ลายจุด-ณัฐวุฒิ
นัดใหญ่19ก.ย.
ตร.โต้ขับไล่ชน

ชุมนุมไล่ตู่ 3 จุดม็อบคึกคัก กลุ่มทะลุฟ้ายึดอนุสาวรีย์ปชต. ทำกิจกรรมเรียกร้อง 3 จุดยืนเดิม ขณะที่บก.ลายจุด-ณัฐวุฒิปักหลักแยกอโศกมนตรีชุมนุมขับไล่ประยุทธ์ ครั้งนี้จัดพิเศษไบก์ม็อบดึงกลุ่มมอเตอร์ไซค์ 2 ล้อร่วมเป็นมวลชน เผยเล็งยกระดับจัดใหญ่ชุมนุมวันที่ 19 ก.ย. ซึ่งตรงกับกองทัพ ยึดอำนาจล้มรัฐบาลทักษิณ-ทำลายระบอบประชาธิปไตย ส่วนอีกกลุ่มทะลุแก๊สยึดที่เดิมแยกดินแดงยังปะทะเดือดเหมือนทุกวัน

ไล่ถึงหน้าประตู – กลุ่มรามคำแหงเพื่อประชาธิปไตย จัดกิจกรรมปาสีใส่รูปพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและรมว.กลาโหม เพื่อขับไล่ออกจากตำแหน่ง ที่บริเวณประตูด้านหน้าทำเนียบ ฝั่งตรงข้ามสำนักงานก.พ. เมื่อวันที่ 7 ก.ย.

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 7 ก.ย. ที่ทำเนียบรัฐบาลประตู 3 ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศ หลังกลุ่มรามคำแหงเพื่อประชาธิปไตยนัดทำกิจกรรมหน้าบริเวณทำเนียบรัฐบาล โดยใช้ชื่อว่า “ตำแหน่งอยู่ไม่นาน ตำนานประยุทธ์หมื่นศพจะอยู่ตลอดไป”

จากนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจนำรั้วเหล็กกั้นปิดบริเวณทางเข้าทำเนียบรัฐบาล โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจคุมฝูงชนได้ยืนประจำการอยู่บริเวณสะพานชมัยมรุเชฐ เมื่อกลุ่มผู้ชุมนุมมาถึงได้มาทำกิจกรรมบริเวณประตู 3 ด้านข้างทำเนียบรัฐบาล ก็ได้นำรายชื่อขบวนการสร้างตำนานฯ โดยนำรายชื่อ ส.ส. ที่โหวตลงมติไว้วางใจนายกฯ มาจัดแสดง รวมทั้งรายชื่องูเห่าในพรรคฝ่ายค้านด้วย พร้อมขอให้อย่าเลือกพรรคในฝ่ายรัฐบาลที่เปรียบได้ว่ามีจิตใจอำมหิต พร้อมทั้งทาสีแดงที่ตัวผู้แสดงเปรียบเป็น “ยมบาล” พร้อมข้อความว่า หนีนรกมาไล่ประยุทธ์ พร้อมทั้งปาสีแดงไปยังรายชื่อ ส.ส. ที่โหวตไว้วางใจและงูเห่า และสแตนดี้ พล.อ.ประยุทธ์

ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลนัดพร้อมตรวจพยานหลักฐานคดีหมายเลขดำที่ 287/2564 ที่พนักงานอัยการคดีอาญา เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง เพนกวิน นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ กับพวกเป็นแกนนำและแนวร่วมกลุ่มราษฎรรวม 22 คน ในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และ มาตรา 116 รวมทั้งความผิดอื่นๆ กรณีชุมนุมปักหมุดที่สนามหลวงวันที่ 19-20 ก.ย.63

ในวันเดียวกันนี้ ศาลยังนัดไต่สวนคำร้องขอเพิกถอนประกันตัวนายอานนท์ นำภา ทนายความด้านสิทธิมนุษยชน, น.ส.ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล หรือรุ้ง โฆษกกลุ่มราษฎร, นายภาณุพงศ์ จาดนอก หรือไมค์ และนายไชยอมร แก้ววิบูลย์พันธุ์ หรือแอมมี่ จากกรณีการชุมนุม “19 กันยา ทวงอำนาจคืนราษฎร” ที่นำโดยแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม บริเวณท้องสนามหลวง เมื่อวันที่ 19-20 ก.ย. 2563

ขึ้นศาล – นายสมยศ พฤกษาเกษมสุข แกนนำกลุ่มราษฎร พร้อมด้วยไบร์ท ชินวัตร, ครูใหญ่-อรรถพล บัวพัฒน์ ฯลฯ เดินทางมาฟังศาลพิจารณาเรื่องถอนประกันตัว ที่ศาลอาญา รัชดา โดยศาลสั่งเลื่อนการไต่สวนออกไป เมื่อวันที่ 7 ก.ย.

ต่อมาศาลได้ออกนั่งบัลลังก์เพื่อนัดพร้อมตรวจหลักฐาน กำหนดวันนัดสืบพยานจำเลยทั้ง 22 คน และไต่สวนคำร้องขอปล่อยชั่วคราวนายพริษฐ์ หรือ เพนกวิน จำเลยที่ 1, นายอานนท์ จำเลยที่ 2, น.ส.ปนัสยา หรือ รุ้ง จำเลยที่ 5, นายภาณุพงศ์ หรือ ไมค์ จำเลยที่ 6 และนายไชยอมร หรือ แอมมี่ จำเลยที่ 17 ในวันนี้อัยการโจทก์ จำเลยที่ 3, 4, 8, 14, 16, 18 และ 21 พร้อมทนายความ และบิดาของจำเลยที่ 17 มาศาล

พิเคราะห์แล้วเห็นว่า เนื่องจากจำเลยที่ 5 สัมผัสกับผู้มีความเสี่ยงติดเชื้อโควิด-19 และต้องกักตัว ส่วนจำเลยที่ 2, 6 และ 17 ยังไม่ได้รับคำร้องขอเพิกถอนการปล่อยตัวชั่วคราว กรณีจึงไม่อาจไต่สวนคำร้องขอเพิกถอนการปล่อยชั่วคราวได้ในวันนี้ จึงให้เลื่อนไปนัดไต่สวนคำร้องขอเพิกถอนการปล่อยชั่วคราวใหม่ในวันที่ 3 พ.ย. 2564 เวลา 09.00 น.

ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล พล.ต.ต. ปิยะ ต๊ะวิชัย รองผบช.น. โฆษกบช.น. เปิดเผยว่า ในวันนี้มีการชุมนุม 4 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มรามคำแหงเพื่อประชาธิปไตย นำโดยนายนันทพงศ์ ปานมาก นัดหมายเวลา 10.00 น. หน้าทำเนียบรัฐบาล ประตู 1 2.กลุ่มของนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ นัดรวมตัวเวลา 16.00 น. จัดกิจกรรมคาร์ม็อบ บริเวณแยกราชประสงค์ เพื่อเคลื่อนไปยังแยกอโศก

3.กลุ่มทะลุฟ้า ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย นัดหมายเวลา 16.00 น. และกลุ่มทะลุแก๊ส บริเวณสามแยกดินแดง บช.น.ขอเตือนว่ากรุงเทพ มหานครเป็นพื้นที่ที่ประกาศเป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด โดยการกระทำดังกล่าวถือมีความผิดฐานฝ่าฝืนพ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ/ พ.ร.บ.ควบคุมโรคติดต่อฯ และความผิดอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยกองบัญชาการตำรวจนครบาลมีการจัดเตรียมกำลังเจ้าหน้าที่เพื่อรักษาความสงบเรียบร้อย และอำนวยความสะดวกการจราจรให้แก่ประชาชน

เมื่อเวลา 16.00 น. วันเดียวกัน ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ถนนราชดำเนินกลาง แขวงวัดบวรนิเวศ เขตพระนคร กทม. กลุ่มทะลุฟ้า จัดกิจกรรมภายใต้ชื่อ “Art Gallery” ซึ่งเป็นการแสดงผลงานของศิลปินที่สร้างศิลปะเพื่อรับใช้ประชาชน โดยมีจุดประสงค์เพื่อเรียกร้องรวม 3 ข้อ ประกอบด้วย พล.อ.ประยุทธ์ต้องลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ร่างรัฐธรรมนูญใหม่ และปฏิรูปสถาบัน

สำหรับบรรยากาศก่อนเริ่มงานมีการนำผ้าดิบที่เขียนข้อความระบายความในใจด้วยสีน้ำจากประชาชนที่เข้าร่วมชุมนุมตามสถานที่ต่างๆ มาปิดปกคลุมทั่วฐานวางพานรัฐธรรม นูญก่อนปักธงสีแดงโดยมีข้อความตามข้อเรียกร้องไว้อยู่บนเหนือฐาน ซึ่งภายในงานยังมีกิจกรรมต่างๆ อีกมากมาย อาทิ เขียนจดหมายถึงเพื่อนในเรือนจำ, สกรีนเสื้อ, สเกตสามกีบ, ขีดเขียนหน้าประยุทธ์ และคราฟต์เบียร์ทะลุฟ้า พร้อมตั้งเวทีสลับสับเปลี่ยน ผู้ปราศรัยกันอย่างต่อเนื่องโดยมีเนื้อหาเสียดสีเรื่องการบริหารงานที่ล้มเหลวของภาครัฐตลอดระยะเวลา 7 ปี

เวลา 15.45 น. ผู้ชุมนุมทยอยรวมตัวบริเวณหน้าร้านแมคโดนัลด์ขณะที่ฝนตกลงมาอย่างต่อเนื่อง สมาชิกทะลุฟ้า นำป้ายผ้ามีข้อความต่างๆ ปีนขึ้นจากอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยขึ้นสู่พานแว่นฟ้า นอกจากนี้ ยังนำซุ้มนิทรรศการของไอลอว์เข้าสู่ถนนราชดำเนินกลางประชิดอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย โดยเชิญชวนให้ร่วมกัน ‘เขียนจดหมายถึงเพื่อนในเรือนจำ’ พร้อมแขวนป้ายข้อความ ‘ปล่อยเพื่อนเรา’ รวมถึงจำหน่ายหนังสือใหม่จากไอลอว์

ทั้งนี้ น.ส.ธิษะณา ชุณหะวัณ บุตรสาวนายไกรศักดิ์ ชุณหะวัณ ร่วมกิจกรรมด้วย บริเวณใกล้เคียงกัน มีการติดตั้งนิทรรศการภาพวาดและภาพถ่ายที่เกี่ยวข้องกับการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย หนึ่งในนั้นเป็นภาพนายสุชาติ สวัสดิ์ศรี ศิลปินแห่งชาติ สาขาวรรณศิลป์ ที่ถูกกรมส่งเสริมวัฒนธรรม แจ้งยกเลิกการยกย่องศิลปินแห่งชาติ รวมถึงภาพนายธนัตถ์ ธนากิจอำนวย ซึ่งบาดเจ็บที่ดวงตาจากเหตุสลายชุมนุมที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ โดยมี เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.สำราญราษฎร์ ราว 10 นายยืนสังเกตการณ์จากหัวมุมถนนดินสอฝั่งหน้า ร.ร.สตรีวิทยา

ต่อมาในเวลา 16.40 น. เริ่มเปิดเวทีปราศรัยโดยมีอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยเป็นฉากหลัง นายสิรภพ อัตโตหิ หรือ แรพเตอร์ และน.ส.พริม มณีโชต หรือ เอ๋ย ดำเนินรายการ โดยกล่าวว่า ป้ายผ้าที่คลุมอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยอยู่นั้น มาจากการทำกิจกรรมที่ให้ประชาชนร่วมกันเขียนรัฐธรรมนูญของตนเองจากกิจกรรมก่อนหน้านี้

นอกจากนี้ มีการผูกป้ายผ้าบนรั้วเหล็กรอบอนุสาวรีย์ มีข้อความว่า ‘หมดเวลาทรราชสูบเลือดประชาชน’, มติอัปยศ, เมื่อผู้แทนไม่ทำหน้าที่ ประชาชนจึงต้องออกมา

ไล่ทุกวัน – นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำเครือข่ายไล่ประยุทธ์ขึ้นปราศรัยขับไล่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ระหว่างการชุมนุมต่อเนื่องทุกวันที่แยกอโศก โดยมีมวลชนเข้าร่วมคึกคัก เมื่อวันที่ 7 ก.ย.

เมื่อเวลา 16.00 น. วันเดียวกัน ที่แยกอโศกมนตรี นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำเครือข่ายไล่ประยุทธ์ หรือ อ.ห.ต. และนายสมบัติ บุญงามอนงค์ หรือ บก.ลายจุด ได้นัดหมายชุมนุมไล่ประยุทธ์ ที่แยกอโศกมนตรี เป็นวันที่ 4 โดยนี้นายณัฐวุฒิเรียกรวมพลชาว 2 ล้อเป็นวันแรก

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนถึงเวลานัดหมาย มีฝนตกลงมาอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ มีพ่อค้าแม่ขายบางส่วนเดินทางมารวมตัว ตั้งเต็นท์และรถเข็น วางจำหน่ายอาหาร น้ำดื่ม และสินค้า ริมทางเท้าทั้ง 2 ฝั่ง ของถนนอโศกมนตรี ในเวลา 15.45 น. ทีมงานติดตั้งโครงเหล็ก สำหรับทำฐานเวที ท่ามกลางฝนที่ยังคงตกลงมาไม่ขาดสาย ขณะที่ทีมการ์ดเริ่มกระจายกำลังรอบบริเวณ

เวลา 16.14 น. ทีมงานของนายณัฐวุฒิประกาศให้รถจักรยานยนต์ที่จะร่วมคาร์ม็อบ เคลื่อนมาจัดขบวนได้ที่หลังเวที โดยผู้ชุมนุมที่มีรถจักรยานยนต์ทยอยขี่รถมาจอดตั้งแถวบริเวณแยกอโศกมนตรี พร้อมรับแจกสติ๊กเกอร์ #ไล่ประยุทธ์ นำมาติดที่รถจักรยานยนต์ของตน ไปจนถึงติดป้ายทะเบียน และมีผู้ชุมนุมบางส่วนได้สวมเสื้อสีแดง คาดผ้าที่ศีรษะ บางส่วนนำธง นปช. ธงชาติ ธงราษฎร ไปจนถึงธงรีเดม มาประดับรถ

นายสมบัติกล่าวว่า การจัดม็อบท่ามกลางสายฝน อาจจะเบาเล็กน้อย ธีมวันนี้ จะเริ่มคอนเซ็ปต์ ไบก์ม็อบ ก่อนหน้านี้พูดถึงรถยนต์เป็นหลัก ตนได้พูดคุบกับนายณัฐวุฒิแล้วว่า ผู้ร่วมกิจกรรรมคาร์ม็อบส่วนมากเป็นมอเตอร์ ไซค์ จึงอยากให้จัดเฉพาะ และเป็นฐานที่มั่นของรถจักรยานยนต์

ส่วนกิจกรรมปราศรัยก็จะเป็นฟรีไมค์ทั่วไป วันพิเศษคือเสาร์อาทิตย์ วันธรรมดาก็หล่อเลี้ยงม็อบไป เข้าใจได้ว่า การทำกิจกรรมที่ยืดเยื้อ มีข้อจำกัด แต่เชื่อว่ากระแสประชาชนที่ตื่นตัวทางการเมืองเข้าสู้ ประกอบการความรู้สึกของประชาชนที่มีต่อ พล.อ.ประยุทธ์ ที่ตึง-ขาด เราพยายามหารูปแบบ ปรับคาร์ม็อบให้กลับเข้ามา ด้วยเหตุผลทางด้านสถานการณ์โควิด ถ้าไม่ปรับ คนก็จะไม่มา ถ้าคนกลัวโควิด ก็ต้องออกแบบให้มีกิจกรรมของรถ

“เรื่องปักหลัก เรามีสมมติฐานที่มั่นใจคือ ประชาชนไม่เอา พล.อ.ประยุทธ์ ปัญหาอยู่ที่รูปแบบ เพราะก่อนหน้านี้ประชาชนอยากขับไล่ แต่กลัวโควิด คาร์ม็อบจึงตอบโจทย์ใน โซเชี่ยลชัดเจนถึงกระแส แต่ออฟไลน์มีข้อจำกัด ซึ่งความไม่สะดวกก็สะท้อนความมุ่งมั่น ตั้งใจจริง ที่จะขับไล่พล.อ.ประยุทธ์ อยู่ระหว่างปั้นกระแส ถ้าก่อไม่ติด ก็ไม่ติด ถ้าก่อติดก็ไปถึงม็อบขนาดใหญ่ อยู่ระหว่างพิสูจน์ทฤษฎีในช่วงสัปดาห์นี้” นายสมบัติกล่าว

บก.ลายจุดกล่าวต่อว่า ตัวที่เป็นเคพีไอ วัด คือมีปริมาณคนที่มาต่อเนื่องยาวนาน ค่อยๆ เพิ่ม เรียกว่าม็อบจุดติด ส่วนม็อบใหญ่ ต้องคิดอ่านกลยุทธ์ ซึ่งก็คือ “19 กันยา รัฐประหาร” ก็ได้คุยกับนายณัฐวุฒิ และอีกหลายฝ่าย แต่ประเด็นสำคัญคือ ป้อมค่าย เราจะตั้งสำเร็จหรือไม่ แต่เชื่อว่า รถจักรยานยนต์จะเป็นมวลชน พื้นฐาน

“เมื่อสภาโหวตแล้วว่าเอา พล.อ.ประยุทธ์ จึงต้องจัดม็อบเป็นแบบป้อมค่าย มากว่าแบบเฟสติวัล ประกอบกับเรื่องโควิด การปักหลัก พบว่าสิ้นเปลืองทรัพยากร จึงทดลองจัดม็อบ 3 ชั่วโมงว่าจะไปได้หรือไม่” นายสมบัติกล่าว

ต่อมาเวลา 16.58 น. นายสมบัติได้ปล่อยขบวนรถ โดยเริ่มเคลื่อนขบวนตามยุทธศาสตร์ไบก์ม็อบ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขบวนไบก์ม็อบ ไล่นายกฯ ได้เคลื่อนบนถนนสุขุมวิท มุ่งหน้าเขตคลองเตย ผ่านแยกเอกมัยใต้ วัดธาตุทอง แยกพระโขนง กลับรถที่แยกพระโขนง ขับมุ่งหน้าไปทางแยกอโศก พร้อมบีบแตรอย่างต่อเนื่องตลอดการเคลื่อนขบวน สร้างความสนใจให้กับประชาชนที่อาศัย 2 ข้างทาง บางส่วนร่วมชู 3 นิ้วและบันทึกภาพ

ต่อมาเวลา 17.20 น. ขบวนเคลื่อนผ่านสวนเบญจกิติ มีเจ้าหน้าที่ตำรวจตั้งด่านพร้อมกำลังจำนวนหนึ่ง โดยขบวนเคลื่อนผ่านได้ตามปกติ ทั้งนี้ เมื่อขบวนเคลื่อนผ่านแยกอโศก รอบที่ 1 มีการบีบแตรลากยาว โดย ผู้ชุมนุมที่แยกอโศก ยืนชู 3 นิ้วส่งกำลังใจให้ ก่อนที่ขบวนเคลื่อนต่อไปบนถนนสุขุมวิท กลับรถที่ใต้สถานีรถไฟฟ้านานา มีชายต่างชาติ 2 ราย ยืนบันทึกคลิปวิดีโอ

เวลา 17.27 น. ขบวนไบก์ม็อบเคลื่อนผ่านจุดชุมนุมหลัก แยกอโศก รอบที่ 2 พร้อมกระหน่ำบีบแตร แล้วเคลื่อนบนถนนสุขุมวิท ฝั่งขาออก เป็นรอบที่ 2 มีการตะโกน “ตู่ออกไป” และจัดระเบียบขบวน ร่วมกันเร่งเครื่องแสดงพลังอีกครั้ง เมื่อผ่านแยกทองหล่อ

เมื่อเวลา 17.30 น. นายณัฐวุฒิพร้อมด้วยนายสมบัติ ได้จัดกิจกรรม “ไบก์ม็อบ” การรวมตัวของกลุ่มรถจักรยานยนต์เป็นจำนวนมาก

นายณัฐวุฒิกล่าวว่า การชุมนุมที่ผ่านมาพบว่า ผู้เข้าร่วมกิจกรรมส่วนมากเป็นขบวนรถจักรยานยนต์ วันนี้จึงจัดกิจกรรมที่เรียกว่า ‘ไบก์ม็อบ’ เพื่อสะสมมวลชนก่อนที่จะมีการนัดชุมนุมใหญ่ คาดว่าจะเป็นวันเสาร์ อาทิตย์ และจะยังใช้แยกอโศกเป็นฐานที่มั่น วันนี้ จะลองประเมินโมเดลของขบวนของรถจักรยานยนต์ ก่อนจะขยายและออกแบบการนัดหมายใหญ่ ชุมนุมใหญ่ เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ และได้ให้รถจักรยานยนต์นำสติ๊กเกอร์ไล่ประยุทธ์ไปติดในละแวกบ้านตามความเหมาะสม

ส่วนภาคเวทีจะเป็นอีกวันที่เปิดพื้นที่เป็นเวทีสาธารณะให้มวลชนได้มาแสดงความคิดเห็น และขณะนี้กระแสของคนไม่เอาพล.อ.ประยุทธมีจำนวนมากแล้ว แต่สภาพแวดล้อมยังไม่เอื้ออำนวย จึงต้องปรับรูปแบบเพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ โดยเฉพาะสถานการณ์โควิด-19 และเพื่อให้มีมวลชนออกมาร่วมชุมนุม

นายณัฐวุฒิกล่าวต่อว่า ขณะนี้จะต้องปั้นม็อบให้จุดติดก่อน ก่อนจะไปสู่ม็อบขนาดใหญ่ โดยจะใช้เวลาประเมิน 1 สัปดาห์ หากไปต่อได้ก็จะไปต่อ แต่หากไปต่อไม่ได้ก็จะต้องมาทบทวน ซึ่งสัญญาณการจุดม็อบติดนั้น คือ ปริมาณมวลชนที่ค่อยๆ เพิ่มขึ้น และเติบโตขึ้น และเมื่อจุดติดแล้วก็จะประกาศวาระการชุมนุมใหญ่ โดยวาระที่จะถึงคือวันครบรอบ 15 ปี รัฐประหาร 19 กันยายนนี้ ซึ่งจะเป็นวาระสำคัญที่จะประกาศนัดชุมนุมใหญ่ ส่วนป้อมค่ายที่อโศกจะตั้งสำเร็จหรือไม่ จะใช้เวลาประเมิน 10 วัน ก่อนถึง 19 กันยายน

ส่วนกิจกรรมการนัดชุมนุมในวันที่ 19 ก.ย.นั้น ถือเป็นวันสัญลักษณ์ของการสูญเสียประชาธิปไตย และการรัฐประหารวันที่ 22 พ.ค. คือผลสืบเนื่องจาก 19 ก.ย. ดังนั้นจึงถือเป็นวันหมุดหมายสำคัญที่จะชวนประชาชนแสดงพลังครั้งใหญ่ต่อต้านเผด็จการ ขับไล่พลเอกประยุทธ์ ส่วนรูปแบบ เวลา จะแจ้งให้ทราบอีกครั้ง คาดว่าอาจจะเริ่มต้นจากแยกอโศกมนตรีแห่งนี้

ส่วนเรื่องการุชมนุมใหญ่ จะมีมวลชนมามากน้อยแค่ไหนนั้น มองว่า หากเป็นรูปแบบคาร์ม็อบ มวลชนจะออกมาร่วมกันจำนวนมาก และทำได้ทุกนัด แต่หากลงถนนก็ยังเป็นการทดลอง หากชุมนุมยืดเยื้อก็เป็นอีกรูปแบบหนึ่ง ซึ่งขณะนี้ในเชิงปริมาณไม่ใช่ประเด็นหลัก แต่ประเด็นหลักคือ ความจริงของสถานการณ์ที่จะสะท้อนการแสดงออกของประชาชนอย่างไร ถ้าจะเดินไปข้างหน้าจะต้องดูรูปแบบว่าจะเดินไปอย่างไร อาจจะผสมผสาน คาร์ม็อบ รถจักรยานยนต์ และคน ซึ่งยังอยู่ในการปรับรูปแบบอยู่ ทั้งนี้หากประเมิน 2 วันที่ผ่านมา ก็ถือว่า ทุกอย่างยังอยู่ในความพอใจ

“อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่า นายณัฐวุฒิ และนายสมบัติ ไม่ได้แสดงตัวเป็นแกนนำ แต่มาเพื่อสร้างโมเดลการต่อสู้ และเปิดพื้นที่ในการต่อสู้เท่านั้น

เมื่อสัมภาษณ์เสร็จ นายณัฐวุฒิได้เคลื่อนขบวนด้วยรถยนต์ ตามไปสมทบกับขบวนรถจักรยานยนต์ เพื่อบีบแตร เป็นสัญลักษณ์ในการขับไล่ พล.อ.ประยุทธ์ ก่อนที่จะกลับมารวมตัวที่เวทีปราศรัย บริเวณแยกอโศกเช่นเดิม” นายณัฐวุฒิกล่าว

เมื่อเวลา 18.30 น. ที่สามเหลี่ยมดินแดง นายไชยอมร แก้ววิบูลย์พันธุ์ หรือแอมมี่ เดอะบอตทอมบูลส์ มาปรากฏตัวขอเป็นอาสาสมัครฝึกหัดพยาบาลยังจุดชุมนุมดังกล่าว

แอมมี่ กล่าวว่า วันนี้ตนไม่ได้มาร่วมชุมนุม แต่มาในฐานะพยาบาลอาสาสมัคร เมื่อซักครู่เห็นเหตุการณ์ที่เจ้าหน้าที่ชุดเคลื่อนที่เร็วของคฝ.เข้าจับกุมกลุ่มเยาวชนทะลุแก๊สโดยใช้ความรุนแรงโดยการใช้รถพุ่งชนนั้น ตนมองว่าเป็นเรื่องปกติซึ่งเห็นเป็นประจำ แต่ก็คาดไม่ถึงว่าทางเจ้าหน้าที่จะเข้าปฏิบัติการเข้าจับกุมรวดเร็วขนาดนี้

ดินแดงระอุ – รถจักรยานยนต์ตำรวจถูกเผาไฟลุกท่วม ระหว่างเข้าสลายการชุมนุมบริเวณแยกดินแดง ขณะที่กลุ่มทะลุแก๊สระดมม็อบพร้อมอุปกรณ์มารับมือเจ้าหน้าที่ บรรยากาศตึงเครียดตลอดช่วงค่ำ เมื่อค่ำวันที่ 7 ก.ย.

เวลา 19.30 น. กลุ่มมวลชนนำรถจักรยานยนต์ของตำรวจ เข็นมาเผาที่บริเวณก่อนทางขึ้นสะพานข้ามแยกราชปรารภ จนได้รับความเสียหาย นอกจากนี้ยังมีมวลชนกลุ่มหนึ่งตั้งแนวโล่ ปิดถนนดินแดงด้านขาเข้ามุ่งหน้าอนุสาวรีย์สมรภูมิด้วย

เวลา 20.30 น. ที่บช.น. รายงานข่าวแจ้งว่า กรณี เพจเยาวชนปลดแอก ลงข้อความ “ด่วน : รัฐฆาตกรตำรวจสลายม็อบรุนแรง ขับรถกระบะพุ่งชนผู้ชุมนุมบาดเจ็บหนัก อาการน่าห่วง…“ นั้น

ทางบช.น. ได้ตรวจสอบทราบว่า กรณีที่มีการขับรถกระบะพุ่งชนนั้น มีการยืนยันจากเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่ว่า เป็นขับรถเข้าประชิดเพื่อจับกุมตามยุทธวิธี ไม่ได้มีการตั้งใจพุ่งชนโดยไม่แตะเบรกแต่อย่างใด โดยทางเพจของสำนักข่าวราษฎรได้มีบันทึกภาพดังกล่าวขณะเกิดเหตุเอาไว้ได้ เป็นลักษณะการขับเข้ามาเพื่อปิดล้อมจับกุม

ส่วนผู้ได้รับบาดเจ็บดังกล่าวถูกส่งตัวไปรักษาเบื้องต้นที่โรงพยาบาลตำรวจ พบว่าไหปลาร้าหลุดเนื่องจากรถล้ม ได้รักษาเบื้องต้นแล้ว อาการไม่หนัก ผู้ได้รับบาดเจ็บมีสิทธิ์รักษาที่ ร.พ.บางพลี จึงได้ส่งตัวไปรักษาที่ ร.พ.บางพลี ซึ่งพนักงานสอบสวนจะได้ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน