ชงครม.ช่วย13จว.แดงเข้ม
1ตค.ฝรั่งทัวร์หัวหินไม่กักตัว
อรัญฯผวาคลัสเตอร์งานศพ

กระทรวงแรงงาน เตรียมชงครม. เคาะจ่ายเงินเยียวยา 2.5 พันบาท รอบสอง ผู้ประกันตน ม.33 พื้นที่13 จังหวัดแดงเข้ม รวมทั้ง ม.39-40 ได้ลุ้นด้วย ป่วยโควิดอีก 15,452 ราย ตาย 224 หลายจังหวัดแนวโน้มลดลง 17 จังหวัด ยอดป่วยลดต่ำกว่า 20 ราย เกิน 100 ราย เหลือ 31 จังหวัด ‘บิ๊กตู่’ดีเดย์กระจายชุดตรวจเอทีเคให้ทั่วประเทศ 15 ก.ย. รมว.การท่องเที่ยวฯ แถลงหนุนแผนเปิดเมืองหัวหิน 1 ต.ค.นี้ ชงศบค.จัดสรรวัคซีนเพิ่มให้ จ.ประจวบฯ 1.1 แสนโดส เตรียมพร้อมรับทัวร์ต่างชาติที่ฉีดวัคซีนครบโดสไม่ต้องกักตัว มุ่งเป้าฟื้นเที่ยว 1.2 พันล้าน สระแก้วผวาคลัสเตอร์งานศพ ป่วยแล้ว 18 ราย เร่งคุมติดเชื้อ

ป่วย 15,452-ตาย 224

เมื่อวันที่ 5 ก.ย. ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) เปิดเผยสถานการณ์ โควิด-19 ประจำวันว่า พบผู้ติดเชื้อใหม่ 15,452 ราย สะสม 1,280,534 ราย หายป่วย 18,257 ราย สูงกว่าติดเชื้อใหม่ หายสะสม 1,115,574 ราย เสียชีวิต 224 ราย สะสม 12,855 ราย อยู่ระหว่างการรักษา 152,105 ราย อยู่ในร.พ. 44,335 ราย ร.พ.สนามและอื่นๆ 107,770 ราย มีอาการหนัก 4,682 ราย และใส่เครื่องช่วยหายใจ 1,008 ราย ภาพรวม ผู้ติดเชื้อวันนี้มาจาก 67 จังหวัดรวมกันสูงสุด 7,500 ราย

กทม.และปริมณฑล 6,557 ราย 4 จังหวัดภาคใต้ 899 ราย เรือนจำ 468 ราย และเดินทางมาจากต่างประเทศมี 28 ราย ได้แก่ สหรัฐอเมริกา อังกฤษ อิสราเอล ประเทศละ 1 ราย กัมพูชา 9 ราย มาเลเซีย 15 ราย เข้ามาช่องทางธรรมชาติทั้งหมด และเมียนมา 1 ราย เข้ามาช่องทางธรรมชาติ

ผู้เสียชีวิต 224 ราย มาจาก 37 จังหวัด ได้แก่ กทม. 35 ราย, ฉะเชิงเทรา 30 ราย, ปทุมธานี 22 ราย, ชลบุรี 20 ราย, สมุทรสาคร 15 ราย, สมุทรปราการ 12 ราย, ตาก 11 ราย, สระบุรี พระนครศรีอยุธยา จังหวัดละ 9 ราย, สุพรรณบุรี 6 ราย, ปัตตานี 5 ราย, กาญจนบุรี ลพบุรี จังหวัดละ 4 ราย, ขอนแก่น อุบลราชธานี ยะลา ตรัง ชุมพร อ่างทอง จังหวัดละ 3 ราย, นครปฐม กำแพงเพชร พิษณุโลก สงขลา ระนอง สระแก้ว จังหวัดละ 2 ราย และบุรีรัมย์ ศรีสะเกษ เลย สุรินทร์ อุตรดิตถ์ สุราษฎร์ธานี ภูเก็ต นครนายก ตราด ราชบุรี สมุทรสงคราม และระยอง จังหวัดละ 1 ราย

ผู้เสียชีวิตเป็นชาย 125 ราย หญิง 99 ราย อายุ 26-94 ปี ค่ากลางอายุ 60 ปี โดยเป็น ผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป 171 ราย คิดเป็น 76% อายุต่ำกว่า 60 ปี มีโรคเรื้อรัง 36 ราย คิดเป็น 16% รวม 2 กลุ่มนี้สูง 92% อายุน้อยกว่า 60 ปีไม่มีโรคเรื้อรัง 17 ราย คิดเป็น 8% พบเสียชีวิตที่บ้าน 1 ราย ที่ฉะเชิงเทรา

สำหรับ 10 จังหวัดที่ติดเชื้อสูงสุด ได้แก่ 1.กทม. 3,906 ราย สะสม 297,773 ราย 2.สมุทรปราการ 988 ราย สะสม 86,216 ราย 3.ชลบุรี 9385 ราย สะสม 66,900 ราย 4.สมุทรสาคร 843 ราย สะสม 78,380 ราย 5.ราชบุรี 741 ราย สะสม 19,851 ราย 6.นนทบุรี 426 ราย สะสม 45,700 ราย 7.ระยอง 402 ราย สะสม 19,977 ราย 8.พระนครศรีอยุธยา 354 ราย สะสม 21,932 ราย 9.ยะลา 353 ราย สะสม 13,006 ราย และ 10.ฉะเชิงเทรา 348 ราย สะสม 24,804 ราย

ฉีดติดเตียง – เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองและสาธารณสุขนำวัคซีนซิโนฟาร์มที่ได้รับพระราชทานจาก ศ.ดร.สมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารีฯ ออกฉีดให้ผู้ป่วยติดเตียง 50 ราย ในอ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ

ฉีดวัคซีนแล้ว 35.5 ล้านโดส

ติดเชื้อระดับ 200 ราย มี 8 จังหวัด ได้แก่ นครราชสีมา 274 ราย, นครปฐม 256 ราย, สระบุรี 252 ราย , ภูเก็ต 240 ราย, ขอนแก่น 236 ราย, ปราจีนบุรี 234 ราย, สงขลา 227 ราย และกาญจนบุรี 206 ราย

ติดเชื้อระดับ 100 ราย มี 13 จังหวัด ได้แก่ สุราษฎร์ธานี 179 ราย, ปัตตานี 176 ราย, ตาก 174 ราย, นครศรีธรรมราช 163 ราย, ลพบุรี 156 ราย, สุรินทร์ 150 ราย, ชุมพร 149 ราย, สระแก้ว 144 ราย, นราธิวาส 143 ราย, ปทุมธานี 138 ราย, เพชรบูรณ์ 136 ราย, ระนอง 135 ราย และจันทบุรี 124 ราย

ขณะที่จังหวัดที่ติดเชื้อน้อยกว่า 20 ราย มี 17 จังหวัด ได้แก่ นครพนม 19 ราย, พะเยา 18 ราย, สิงห์บุรี 16 ราย, มุกดาหาร 16 ราย, หนองบัวลำภู 15 ราย, อุทัยธานี 13 ราย, เลย 12 ราย, น่าน 12 ราย, ชัยนาท 11 ราย, พิจิตร 11 ราย, แพร่ 7 ราย, ลำปาง 6 ราย, ลำพูน 4 ราย, พังงา 4 ราย, บึงกาฬ 3 ราย, แม่ฮ่องสอน 2 ราย และอำนาจเจริญ 1 ราย

ส่วนการฉีดวัคซีนโควิด 19 ข้อมูล วันที่ 4 ก.ย. ฉีดได้ 369,512 โดส สะสม 35,587,676 โดส แบ่งเป็นเข็มแรก 25,104,942 ราย ครบ 2 เข็ม 9,879,371 ราย และเข็มสาม 603,363 ราย

เคาะแจกเยียวยาวันนี้

ด้านนายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน กล่าวถึงความคืบหน้าการโอนเงินช่วยเหลือเยียวยาผู้ประกันตนมาตรา 39 และมาตรา 40 ในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด ใน 29 จังหวัด ที่มีสถานะเป็นผู้ประกันตน 39 และมาตรา 40 โดยสมบูรณ์ (สมัครและชำระเงินสมทบ) ซึ่งผู้ประกันตนทั้ง 2 มาตรานี้ เป็นกลุ่มแรงงานที่ไม่มีนายจ้าง ผลการโอนเงินเยียวยาที่ผ่านมา สำนักงานประกันสังคม (สปส.) รายงานว่าได้โอนเงินเข้าบัญชีพร้อมเพย์เลขบัตรประชาชน ให้ ผู้ประกันตนมาตรา 39 และมาตรา 40 คนละ 5,000 บาท ไปแล้ว 5,848,254 คน โอนสำเร็จ 5,595,813 คน คิดเป็นเงินจำนวน 27,979,065,000 บาท และพบโอนไม่สำเร็จจำนวน 252,441 คน ส่วนใหญ่เกิดจากยังไม่ผูกพร้อมเพย์เลขบัตรประชาชน

น.ส.ลัดดา แซ่ลี้ โฆษกสปส. กล่าวถึงความคืบหน้าการจ่ายเงินเยียวยาให้ผู้ประกันตน มาตรา 33 ในพื้นที่สีแดงเข้ม 13 จังหวัด ในรอบที่ 2 ว่า ภายในวันที่ 7 ก.ย. กระทรวงแรงงานจะนำเรื่องดังกล่าวเสนอเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ครม. เพื่อขอพิจารณาอนุมัติกรอบวงเงินให้กับผู้ประกันตนมาตรา 33 อีกคนละ 2,500 บาท เมื่อรวมกับเงินที่จ่ายงวดแรกไปเมื่อเดือนส.ค. คนละ 2,500 บาท ผู้ประกันตน มาตรา 33 จะได้เงินเยียวยารวมเป็นเงิน 5,000 บาท โดยคาดจะได้รับเงินเยียวยาหลังจากประชุมครม.เสร็จสิ้น หรือภายในเดือนก.ย.แน่นอน

สปส.โอนแล้ว 4.2 หมื่นล.

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า สำหรับความคืบหน้าโครงการเยียวยานายจ้างและ ผู้ประกันตน มาตรา 33 มาตรา 39 และมาตรา 40 ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 ใน 29 จังหวัดล็อกดาวน์นั้น เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา กระทรวงแรงงาน โดยสำนักงานประกันสังคมได้โอนเงินช่วยเหลือผู้ประกันตนและนายจ้าง มาตรา 33 ไปแล้ว 3,459,626 ราย เป็นเงิน 13,357.52 ล้านบาท ในส่วนของผู้ประกันตน มาตรา 39 ยอดการโอนอยู่ที่ 1,351,873 ราย เป็นเงิน 6,759.37 ล้านบาท ส่วนผู้ประกันตน มาตรา 40 โอนพร้อมกัน 29 จังหวัด โอนไปแล้ว 4,496,381 ราย เป็นเงิน 22,481.91 ล้านบาท รวมยอดของประกันสังคมที่ทำการโอนไปแล้วทั้งหมดอยู่ที่ 42,598.79 ล้านบาท

สำหรับมาตรการเยียวยาและการฟื้นฟูเศรษฐกิจในประเทศ ทั้งโครงการคนละครึ่ง เฟส 3 เพิ่มกำลังซื้อในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ โครงการยิ่งใช้ยิ่งได้ และโครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษนั้น ยอดการใช้จ่ายของแต่ละโครงการ ผู้ใช้สิทธิสะสมรวม 38.62 ล้านคน ยอดใช้จ่ายสะสม รวม 72,491.8 ล้านบาท แบ่งเป็น 1.โครงการคนละครึ่ง เฟส 3 มีผู้ใช้สิทธิสะสม 23.96 ล้านคน ยอดใช้จ่ายสะสม 63,206.4 ล้านบาท แบ่งเป็นส่วนที่ประชาชนจ่ายสะสม 32,123.8 ล้านบาท และรัฐร่วมจ่ายสะสม 31,082.6 ล้านบาท

2.โครงการยิ่งใช้ยิ่งได้ มีผู้ใช้สิทธิสะสม 71,692 คน ยอดใช้จ่ายสะสม 1,781 ล้านบาท และยอดใช้จ่ายด้วย e-voucher สะสม 46.2 ล้านบาท 3.โครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ มีผู้ใช้สิทธิสะสม 13.52 ล้านคน ยอดใช้จ่ายสะสม 6,991.5 ล้านบาท 4.โครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษ มีผู้ใช้สิทธิสะสม 1.07 ล้านคน ยอดใช้จ่ายสะสม 466.7 ล้านบาท

คาดต.ค.คนใช้จ่ายเพิ่ม

นายธนกรกล่าวว่า หลังจากผู้ประกอบการเริ่มทยอยเปิดกิจการร้านอาหาร รวมถึงร้านค้าต่างๆ ตามเงื่อนไข COVID-Free Setting ทำให้ประชาชนเชื่อมั่นที่จะออกมาใช้จ่ายมากขึ้นภายใต้การป้องกันตัวเองแบบครอบจักรวาล อย่างระมัดระวังสูงสุด ยอดใช้จ่ายตามมาตรการของรัฐคาดว่าน่าจะยิ่งสูงขึ้นอีกในช่วงเดือนหน้า เนื่องจากการเชื่อมต่อระบบแพลตฟอร์ม เดลิเวอรี่ การ ส่งสินค้า อาหาร และบริการต่างๆ เข้ากับระบบโครงการ “คนละครึ่ง” เฟส 3 และโครงการ “ยิ่งใช้ยิ่งได้” ซึ่งจะเร่งให้เริ่มใช้ได้ในเดือนต.ค.นั้น จะเป็นช่วงเดียวกับการเติมเงินคนละครึ่งรอบที่ 2 อีก 1,500 บาท เข้าแอพฯ เป๋าตัง เบื้องต้นมีผู้ประกอบการ เดลิเวอรี่ ที่คาดว่าจะเข้าร่วมโครงการ เช่น ไลน์แมน ฟู้ดแพนด้า โรบินฮู้ด แกร็บฟู้ด และช้อปปี้ฟู้ด

ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม มีความห่วงใยพี่น้องประชาชนทุกกลุ่ม เน้นย้ำให้ทุกหน่วยงานทุ่มเทอย่างเต็มที่ในทุกๆ ด้าน เพื่อเร่งแก้ไขปัญหาและบรรเทาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน

นายกฯสั่งแจกเอทีเค 15 ก.ย.

น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษก ประจําสํานักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า นายกฯ ได้กำชับกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) และสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เตรียมความพร้อมการกระจายชุดตรวจโควิด-19 ด้วยตัวเอง หรือ แอนติเจน เทสต์ คิต (เอทีเค) ภายหลัง ผอ.องค์การเภสัชกรรม ได้ลงนามสัญญาจัดซื้อจำนวน 8.5 ล้านชุดแล้ว โดยคาดว่าจะเริ่มแจกจ่ายประชาชนกลุ่มเป้าหมายในวันที่ 15 ก.ย.นี้

น.ส.ไตรศุลีกล่าวว่า สปสช.ได้เตรียมการกระจายชุดตรวจเอทีเค ผ่านหน่วยบริการที่อยู่ในระบบหลักประกันสุขภาพใน 2 รูปแบบ คือ 1.แจกให้ชุมชนแออัด รวมทั้งตลาด โดยให้ผู้นำชุมชน ผู้ประสานงาน หรืออาสาสมัครสาธารณสุข (อสส.) และอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) มารับชุดตรวจและกระจายให้กลุ่มเป้าหมาย โดยที่ประชาชนไม่ต้องเดินทางมารับที่หน่วยบริการ 2.แจกที่หน่วยบริการ ได้แก่ ร.พ. และ รพ.สต.ทุกแห่ง รวมถึงคลินิก และร้านขายยาที่เข้าร่วมโครงการ โดยประชาชนขอรับผ่านแอพฯ เป๋าตัง ที่ธนาคารกรุงไทยกำลังพัฒนาระบบอัพเดตแอพฯ เป๋าตัง เพิ่มเมนูรับชุดตรวจโควิด-19 ฟรี

“นายกฯ ขอให้มีการวางแผนการกระจายชุดตรวจเอทีเค อย่างรัดกุม ป้องกันปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นได้ในระหว่างการดำเนินงาน” น.ส.ไตรศุลีกล่าว

น.ส.ไตรศุลี รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า จากที่ขณะนี้ได้มีข้อสงสัยเกี่ยวกับแนวทางการให้วัคซีนแก่ผู้ที่เคยป่วยโควิด-19 ว่าจะต้องดำเนินการอย่างไร หายป่วยแล้วยังต้องรับวัคซีนหรือไม่ หรือหากต้องรับต้องเว้นระยะเวลาตั้งแต่เริ่มป่วยนานเพียงใด ว่า เรื่องนี้ต้องเป็นไปตามแนวทางการให้วัคซีนโควิด-19 ในสถานการณ์การระบาด ปี 2564 ของประเทศไทย ฉบับปรับปรุงครั้งที่ 2 ที่กรมควบคุมโรค (คร.) ออกแนวทางและเผยแพร่ให้บุคลากรทางการแพทย์ที่เกี่ยวข้องกับการให้วัคซีนตั้งแต่เดือนส.ค. ที่ผ่านมาโดยมีแนวทางว่าในกรณีผู้ป่วยโควิด-19 ที่ผู้ที่ยังไม่เคยฉีดวัคซีนมาก่อน หรือฉีดยังไม่ครบ 2 เข็ม หากป่วยเป็นโรคโควิด-19 ให้ฉีดวัคซีนโควิด-19 ชนิดใดก็ได้ เพิ่มอีก 1 เข็ม ภายใน 1-3 เดือนหลังจากเริ่มป่วย คนที่เคยได้ครบ 2 เข็มแล้วไม่ต้องฉีดเพิ่มอีก

ส่วนข้อสงสัยเกี่ยวกับการจัดหาวัคซีนนั้น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม กับ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข ได้มีการตอบข้อซักถาม ข้อกล่าวหาของสมาชิกฝ่ายค้านในทุกประเด็นในช่วงการอภิปรายไม่ไว้วางใจระหว่าง วันที่ 31 ส.ค.-4 ก.ย. 2564 ที่ผ่านมา โดยขั้นตอนการจัดซื้อ องค์การเภสัชกรรม (อภ.) ซึ่งทำหน้าที่เป็นผู้แทนรัฐบาลไทยในการจัดซื้อ

เนื่องจากผู้ผลิตจะทำสัญญากับเฉพาะ ผู้แทนรัฐบาลเท่านั้น อภ.ได้ใช้งบประมาณของอภ.จัดซื้อไปก่อน ประกอบด้วยค่าวัคซีน ค่าจัดส่งและค่าความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนรวมอยู่ด้วย จากนั้น อภ.จะส่งวัคซีนให้กรมควบคุมโรคแล้วเรียกเก็บเงินที่ราคาจริง ที่เป็นค่าวัคซีนรวมค่าจัดส่งและอัตราแลกเปลี่ยนดังกล่าวในแต่ละรอบการจัดส่ง

ดังนั้นจึงไม่มีส่วนต่างใดๆ ที่ตกถึง อภ. ส่วนงบประมาณที่ขอไว้สูงกว่าค่าเฉลี่ยของราคาวัคซีนนั้นก็เป็นเพียงการขออนุมัติกรอบงบประมาณไว้ แต่ในขั้นตอนการจ่ายงบประมาณนั้น คร.จะจ่ายที่ราคาค่าวัคซีนรวมค่าบริหารจัดการตามที่ อภ. เรียกเก็บจริงเท่านั้น จึงไม่ได้มีส่วนต่างที่เข้ากระเป๋าใคร

ทุกเสาร์ศูนย์ม.เกษตรฉีดเข็ม 2

นายธีรภัทร ประยูรสิทธิ ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ได้รับมอบหมายจาก พล.อ.ประยุทธ์ นายกฯให้ ตรวจเยี่ยมศูนย์บริการฉีดวัคซีน KU สู้ COVID-19 ที่อาคารจักรพันธ์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ บางเขน เมื่อวันที่ 4 ก.ย. เวลา 16.00 น. ซึ่งศูนย์ดังกล่าวดำเนินการภายใต้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) โดยการสนับสนุนของ ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ กรุงเทพมหานคร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ รวมทั้งจิตอาสาจากเจ้าหน้าที่ นิสิต และประชาชนจิตอาสา

โดยศูนย์นี้ เป็น 1 ใน 11 ศูนย์ ในพื้นที่ กทม. ได้รับการสนับสนุนจากบุคลากรทางการแพทย์ เปิดให้บริการตั้งแต่เดือนมิ.ย.-ธ.ค. ให้บริการฉีดแก่บุคลากร นิสิต เจ้าหน้าที่ และประชาชนในบริเวณชุมชน ในอัตราวันละประมาณ 10,000 คน การให้บริการที่ผ่านมา ฉีควัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าเข็มที่ 1 ไปแล้ว 115,000 โดส แบ่งสัดส่วนเป็นนิสิตของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และมหาวิทยาลัยใกล้เคียงประมาณ 40% บุคลากร เจ้าหน้าที่ และประชาชนทั่วไป 60% ซึ่งปัจจุบันเริ่มเปิดให้บริการเข็มที่ 2 ในทุกวันเสาร์ ตั้งแต่เวลา 07.00 น. เป็นต้นไปจนครบจำนวนที่ตั้งเป้าหมายไว้

นายธีรภัทรกล่าวว่า ได้มอบปลาสเตอร์ปิดแผลหลังการฉีดวัคซีน จำนวน 40,000 ชิ้น จากภาคเอกชนที่บริจาคผ่านบัญชี “สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเพื่อรับบริจาคสนับสนุนการแก้ไขปัญหา

ภูเก็ตยังป่วยพุ่ง 243

ด้านสถานการณ์โรคโควิดในพื้นที่ต่างๆ วันเดียวกัน ศูนย์ข้อมูลภูเก็ต รายงานสถานการณ์โควิด-19 โดยสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) พบผู้ติดเชื้อใหม่ 240 ราย จากภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ 3 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 4 ราย เป็นชายวัย 85 ปี ชาย 73 ปี ไม่ได้ฉีดวัคซีน หญิง 81 ปี ผู้ป่วยติดเตียง และหญิงอายุ 83 ปี ไม่ได้ฉีดวัคซีน

นายณรงค์ วุ่นซิ้ว ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ลงนามคำสั่ง เรื่องกำหนดมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ชุมชนไทยใหม่ หมู่ 3 ต.เกาะแก้ว อ.เมือง จังหวัดปิดชุมชนชาวไทยใหม่ ม.3 ต.เกาะแก้ว จำนวน 14 วัน

ด้านสสจ.ภูเก็ต รายงานว่า จากการตรวจเชิงรุกในเรือนจำภูเก็ต ผู้ต้องขังแดน 5 ซึ่งเป็นแดนที่มีการเคลื่อนไหวการเข้าออกของนักโทษน้อยมาก โดยร.พ.วชิระภูเก็ตได้ไปตรวจเชิงรุก ด้วยชุดตรวจเอทีเค มีผลเป็น บวกอีก 199 คน จึงต้องซีลพื้นที่เรือนจำภูเก็ต

ส่วนรายงานโครงการภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ ตั้งแต่เดือนก.ค.-ส.ค. มีนักท่องเที่ยวชาว ต่างชาติเดินทางมาท่องเที่ยวในภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์จำนวนทั้งสิ้น 26,400 คน และนักท่องเที่ยวที่มีจำนวนมากที่สุด 5 อันดับแรก ได้แก่ นักท่องเที่ยวชาวสหรัฐอเมริกา 3,482 คน สหราชอาณาจักร 3,351 คน อิสราเอล 2,909 คน เยอรมนี 2,092 คน และฝรั่งเศส 2,083 คน ตามลำดับ

นอกจากนี้ นักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามามีการใช้จ่ายด้านการท่องเที่ยวรวมทั้งสิ้น 1,634 ล้านบาท เป็นการใช้จ่ายด้านที่พัก 565 ล้านบาท การซื้อสินค้าและบริการด้านการท่องเที่ยว 376 ล้านบาท การซื้ออาหารและเครื่องดื่ม 350 ล้านบาท ค่าบริการทางการแพทย์และสุขภาพ 229 ล้านบาท และค่าใช้จ่ายอื่นๆ อีก 114 ล้านบาท ตามลำดับ

ในด้านเศรษฐกิจ การใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวจำนวน 1,634 ล้านบาท ก่อให้เกิด เม็ดเงินที่หล่อเลี้ยงและขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ตลอดจนมีผลช่วยกระจายประโยชน์ด้านเศรษฐกิจสู่ภาคส่วนต่างๆ

กิจกรรมทางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นทั้งหมด ก่อให้เกิดเป็นรายได้คิดเป็นมูลค่าโดยรวมเท่ากับ 3,818 ล้านบาท ส่งผลกระทบด้านเศรษฐกิจคิดเป็นมูลค่าเพิ่มต่อระบบเศรษฐกิจเท่ากับ 1,608 ล้านบาท ก่อให้เกิดผลตอบแทนการจ้างงาน 416 ล้านบาท ทำให้เกิดการจ้างงานเต็มเวลาทั้งปี จำนวน 5,352 คน และภาครัฐเกิดรายได้ในรูปของภาษีในทุกๆ รอบของกิจกรรมทางเศรษฐกิจ 171 ล้านบาท

สระแก้วพบคลัสเตอร์ใหม่

นพ.ประภาส ผูกดวง นพ.สสจ.สระแก้ว กล่าวว่า พบผู้ติดเชื้อใหม่ 154 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 2 ราย เป็นชายชาวกัมพูชา อายุ 59 ปี ที่อยู่ขณะป่วย ตลาดโรงเกลือ อ.อรัญประเทศ และชายไทยอายุ 68 ปี อาชีพค้าขายอยู่อ.ปลวกแดง จ.ระยอง มีภูมิลำเนาอยู่ ต.ตาหลังใน อ.วังน้ำเย็น โดยสถานการณ์ภาพรวมพบว่าติดเชื้อจากการสัมผัสผู้ป่วยยืนยัน 99 ราย ติดจากพื้นที่เสี่ยง 22 ราย คลัสเตอร์ต่างๆ 4 คลัสเตอร์ พบผู้ป่วยยืนยันสูงสุดที่ตลาดโรงเกลือ จำนวน 58 ราย วันนี้พบคลัสเตอร์ใหม่งานศพบ้านโนนสวรรค์ หมู่ 7 ต.หนองสังข์ อ.อรัญประเทศ พบผู้ติดเชื้อ 15 ราย

โดยพบว่าแม่ครัวที่ไปประกอบอาหารในงานศพติดเชื้อ แล้วนำไปกระจายสู่เพื่อนที่ทำอาหารในครัวด้วยกัน รวมไปถึงครอบครัวของเจ้าภาพและผู้สัมผัสร่วมบ้าน โดยพบว่าหลังจากเลิกงานได้ร่วมวงสังสรรค์หมูกระทะและดื่มเหล้าด้วยกัน มีกลุ่มผู้สัมผัสเสี่ยงสูง 35 ราย รวมสะสมคลัสเตอร์นี้ทั้งหมด 18 ราย

ชลบุรียังพุ่ง 938

สสจ.ชลบุรีรายงานว่า พบผู้ติดเชื้อเพิ่ม 938 ราย รวมยอดสะสม 66,902 ราย รักษาตัวอยู่ 14,083 ราย หายป่วย 52,389 ราย เสียชีวิตเพิ่มอีก 4 ราย ยอดสะสมผู้เสียชีวิตเป็น 430 ราย โดยพบการแพร่ระบาดเป็น กลุ่มก้อน จากในสถานประกอบการ 61 แห่ง ตลาด 5 แห่ง แคมป์คนงานก่อสร้าง 10 แห่ง และชุมชน 4 แห่ง ที่พบการติดเชื้อวันนี้ก็มาจากเชื้อภายในครอบครัว 306 ราย จากสถานที่ทำงาน 172 ราย บุคคลใกล้ชิด 24 ราย ร่วมสังสรรค์ 4 ราย

มหาชัยเพิ่มอีก 843-ตาย 17

ด้านสสจ.สมุทรสาคร รายงานว่า พบ ผู้ติดเชื้อใหม่ 843 ราย จากค้นหาเชิงรุก 67 ราย และผู้ติดเชื้อที่มาจากการเข้ารับการตรวจในร.พ.อีก 776 ราย

มหาชัย – บรรยากาศการค้าขายและจับจ่ายใช้สอย ที่ตลาดสดมหาชัย หรือตลาดสุขาภิบาล เทศบาลนครสมุทรสาคร กลับมาคึกคักอีกครั้งหลังผู้ป่วยโควิดในพื้นที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง เมื่อวันที่ 5 ก.ย.

ตลาดกลับมาคึกคัก

ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ตลาดสุขาภิบาล เทศบาลนครสมุทรสาคร หรือตลาดสดมหาชัย จากแผนพลิกฟื้นสมุทรสาคร พบว่าบรรยากาศเริ่มกลับมาคึกคักกันอีกครั้ง โดยแม่ค้าพ่อค้าในตลาดสดมหาชัยก็บอกว่า ช่วงนี้เริ่มกลับมาขายดีขึ้นอีกครั้ง แม้จะยังไม่มากเท่ากับเมื่อก่อน แต่ก็มีผู้มาจับจ่ายซื้อของมากกว่าช่วงที่มีการแพร่ระบาดของเชื้อโควิดอย่างหนัก

ซึ่งโครงการต่อไปที่จะเดินหน้าควบคู่กับแผนพลิกฟื้นสมุทรสาครคือ “ตลาดสุขใจ” ปลอดภัย COVID-19 โดยถ้าตลาดไหนผ่านการประเมินเป็นตลาดดีเด่น จะได้รับมอบโล่รางวัลยกย่อง ขณะที่ในส่วนของร้านค้าในตลาด ถ้าผ่านเกณฑ์ก็จะได้รับป้ายการันตี “ตลาดสุขใจ” สำหรับหลักเกณฑ์ของตลาดสุขใจคือ ต้องมีการตรวจเอทีเค พ่อค้าแม่ค้าในตลาด 100%, ต้องมีการตรวจซ้ำทุก 7-15 วัน, พ่อค้าแม่ค้าได้รับวัคซีน 100%, ตลาดครบถ้วนสุขลักษณะ ได้มาตรฐานกรมอนามัย และมีป้ายบอกราคาชัดเจน เป็นการเรียกความเชื่อมั่นในตลาดสดของสมุทรสาครให้กลับคืนมานั่นเอง

ด้านศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาโควิด-19 จ.กาญจนบุรี รายงานว่า พบผู้ติดเชื้อใหม่จำนวน 124 ราย แยกเป็นในจังหวัด 114 ราย นอกพื้นที่ 14 ราย และในสถานประกอบการ 6 ราย รวมผู้ป่วยสะสมจำนวน 13,542 ราย หายป่วยสะสมจำนวน 8,609 ราย เสียชีวิต 4 ราย เสียชีวิตสะสม 119 ราย

หนุนแผนหัวหินรับทัวร์ต่างชาติ

ที่ห้องประชุมสำนักงานเทศบาลเมืองหัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา เป็นประธานแถลงข่าวความคืบหน้าโครงการหัวหิน รีชาร์จ และแนวทางการเปิดเทศบาลเมืองหัวหินต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติแบบไม่กักตัว โดยมีนายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) นายศิริศักดิ์ ศิริมังคะลา รองผวจ.ประจวบคีรีขันธ์ นพ.สุริยะ คูหะรัตน์ นพ.สสจ.ประจวบฯ นายนพพร วุฒิกุล นายกเทศมนตรีเมืองหัวหิน และนายกรด โรจนเสถียร ประธานโครงการหัวหิน รีชาร์จ ภาคเอกชน ร่วมแถลงผ่านระบบซูม

นายพิพัฒน์กล่าวว่า แผนการเปิดพื้นที่นำร่องรับนักท่องเที่ยวต่างชาติในระยะที่ 2 ที่จะเริ่มวันที่ 1 ต.ค.2564 มี 5 พื้นที่ ได้แก่ กรุงเทพมหานคร จ.เชียงใหม่ จ.ประจวบ คีรีขันธ์ จ.เพชรบุรี และจ.ชลบุรี หลังจากเปิดไปแล้ว 4 พื้นที่ ได้แก่ ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ จ.ภูเก็ต เกาะสมุย เกาะพะงัน และเกาะเต่า จ.สุราษฎร์ธานี เกาะพีพี เกาะไหง ไร่เลย์ จ.กระบี่ และเกาะยาวน้อย เกาะยาวใหญ่ เขาหลัก จ.พังงา

ซึ่งกระทรวงการท่องเที่ยวฯ พร้อมสนับสนุน โดยเฉพาะการนำเสนอแผนการท่องเที่ยวของแต่ละพื้นที่ให้ศบค.พิจารณา เพื่อจัดสรรวัคซีนมาให้กับจังหวัดเพิ่มเติมเพื่อฉีดให้ครอบคลุมประชากรตามเป้าหมาย โดยเฉพาะพื้นที่จ.ประจวบฯ และเพชรบุรี เห็นว่าควรจะมีประชาชนได้รับวัคซีนในภาพรวมของแต่ละจังหวัดไม่น้อยกว่าร้อยละ 70

นพ.สุริยะกล่าวว่า ภายในเดือนก.ย. ประชาชนในอ.หัวหินจะได้รับวัคซีน โควิด-19 ครบ 2 เข็ม เกินกว่าร้อยละ 70 ของประชากรที่มีทั้งหมด 90,564 คน ซึ่งเป็นไปตามเป้าหมายของโครงการหัวหิน รีชาร์จ และหากได้รับการสนับสนุนวัคซีนเพิ่มอีก 110,000 โดส จะทำให้มีประชาชนได้รับวัคซีนครบ 2 เข็ม ครอบคลุมร้อยละ 70 ของประชากรทั้งจังหวัด ส่งผลดีในการสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ได้เร็วยิ่งขึ้น ขณะเดียวกัน สสจ.ได้รณรงค์ให้ผู้ประกอบการร่วมกันสร้างมาตรฐาน SHA และ SHA+ เพื่อรองรับการเปิดเมืองท่องเที่ยว จะเป็นสิ่งที่ช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักท่องเที่ยวและประชาชนในพื้นที่ได้

เที่ยวเกาะ – นักท่องเที่ยวจำนวนมากเดินทางมาพักผ่อนวันหยุดที่เกาะช้าง จ.ตราด บรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก ขณะที่อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะช้าง เปิดพื้นที่ให้เข้าเที่ยวชมได้ 5 จุด เมื่อวันที่ 5 ก.ย.

5 แผนเที่ยวปลอดภัย

นายยุทธศักดิ์กล่าวว่า ททท.จะประเมินความพร้อมของแต่ละพื้นที่ในการเปิดเมืองรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยเฉพาะการฉีดวัคซีนโควิดให้คนในพื้นที่อย่างน้อยร้อยละ 70 โดยให้ยึดขั้นตอนปฏิบัติมาตรฐานของ ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์เป็นเกณฑ์หลัก

โดยจากการหารือร่วมกับภาคเอกชนในพื้นที่นำร่องเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติอีก 5 จังหวัดในระยะที่ 2 นั้น ภาคเอกชนส่วนใหญ่มีความพร้อมและยืนยันในการเดินหน้าเปิดให้ได้ภายในวันที่ 1 ต.ค.ตามที่กำหนดไว้ ซึ่งททท.ยืนยันที่จะพยายามผลักดันให้เปิดให้ได้ตามแผนที่วางไว้เช่นเดียวกัน โดยรายละเอียดแผนการดำเนินงานอยู่ระหว่างการจัดทำ

ในส่วนของจ.ประจวบฯ มีแนวทางการจัดการพื้นที่ปลอดภัยเพื่อการท่องเที่ยว 5 แผน ได้แก่ แผนการกระจายวัคซีนและสุขอนามัยเพื่อความปลอดภัยของคนในพื้นที่ แผนพัฒนาเมืองระยะสั้น กลาง และยาว เพื่อตอบสนองความต้องการของนักท่องเที่ยวยุคใหม่ แผนการตลาดและการสื่อการตลาด แผนเผชิญเหตุและแผนบริหารความเสี่ยง และแผนการสร้างความเข้าใจให้คนในพื้นที่และนอกพื้นที่ยอมรับการเปิดเมือง

ด้านนายกรดกล่าวว่า พื้นที่หัวหินถือเป็นพื้นที่นำร่องของจ.ประจวบฯ ในการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติให้เดินทางท่องเที่ยวในพื้นที่ควบคุม 2 ตำบล ซึ่งอยู่ในต.หัวหิน และต.หนองแก พื้นที่ 86.36 ตารางกิโลเมตร

นักท่องเที่ยวต่างชาติที่จะเดินทางมาต้องมีใบรับรองการเดินทางเข้าประเทศไทย มีเอกสารรับรองการฉีดวัคซีนจากประเทศต้นทาง ได้รับวัคซีนโควิดครบโดสแล้วอย่างน้อย 14 วันก่อนการเดินทางแต่ไม่เกิน 1 ปี ต้องผ่านการตรวจหาเชื้อด้วยวิธีอาร์ที-พีซีอาร์เมื่อมาถึงสนามบิน เดินทางด้วยยานพาหนะที่ได้มาตรฐาน SHA และ SHA+ เข้าพักในโรงแรมที่พักที่ได้มาตรฐาน SHA และ SHA+ โดยรอผลตรวจในห้องพัก

หากผลเป็นลบก็เดินทางท่องเที่ยวในเขตเทศบาลเมืองหัวหินได้ หากประสงค์จะเดินทางออกนอกเขตพื้นที่ต้องอยู่พำนักในเขตเทศบาลเมืองหัวหินอย่างน้อย 14 วันและผ่านการตรวจหาเชื้อด้วยวิธี อาร์ที-ซีพีอาร์ ในวันที่ 6-7 และวันที่ 12-13 โดยต้องมีผลตรวจเป็นลบ

นอกจากนี้ ได้ส่งเสริมให้ผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวร่วมกันสร้างกิจกรรมใหม่ๆ เพื่อเป็นจุดขายดึงดูดนักท่องเที่ยวตลอดระยะเวลาที่เดินทางมา มั่นใจว่าหากเปิดเมืองหัวหินได้ในวันที่ 1 ต.ค.นี้จะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามา 1 แสนคน สร้างรายได้จากการท่องเที่ยว 1,200 ล้านบาท

รอไม่ไหว – นายปัญญา ยิ้มกลิ่ม อายุ 40 ปี ผู้ป่วยโควิดรอรับตัวไปรักษานาน 5 วันแล้วเกิดเกาต์กำเริบปวดจนทนไม่ไหว ขี่รถจยย.ออกมาขอความช่วยเหลืออาสามูลนิธิ ร่วมกตัญญูช่วยนำส่งโรงพยาบาล ที่แยกติวานนท์ จ.นนทบุรี เมื่อวันที่ 5 ก.ย.

หนุ่มป่วยขี่จยย.ขอกู้ภัยช่วย

ที่จุดแยกติวานนท์ จ.นนทบุรี นายปัญญา ยิ้มกลิ่ม อายุ 40 ปี ได้ขี่รถจักรยานยนต์ ยามาฮ่า แอร็อกซ์ สีเขียว-ฟ้า เข้ามาขอความช่วยเหลือ นายกิตติวัฒน์ ศาสตร์มูล อาสามูลนิธิร่วมกตัญญู โดยบอกว่า ป่วยโควิด รอร.พ.มารับตัวไปรักษา 5 วันแล้ว แต่ยังไม่มีหน่วยงานไหนติดต่อกลับมา ซ้ำมีอาการป่วยเกาต์กำเริบ นายกิตติวัฒน์ อาสามูลนิธิ จึงได้ไปประสานไปยังกู้ชีพ ร.พ.พระนั่งเกล้า นำรถพยาบาลมารับตัว นายปัญญาไปรักษายังร.พ.สนามแล้ว

เวิลด์เมดิคอลรับตรวจโควิด

ด้านร.พ.เวิลด์เมดิคอล ถนนแจ้งวัฒนะ ในเครือ บริษัท บางกอก เชน ฮอสปิทอล จำกัด (มหาชน) แจ้งว่า ทางร.พ.เปิดให้บริการตรวจหาเชื้อโควิด-19 แบบ อาร์ที-พีซีอาร์ โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ทุกวันตั้งแต่เวลา 08.00-17.00 น. สำหรับผู้ที่มีผลตรวจเอทีเค เป็นบวก หรือ เป็นบุคคลที่เข้าเกณฑ์กลุ่มเสี่ยงตามแนวทางที่กรมควบคุมโรค สธ.กำหนด โดยจะทราบผลตรวจภายใน 24 ชั่วโมง หากผลตรวจอาร์ที-พีซีอาร์ ยืนยันการติดเชื้อ จะรับเข้ารักษาที่ ร.พ. และฮอสพิเทล ที่อยู่ภายใต้การดูแลของร.พ. โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายเช่นเดียวกัน แต่ขอสงวนสิทธิ์ไม่รับตรวจ โควิด-19 สตรีมีครรภ์ทุกกรณี สอบถามข้อมูลได้ที่ โทร.0-2836-9999

เที่ยวเกาะ – นักท่องเที่ยวเดินทางมาพักผ่อนวันหยุดที่เกาะช้าง จ.ตราด บรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก ขณะที่อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะช้าง เปิดพื้นที่ให้เข้าเที่ยวชมได้ 5 จุด เมื่อวันที่ 5 ก.ย.

เกาะช้างเข้ม-เปิดรับนักท่องเที่ยว

เมื่อวันที่ 5 ก.ย. นายมานพ สามัญ หัวหน้าฝ่ายบริการ อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะช้าง จ.ตราด กล่าวว่า ได้มีการเปิดรับนักท่องเที่ยวตั้งแต่ 1 ก.ย. เป็นต้นมา โดยเปิด 5 พื้นที่คือ น้ำตกธารมะยม,น้ำตกคลองพลู, เกาะรัง (ดำน้ำดูประการัง), จุดชมวิวไก่เเบ้ และ เกาะง่าม ให้นักท่องเที่ยวเข้าแบบจำกัดจำนวน นักท่องเที่ยวต้องปฏิบัติตัวตามมาตรการด้านสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด ซึ่งยังมีนักท่องเที่ยวไม่มากนัก คาดว่าเดือนหน้าจะมีนักท่องเที่ยวมากขึ้น ทั้งนี้อยากแจ้งเตือนนักท่องเที่ยวว่าในช่วงนี้ที่เกาะช้างมีฝนตกลงมาอย่างต่อเนื่อง อาจเกิดน้ำป่าไหลหลากได้ให้นักท่องเที่ยวระวังตัว พื้นที่ได้มีการเตรียมชุดกู้ภัยไว้ช่วยเหลือนักท่องเที่ยวด้วย

ด้านที่ จ.นครราชสีมา นายอดิศักดิ์ ภูสิทธิ์วงศานุยุต หัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ กล่าวว่า ขณะนี้ที่ อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ มีนักท่องเที่ยวเดินทางมามากผิดปกติ ทั้งประตูทางเข้าฝั่ง จ.นครราชสีมา และฝั่ง จ.ปราจีนบุรี เพื่อเข้ามาสัมผัสธรรมชาติช่วงหน้าฝน ทำให้เกิดรถติดในช่วงเช้า ทั้งนี้จนท.ยังต้องคุมเข้มมาตรการการควบคุมโรคโควิด 19 อย่างเข้มงวด และไม่ให้นักท่องเที่ยวมากเกินไปจนรบกวนสัตว์ในพื้นที่ จนก่อในเกิดอันตรายได้

“ซึ่งที่บริเวณผาตรอมใจ จุดที่นักท่องเที่ยวพบหมีควายมากินไข่เจียวของร้านค้าจนท.ต้องจำกัดจำนวนคนเข้า ซึ่งได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดี ทั้งยังมีนักท่องเที่ยวพบช้างป่าโขลงใหญ่ เกือบ 20 ตัว ออกมาอวดโฉมให้นักท่องเที่ยวได้ชมบนถนน บริเวณฝั่งขาลง จ.ปราจีนบุรี โดยมีเจ้าหน้าที่ชุดเฝ้าระวังผลักดันช้างป่าของอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ คอยเฝ้าระวังดูแลความปลอดภัยให้นักท่องเที่ยวตลอดเวลา” นายอดิศักดิ์กล่าว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน