ภาคกลางก็ด้วย
โคราชสั่ง4อำเภอ
รีบขนของขึ้นที่สูง

ฝนยังตกหนักทั่วไทย อุตุฯ เตือนร่องมรสุมพาดผ่าน ให้ทุกภาคระวังอันตรายจากฝนตกหนักและตกสะสม อาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน เกิดน้ำป่าไหลหลากเข้าท่วมได้ ที่โคราชอิทธิพลจากร่องมรสุมมีฝนตกอย่างยาวนาน ทำให้ปริมาณในเขื่อนพิมายเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องจนเต็มเกินความจุ ต้องรีบระบายน้ำออกเพื่อเตรียมรับมวลน้ำก้อนใหญ่จากอิทธิพลของร่องมรสุมที่จะพาดผ่านอีก ล่าสุดปภ.โคราชออกประกาศเเจ้งเตือนชาวบ้านใน 4 อำเภอขอให้เตรียมอพยพของขึ้นที่สูงเพราะต้องพร่องน้ำจากอ่างเก็บน้ำลำเชียงไกร ส่วนที่ปางมะผ้าฝนตกหนัก น้ำป่าทะลักท่วมถนนจราจรเป็นอัมพาต

แก้ท่วม – ปภ.นครราชสีมาเร่งติดตั้งเครื่องสูบน้ำเครื่องยนต์ดีเซล ขนาดท่อส่ง 14 นิ้ว อัตรากำลังสูบสูง จำนวน 4 เครื่อง บริเวณเกาะกลางถนนมิตรภาพ และที่จุดรับน้ำทิ้งใต้ทางแยกต่างระดับนครราชสีมา แก้ปัญหาน้ำท่วมซ้ำซากบริเวณตลาดเซฟวัน เมื่อวันที่ 4 ก.ย.

วันที่ 4 ก.ย. กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์อากาศในช่วงวันที่ 4-6 ก.ย. ร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีกำลังปานกลางจะทำให้ประเทศไทยมีฝนตกหนักบางแห่งในภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคตะวันออก โดยภาคเหนือและอีสานจะมีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 70-80 ของพื้นที่ตลอดช่วง กับมีฝนตกหนักบางแห่ง ขณะที่ภาคอื่นๆ จะมีฝนร้อยละ 40-60

ส่วนช่วงวันที่ 7-10 ก.ย. ร่องมรสุมจะเลื่อนลงมาพาดผ่านภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ในขณะที่มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทยจะมีกำลังแรงขึ้น ทำให้ประเทศไทยจะมีฝนเพิ่มขึ้นกับมีฝนตกหนักบางแห่ง ส่วนคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยจะมีกำลังปานกลาง บริเวณทะเลอันดามันมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร

ข้อควรระวังช่วงวันที่ 7-10 ก.ย.นี้ขอให้ประชาชนที่อาศัยอยู่บริเวณพื้นที่เสี่ยงภัยในภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก ภาคกลาง และภาคใต้ ระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม อาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลากได้ ส่วนชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันควรเดินเรือด้วยความระมัดระวัง

วันเดียวกัน นายกิติกุล เสภาศีราภรณ์ ผู้อำนวยการโครงการชลประทานนครราช สีมา เปิดเผยว่าลุ่มน้ำลำเชียงไกรที่อยู่ในการดูแลของโครงการชลประทานนครราชสีมาได้รับอิทธิพลจากร่องมรสุมพาดผ่านมาตั้งแต่วันที่ 16 ส.ค.-1 ก.ย.ที่ผ่านมา เกิดฝนตกมาอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ปริมาณน้ำในพื้นที่ลุ่มน้ำเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะอ่างเก็บน้ำลำเชียงไกร (ตอนล่าง) ต.บัลลังก์ อ.โนนไทย

โดยรายงานเมื่อวันที่ 2 ก.ย.ที่ผ่านมามีปริมาณน้ำคิดเป็นร้อยละ 85.95 เมื่อเทียบกับเมื่อวันที่ 26 ส.ค.ที่มีน้ำเพียงร้อยละ 29.47 เท่านั้น ส่งผลให้น้ำสูงกว่าเกณฑ์กำหนดบริการจัดการน้ำ ดังนั้น เพื่อให้บริหารจัดการน้ำเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและพร่องน้ำเพื่อเตรียมรับน้ำไหลลงอ่างฯ อีก

จึงจำเป็นต้องระบายน้ำออกจากอ่างเก็บน้ำลำเชียงไกร (ตอนล่าง) ผ่านคลองส่งน้ำสายใหญ่ ฝั่งขวา-ฝั่งซ้าย และคลองระบายน้ำรอบอ่างฯ ลงสู่ลำเชียงไกร อาจส่งผลกระทบในพื้นที่ลุ่มต่ำริมสองฝั่งลำน้ำและพื้นที่ริมตลิ่งอาจจะเกิดน้ำท่วมขังจากการระบายน้ำครั้งนี้ได้

นายกิติกุลกล่าวอีกว่า เรื่องนี้ได้มีการรายงานไปยังปภ.นครราชสีมา เพื่อประกาศแจ้งเตือนประชาชนพื้นที่ริมตลิ่ง 4 อำเภอ ได้แก่ อ.ด่านขุนทด, พระทองคำ, โนนไทย และโนนสูง ให้เตรียมความพร้อมรับมือเหตุสาธารณภัยที่อาจเกิดขึ้น โดยเฉพาะในพื้นที่ต.บัลลังก์, บ้านวัง, ค้างพลู, สำโรง, กำปัง และด่านจาก ของอำเภอโนนไทย, พื้นที่ต.โคกสูง อ.เมืองนครราชสีมา และพื้นที่ต.จันอัด, ด่านคล้า, เมืองปราสาท ของอำเภอโนนสูง

ขอให้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เตรียมเก็บทรัพย์สิน สิ่งของมีค่า และเอกสารสำคัญไว้ในที่ปลอดภัย รวมทั้งจัดเวรยามเฝ้าระวังประจำจุดเสี่ยงต่างๆ เพื่อประเมินสถานการณ์ที่จะส่งผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่ด้วย

ขณะเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานว่าปริมาณน้ำในพื้นที่อ.พิมาย จ.นครราชสีมา ยังคงต้องเฝ้าติดตามสถานการณ์น้ำอย่างต่อเนื่อง หลังอิทธิพลจากร่องมรสุมพาดผ่านตั้งแต่วันที่ 16 ส.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งทำให้มีฝนตกอย่างต่อเนื่องจนส่งผลให้ปริมาณน้ำภายในเขื่อนต่างๆ ของจ.นครราชสีมาเพิ่มสูงขึ้น มวลน้ำล้นจากเขื่อนประกอบกับลำน้ำธรรมชาติที่จะไหลลงไปไปยังพื้นที่อ.พิมาย ซึ่งเป็นพื้นที่รองรับปริมาณน้ำของจ.นครราชสีมาอีกด้วย

ล่าสุดทางโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาทุ่งสัมฤทธิ์ เขื่อนพิมาย ยังคงเปิดประตูเขื่อนทางด้านปากคลองสายใหญ่จำนวน 2 บาน เพื่อระบายน้ำภายในเขื่อนออกลงสู่คลองส่งน้ำชลประทานทางด้านทิศใต้ และเร่งระบายน้ำภายในเขื่อนลงสู่ลำน้ำมูลอย่างต่อเนื่อง เพื่อเตรียมรองรับปริมาณน้ำที่จะไหลเข้ามาสะสมเพิ่มเติมเหนือเขื่อนพิมาย เพื่อป้องกันไม่ให้ปริมาณน้ำล้นตลิ่งไหลเข้าท่วมพื้นที่เขตเทศบาล โบราณสถาน แหล่งเศรษฐกิจต่างๆ ในตัวเมืองชั้นใน

โดยปริมาณน้ำภายในเขื่อนพิมายมีปริมาณน้ำเก็บกักอยู่ที่ 3,610,000 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็น 100.28% ของความจุ จึงจำเป็นต้องเร่งระบายน้ำภายในเขื่อนพิมายออก เพื่อเตรียมรับมวลน้ำก้อนใหญ่ที่จะไหลเข้ามาสะสมในเขื่อนอีกด้วย

นอกจากนี้ เมื่อวันที่ 3 ก.ย.เกิดพายุฝนตกหนักในพื้นที่บ้านแม่หมู หมู่ที่ 8 ต.สบป่อง อ.ปางมะผ้า จ.แม่ฮ่องสอน ตั้งอยู่ห่างจากตัวอำเภอออกไปประมาณ 5-6 ก.ม.เป็นเวลานานนับชั่วโมง

ทำให้เกิดน้ำป่าจำนวนมากจากลำห้วยแม่หมูไหลทะลักลงสู่แม่น้ำลางอย่างรุนแรง กระแสน้ำพัดพาเอาเศษสวะและกิ่งไม้ต้นไม้ลงมาทับถมผิวการจราจรบนทางหลวงแผ่นดิน หมายเลข 1095 จนทำให้การจราจรเป็นอัมพาต รถทุกชนิดไม่สามารถผ่านไปมาได้นานหลายชั่วโมง

หลังจากนั้นพ.ต.อ.ชยเดช ไคยฤทธิ์ ผกก.สภ.ปางมะผ้า พร้อมด้วยพ.ต.ท.จิรณัทย์ วัฒนาวสุพันธุ์ รองผกก.ป. พ.ต.ต.อัครชัย ชมชื่น สวป. ร่วมกับร.ต.ต. พงษ์ธร แก้วบุญเรือง หัวหน้าป้อมยามสบป่อง พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่อส.ชุดกู้ภัย และชาวบ้านได้ระดมช่วยกันนำสิ่งกีดขวางที่ถูกน้ำป่าพัดมาทับถมผิวจราจรเพื่อเปิดการจราจรจนรถทุกชนิดสามารถผ่านไปมาได้ โดยต้องใช้เวลานานนับชั่วโมงเหตุการณ์จึงเข้าสู่ภาวะปกติ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน