ตค.นี้เปิดเที่ยว
เพิ่ม26จังหวัด

‘บิ๊กตู่’สั่งเปิดท่องเที่ยวอีก 26 จว.รับไฮซีซั่นเดือนต.ค.นี้ ศบค.ชุดใหญ่ถกวันนี้ผ่อนคลายมาตรการ สธ.ชงปรับจังหวัดสีแดงเข้ม 29 จว. แต่ยังคงเคอร์ฟิวไว้ ไทยเสียชีวิตโควิดอีก 220 ติดเชื้อเพิ่ม 1.6 หมื่น สูงกว่ายอดหายป่วย สาวนนท์วัย 19 เสียชีวิตหลังฉีดวัคซีน แม่ยันไม่เผาศพลูกจนกว่าจะชันสูตรสาเหตุแน่ชัด พร้อมเรียกร้องขอความเป็นธรรม สธ.ย้ำวัคซีนไฟเซอร์ฉีดอายุ 12 ปีขึ้นไปได้ฉีดทุกคน ยันวัคซีนไฟเซอร์ไม่ได้หาย ฉีดแล้วกว่า 9 แสนโดส อีก 6 แสนโดสกันไว้เผื่อฉีดเข็ม 2 ในอีก 3-4 สัปดาห์ ตอนนี้ทยอยส่งไปในพื้นที่แล้ว ชลบุรีวุ่นเจอคลัสเตอร์ใหม่ศูนย์ฝึกทหารใหม่ สัตหีบ ติดเชื้อสะสมกว่า 500 ขณะที่ทร.แจงข่าวคลาดเคลื่อน กระบี่สั่งปิดเกาะพีพี 7 วันสกัดเชื้อโควิด ‘กลุ่มอาชีพฟิตเนส’ บุกยื่นหนังสือสภาเรียกร้องเยียวยา

ติดเชื้อ 16,031-ตายอีก 220

เมื่อวันที่ 9 ก.ย. ศูนย์บริหารสถานการณ์ โควิด-19 (ศบค.) รายงานสถานการณ์โควิด-19 ประจำวันว่า วันนี้ประเทศไทยติดเชื้อใหม่ 16,031 ราย ติดเชื้อสะสม 1,338,550 ราย ถือว่ายอดติดเชื้อกลับมาเพิ่มขึ้นจนสูงกว่ายอดหายป่วยเป็นวันแรก โดยวันนี้หายป่วย 15,417 ราย หายป่วยสะสม 1,181,781 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 220 ราย เสียชีวิตสะสม 13,731 ราย อยู่ระหว่างการรักษา 143,038 ราย อยู่ในร.พ. 42,018 ราย ร.พ.สนามและอื่นๆ 101,020 ราย มีอาการหนัก 4,363 ราย และใส่เครื่องช่วยหายใจ 940 ราย

ภาพรวมผู้ติดเชื้อวันนี้มาจาก 67 จังหวัดรวมกันสูงสุด 7,721 ราย กทม.และปริมณฑล 6,318 ราย 4 จังหวัดภาคใต้ 1,352 ราย เรือนจำ 631 ราย และเดินทางมาจากต่างประเทศ 9 ราย ได้แก่ สหรัฐอเมริกา 1 ราย กัมพูชา 2 ราย มาเลเซีย 1 ราย เข้ามาช่องทางธรรมชาติ และเมียนมา 5 ราย เข้ามาช่องทางธรรมชาติ 2 ราย

ผู้เสียชีวิต 220 ราย มาจาก 37 จังหวัด โดย กทม.มากสุด 43 ราย, สมุทรปราการ 32 ราย, สมุทรสาคร 17 ราย, สุพรรณบุรี ชลบุรี จังหวัดละ 14 ราย, สมุทรสงคราม 12 ราย,

ผู้เสียชีวิตเป็นชาย 108 ราย หญิง 112 ราย อายุ 19-102 ปี เป็นผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป 159 ราย อายุต่ำกว่า 60 ปี มีโรคเรื้อรัง 45 ราย รวม 2 กลุ่มนี้สูง 93% อายุน้อยกว่า 60 ปี ไม่มีโรคเรื้อรัง 15 ราย หญิงตั้งครรภ์ 1 ราย จ.ชลบุรี พบเสียชีวิตที่บ้าน 2 ราย ที่ชลบุรีและระยอง

‘กทม.-ชลฯ-ปากน้ำ’ติดเกินพัน

ภาพรวมติดเชื้อเกิน 100 รายมี 30 จังหวัด โดย 10 จังหวัดที่ติดเชื้อสูงสุด ได้แก่ 1.กทม. 3,736 ราย สะสม 312,807 ราย 2.ชลบุรี 1,594 ราย สะสม 70,761 ราย 3.สมุทรปราการ 1,197 ราย สะสม 90,376 ราย 4.สมุทรสาคร 643 ราย สะสม 81,069 ราย 5.ระยอง 549 ราย สะสม 21,820 ราย 6.ราชบุรี 466 ราย สะสม 21,511 ราย 7.นราธิวาส 455 ราย สะสม 15,991 ราย 8.นนทบุรี 433 ราย สะสม 47,044 ราย 9.สงขลา 374 ราย สะสม 21,616 ราย และ 10.สระบุรี 362 ราย สะสม 20,788 ราย

ส่วนการฉีดวัคซีนโควิด 19 วันที่ 8 ก.ย. ฉีดได้ 713,454 โดส สะสม 38,174,738 โดส แบ่งเป็นเข็มแรก 26,292,211 ราย คิดเป็น 36.5% ครบ 2 เข็ม 11,272,593 ราย คิดเป็น 15.6% และเข็มสาม 609,934 ราย

สาว 19 ดับหลังฉีดวัคซีน

เมื่อเวลา 09.00 น. ที่ศาลา 4 วัดลาดปลาดุก ต.บางรักพัฒนา อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี น.ส.ณัฐรดา เชยวัดเกาะ อายุ 41 ปี แม่น้องน.ส.อรกัญญา เชยวัดเกาะ อายุ 19 ปี นักศึกษาชั้นปวช.ปี 3 นำอาหารคาวหวานมาทำบุญเลี้ยงพระเพื่ออุทิศส่วนบุญกุศลให้กับลูกสาวซึ่งเสียชีวิตอย่างกะทันหันโดยไม่ทราบสาเหตุหลังไปฉีดวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าเข็มแรกพร้อมแม่ เมื่อวันที่ 5 ก.ย.ที่ผ่านมา

น.ส.ณัฐรดากล่าวว่า หลังเมื่อวานนี้ตนนำเรื่องที่ลูกสาวเสียชีวิตอย่างกะทันหันโดยไม่ทราบสาเหตุมาร้องเรียนกับสื่อ เพื่อเรียกร้องขอความเป็นธรรม เพราะมั่นใจว่าลูกสาวน่าจะเสียชีวิตจากการฉีดวัคซีนอย่างแน่นอน มีผู้ใหญ่หลายคนโทรศัพท์เข้ามาสอบถาม พร้อมให้ คำปรึกษา ตนจึงตัดสินใจว่าวันนี้จะยังไม่เผาศพลูกสาวตามกำหนดการเดิมที่จะต้องเผาศพวันนี้ออกไปก่อน จนกว่าจะได้รับผลการชันสูตรสาเหตุการเสียชีวิตที่แท้จริงก่อน โดยหลังจากทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้กับลูกสาวเสร็จแล้ว ตนจะนำเอกสารหลักฐานการฉีดวัคซีนของลูกสาวไปยื่นเรื่องร้องขอความเป็นธรรมที่สาธารณสุขจ.นนทบุรีต่อไป

สธ.ชงฉีดวัคซีนต.ค. 24 ล.โดส

ด้านนพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า สธ.ประเมินสถานการณ์หลังปรับมาตรการเมื่อวันที่ 1 ก.ย.ที่ผ่านมา โดยการประชุมศบค.ชุดใหญ่วันที่ 10 ก.ย. เรื่องที่ สธ.จะเสนอหลักๆ เช่น 1.แผนการฉีดวัคซีนโควิด 19 ช่วงเดือนต.ค. ที่จะฉีดขั้นต่ำ 24 ล้านโดส เนื่องจากแผนจะได้รับวัคซีนเดือนหน้า ประกอบด้วย ซิโนแวค 6 ล้านโดส แอสตร้าเซนเนก้า 10 ล้านโดส และไฟเซอร์ 8 ล้านโดส ซึ่งไฟเซอร์แจ้งว่าล็อตแรกจะเข้ามาปลายก.ย. นี้ 2 ล้านโดส เพื่อให้ที่ประชุมเห็นชอบ จากนั้นจะประสานกับกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในรายละเอียด ก่อนหน้านี้หารือถึงการกระจายวัคซีนไว้คร่าวๆ แล้ว

จ่อผ่อนคลาย‘เนิร์สซิ่งโฮม’

2.เสนอการผ่อนคลายมาตรการซึ่งส่วนใหญ่ยังคงเดิมไว้ ไม่ได้ผ่อนคลายอะไรมาก เช่นอนุญาตให้เนิร์สซิ่งโฮมรับผู้เข้าไปอยู่ใหม่ได้ แต่ต้องอยู่ภายใต้มาตรการควบคุมกำกับอย่างใกล้ชิด ส่วนการประกาศเคอร์ฟิวจะกำหนดตามพื้นที่สี หากเป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด จะคงมาตรการไว้ คาดว่าจะใช้ถึงสิ้นก.ย.นี้ แต่การปรับจังหวัดตามพื้นที่สีต้องรอความเห็นชอบจากศบค.พรุ่งนี้อีกครั้งเพื่อความชัดเจน

เมื่อถามว่าวัคซีนไฟเซอร์ล็อตแรกจะฉีดให้กลุ่มอื่น นอกจากเด็กอายุ 12-18 ปีหรือไม่ นพ.โอภาสกล่าวว่า สำหรับกลุ่มอื่นมีวัคซีนอยู่แล้ว เช่นสูตรไขว้ซิโนแวคกับแอสตร้าฯที่เป็นสูตรหลัก

เมื่อถามถึงการฉีดวัคซีนไฟเซอร์ในเด็กอายุน้อยที่มีข้อมูลต่างประเทศพบภาวะกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ จะปรับแผนฉีดใหม่หรือไม่ นพ.โอภาสกล่าวว่า จริงๆ มีการพูดถึงอาการไม่พึงประสงค์ที่จะเกิดขึ้นได้ภายหลังการรับวัคซีน แต่เจอไม่มาก พบเพียงไม่กี่รายต่อล้านรายที่ฉีด ยังอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานที่ยอมรับได้ และส่วนใหญ่อาการน้อย ดังนั้น สธ.ก็ยังถือหลักการฉีดวัคซีนไฟเซอร์ให้กับเด็กอายุ 12-18 ปี เนื่องจากขณะนี้มีวัคซีนเพียง 2 ยี่ห้อที่ฉีดในผู้อายุมากกว่า 12 ปีลงมาได้ คือไฟเซอร์ และโมเดอร์นา ส่วนตัวอื่นยังอยู่ในขั้นตอนการขออนุญาต

เมื่อถามถึงการฉีดวัคซีนเข็ม 3 ให้ประชาชนทั่วไป นพ.โอภาสกล่าวว่า การฉีดบูสเตอร์ต้องคุยกันหลายหน่วย แต่ที่ประชุมเห็นชอบแล้ว สธ.กำหนดนโยบายและบอกแนวทางไป หลังจากนั้นคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดจะเป็นผู้ดำเนินการ อาจมีการนำร่องบางจังหวัดก่อน แต่เบื้องต้นบูสเตอร์เราจะพิจารณาการฉีดเป็นแอสตร้าฯ ก่อนตามด้วยไฟเซอร์ ซึ่งจะมีลำดับการพิจารณาตามความเหมาะสมของวัคซีนที่มีอยู่ในมือขณะนั้นด้วย

เร่งฉีดเข็ม 3 ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์

นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ขณะนี้ส่งวัคซีนแอสตร้าเซนเนเก้าไปที่จ.ภูเก็ต แล้ว 2 หมื่นกว่าโดส เพื่อควบคุมการระบาดและฉีดเป็นเข็มที่ 3 เนื่องจากทางจังหวัดยังไม่ได้ทำแผนการกระจายวัคซีนมาที่กรมควบคุมโรค เราจึงส่งไปก่อนเบื้องต้น และเมื่อได้รับแผนก็จะส่งวัคซีนไปเพิ่มเติมตามกำหนด ก็คาดว่าคงฉีดบูสเตอร์โดสหมดทุกคน

สธ.จับตาป่วยเพิ่มขึ้น

นพ.เฉวตสรร นามวาท ผอ.กองควบคุมโรคและภัยสุขภาพในภาวะฉุกเฉิน กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข แถลงสถานการณ์โควิด-19 ว่า ประเทศไทยหลังจากผ่านจุดสูงสุดของการระบาดมาแล้ว วันนี้ติดเชื้อใหม่ 16,031 ราย ซึ่งเพิ่มสูงขึ้น เป็นสัญญาณน่ากังวลหรือไม่นั้น ถือว่าตัวเลขมีการแกว่งตัวขึ้นในวันเดียว จึงต้องจับตามองไปก่อนว่าจะเป็นอย่างไร เพราะต้องดูแนวโน้มเป็นค่าเฉลี่ย และดูว่ามีเป็นคลัสเตอร์จุดใดหรือไม่ อย่าเพิ่งกังวลใจ และมาดูประกอบกับตัวเลขหลายตัว เพื่อประเมินสถานการณ์ ซึ่งตั้งแต่วันที่ 1 ก.ย. มีการดูตัวเลขตลอดว่าในช่วง 2 สัปดาห์ที่จะพิจารณาจากนี้ไปจะเปิดกิจกรรมกิจการเพิ่มเติมหรือดำเนินการอย่างไร หากยังไม่น่าวางใจก็มีส่วนตรึงมาตรการต่อ แต่ถ้าตัวเลขสิ่งชี้วัดทุกอย่างไปในทางคลี่คลาย น่าจะเปิดกิจกรรมกิจการมากขึ้น

ยันไฟเซอร์ไม่ได้หาย

นพ.เฉวตสรรกล่าวว่า การฉีดวัคซีนเมื่อวันที่ 8 ก.ย. ฉีดได้ 713,454 โดส เป็นเข็มสองมากกว่า 372,592 ราย เข็มแรก 338,105 ราย เข็ม 3 รวม 2,757 ราย ยอดฉีดสะสม 38,147,738 โดส เป็นเข็มแรก 26,292,211 ราย คิดเป็น 36.5% ซึ่งเราอยากให้ได้ 70% เข็มสอง 11,272,593 ราย คิดเป็น 15.6% สำหรับความครอบคลุมนั้น สามารถฉีดวัคซีนเข็มแรกทั่วประเทศครอบคลุม 36.5% เฉพาะพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด (สีแดงเข้ม) 29 จังหวัดครอบคลุม 50.4% โดยกทม.ครอบคลุมสูงสุด 94.2% หากดูเฉพาะกลุ่มผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป กทม.ฉีดครอบคลุม 98.5% ปทุมธานี 70.4% ซึ่งต่างจังหวัดจะมีวัคซีนมากขึ้นและคงฉีดได้ทัดเทียมในเวลาไม่ช้า

“ส่วนไฟเซอร์ที่หลายคนจับตาฉีดได้กว่าล้านโดสแล้ว โดยเป็นเข็มแรก 391,074 โดส เข็ม 2 จำนวน 163,017 โดย และเข็มสาม 394,777 โดส ยืนยันว่าวัคซีนไม่มีสูญหายและไม่ให้สูญเสีย เมื่อส่งไปถึงพื้นที่อุณหภูมิตู้เย็นปกติ อายุจะสั้นลงมากเพียง 30 วันเท่านั้น การจัดส่งจึงต้องทยอยส่ง ฉีดแล้ว 9 แสนกว่าโดส เหลืออีก 6 แสนโดสอยู่ที่ไหน เรียนว่าส่วนของการฉีดเข็มกระตุ้นในกลุ่มบุคลากรทางการ แพทย์น่าจะครบถ้วนแล้ว อาจจะมีเก็บตกเล็กน้อย แต่ส่วนใหญ่ในพื้นที่จังหวัดสีแดงเข้มที่กระจายไปฉีดเข็ม 1 และ 2 ในกลุ่มเสี่ยง 608 เมื่อฉีดเข็ม 1 แล้ว เว้น 3-4 สัปดาห์ต้องฉีดเข็ม 2 นั่นคือส่วนที่ต้องเก็บไว้ แต่ไม่ได้เก็บไว้ส่วนกลาง แต่ทยอยส่งไปพื้นที่ เพื่อถึงวันนัดเข็ม 2 ก็จะรับการฉีดตามกำหนด และส่วนหนึ่งที่วัคซีนให้ชาวต่างชาติที่อยู่อาศัยถูกต้องในประเทศไทยซึ่งกำหนดชัดเจนแต่ต้นอยู่แล้ว”

สธ.ชงคุมโควิด-ไม่ผ่อนเพิ่ม

ด้านนพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวถึงการประชุมศบค.วันที่ 10 ก.ย.ที่มีรายงานจะพิจารณายกเลิกพ.ร.ก.ฉุกเฉินว่า ยังไม่ทราบ ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของศบค.และรัฐบาลว่าจะดำเนินการอย่างไร รวมถึงขึ้นอยู่กับสถานการณ์และต้องมีอะไรมารองรับด้วยว่า หากยกเลิกมีระบบมารองรับเพียงพอหรือไม่อย่างไร ซึ่งขณะนี้พ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ศ.2558 ที่มีอยู่ยังไม่เพียงพอ จำเป็นต้องรอร่างพ.ร.บ.โรคติดต่อฉบับใหม่ที่จะเหมือนกรณีอาจารย์วิษณุให้ข่าวว่าจะครอบคลุม มีอำนาจในการบริหารจัดการเหมือน ศบค. แต่จะเป็นสถานการณ์ฉุกเฉินด้านสาธารณสุข

เมื่อถามว่าร่างพ.ร.บ.โรคติดต่อจะออกทันในเดือนก.ย.หรือไม่ หรือจะออกในรูปแบบพระราชกำหนดแทน นพ.เกียรติภูมิกล่าวว่า ขึ้นอยู่กับรัฐบาล หากจะยกเลิกก็ต้องมีมาตรการ มีกฎหมายมารองรับ หากสถานการณ์ยังไม่ได้ ก็ยังไม่ยกเลิก ต้องขึ้นอยู่กับการพิจารณา อย่างไรก็ตาม แม้สถานการณ์จะดีขึ้น แต่ก็ยังมีตัวเลขสูง ต้องมีมาตรการอื่นๆ ด้วย โดยครั้งนี้สธ.จะเสนอคงมาตรการเท่ากับคราวที่แล้ว คือผ่อนคลายได้นิดหน่อย และจะเดินหน้ามาตรการ COVID19 Free Setting และจะทำเรื่อง Digital Health Pass ให้สมบูรณ์ขึ้น เพื่อให้เกิดความมั่นใจในการไปใช้บริการ ทั้งร้านอาหาร สถานประกอบการ การเดินทาง เป็นต้น

เมื่อถามว่ามาตรการยังคงเน้นการขอความร่วมมือเช่นเดิมหรือไม่ นพ.เกียรติภูมิกล่าวว่า จะพิจารณากับทางรัฐบาล แต่เน้นเพื่อความปลอดภัยของประชาชน โดยทุกคนต้องมีส่วนร่วมซึ่งกันและกัน อย่างไรก็ตาม สธ.จะเสนอคงมาตรการในการประชุมศบค.วันที่ 10 ก.ย. แต่ไม่มีการผ่อนคลายมาตรการอื่นๆ เพิ่มเติม อาจมีเรื่องการดูแลผู้สูงอายุ เป็นต้น

ชงคลาย 29 จว.แดงเข้ม-คงเคอร์ฟิว

รายงานข่าวจากศูนย์ปฏิบัติการศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศปก.ศบค.) เผยว่า ที่ประชุมศปก.ศบค.มีความเห็นร่วมกันที่จะนำเสนอเรื่องลดจำนวนจังหวัดพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวดหรือสีแดงเข้ม เพื่อขอความเห็นชอบจากคณะกรรมการ ศบค.ที่จะประชุมในวันที่ 10 ก.ย. โดยมีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ในฐานะผอ.ศบค. เป็นประธาน ปัจจุบันจังหวัดสีแดงเข้มมี 29 จังหวัด ส่วนจะลดลงกี่จังหวัดนั้นขึ้นอยู่กับที่ประชุมใหญ่ของศบค.

สำหรับรายละเอียดของมาตรการต่างๆ ยังคงมาตรการเดิมทั้งหมด รวมถึงการกำหนดช่วงเวลาห้ามออกนอกเคหสถาน หรือเคอร์ฟิว ยังมีอยู่ต่อไปตามระยะเวลาเดิม เช่นเดียวกัน เพราะสถานการณ์การแพร่ระบาดในภาพรวมยังเป็นลักษณะเดิม และจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่เริ่มมีมากขึ้นกว่าจำนวนผู้หายป่วยเพิ่ม อีกทั้งก่อนหน้านี้มีการผ่อนคลายมาตรการบางส่วนแล้ว อาทิการอนุญาตให้นั่งรับประทานในร้านอาหาร การเปิดห้างสรรพสินค้า ร้านทำผม เป็นต้น

รายงานข่าวระบุด้วยว่า ส่วนการเตรียมยกเลิกการบังคับใช้พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 นั้น ที่ประชุมศปก.ศบค.ไม่ได้มาหารือ แต่จะรอให้เป็นการพิจารณาของที่ประชุมศบค.ชุดใหญ่ ซึ่งจะนำความคืบหน้าเรื่องการจัดทำร่างพ.ร.บ.โรคติดต่อ (ฉบับแก้ไขเพิ่มเติม) มาพิจารณาประกอบกันเพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการจะยกเลิกศบค.ในอนาคต

เล็งเปิด 26 จว.ท่องเที่ยวต.ค.นี้

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงแนวทางขับเคลื่อนแผนเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ตามนโยบายของนายกรัฐมนตรีว่า หลังจากรัฐบาลเดินหน้าแผนเปิดพื้นที่รับนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยวางไว้เป็นระยะ นำร่องระยะที่ 1 ในรูปแบบแซนด์บ็อกซ์ ได้แก่ ภูเก็ต พังงา กระบี่ และสุราษฎร์ธานี ซึ่งโครงการภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ 2 เดือน ถือว่าประสบความสำเร็จในระดับที่ดี เป็นที่น่าพอใจ รายจ่ายต่อทริปของนักท่องเที่ยวอยู่ที่ 6-7 หมื่นบาท รายได้สะสม 1,634 ล้านบาท สร้างรายได้ให้ประชาชนในพื้นที่เป็นจำนวนมาก

นายธนกรกล่าวต่อว่า เดือนต.ค.นี้ได้วางแผนปรับมาตรการ ภายใต้การป้องกันตนเองแบบครอบจักรวาล เพื่อเตรียมเข้าสู่แผนการเปิดพื้นที่ระยะที่ 2 ใน 5 จังหวัด คือกรุงเทพฯ ชลบุรี เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ และเชียงใหม่ ซึ่งแต่ละจังหวัดเตรียมความพร้อมเร่งฉีดวัคซีนให้คนพื้นที่ และจัดเคมเปญต่างๆ รองรับนักท่องเที่ยว อาทิ กรุงเทพฯ แซนด์บ็อกซ์, หัวหิน รีชาร์จ และชาร์มมิง เชียงใหม่ เป็นต้น จากนั้นช่วงกลางเดือนต.ค.จะเข้าสู่แผนระยะที่ 3 เปิด 21 จังหวัด ครอบคลุมทั้งประเทศ ภาคเหนือ ลำพูน แพร่ น่าน แม่ฮ่องสอน เชียงราย สุโขทัย, ภาคอีสาน อุดรธานี หนองคาย บึงกาฬ อุบลราชธานี, ภาคตะวันตก กาญจนบุรี ราชบุรี, ภาคตะวันออก ระยอง จันทบุรี ตราด, ภาคกลาง อยุธยา, ภาคใต้ นครศรีธรรมราช ระนอง ตรัง สตูล สงขลา

นายธนกรกล่าวว่า รัฐบาลวางแผนการ กระตุ้นให้คนไทยเดินทางเที่ยวในประเทศผ่านโครงการเราเที่ยวด้วยกัน ระยะที่ 3 รัฐสนับสนุนค่าโรงแรม 40 เปอร์เซ็นต์ ให้คูปองอาหาร 600 บาทต่อคืน และสนับสนุนค่าตั๋วเครื่องบิน 40 เปอร์เซ็นต์ จำนวน 2 ล้านสิทธิ หรือห้องพัก รวมทั้งโครงการทัวร์เที่ยวไทย รัฐสนับสนุนวงเงิน 5,000 บาท ให้ประชาชนเดินทางเที่ยวผ่านบริษัททัวร์ 1 ล้านสิทธิ คาดว่าจะเปิดลงทะเบียนภายในก.ย.นี้ เพื่อให้ท่องเที่ยวในช่วงไฮซีซั่นของฤดูกาลท่องเที่ยวไทย

“นายกฯ กำชับดูแลเรื่องมาตรการตรวจ โควิด-19 และความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวทุกคน ส่วนปีหน้าเป็นแผนระยะที่ 4 จะเริ่มม.ค. 2565 โดยเปิดพื้นที่จังหวัดที่ติดชายแดนเพื่อนบ้านอีก 13 จังหวัด จับคู่ท่องเที่ยวระหว่างกัน หรือทราเวล บับเบิล ซึ่งทั้ง 4 ระยะจะเปิดรับนักท่องเที่ยว รวม 43 จังหวัด นอกจากนั้นยังเน้นย้ำให้ทุกหน่วยงานทำงานร่วมกัน เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมในแบบวิถีใหม่ที่มีการผ่อนคลายมาตรการ ร่วมเดินหน้าเศรษฐกิจ ภายใต้กรอบสาธารณสุข เพื่อให้เกิดประโยชน์ทั้งในวันนี้และอนาคต ลดช่องว่าง ลดความเหลื่อมล้ำ ช่วยกันเดินหน้าสู่การเปิดประเทศวิถีใหม่ต่อไป” นายธนกร กล่าว

‘กลุ่มอาชีพฟิตเนส’ร้องเยียวยา

เมื่อเวลา 11.00 น. ที่รัฐสภา นายธันย์ปวัฒน์ เตชภูวดลวิทิต และน.ส.ภัทรภัทสร์ ภัทรศิลป์วีรกุล ตัวแทนกลุ่มผู้ประกอบการสถานออกกำลังกายและผู้ฝึกสอนการออกกำลังกาย พร้อมคณะเข้ายื่นหนังสือถึง นายราเมศ รัตนะเชวง เลขานุการประธานรัฐสภา และส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ เพื่อยื่นข้อเสนอในการดำเนินการเปิดพื้นที่สถานออกกำลังกายและมาตรการรักษาความปลอดภัยในการประกอบกิจการ

นายธันย์ปวัฒน์กล่าวว่า ขอเสนอมาตรการเพื่อช่วยเหลือและเยียวยา ดังนี้1.ยกเลิกคำสั่งปิดสถานออกกำลังกายและฟิตเนสแบบเหมารวม โดยให้ปิดเฉพาะสถานประกอบการที่พบผู้ติดเชื้อหรืออยู่ในบริเวณพื้นที่ที่มีความเสี่ยงเป็นระยะเวลา 14 วัน

2.ขอให้มีคำสั่งปลดล็อกเพื่อให้สถานออกกำลังกายและฟิตเนสได้กลับมาเปิดให้บริการ และสามารถจัดกิจกรรมต่างๆ ได้เต็มรูปแบบ ภายในวันที่ 1 ต.ค.2564 โดยให้คงการปฏิบัติตามมาตรการของศบค. เพื่อรักษามาตรฐานการควบคุมโรค 3.จัดสรรฉีดวัคซีนให้กับผู้ประกอบการ ผู้ให้บริการ และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องโดยเร็วที่สุด 4.ออกนโยบายที่ชัดเจนเรื่องการเยียวยา การพักชำระหนี้ และ/หรือการกู้ยืมดอกเบี้ยต่ำโดยไม่ต้องมีหลักทรัพย์ค้ำประกัน เพื่อรักษาสภาพคล่องทางธุรกิจและรักษาการจ้างงานพนักงาน และ 5.เปิดช่องทางการสื่อสารเพื่อรับฟังความคิดเห็นและความต้องการของประชาชนที่เดือดร้อน เพื่อให้ทราบถึงมุมมอง ผลกระทบและความยากลำบากของผู้มีอาชีพในกลุ่มธุรกิจต่างๆ ก่อนที่รัฐจะออกคำสั่งที่ส่งผลกระทบต่อภาคธุรกิจนั้นๆ

จากนั้นเวลา 13.15 น. น.ส.ภัทรภัทสร์ และคณะยื่นหนังสือถึง น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล และส.ส.พรรคก้าวไกล ด้วยเช่นกัน

‘บิ๊กตู่’ตรวจเยี่ยมร.พ.สนาม

เมื่อเวลา 15.30 น. ที่ร.พ.ปิยะเวท เขตห้วยขวาง กรุงเทพฯ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม พร้อมคณะตรวจเยี่ยมโรงพยาบาลสนามสําหรับผู้ป่วยโควิด-19 ระดับสีแดง (ICU) โครงการลมหายใจเดียวกันของกลุ่ม ปตท. บนพื้นที่ 4 ไร่ หน้าโรงพยาบาลปิยะเวท

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ตื่นเต้น ขอชมเชยคนที่ตั้งชื่อโครงการ “ลมหายใจเดียวกัน” ซึ่งไม่ว่านายกฯ หรือใคร คนทำงานต่างๆ ล้วนมีลมหายใจ จึงขอให้เป็นลมหายใจเดียวกัน ช่วยกันและกันให้ฟันฝ่าอุปสรรคไปให้ได้ ตนยืนยันจะทำอย่างเต็มที่ ทั้งนี้ปกติระบบสาธารณสุขของเรารองรับผู้ป่วยได้เพียงพอและได้รับความนิยมจากต่างประเทศมาก เราเป็นประเทศชั้นนำด้านสุขภาพและสาธารณสุข วันนี้ยืนยันถ้าเราทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ ต่อไปเราจะดีกว่าเดิม และพยายามปรับรูปแบบการทำงานมาโดยตลอด วันนี้เราทำได้ครบวงจรแล้ว ถ้าสถานการณ์มีปัญหาก็ต้องทำต่อๆไป

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ขณะที่เรื่องวัคซีนขอบคุณที่ฉีดได้จำนวนมาก ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขและรัฐบาล มีนโยบายอยู่แล้วให้ฉีดให้ได้มากที่สุด ส่วนมาตรการต่างๆ ยังคงต้องทำต่อไปทั้งหมดและพยายามผ่อนคลายแต่อย่าประมาท หากกลับมาอีกก็จะมีปัญหา

“วันนี้ถือเป็นแห่งแรกที่ออกนอกที่ทำงานที่ผ่านมากักตัวบ้าง ประชุมออนไลน์บ้าง ได้ออกมาวันนี้สถานที่แรก ซึ่งเราให้เกียรติซึ่งกันและกัน ลมหายใจเดียวกัน สุขก็สุขด้วยกัน ทุกข์ก็ต้องทุกข์ด้วยกัน แต่ถ้าท่านทุกข์ ผมทุกข์กว่าท่าน” นายกฯ กล่าว และว่า วันนี้สถาน การณ์วัคซีนเราไม่น่าเป็นห่วง จากการที่เราได้เตรียมการมาถึงขนาดนี้ ยอดผู้ที่ฉีดวัคซีนแล้วก็เพิ่มขึ้นทุกวัน คิดว่าคงไม่มีปัญหาในเรื่องนี้ในช่วงนี้จะถึงปลายปี และปีหน้าก็มีแผนการจัดหาวัคซีนไว้ด้วย

ภูเก็ตเข็ม 3 – ชาวภูเก็ตกลุ่มเสี่ยง และเจ้าหน้าที่ด่านหน้าที่ได้รับวัคซีนซิโนแวคครบ 2 เข็ม เข้ารับการฉีดวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้ากระตุ้นเข็ม 3 เป็นวันแรก ที่หน่วยบริการวัคซีน สนามกีฬาสะพานหิน จ.ภูเก็ต เมื่อวันที่ 9 ก.ย.

ภูเก็ตแห่ฉีดเข็ม 3

เมื่อเวลา 10.30 น. ที่บริเวณจุดฉีดวัคซีน 4,000 ที่นั่งสนามกีฬาสะพานหิน จ.ภูเก็ต ได้ฉีดวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้ากระตุ้นเข็ม 3 ให้ประชาชน เพื่อลดอัตราการติดเชื้อ หลังฉีด ซิโนแวค 2 เข็มแล้ว โดยมีบุคลากรและด่านหน้าเข้ามารับฉีดวัคซีนจำนวนมาก

ชลฯวุ่นคลัสเตอร์ศูนย์ฝึกทหารใหม่

สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดชลบุรีรายงานว่า พบผู้ติดเชื้อเพิ่ม 1,594 ราย มียอดสะสม 70,763 ราย กำลังรักษา 14,191 ราย หายป่วย 56,096 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 15 ราย เสียชีวิตสะสม 476 ราย

จากการตรวจเชิงรุกของสาธารณสุขอำเภอและสาธารณสุขจ.ชลบุรี พบคลัสเตอร์ ศูนย์ฝึกทหารใหม่ อ.สัตหีบ ติดเชื้อเพิ่ม 553 ราย ยอดสะสม 580 ราย ผู้ป่วยแอดมิตร.พ.สมเด็จพระบรมราชเทวี ณ ศรีราชา 63 ราย

ทร.แจงคลัสเตอร์ทหารใหม่

พล.ร.อ.เชษฐา ใจเปี่ยม โฆษกกองทัพเรือ เปิดเผยว่า ตามที่สื่อเสนอข่าวว่ายอดผู้ติดเชื้อในพื้นที่จ.ชลบุรีพุ่งสูงขึ้น เนื่องจากมีคลัสเตอร์ศูนย์ฝึกทหารใหม่ อ.สัตหีบ ยอดติดเชื้อสะสม 583 รายนั้น กองทัพเรือขอชี้แจงว่าเป็นความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน เนื่องจากยอดดังกล่าว เป็นยอดสะสมที่กรมแพทย์ทหารเรือจะต้องรายงานยอดผู้ป่วยในระบบ ซึ่งเป็นยอดป่วยสะสมของทหารทั้งทหารเก่าและทหารใหม่ ผลัด 1/64 และ 2/64 ประมาณ 7,000 นาย ส่วนใหญ่หายป่วยออกไปเกือบหมดแล้ว น่าจะเกิดจากความผิดพลาดเรื่องรายงานข้อมูลค้างเก่า ส่วนการรักษา โรงพยาบาลส่วนต่อขยาย โรงพยาบาลสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์

ทั้งนี้ยอดผู้ติดเชื้อสะสมทั้งหมดของศูนย์การฝึกหน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง ทั้งผลัดที่ 1/64 และ 2/64 จนถึงวันนี้ มีทั้งสิ้น 583 นาย ขณะนี้หายป่วยกลับไปแล้ว คงเหลือรักษา 181 นาย

‘มหาชัย’ติดเชื้อเพิ่ม 643

สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสมุทรสาครรายงานว่า พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 643 ราย ติดเชื้อสะสม 98,958 ราย รักษาหายเพิ่ม 583 ราย รักษาหายกลับบ้านได้รวม 81,653 ราย อยู่ระหว่างการรักษา 16,586 ราย เสียชีวิตรายวัน 12 ราย เสียชีวิตสะสม 719 ราย

สระบุรีป่วยอีก 438

ส่วนที่จ.สระบุรี พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 438 ราย เสียชีวิต 2 ราย ที่อ.หนองแซง 1 ราย อ.พระพุทธบาท 1 ราย เสียชีวิตสะสม 234 ราย

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน