เต้น-ลายจุดจัดต่อเนื่อง
กดดันหนัก-ไล่ประยุทธ์

ชุมนุมแยกอโศกคึกคัก ‘ณัฐวุฒิ’นำ ‘คาร์ม็อบรีเทิร์น’เคลื่อนจากแยกราชประสงค์วนไปสมทบกลุ่ม ‘ลายจุด’ กับ ‘ลูกนัท’ ตั้งป้อมค่ายฐานที่มั่น ชุมนุม ทุกเย็น ไม่ค้างคืน เปิดตลาดนัดทางการเมือง ลักษณะม็อบเฟสต์ ฟรีไมค์ ส่วนใครไม่พร้อมลงถนนก็ขอให้ไปร่วมคาร์ม็อบ สะสมกำลังกดดันไล่ ‘ประยุทธ์’ ขณะที่ตร.ส่งฟ้องอัยการ เอาผิด ‘ทราย-สมยศ’ กับพวกรวม 5 คน คดี 112-116 กรณีชุมนุมหน้ากรมทหารราบที่ 11

คดีชุมนุม – นพ.ทศพร เสรีรักษ์ พร้อมกลุ่มไทยไม่ทน และกลุ่มการ์ดวีโว่ รวม 7 คน เข้าพบพนักงานสอบสวน สน.ลุมพินี เมื่อวันที่ 6 ก.ย. เพื่อรับทราบข้อกล่าวหาตามหมายเรียก จากกรณีจัดการชุมนุมที่แยกราชประสงค์เมื่อวันที่ 15 ส.ค.ที่ผ่านมา

เมื่อวันที่ 6 ก.ย. ที่สำนักงานอัยการสูงสุด พนักงานสอบสวน สน.บางเขน นำสำนวนพร้อมความเห็นสมควรสั่งฟ้อง 8 ผู้ต้องหาในความผิดฐานร่วมกันดูหมิ่นสถาบันฯ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112, ยุยงปลุกปั่น ตามมาตรา 116, มั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้น ไปใช้กำลังประทุษร้าย ขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้าย หรือกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใด ให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง และข้อหาอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง จากกรณีชุมนุมเมื่อวันที่ 29 พ.ย.2563 ที่หน้ากรมทหารราบที่ 11 มหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์

สำหรับผู้ต้องหาทั้ง 8 คน ประกอบด้วย นายอานนท์ นำภา, นายพริษฐ์ หรือเพนกวิน ชิวารักษ์, นายชินวัตร หรือไบร์ท จันทร์กระจ่าง, นายสมยศ พฤกษาเกษมสุข, นายพรหมศร หรือฟ้า วีระธรรมจารี, น.ส.พิมพ์สิริ เพชรน้ำรอบ, น.ส.ณัฏฐธิดา หรือแหวน มีวังปลา และน.ส.อินทิรา หรือทราย เจริญปุระ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันนี้มีน.ส.อินทิรา, นายสมยศ กับพวกรวม 5 คน มารายงานตัวกับอัยการ ส่วนนายพริษฐ์ นายอานนท์ และนายพรหมศร ยังถูกควบคุมอยู่ในเรือนจำ ภายหลังรายงานตัวเสร็จแล้ว อัยการนัดฟังคำสั่งคดีวันที่ 27 ก.ย.

ที่สน.ลุมพินี นพ.ทศพร เสรีรักษ์ พร้อมกลุ่มไทยไม่ทน และการ์ดวีโว่ รวม 7 คน เข้าพบพนักงานสอบสวน เพื่อรับทราบข้อกล่าวหา หากรณีชุมนุมแยกราชประสงค์เมื่อวันที่ 15 ส.ค.2564 โดยมีผู้ถูกตำรวจออกหมายเรียกทั้งหมด 9 คน ประกอบด้วย นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ, นพ.ทศพร, นายวีรวิชญ์ รุ่งเรืองศิริผล, นายณัฐพงศ์ คำจันทร์, นายอภิวัชร์ สุขแสวง, นายทีระพันธ์ บุรณสวรรค์, น.ส.เงินตรา คำแสน, น.ส.ชลธิชา ปราชญานุสรณ์ และนายต่อพงษ์ ดรุณพงษ์ โดยนายณัฐวุฒิ และน.ส.เงินตรา ขอเลื่อนไปก่อน ส่วน 7 คนให้การปฏิเสธ จากนั้นพนักงานสอบสวนปล่อยตัวไป เนื่องจาก มาพบตามหมายเรียก

ส่วนที่แยกอโศกมนตรี กทม. ตามที่นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำเครือข่ายไล่ประยุทธ์ และนายสมบัติ บุญงามอนงค์ หรือ บก.ลายจุด นัดชุมนุมขับไล่ พล.อ.ประยุทธ์ ปรากฏว่าตั้งแต่เวลา 15.30 น. เริ่มมีประชาชนมารวมตัวกันทำกิจกรรม นำสินค้าต่างๆ วางจำหน่ายบนทางเดินเท้า อาทิ หมวกสกรีนลายสนับสนุนประชาธิปไตย และธงสัญลักษณ์กลุ่ม เช่น กลุ่มทะลุแก๊ส อีกทั้งกลุ่มศิลปินเพื่อราษฎร นำโดยนายโชคดี โชคร่มพฤกษ์ หรืออาเล็ก เล่นดนตรีขับกล่อม พร้อมทั้งตั้งเวทีขนาดเล็กบนผิวจราจรหัวมุมถนนอโศกมนตรี

หมดตัวแล้ว – นายสมบัติ บุญงามอนงค์ พร้อมเครือข่ายไล่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ถอดเสื้อชู 3 นิ้วขึ้นเวทีแยกอโศกมนตรี เพื่อสื่อว่ายุคสืบทอดอำนาจ รัฐบาลบริหารประเทศทำประชาชนอดอยาก จนแทบไม่เหลืออะไรแล้ว เมื่อวันที่ 6 ก.ย.

เวลา 15.55 น. นายสมบัติเดินทางถึงแยกอโศก และในเวลาไล่เลี่ยกันนายธนัตถ์ ธนากิจอำนวย หรือลูกนัท ก็มาถึงเช่นกัน จากนั้นทั้งคู่ร่วมกันให้สัมภาษณ์ โดยนายสมบัติกล่าวว่าเป็นวันทดสอบความเป็นไปได้ในการตั้งป้อมค่ายที่แยกอโศก นับจากนี้จะทดสอบราว 1 สัปดาห์ว่าจะสำเร็จหรือไม่ ยืนยันว่าจะไม่ ค้างคืน คำว่าปัอมค่ายในที่นี้หมายถึงฐานที่มั่น โดยให้เป็นจุดที่ทราบกันว่าจะมีกิจกรรมโดยไม่ต้องนัดหมายในลักษณะเดียวกับแยกดินแดง ซึ่งในวันธรรมดาอาจเป็นกิจกรรมไม่ใหญ่ เน้นวันเสาร์-อาทิตย์

นายสมบัติกล่าวว่าวันที่ 7 ก.ย. จะชวนกลุ่มฮาร์เลย์ฯ มาเข้าร่วม ไม่เน้นความเร็ว เพราะต้องคำนึงความปลอดภัย แต่เน้นที่การเบิ้ลเสียง เช่นเดียวกับการบีบแตรรถยนต์ ซึ่งในบริบทสังคมไทย เสียงแตรเป็นเสียงที่คนไม่ค่อยชอบ แต่ปัจจุบันมีความหมายทางการเมือง เป็นสิ่งที่น่ารับฟัง ดังนั้น จึงต้องการขยายจากเสียงแตรเป็นเสียงเบิ้ลรถจักรยานยนต์

“ขอให้รอดูหลังจากนี้ การตั้งป้อมค่าย ประชาชนจะตัดสินว่าอยู่ต่อได้หรือไม่ โดยจะไม่ค้างคืน แต่มีต่อเนื่องทุกวัน วันละ 3 ชั่วโมง การตั้งถาวรจะเหนื่อยล้า เป็นจุดอ่อนในการชุมนุมต่อสู้ทางการเมือง และกิจกรรมนี้มีลักษณะตลาดนัดทางการเมือง ผู้จัดไม่มีกิจกรรมซับซ้อน ขึ้นอยู่กับกลุ่มการเมืองที่จะเข้าร่วม ขอเรียกร้องให้กลุ่มต่างๆ นำกิจกรรมมาจัดที่แยกอโศก” นายสมบัติกล่าว

นายสมบัติกล่าวต่อว่าส่วนพรรคการเมืองนั้น หากต้องการร่วมก็ยินดี ที่ผ่านมามี นางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล ส.ส.พรรคก้าวไกล มาร่วมกิจกรรม แต่อาจไม่ใช่ในนามพรรค สำหรับ นายอันวาร์ สาและ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ที่โหวตสวนมติพรรค ยินดีต้อนรับหากมาร่วมกิจกรรม ตนมีบทบาทในฐานะคนดูเวที เราแบ่งหน้าที่กันชัดเจน ตนกับนายธนัตถ์ดูเวทีแยกอโศก นายณัฐวุฒิประสานผู้ที่เคยร่วมคาร์ม็อบให้ร่วมขบวนจากราชประสงค์มาแยกอโศก เป็นการเปิดเงื่อนไขให้ผู้พร้อมลงถนน และไม่พร้อมลงถนนจากสถานการณ์โควิด ก็ร่วมกิจกรรมด้วยกันได้ในลักษณะคาร์ม็อบ โดยที่แยกอโศกจะเป็น ม็อบเฟสต์ ฟรีไมค์ ตลาดนัดการเมืองทุกวัน กิจกรรมจะจบไม่เกิน 20.00 น.

สมทบ – นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ นำมวลชนคาร์ม็อบขับเคลื่อนพลจากแยกราชประสงค์ ไปสมทบกับม็อบที่ปักหลักชุมนุมขับไล่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่แยกอโศกมนตรี พร้อมกับขึ้นปราศรัยในช่วงค่ำ เมื่อวันที่ 6 ก.ย.

ขณะเดียวกัน ที่แยกราชประสงค์ นายณัฐวุฒิเตรียมนำคาร์ม็อบเคลื่อนไปสมทบที่แยกอโศกมนตรี และให้สัมภาษณ์ก่อนเคลื่อนขบวนว่าพยายามผสานจุดแข็งของคาร์ม็อบ ที่พาคนข้ามพ้นข้อจำกัดเรื่องโควิดได้ ซึ่งโควิดยังเป็นประเด็นสำคัญในการเข้าร่วม จากนี้จะสร้างโมเดลใหม่ เคลื่อนขบวนไปที่แยกอโศก เพื่อดูว่าคาร์ม็อบและคนม็อบ เป็นการผสมศึกใช้อโศกเป็นฐานที่มั่น ภายในสัปดาห์นี้จะได้เห็นรูปแบบที่แน่ชัด

“สถานการณ์ยังไม่เอื้อให้ปักหลักเหมือน 10 กว่าปีที่แล้ว ที่การชุมนุมเกิดขึ้นต่อเนื่อง ตั้งแต่พันธมิตรถึงกปปส. คนส่วนใหญ่ไม่ต้องการชุมนุมยืดเยื้อยาวนาน ประกอบกับพลังในส่วนภูมิภาคยังไม่สามารถมาร่วมการชุมนุมในกทม.ได้ ถ้าอยู่ 3-4 ชั่วโมงแล้วกลับ เขาลำบาก เพราะขาดความต่อเนื่อง แต่ด้วยโควิด แม้ผมอยากออกไปหาพี่น้องในต่างจังหวัดก็ยังลำบาก รัฐมีวิธี เราก็มียุทธวิธี ที่เคลื่อนไหวให้ได้ภายใต้ข้อจำกัด เราใช้อโศกเป็นฐานที่มั่น เพื่อสะสมกำลัง แสดงพลังกดดันพล.อ.ประยุทธ์ อย่างแน่นอน แต่ในช่วงนี้ต้องให้ประชาชนได้เข้าใจรูปแบบการชุมนุม และการมีส่วนร่วม” นายณัฐวุฒิกล่าว

นายณัฐวุฒิกล่าวต่อว่าหลังจากนี้จะกำหนดแนวทางใหม่ เพื่อดูทั้งในเชิงปริมาณและเชิงคุณภาพ พล.อ.ประยุทธ์ใจเย็นๆ เราได้เจอกันแน่ ตอนนี้ประชาชนสู้ 2 เรื่อง คือสู้กับอำนาจรัฐ และสู้กับโควิด สิ่งที่ต้องทำคือแสดงความุ่งมั่น ใช้ความคิดในการพัฒนารูปแบบ ซึ่ง 2 ครั้งที่ผ่านมา เรามาถูกทางและพอใจ เพียงแต่ก่อนถึงนัดหมายสำคัญ ต้องทำให้แต่ละกลุ่มมีพื้นที่แสดงออก เข้ามาเป็นเจ้าของการต่อสู้ร่วมกัน ให้ทุกคนจะเข้าใจว่าการมาแยกอโศกคือการแสดงเจตนารมณ์มุ่งมั่น

แกนนำเครือข่ายไล่ประยุทธ์กล่าวอีกว่าส่วนเยาวชนทะลุแก๊ซนั้น มีความห่วงใย ความปลอดภัยของประชาชนที่อยู่ละแวกนั้น รวมถึงเจ้าหน้าที่ด้วย เราเคารพแนวทาง อยากฝากถึงเจ้าหน้าที่ว่าเยาวชนเหล่านั้นจำนวนไม่น้อยคือคนที่มีบาดแผลชีวิตจากโควิด หลายคนสูญเสียคนในครอบครัวจากโควิด บางคนตกงาน สิ้นเนื้อประดาตัว ต้นทุนต่ำอยู่แล้วก็ติดลบ มองไม่เห็นหนทางลืมตาอ้าปาก ความคับแค้นเหล่านี้ บางคนอาจเลือกแสดงออก ต่างกัน รัฐต้องใช้ความอดทนอดกลั้นให้มาก พวกตนยึดแนวทางสันติวิธี และเสนอแนวทาง นี้กับทุกกลุ่ม รวมถึงเรียกร้องเจ้าหน้าที่รัฐด้วย การใช้อารมณ์ โทสะ การใช้กฎหมายถึงขั้นกลั่นแกล้งกัน ขอให้ระมัดระวัง

“การยิงเยาวชนที่สน.ดินแดง ความจริงก็ยังไม่ปรากฏต่อสาธารณชน การเอาความจริงมาเปิดเผย จะแสดงความจริงใจของประชาชน และลดความขัดแย้งได้ ส่วนเรายึดแยกอโศก ประสานงานเจ้าหน้าที่ ลดเงื่อนไขการปะทะทุกกรณี ดูกันไป 2-3 วันประเมินที แล้ว นัดใหญ่” นายณัฐวุฒิกล่าว

จากนั้นนายณัฐวุฒิเดินไปขึ้นรถกระบะ นำเคลื่อนขบวนคาร์ม็อบจากแยกราชประสงค์ เลี้ยวซ้ายเข้าถนนเพลินจิต ผ่านถนนสุขุมวิท โดยผู้ร่วมขบวนเปิดไฟกะพริบ และบีบแตรตลอดทาง นำขบวนโดยรถจักรยานยนต์ ต่อด้วยรถยนต์ เมื่อขบวนถึงแยกอโศกมนตรี ผู้ชุมนุมบีบแตรลากยาว ขณะที่ผู้ชุมนุมซึ่งปักหลักหน้าเวทีใหญ่แยกอโศก ชู 3 นิ้วส่งกำลังใจ ก่อนที่ขบวนคาร์ม็อบของนายณัฐวุฒิ มุ่งหน้าต่อบนถนนสุขุมวิท ผ่านสถานีรถไฟฟ้า พร้อมพงษ์ ก่อนกลับรถหน้าห้างเอ็มควอเทียร์

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างทางมีการเปิดเพลงเราคือเพื่อนกันของวงสามัญชน สร้างสีสันขณะเคลื่อนขบวน ต่อมาเวลา 16.58 น. หัวขบวนผ่านแยกอโศกรอบที่ 2 ผู้ชุมนุมยังคงยืนปักหลักชู 3 นิ้ว ก่อนเคลื่อนบนถนนสุขุมวิทอีกครั้ง โดยนายณัฐวุฒิระบุว่าจะขับวนบนถนนสุขุมวิท ผ่านแยกอโศก 2-3 รอบ เพื่อเป็นการเปิดเส้นทางให้ผู้ชุมนุมขับรถมารวมตัวโดยไม่มีแกนนำในลักษณะเดียวกันนี้ เวลา 16.00 น.ของวันต่อๆ ไป

ไม่เห็นหัว – กลุ่มนักเรียนเลวทำกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์ แขวนตัวจากสะพานลอย ประท้วงการเรียนการสอนออนไลน์ที่ไม่เห็นหัวเด็กนักเรียน ระบุมีเด็กถึง 1.8 ล้านคนที่กำลังหลุดจากระบบการศึกษา ที่แยกอโศก เมื่อวันที่ 6 ก.ย.

ต่อมาเวลา 18.20 น. ที่สกายวอล์กอโศก ตัวแทนกลุ่มนักเรียนเลวสวมชุดนักเรียนหญิงจัดแสดงสัญลักษณ์ โดยใช้เชือกลักษณะคล้ายแขวนคอและลำตัวก่อนทิ้งร่างห้อยลงมา โดยมีทีมงานคอยช่วยพยุงเชือกไว้ ก่อนใช้สีแดงราดตามลำตัว ทำทีคล้ายเลือดไหลออกจากปากจนเสียชีวิต ข้างกายมีแผ่นป้ายไวนิลแขวนระบุข้อความว่า “เด็ก 1.8 ล้านคน กำลังหลุดจากระบบการศึกษา เพราะการเรียนออนไลน์ที่ไม่เห็นหัวเด็ก” สร้างความสนใจแก่ผู้ร่วมชุมนุมและผู้พบเห็นเป็นจำนวนมาก

ขณะที่บรรยากาศบนเวทีปราศรัยนั้น หลังจากคาร์ม็อบเคลื่อนมาสมทบ นายณัฐวุฒิขึ้นเวทีปราศรัยสรุปว่าขอให้แยกอโศกมนตรีเป็นพื้นที่ปักหลักการชุมนุมเพื่อเรียกร้องและ ขับไล่พล.อ.ประยุทธ์ โดยจะนัดหมายชุมนุมใหญ่ กันอีกครั้ง จากนี้ไปขอให้เป็นที่ทราบและเข้าใจตรงกันว่าในเวลา 16.00 น.ของทุกวัน เรามีนัดหมายกันที่แยกอโศกมนตรี เพื่อแสดงเจตนารมณ์ขับไล่พล.อ.ประยุทธ์ พร้อมจัดเป็นเวทีสาธารณะ เป็นเวทีกลางให้ประชาชนแสดงออก และมีส่วนร่วมในการเป็นเจ้าของการต่อสู้ ได้เสนอรูปแบบกิจกรรมโดยตน พร้อมนายสมบัติ และไฮโซลูกนัท จะมาที่นี่ทุกวัน

ส่วนนายสมบัติกล่าวว่าวันที่ 7 ก.ย. เวลา 16.00 น. ขอเชิญชวนกลุ่มชาวสองล้อ ไม่ว่าจะเป็นจักรยานยนต์ ทั้งแบบหญิงและชาย ทั้งฮาร์เลย์เดวิดสัน แบบ 2 และ 4 จังหวะ ให้มาเจอกันที่แยกอโศกมนตรี แล้วเคลื่อนขบวนอีกครั้ง ขับวนบริเวณนี้เช่นเดียวกับคาร์ม็อบวันนี้ สำหรับรถยนต์ที่อยากร่วม ตนไม่ขวาง ขอเชิญชวนมาร่วมด้วย และหลังจากวันที่ 7 ก.ย. เป็นต้นไป ขอให้เป็นที่นัดหมายว่าวันถัดไปมาพบกันที่แยกอโศกฯ ก่อนประกาศยุติชุมนุมในทันที

ชาร์จจับ – เจ้าหน้าที่ตำรวจคฝ.ใช้ชุดเคลื่อนที่เร็วเข้าชาร์จจับกุมผู้ชุมนุมบริเวณแยกดินแดง หลังจากเกิดการปะทะกัน จนมีการยิงแก๊สน้ำตาเข้าใส่เพื่อสลายม็อบ ขณะที่กลุ่มผู้ชุมนุมก็ตอบโต้ด้วยการจุดพลุไฟและประทัดยักษ์ เมื่อค่ำวันที่ 6 ก.ย.

ด้านสถานการณ์แยกสามเหลี่ยมดินแดง เวลา 18.00 น. เริ่มมีกลุ่มมวลชนวัยรุ่นขี่รถจักรยานยนต์ทยอยมารวมตัวตามกำหนดนัดหมายของกลุ่มทะลุแก๊ส จนกระทั่งเมื่อมีมวลชนเพิ่มมากขึ้นจึงเคลื่อนตัวมายังหน้า กรมดุริยางค์ทหารบก ริมถนนวิภาวดีรังสิต ขณะที่เจ้าหน้าที่คฝ.ยิงแก๊สน้ำตาตอบโต้จนกลุ่มวัยรุ่นแตกฮือวิ่งหนี

ต่อมาเวลา 19.00 น. เจ้าหน้าที่ประกาศแจ้งเตือนให้หยุดการกระทำ เนื่องจากมีความผิดตามพ.ร.ก.ฉุกเฉิน และพ.ร.บ.ควบคุมโรค แต่ไม่มีใครเชื่อฟัง ยังระดมปาข้าวของเข้าไปภายในกรมดุริยางค์ทหารบกอย่างต่อเนื่อง

จนกระทั่งเวลา 19.15 น. เจ้าหน้าที่จัดทีมชุดเคลื่อนที่เร็ว ทั้งรถจักรยานยนต์และรถกระบะปิดล้อมด้านหน้าและหลังของผู้ชุมนุม ทั้งจากแยกดินแดงและออกมาจากดุริยางค์ทหารบก ก่อนเข้าชาร์จจับกุมกลุ่มวัยรุ่น ขณะที่ผู้ชุมนุมบางส่วนเสียหลักรถจักรยานยนต์ล้ม และถูกเจ้าหน้าที่จับกุมได้นับสิบราย อีกทั้งเจ้าหน้าที่ใช้กระบองตีผู้ชุมนุมที่พยายามขับขี่รถจักรยานยนต์หลบหนี และจับกุมตัวไปดำเนินคดี

รับข้อหา – กลุ่มผู้จัดคาร์ม็อบยะลา ขับและบีบแตรไล่นายกรัฐมนตรี เข้าพบพนักงานสอบสวนเพื่อรับทราบข้อกล่าวหาฝ่าฝืนพ.ร.ก.ฉุกเฉิน พ.ร.บ.ควบคุมโรค พ.ร.บ.จราจร และกฎหมาย อื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ที่สภ.เมืองยะลา เมื่อวันที่ 6 ก.ย.

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน