ส.ว่าไม่มีอะไรหรอก ทุกอย่างราบรื่น และยืนยันกับ ส.ส.ว่า “ไม่ต้องการเป็นนายกฯ นายกฯไป ผมก็ไป” ช่วงท้ายการประชุม พล.อ.ประวิตร พูดถึงการพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ และการตัดสินใจสนับสนุนให้มีการแก้ไขบัตรเลือกตั้งสองใบ ว่า “จบแล้ว เราชนะ เราได้เปรียบ”

พล.อ.ประวิตรให้สัมภาษณ์หลังประชุมว่าถึงกระแสข่าวความวุ่นวายในพรรคว่า “ไม่มี ไปเขียนกันเอง ไม่มีอะไรเลย” ต่อข้อถามว่าทุกเสียงของส.ส.พรรคพลังประชารัฐจะโหวตให้นายกฯ ใช่หรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ก็บอกแล้วไง ถ้านายกฯ ไป ผมก็ไปแล้ว แล้วจะโหวตให้ใคร เรื่องนี้ไม่ต้องกำชับอะไร ยืนยันว่าที่ผ่านมากระแสข่าวต่างๆ แค่ข่าวลือ

‘วิรัช’เผยจบแล้ว-ล็อก 260 เสียง

นายวิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ให้สัมภาษณ์หลังประชุมส.ส.พรรคว่า พล.อ.ประวิตรกล่าวในที่ประชุมกับส.ส.พรรค ว่า ขอให้มีความรักความสามัคคี รักพรรค รักรัฐมนตรีทุกคนที่ถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจ ผลคะแนนจะออกมา อย่างไรก็ให้ไปในทิศทางเดียวกัน ถ้าได้คะแนน โหวตเท่ากันได้ก็ยิ่งดี พรรคพลังประชารัฐ เป็นแกนนำหลักในรัฐบาลที่มีพล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯ ทุกคนต้องรักกันเหนียวแน่น และเราจะผ่านอุปสรรคไปได้ด้วยดี

ต่อข้อถามว่า ในฐานะประธานคณะกรรมการ ประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) ได้พูดคุยกับพรรคร่วมรัฐบาลอย่างไร นายวิรัช กล่าวว่า ตนได้พูดคุยกับหัวหน้าพรรคและเลขาธิการพรรคทุกพรรคเอง ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร ในส่วนของพรรคเล็กได้ตรวจสอบหมดแล้ว บางครั้งก็ไม่รู้ใจ บางคนก็โดดเข้าโดดออกก็ไม่เป็นไร เอาหลักๆ ให้อยู่ก็แล้วกัน อย่างน้อยให้ได้ 265 เสียงขึ้นไป แต่จะหายไป 2 เสียงคือของพรรคพลังประชารัฐและพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ที่ลา เนื่องจากบุคคลใกล้ชิดเสียชีวิตและติดโควิด-19

เมื่อถามว่า สรุปแล้วเสียงของพรรคร่วมรัฐบาลมีกี่เสียง นายวิรัชกล่าวว่า จะมีประมาณ 269 เสียง หักประธานก็เหลือ 268 เสียง แต่ถ้ารองประธานโหวต คะแนนก็จะไม่ลดลง จากเสียง 482 เสียงหากให้ได้ครึ่งหนึ่งก็ต้องเป็น 241 เสียง ซึ่งขณะนี้มี 260 เสียงมันเกินแล้ว ส่วนของฝ่ายค้านจะมีประมาณ 212 เสียง ถ้าหักไปก็จะเหลือประมาณ 210 เสียง

เปิดโชว์ – พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา สั่งทีมงานเปิดกระเป๋า 3 ใบที่ถูกเชื่อมโยงกระแสข่าวแจกเงินส.ส. 5 ล้านบาท โชว์สื่อมวลชน โดย นายกฯ ระบุเป็นเอกสารทุกกระทรวงทุกเรื่อง ก่อนเดินทางกลับหลังจบ การอภิปรายของฝ่ายค้าน

นายกฯเคลียร์‘ธรรมนัส’

เมื่อเวลา 14.28 น. พล.อ.ประยุทธ์เดินทาง ออกจากรัฐสภาเพื่อไปมูลนิธิป่ารอยต่อ ซึ่งเป็น บ้านพักพล.อ.ประวิตร ให้สัมภาษณ์ว่า ไม่มีปัญหาอะไร คุยกับ พล.อ.ประวิตรแล้วไม่มีปัญหาอะไร ย้ำว่าคุยกับพล.อ.ประวิตรอย่างเดียว ผู้สื่อข่าวถามว่ากับ ร.อ.ธรรมนัส ยังพูดคุยกันได้หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า “เฮ้ย แล้วทำไมล่ะ ทำไมจะคุยกับใครไม่ได้ ผมคุยได้ทั้งหมด” ผู้สื่อข่าวถามว่าการไปมูลนิธิป่ารอยต่อ มีนัยยะสำคัญหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ไม่ตอบ ต่อข้อถามว่า เป็นการไปเคลียร์ครั้งสุดท้าย ใช่หรือไม่ เพราะมีข่าวพล.อ.ประวิตร และ ร.อ.ธรรมนัส รออยู่ พล.อ.ประยุทธ์ไม่ตอบ รีบเดินไปนั่งบนรถทันที

ขณะที่เจ้าหน้าที่ลากกระเป๋าสีดำมาขึ้นรถ ลักษณะคล้ายที่มีการแชร์ในโซเชี่ยลจนตีความ ว่าเป็นกระเป๋าเงิน พล.อ.ประยุทธ์ชี้ไปที่กระเป๋า พร้อมกล่าวว่า “กระเป๋าฉันนี่ เอกสารทั้งนั้นไปดูสิ”

ช่างบ่าย ศูนย์ปฏิบัติการนายกรัฐมนตรี (PMOC) ได้ทวีตภาพกระเป๋าของพล.อ.ประยุทธ์ ที่ใช้ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ซึ่งมีเอกสารจำนวนมากอยู่ในกระเป๋า โดยระบุข้อความว่า “กระเป๋าใส่เอกสารนายกรัฐมนตรี”

ช่วงค่ำ หลังปิดประชุมสภา ผู้สื่อข่าว ได้ขอให้พล.อ.ประยุทธ์เปิดกระเป๋าหนังสีดำ ที่คณะทำงานเดินถือตามมา 3 ใบ พล.อ.ประยุทธ์ ได้เปิดโชว์ ซึ่งภายในมีแต่เอกสาร พล.อ.ประยุทธ์ จึงกล่าวว่า เป็นเอกสารงานทุกกระทรวงทุกเรื่อง มีทั้งหมด

รับไหว้ขอโทษที่ทำให้ไม่สบายใจ

เวลา 16.05 น.พล.อ.ประยุทธ์ เดินทางกลับเข้ารัฐสภา เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าได้เคลียร์ใจกับ ร.อ.ธรร มนัส แล้วใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า “ไม่มีอะไรนิ” เมื่อถามว่า ได้มีการขอโทษกันถึงขนาดไหน ดีลจบและสบายใจแล้วใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ได้ตอบคำถาม

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อพล.อ.ประยุทธ์ เดินทาง มาถึงมูลนิธิป่ารอยต่อฯ ที่มีพล.อ.ประวิตร พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ร.อ.ธรรมนัส นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รมช.แรงงาน พร้อมด้วยส.ส.ของพรรคพลังประชารัฐ ส่วนหนึ่งรออยู่

ร.อ.ธรรมนัส ได้ยกมือไหว้ขอโทษพล.อ.ประยุทธ์ พร้อมระบุว่า “ถ้าทำอะไรให้ท่าน ไม่สบายใจผมขอโทษ” ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ ยกมือรับไหว้ ก่อนที่ร.อ.ธรรมนัส จะชี้แจง ถึงเรื่องที่เกิดขึ้นว่าข่าวที่ออกมาเป็นข่าวลือทั้งหมด นักข่าวไปเขียนกันเอง ไม่รู้เรื่อง เป็นเฟกนิวส์ และที่เชิญท่านมาเพราะอยาก ขอความมั่นใจว่านายกฯจะดูแล จะทำงาน ร่วมกับส.ส.และพรรคพลังประชารัฐอย่างไร พล.อ.ประยุทธ์ ถามว่า มีอะไรที่เราต้องดูแลบ้าง ร.อ.ธรรมนัส ตอบกลับว่ามีหลายเรื่องที่ส.ส.ไม่สบายใจ ในฐานะเราเป็นพรรคแกนนำรัฐบาล พรรคอื่นขออะไรก็ได้ แต่พวกเราไม่ได้ อะไร พล.อ.ประยุทธ์ ตอบว่า ถ้าโครงการต่างๆ ถูกกฎหมายก็ให้เขียนมา

การันตีเสียงโหวตหนุน

ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า ท่านไม่เคยมาดูแล ไม่ได้เจอส.ส.ในพรรค ส.ส.หลายคนไม่เคยได้รู้จัก พล.อ.ประยุทธ์ จึงตอบกลับไปว่า “ถ้าเป็นปัญหาแบบนี้ ก็จะไปปรับตัวดู” ร.อ.ธรรมนัส จึงกล่าวว่า “อะไรที่ผิดพลาดไปผมก็ต้องขออภัย แต่สิ่งที่ผมพูดไป พูดไปในฐานะเลขาธิการพรรค ที่ต้องดูแลพรรค ดูแล ส.ส.” ส่วนการลงมติวันที่ 4 ก.ย. ไม่ต้องห่วงแต่รัฐมนตรีบางคนอาจจะไม่เท่านายกฯ โดยนายวิรัช รัตนเศรษฐ ประธานวิปรัฐบาล ได้กล่าว เสริมว่า ของท่านอันดับหนึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ จึงบอกว่า ให้มันเท่ากันดีกว่า อย่างไรก็ตาม มีช่วงหนึ่งที่ พล.อ.อนุพงษ์ พูดกับ ส.ส.ว่า อะไร ที่ทำได้ก็จะทำ อะไรที่ผ่านมาก็อย่าไปคิด

นอกจากนี้ ยังมีการโชว์ความสัมพันธ์ ที่แน่นแฟ้นของ 3 ป โดย พล.อ.ประยุทธ์ ได้ไปกอด พล.อ.ประวิตร พร้อมพูดหยอกอย่างอารมณ์ดีว่า “ถ้า 3 คน อยู่ก็ต้องอยู่ด้วยกัน ถ้าไปก็ต้องไปด้วยกัน ยังมีเรื่องราวของทั้ง 3 คนที่คนอื่นไม่รู้อีกเยอะ” ก่อนกระเซ้า พล.อ.ประวิตร ว่า “ท่านอยากเป็นนายกฯหรือ” พล.อ.ประวิตร ตอบอย่างอารมณ์ดีว่า “จะบ้าหรือ กูไม่เป็นหรอก มึงเป็นนั่นแหละ”

ทั้งนี้ ก่อนหน้าการอภิปรายไม่ไว้วางใจไม่นาน พล.อ.ประวิตร เคยพูดกับ ร.อ.ธรรมนัส ว่า “มึงจะให้กูทรยศน้องกูหรอ”

ภูมิใจไทยเทให้หมด 61 เสียง

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ให้สัมภาษณ์ว่า จุดยืนของพรรคภูมิใจไทย 61 เสียง โหวตให้นายกฯ ไปหมดแล้ว จะเป็นอื่นไม่ได้ เราเป็นพรรคร่วมรัฐบาล ทำงานด้วยกัน รับผิดชอบร่วมกันและได้แจ้งไปตั้งนานแล้วว่าจะโหวตให้นายกฯ 61 เสียง

ผู้สื่อข่าวถามว่า ได้รับการประสานจาก แกนนำพรรคพลังประชารัฐหรือไม่ว่าจะโหวต สนับสนุนให้รัฐมนตรีของพรรคภูมิใจไทยทั้งหมด นายอนุทินกล่าวว่า ยังไม่ได้แจ้งมาแต่พล.อ.ประวิตรระบุ ขอให้เชื่อพี่คนเดียว “เราก็เชื่อป้อม ไม่เชื่อป้อม และจะเชื่อใครละ”

ปชป.-ชทพ.ไม่มีปัญหา

ด้านนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.เกษตรและสหกรณ์ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับการลงมติของพรรคประชาธิปัตย์จะมีเสียงแตกหรือไม่ว่า “มันจบแล้วครับนาย” เมื่อถามว่านายที่ว่านายฝั่งไหน นายเฉลิมชัย ไม่ตอบแต่หัวเราะ ก่อนขึ้นลิฟต์เข้าห้องประชุมสภาทันที

นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทรัพยากร ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ประธานนโยบายและยุทธศาสตร์พรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) กล่าวว่า ทั้ง 12 เสียงของพรรคชาติไทย พัฒนาไม่มีปัญหา จะลงมติในทิศทางเดียวกันทั้งหมด ให้กับพล.อ.ประยุทธ์ และรัฐมนตรีอีก 5 คน

นพ.ระวี มาศฉมาดล ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคพลังธรรมใหม่ กล่าวว่า การลงมติ ครั้งนี้ กลุ่มพรรคเล็กจะรอรับฟังการชี้แจง ของรัฐมนตรีให้ครบทุกคนก่อน ถ้าฝ่ายค้าน มีหลักฐานดีก็โหวตให้ฝ่ายค้าน แต่หากรัฐบาลตอบได้และมีความชัดเจนมากกว่าก็โหวตให้รัฐบาล ถ้าเป็นข้อบกพร่องเล็กน้อยที่สามารถแก้ไขได้ก็ให้ผ่าน การลงมติครั้งนี้จะต้องเป็นไปตามรัฐธรรมนูญมาตรา 114 ที่ไม่อยู่ในความผูกมัดแห่งอาณัติมอบหมาย หรือความครอบงําใดๆ

เมื่อถามถึงการกล่าวหาแจกเงินส.ส.คนละ 5 ล้านบาท นพ.ระวีกล่าวว่า ไม่เป็นเรื่องจริง เพราะนายกฯไม่ได้มาจ่ายเงินให้กับพวกเราพรรคเล็ก โดยส่วนตัวถ้าจะมาซื้อตนก็ต้องใช้ความดีมาซื้อมือ เราจะยกให้ได้ ไม่ใช่เงิน 5 ล้านบาท การแจกเงิน 5 ล้านบาทสงสัยว่า ฝ่ายค้านจะพยายามกลบเกลื่อนอะไรหรือไม่ เพราะอาจเป็นเงินของอีกฝ่าย หรือเงินของคนแดนไกลจ่ายเพื่อซื้อส.ส.หรือไม่

‘สันติ-วีระกร’ยันไปให้กำลังใจ

นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง รองหัวหน้า พรรค และผู้อำนวยพรรคพลังประชารัฐ ให้สัมภาษณ์ถึงการเข้าพบพล.อ.ประยุทธ์ เมื่อวันที่ 2 ก.ย.ว่า ไม่มีอะไร แค่ไปให้กำลังใจ ส่วนนายวีระกร คำประกอบ ส.ส.นครสวรรค์ ไปพูดให้พล.อ.ประยุทธ์ ช่วยเรื่องน้ำ ผู้สื่อข่าวถามถึงการมอบกระเป๋าใส่เงิน นายสันติ กล่าวว่า ไม่มี ถ้ามีตนก็ต้องได้แล้ว

ด้าน นายวีระกร คำประกอบ ส.ส.นครสวรรค์ พรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า ตนและส.ส. เข้าพบพล.อ.ประยุทธ์ เพื่อให้กำลังใจและชมว่า อภิปรายว่าเดี๋ยวนี้ไม่ธรรมดาเพราะใจเย็นมาก นายกฯ ก็ดีใจและรู้สึกอบอุ่นพร้อมสอบถามเรื่องนั่นเรื่องนี้และพูดคุยกันในเรื่องที่ต้องการให้ นายกฯ ช่วยผลักดัน ยืนยันไม่ได้มีอะไรเลย

ผู้สื่อข่าวถามว่านายกฯ สอบถามถึงกระแสข่าวในพรรคพลังประชารัฐหรือไม่ นายวีระกร กล่าวว่า บางทีเราก็ไปฟังอะไรที่ไม่ค่อยถูกเท่าไร เช่น กรณีนายวิสาร พูดในสภา ตนได้มอบหมายให้นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ ยื่นร้องต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพื่อเอาผิด ที่พูดไม่มีมูลความจริง

‘ชวน’ตั้งกรรมการสอบ

ที่รัฐสภา นพ.สุกิจ อัถโถปกรณ์ ที่ปรึกษาประธานสภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์กรณีที่นายวิสารอภิปรายในสภาว่าพล.อ.ประยุทธ์ แจกเงินให้ ส.ส.บริเวณชั้น 3 ของรัฐสภา ว่า นายชวน หลีกภัย ประธานสภา ได้ให้สำนักงานเลขาธิการสภาตั้งคณะกรรมการขึ้นมาเพื่อสอบเรื่องนี้ เพราะถือเป็นภาพลักษณ์ของสภา ส.ส.ถือเป็นภาพลักษณ์ของการเมืองทั้งหมด และเหตุการณ์ ตามที่กล่าวถึงเกิดขึ้นในสภา

“ฝากไปถึงผู้กล่าวหาซึ่งถือเป็นต้นเรื่องนี้ ขอความกรุณาให้ความร่วมมือกับคณะกรรมการ สอบ การสอบไม่ได้กำหนดกรอบเวลแต่ถือว่าต้องทำให้เร่งด่วนที่สุด เพราะเรื่องนี้กำลังอยู่ใน ความสนใจของประชาชน และหากไม่สอบสวน จะทำให้สังคมติดใจสงสัยว่าสภาเป็นที่อะไรกันไปแล้ว ถึงได้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น นายชวนจึงต้องทำเรื่องนี้ให้กระจ่าง” นพ.สุกิจกล่าว

เพื่อไทยโวยไอโอจัดฉากหนุน

น.ส.อรุณี กาสยานนท์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงการอภิปรายไม่ไว้วางใจตั้งแต่วันที่ 31 ส.ค.จนถึงวันที่ 3 ก.ย.ว่า แคมเปญ “ลงมติประชาชน รวมพลไล่ประยุทธ์” ผ่าน https://change.org/prayutgetout/ ที่พรรคเพื่อไทยเปิดตัวไปเมื่อวันที่ 25 ส.ค. และเว็บไซต์ https://vote.ptp.or.th จนถึงวันนี้มีผู้ร่วมลงชื่อไล่พล.อ.ประยุทธ์และรัฐมนตรีอีก 5 คนรวมกว่า 1.4 ล้านคนแล้ว เป็นประชาชนในพื้นที่กทม.มากที่สุด รองลงมาเป็นนครราชสีมา ชลบุรี เชียงใหม่และขอนแก่น

ขณะนี้มีความพยายามจัดทำปฏิบัติการข่าวสาร (ไอโอ) ของผู้ที่สนับสนุนรัฐบาล เพื่อตอบโต้แคมเปญนี้ เชื่อว่าเป็นการจัดฉากให้เห็นว่ายังมีประชาชนสนับสนุนพล.อ.ประยุทธ์ โดยสร้างประชาชนเทียมขึ้นมา แต่คงไม่มีผลอะไร เพราะทุกวันนี้ไม่ว่าจะอยู่จุดไหนของประเทศ ก็ได้ยินแต่เสียงก่นด่าพล.อ.ประยุทธ์กันทั้งประเทศ สิ่งที่เกิดขึ้นตอกย้ำให้เห็นว่าประชาชนทั้งประเทศ ไม่ต้องการนายกฯ ที่ชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ อีกต่อไป

ฝ่ายค้านขย่มแรงงานเถื่อน

เมื่อเวลา 09.00 น. ที่รัฐสภา มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล เป็นวันที่สี่ ก่อนลงมติวันที่ 4 ก.ย. ได้แก่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.เกษตรและสหกรณ์ และนายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส)

นายสมคิด เชื้อคง ส.ส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย อภิปรายไม่ไว้วางใจนายสุชาติ เพราะไม่ทำตามนโยบายที่เคยหาเสียงเกี่ยวกับการเพิ่มค่าแรงขั้นต่ำ เงินเดือนปริญญาตรีและอาชีวะได้ 1.8 หมื่นบาท ตนจะไปยื่นร้องทุกข์ต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ขอให้ตรวจสอบนายสุชาติ รวมทั้งพล.อ.ประยุทธ์

ส่วนตัวเลขแรงงานต่างด้าวซึ่งมีประมาณ 2.3 ล้านคน มีแรงงานผิดกฎหมายมาขึ้นทะเบียน 5 หมื่นคน แต่บางกลุ่มซึ่งเป็นกลุ่มใหญ่ไม่ยอมขึ้นทะเบียน และไม่มีมาตรการตรวจคัดกรอง ทำให้วันนี้โควิดกระจาย เพราะมาจากแรงงานต่างด้าวที่ลักลอบเข้ามาทาง อ.แม่สอด จ.ตาก กระบวนการนี้มีนายดาบ จ. ซึ่งรู้จักกันทั้งแม่สอด ดำเนินการก่อนส่งต่อไปข้างบนสุดท้าย ‘บิ๊ก ป.’ และมี ‘เจ๊ อ.’ ร่วมขบวนการด้วยในการเป็นเอเยนต์ ตนไม่แน่ใจว่านายสุชาติ เกี่ยวข้องด้วยหรือไม่ ค่าหัวแรงงาน เถื่อนตกอยู่ที่ 5,000 บาทต่อคน ที่ผ่านมาตัวเลขแรงงานเถื่อนมีถึง 5 หมื่นคน คิดเป็นมูลค่า 250 ล้านบาท

นายสุเทพ อู่อ้น ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อภิปรายว่า การเยียวยาแรงงานเข้าไม่ถึงความช่วยเหลือ นายสุชาติยังโอ้อวดความสำเร็จว่าฉีดวัคซีนให้แรงงานในแคมป์ได้ 50% แต่ตนได้ข้อมูลว่าฉีดไป 8 หมื่นกว่าคน ซึ่งตัวเลขแรงงานมี 2 แสนคน นอกจากนี้ ยังมีพฤติกรรมไม่รักษาผลประโยชน์แรงงาน ไร้มนุษยธรรม เอาอำนาจตำแหน่งสร้างบารมี

‘สุชาติ’ยันไม่รู้จัก‘ดาบ จ.-เจ๊ อ.’

ด้านนายสุชาติ ชี้แจงว่า การเยียวยาแรงงาน ไม่ได้เฉพาะช่วยเหลือแต่ลูกจ้าง แต่ช่วยเหลือนายจ้างด้วย การปิดแคมป์คนงานช่วงที่ตัวเลขสูงขึ้น เนื่องจากฝ่ายวิเคราะห์มองว่าแคมป์คนงาน 626 แคมป์ในกทม. ประมาณ 8 หมื่นคน พักอาศัยในกทม. และนนทบุรี เรากลัวระหว่าง แวะข้างทาง เราปิดเพื่อให้จบ ตนเชิญนายกสมาคมก่อสร้างไทย และผู้ประกอบการ มาประชุมร่วมกัน ตนให้คำมั่นสัญญาในวันนั้น ว่า ปิดแล้วต้องจบ มีการตรวจ และฉีดวัคซีน 100% ซึ่งวันนี้แคมป์คนงานในกทม และจังหวัดใกล้เคียงฉีดวัคซีนครบหมดแล้ว

“ผมไม่รู้จักดาบ จ. เจ๊ อ. ผมและกระทรวงแรงงาน มีหน้าที่ตรวจในสถานประกอบกิจการว่าคนที่อยู่ในโรงงานนั้น มีใบอนุญาตทำงานถูกต้องหรือไม่ หากพบว่ามีการกระทำผิดก็ดำเนินคดี ส่วนการขึ้นค่าแรงมีอยู่ในความคิดของผมเสมอ แต่ตอนนี้ขอแก้ปัญหาให้กับพี่น้องแรงงานเรื่องการเลิกจ้าง และการ กระจายวัคซีน ก่อน” นายสุชาติกล่าว

‘เต้’ซัดรมต.เสเพล-‘ศักดิ์สยาม’โต้

นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคไทยศรีวิไลย์ อภิปรายไม่ไว้วางใจนายศักดิ์สยาม กล่าวหาเป็นรัฐมนตรีเสเพล เข้าไปแหล่งอบายมุขจนเป็นต้นตอของการระบาดโควิดระลอก 3 ที่เริ่มต้นมาจากคลัสเตอร์ ทองหล่อ และการนำแรงงานต่างด้าวเข้ามาไม่กักตัว นายศักดิ์สยาม ถือที่เป็นรัฐมนตรีหนึ่งเดียวที่ติดโควิด ถือเป็นแมน ออฟ เดอะ เยียร์ 2020 และยังเป็นสาเหตุการแพร่ระบาดของกระทรวงคมนาคมทำให้เกิดคลัสเตอร์มีผู้ติดเชื้อเกือบ 2 พันคน

นายศักดิ์สยามชี้แจงว่า การจะมีเพื่อน น้องและไปพักผ่อนช่วงที่ไม่ใช่เวลาราชการ เวลาที่ไม่มีการแพร่ระบาด สิ่งเหล่านี้หรือเรียกว่าเสเพล ภาพที่นำมาแสดงเป็นเหตุการณ์ วันที่ 8 ธ.ค.63 เกี่ยวอะไรกับการระบาดมี.ค.หรือเม.ย. เครื่องดื่มที่ดื่มก็เป็นนมเย็น ถ้ากินนมเย็นแล้วถือว่าเสเพลก็ไม่รู้จะพูดอย่างไร ส่วนข้อสังเกตที่ตนอยู่ร้านคาราโอเกะนั้นตนเคยไป แต่ไม่เคยไปช่วงการแพร่ระบาดแน่นอน เป็นเรื่องปกติของผู้ชายโสดแล้วพักผ่อนในเวลาที่ไม่ได้ปฏิบัติราชการ คนจะไปหัดร้องเพลงมันผิดตรงไหน สุภาพสตรีที่ถูกพาดพิงก็เป็นรุ่นน้องที่เชิญตนไปงานเลี้ยงสละโสดเมื่อ 8 ธ.ค.63 และตนยังทำหนังสือสอบถามอธิบดีกรมควบคุมโรค ตอบกลับมาว่าตนไม่ใช่ ต้นตอแพร่ระบาดในปัจจุบัน ไม่พบประวัติไปสถานบันเทิงย่านทองหล่อ แต่สัมผัสผู้ป่วยยืนยันโรคขณะทำงาน

ส่วนข้อกล่าวหาเรื่องบ้านพักบนที่ดินเขากระโดง จ.บุรีรัมย์ ของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ยืนยันเป็นเพียงผู้อยู่อาศัย ซึ่งออกเป็นโฉนดเลขที่ 346 ตั้งแต่ 26 ต.ค. 2515 มีอายุเพียง 10 ขวบ และเป็นเอกสารสิทธิออกตามกฎหมายกรมที่ดิน ส่วนที่รฟท.ไม่ฟ้องขับไล่ 1 พันกว่าราย เพราะต้องพิสูจน์สิทธิ์จากกรมที่ดินให้ยุติก่อน

ก้าวไกลรุมชำแหละดีอีเอส

เวลา 14.30 น. นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล(ก.ก.) อภิปรายไม่ไว้วางใจนายชัยวุฒิ ตั้งแต่รับ ตำแหน่งรมว.ดีอีเอส ไม่เห็นผลงานที่นำเทคโนโลยีมาช่วยในการควบคุมโรคหรืออำนวยความสะดวกให้ประชาชนบ้าง โดยเฉพาะ ไม่มีการปรับปรุงแพลตฟอร์มการจองวัคซีน แต่ภารกิจเดียวที่ได้รับมอบหมายมา คือ ภารกิจ ควบคุมความคิดประชาชน และเมื่อเดือนก.ค. นายชัยวุฒิก็เปิดหน้ามาว่าต้องการปิดปากประชาชนจริงๆ ด้วยการสั่งเอาผิดคนโพสต์ข้อมูลเท็จ 147 รายเกี่ยวกับเหตุการณ์ชุมนุม นอกจากนี้ยังขู่คนมีชื่อเสียง ดาราที่ออกมาคอลเอาต์ วิจารณ์รัฐบาล ความพยายามล่าสุดที่ถือว่าเลวร้ายที่สุด คือ การเขียนกฎหมาย ให้อำนาจตัวเอง ในการสอดแนมการใช้อินเตอร์เน็ตของประชาชน

นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อภิปรายกล่าวหานายชัยวุฒิ ทำงานตอบแทนบุญคุณบริษัทแห่งหนึ่งหรือไม่ โดยพยายามเอื้อประโยชน์ให้นายทุนเข้ามามีกรรมสิทธิ์กิจการดาวเทียม ซึ่งขณะนี้เหลือดาวเทียมไทยคมที่ยังใช้งานได้ คือ ไทยคม 4 , 6 ,7 และ 8 โดยมีข้อพิพาทระหว่างดีอีเอสและบริษัท ไทยคม จำกัด (มหาชน) ว่าดาวเทียมดวงที่ 7 และ 8 จะตกเป็นกรรมสิทธิ์ของรัฐหรือเอกชน และยังมีดาวเทียมเก่า ซึ่งกำลังจะสิ้นสุดสัญญา 10 ก.ย.64

‘ชัยวุฒิ’แจงยิบทุกประเด็น

จากนั้นนายชัยวุฒิชี้แจงอย่างละเอียด ทุกประเด็นที่ถูกกล่าวหาว่าไม่เป็นความจริง โดยเฉพาะสัมปทานดาวเทียมไม่ได้เอื้อประโยชน์ให้กลุ่มทุน ส่วนเรื่องที่พูดกันมากในสังคมว่ารัฐบาลใช้เฟกนิวส์เป็นเครื่องมือทำลายทางการเมืองขั้วตรงข้ามนั้นไม่เป็นความจริง ตนต้องทำหน้าที่ ตามพ.ร.บ. คอมพิวเตอร์ เพื่อควบคุมดูแลเอาผิดอาชญากรที่หลอกลวงประชาชน รวมถึงสร้างความแตกแยกให้กับแผ่นดินของเราด้วย

ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม ก็มีภารกิจหลักคือเผยแพร่ให้ข้อมูลกับประชาชน หากตรวจสอบ ว่า พบข่าวปลอมที่อาจส่งผลกระทบต่อประชาชน ศูนย์จะแจ้งเตือนผ่านระบบต่างๆ เพื่อที่หน่วยงาน ต่างๆ จะได้ประชาสัมพันธ์ ต่อไป

“ผมเข้ามาทำงานในฐานะรมว.ดีอีเอส เพื่อปกป้องสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ และพี่น้องประชาชน วันนี้สถาบันกำลังถูกทำลายโดยโซเชี่ยลมีเดีย เป็นข้อมูลเท็จ ทำให้คนเกลียดชังกัน เป็นการล้างสมองคนรุ่นใหม่ให้เป็นเครื่องมือทางการเมือง เพื่อเปลี่ยนแปลง บางสิ่งบางอย่างในประเทศ จนผมรับไม่ได้ จึงต้องทำหน้าที่ปกป้องรักษาสถาบันหลัก ของชาติให้เข้มแข็งคงอยู่เพื่อคนไทยทุกคนตลอดไป” นายชัยวุฒิกล่าว

‘ประยุทธ์’สัญญาพาคนไทยพ้นวิกฤต

ต่อมาเวลา 18.00 น. พล.อ.ประยุทธ์ ชี้แจงถึงการทำงานของรัฐบาลในการแก้ปัญหาต่างๆ โดยเฉพาะสถานการณ์โควิดที่คิดว่าเราจะรับมือได้ในระดับที่ดี เต็มกำลังความสามารถของทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ส่วนด้านเศรษฐกิจช่วง 4 เดือนสุดท้ายของปีนี้ รัฐบาลได้เตรียมการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง สำหรับทุกข้อมูล ทุกข้อเสนอแนะ รัฐบาล จะนำไปปรับปรุงแก้ไขเพื่อลดจุดอ่อนในการทำงาน นี่คือคำมั่นที่จะทำงานเพื่อคนไทย เพื่อนำพาประเทศไทยก้าวไปสู่อนาคตที่มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน ตามที่เราคาดหวัง โดยไม่ย่อท้อต่ออุปสรรคใด เราชาวไทยเชื่อว่าฟ้าหลังฝนย่อมสดใสเสมอ

เวลา 18.15 น. นายสุทิน คลังแสง ส.ส. มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ประธานวิปฝ่ายค้าน ได้กล่าวสรุปญัตติการอภิปรายไม่ไว้วางใจ โดยแสดงความเสียใจที่นักการเมืองดับความหวัง ชาวบ้านในการแก้ปัญหาต่างๆ แต่ยังหวังกับพรรคร่วมรัฐบาลที่จะแก้ตัวด้วยการยกมือไม่เอานายกฯ จากนั้นเวลา 20.20 น. นายชวน หลีกภัย ประธานสภา สั่งปิดประชุมและนัดประชุมเพื่อลงมติเวลา 10.00 น.วันที่ 4 ก.ย.

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน