ปธ.วิปรัฐบาลแจงพัลวัน
พท.ถล่มซ้ำ ใกล้จอดแล้ว

‘บิ๊กป้อม’ กำชับส.ส.พลังประชารัฐลงพื้นที่ช่วงปิดสมัยประชุมสภา ‘ธรรมนัส’ เผยเล็งส่งชิงนายกอบต.ในนามพรรค ประธานวิป รัฐบาลแจงวุ่นรัฐสภาล่มส.ส.ต้องกลับตจว.ไปช่วยน้ำท่วม-โควิด จึงปล่อยองค์ประชุมไม่ครบดีกว่าโหวตร่างพ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ ที่เป็นกฎหมายปฏิรูปสำคัญแพ้ เพื่อไทยชี้เป็นสัญญาณเตือนยุบสภา ไล่ใครไม่อยากทำหน้าที่ก็ลาออกไป เหน็บรัฐมนตรี-ส.ส.พลังประชารัฐโดดร่มไป แห่ต้อนรับ ‘บิ๊กตู่’ ที่ชลบุรี ‘ภูมิธรรม’ จี้เอาประชาธิปไตยแจกกล้วยคืนไป

วันป่าไม้ – พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานพิธีเปิด ‘พิพิธภัณฑ์กรมป่าไม้ ปลูกป่าในใจคน’ ในวันสถาปนากรมป่าไม้ ครบรอบ 125 ปี โดยมีนายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ให้การต้อนรับ ที่กรมป่าไม้ เมื่อวันที่ 18 ก.ย.

‘บิ๊กป้อม’เปิดงานวันกรมป่าไม้

เมื่อเวลา 06.30 น. วันที่ 18 ก.ย.ที่กรม ป่าไม้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานวันสถาปนากรมป่าไม้ ครบรอบ 125 ปี มีนายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) ต้อนรับ โดยถวายเครื่องราชสักการะพระบรมราชานุสาวรีย์ พระบาทสมเด็จพระจุลจอม เกล้าเจ้าอยู่หัว เพื่อน้อมรำลึกถึงพระมหา กรุณาธิคุณ ที่ได้ทรงสถาปนากรมป่าไม้ ขึ้นเมื่อ 18 ก.ย.2439 เพื่อเป็นหน่วยงานหลักในการบริหาร ทรัพยากรป่าไม้ของชาติ ให้มีความอุดมสมบูรณ์ และยั่งยืน

จากนั้นเปิด “พิพิธภัณฑ์กรมป่าไม้ ปลูกป่าในใจคน” ซึ่งได้จัดแสดงเกี่ยวกับการบอกเล่าเรื่องราวการป่าไม้ในประเทศไทย และลำดับเหตุการณ์เกี่ยวกับการทำไม้ การใช้ประโยชน์จากทรัพยากรป่าไม้ รวมถึงความรู้ด้านการป่าไม้ เพื่อให้นักเรียน นักศึกษาตลอดจนประชาชนทั่วไป สามารถเข้ามาศึกษาหาความรู้ และเข้าใจถึงภารกิจในการดูแลทรัพยากรป่าไม้ของประเทศ รวมถึงความเป็นมาของกรมป่าไม้ ผ่านการจัดแสดงนิทรรศการ

พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ขอชื่นชมกรมป่าไม้ ที่ได้ปฏิบัติงานด้วยความมุ่งมั่น เสียสละ ที่ผ่านมาภายใต้นโยบาย ทส.และรัฐบาล โดยสามารถขับเคลื่อนภารกิจสำคัญ อย่างได้ผล เป็นรูปธรรม ได้แก่ การรักษาป่าเดิม การเพิ่มพื้นที่ป่าใหม่ คนอยู่กับป่า ส่งเสริมไม้มีค่า และพัฒนาป่าชุมชน ที่สำคัญสามารถดึงให้ชุมชนเข้ามามีส่วนร่วม เพื่อส่งเสริมการสร้างรายได้ชุมชน จากการปลูกไม้มีค่าทางเศรษฐ กิจ ยกระดับคุณภาพชีวิต บนพื้นฐานเศรษฐกิจพอเพียงได้เป็นอย่างดี

หวิดลื่นล้มที่วัด-จ่อลุยอยุธยา

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงเย็นวันที่ 16 ก.ย.ที่ผ่านมา พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) ไปร่วมงานศพนายศุภัช พูลเจริญ บิดาของ น.ส.ภริม พูลเจริญ ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ ที่วัดด่านสำโรง อ.เมือง จ.สมุทร ปราการ โดยภายหลังเสร็จพิธีระหว่างเดินทางกลับมีฝนตกลงมา อีกทั้ง มี ส.ส. นักการเมือง และแกนนำพรรคเข้ามาสวัสดี และพูดคุยด้วยทำให้พล.อ.ประวิตรไม่ทันได้ดูว่าเป็นทางลาดชัน จึงเสียหลักลื่น แต่ไม่ถึงกับก้นจ้ำเบ้า เพราะนายทหารติดตามได้เข้าประคองไว้ทัน แต่ทำเอาหลายคนถึงกับใจหาย

ด้านพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ทราบเรื่องเมื่อ วันที่ 17 ก.ย. หลังเสร็จภารกิจที่ จ.ชลบุรี ได้เดินทางเข้าไปเยี่ยมดูอาการที่บ้านในมูลนิธิป่า รอยต่อฯ พร้อมพูดคุยแนวทางการทำงานหลัง จากนี้ และรับประทานอาหารเย็นร่วมกัน อีกด้วย

อย่างไรก็ตาม ในวันพุธที่ 22 ก.ย. พล.อ. ประวิตร มีกำหนดการเดินทางตรวจเยี่ยมเตรียมความพร้อมรับมือน้ำท่วมและการบริหารจัดการน้ำที่ จ.พระนครศรีอยุธยา

กำชับพปชร.ลงพื้นที่-ส่งชิงอบต.

ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.พะเยา เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ เปิดเผยว่า พล.อ.ประวิตร กำชับให้ส.ส.พรรค ลงพื้นที่ในช่วงปิดสมัยประชุมสภา เพื่อรับฟังปัญหาและข้อเสนอของประชาชน โดยให้เสนอมาที่ตนรวบรวมและนำเสนอหัวหน้าพรรค ก่อนประสานไปยังนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีที่รับผิดชอบนำไปปฏิบัติและแก้ไขปัญหา ซึ่งการที่ส.ส.ลงพื้นที่รับฟังปัญหาและข้อเสนอแนะของประชาชนจะทำให้สื่อสารผลงานของพรรคและรัฐบาลในช่วงที่ผ่านมาได้อย่างเป็นรูปธรรม

สำหรับการเตรียมพร้อมเลือกตั้งท้องถิ่น ทั้งสมาชิกสภาและนายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง กำหนดวันเลือกตั้งในวันที่ 28 พ.ย. นั้น พรรคพลังประชารัฐมีความพร้อม และอาจจะส่งในนามของพรรค บางพื้นที่อาจลงในนามอิสระ หรือกลุ่มของตัวเอง โดยพรรคจะพิจารณาจัดสรรบุคคลลงสมัครรับเลือกตั้งแน่นอน เนื่องจากการเลือกตั้งท้องถิ่น เป็นการนำนโยบายของพรรคไปสู่พื้นที่ เป็นกลไกสำคัญที่นำไปสู่การเลือกตั้งสนามใหญ่ ที่คาดว่าจะมีขึ้นในอีก 1 ปีข้างหน้า

ปชป.เปิดตัวผู้สมัครส.ก.กลุ่มสตรี

เมื่อเวลา 10.00 น. ที่ศูนย์ประสานงานพรรคประชาธิปัตย์ เขตตลิ่งชัน กรุงเทพฯ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าพรรคประชา ธิปัตย์ (ปชป.) และประธานมูลนิธิหม่อมราชวงศ์เสนีย์ ปราโมช พร้อมแกนนำพรรค ลงพื้นที่ภายใต้ “จุรินทร์ ออนทัวร์ กรุงเทพ มหานคร” เพื่อเปิดตัว 7 ผู้สมัครสมาชิก สภากรุงเทพมหานคร (ส.ก.) ในกลุ่มสตรี สังกัดพรรคประชาธิปัตย์

ได้แก่ 1.นางผุสดี วงศ์กำแหง เขตราชเทวี 2.น.สมาริยา ฤกษ์ดี เขตลาดกระบัง 3.นางสุรภา ประยงค์ระวิกูล เขตวังทองหลาง 4.นางนฤมล รัตนาภิบาล เขตบางกะปิ 5.น.ส.ฉัฐภรณ์ ปานทอง เขตตลิ่งชัน 6.น.ส.นิภาพรรณ จึงเลิศศิริ เขตป้อมปราบ ศัตรูพ่าย และ7.นางศิรินทิพย์ มีนมณี เขตมีนบุรี

นายจุรินทร์กล่าวว่า การเตรียมผู้สมัคร ส.ก.ที่มี 50 เขต เคาะไป 40 กว่าเขต ถือ ว่าขณะนี้พร้อม 80-90% แล้ว ยังขาดเพียง ไม่กี่เขตเท่านั้น สำหรับ ส.ส. เหลือเพียง 3 เขต ที่ยังไม่เคาะ แต่เที่ยวหน้าถ้าเป็นการเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญใหม่ บัตร 2 ใบ เขตในกรุงเทพฯ จะเพิ่มขึ้น ก็ต้องพิจารณาผู้ที่จะลงสมัครเพิ่มเติมต่อไป

คุยเลือดเก่า-ใหม่ไหลเข้าไม่หยุด

ส่วนเรื่องผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม.นั้น นาย จุรินทร์กล่าวว่า ได้ตัวผู้สมัครแล้ว แต่ยังไม่ขอระบุชื่อ ไม่ได้เป็นความลับถึงขั้นที่ต้องเก็บงำอะไร แต่ได้ตกลงกันว่าเมื่อถึงเวลาที่เหมาะสมจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการต่อไป มั่นใจว่าผู้ที่พรรคจะส่งลงรับสมัครจะได้รับเสียงตอบรับจากพี่น้องชาวกรุงเทพฯ อย่างดี และจะเป็นยุคหนึ่งที่จะได้เสียงสนับสนุนไม่น้อย ส่วนจะแพ้ จะชนะ เป็นเรื่องอนาคต เป็นเรื่องของการแข่งขัน

ผู้สื่อข่าวถามถึงการที่จะมี ส.ส. และอดีต ส.ส. จากพรรคอื่นเตรียมย้ายมาอยู่กับพรรคประชาธิปัตย์ นายจุรินทร์กล่าวว่า ขณะนี้มีทั้งอดีตส.ส. ส.ส.ในปัจจุบัน และมีคนรุ่นใหม่จำนวนมากที่แจ้งความจำนงเพื่อลงสมัครรับเลือกตั้งในนามพรรคประชาธิปัตย์ และมีทุกภาค ไม่ได้มีเฉพาะในพื้นที่กรุงเทพฯ

“ขณะนี้มีเลือดใหม่จำนวนมากที่แจ้งความจำนงจะมาร่วมลงสมัครในนามพรรคประชา ธิปัตย์สมัยหน้า ไม่ว่าในรูปของระดับชาติ หรือระดับท้องถิ่น นอกจากนี้ยังมีอดีต ส.ส.ของพรรคอีกด้วย ภายใต้ยุทธศาสตร์ เลือดใหม่ไหลเข้า เลือดเก่าไหลกลับ” นาย จุรินทร์กล่าว

มั่นใจรัฐบาลมีเสถียรภาพ

ผู้สื่อข่าวถามว่าช่วงนี้ “จุรินทร์ ออนทัวร์” รุกหนักมาก เป็นสัญญาณการยุบสภาหรือไม่ นายจุรินทร์ กล่าวว่า เรื่องยุบสภา ตน ตอบอะไรล่วงหน้าไม่ได้ แต่เราไม่ได้เพิ่งมาออนทัวร์เดี๋ยวนี้ “จุรินทร์ ออนทัวร์” “ประชา ธิปัตย์ ออนทัวร์” ทำมาโดยต่อเนื่องเป็นปีแล้ว และจะทำต่อไปในทุกพื้นที่ ทุกภาคทั่วประเทศ เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาก็มี “จุรินทร์ ออนทัวร์ อันดามัน” ส่วนวันนี้ก็เป็นอีกครั้งในกรุงเทพฯ เขตตลิ่งชัน ซึ่งเฉพาะในกรุงเทพฯ ได้ทำมาอย่างต่อเนื่องหลายเขต และในปลายเดือนก.ย.นี้ “จุรินทร์ ออนทัวร์” จะได้ไปภาคเหนือใน 4-5 จังหวัดด้วย

เมื่อถามถึงเสถียรภาพรัฐบาล นายจุรินทร์กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย อย่างน้อยวันนี้ยังไม่ถึงกับบ่งชี้ว่ารัฐบาลไม่มีเสถียรภาพ และยังเดินหน้าต่อไปได้ เสียงการลงคะแนนต่างๆ ยังถือว่าเป็นเสียงข้างมากอยู่ รัฐบาลนี้เป็นรัฐบาลผสม แต่ละพรรคการเมืองที่เป็นทั้งแกนนำ และเป็นพรรคร่วมต้องดูแลพรรคตัวเอง เป็นด้านหลัก ถ้าแต่ละพรรคมีเสถียรภาพจะ ส่งผลต่อรัฐบาลผสมให้มีเสถียรภาพตามไปด้วย

ประธานวิปรบ.แจงปมสภาล่ม

นายวิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะประธาน คณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) ให้สัมภาษณ์ถึงเหตุการณ์รัฐสภาล่มเมื่อวันที่ 17 ก.ย. ซึ่งเป็นนัดส่งท้ายสมัยประชุม ทำให้การลงมติร่างพ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ พ.ศ… ที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) เป็นผู้เสนอ ต้องเลื่อนไปในการประชุมสมัยหน้าว่า ก่อนหน้านั้นหารือกันแล้วว่าได้อภิปรายร่างกฎหมาย ดังกล่าวมาพอสมควรแล้ว จะปิดตั้งแต่ช่วงเวลา 15.00 น. แต่มีสมาชิกเข้าชื่อขออภิปรายเพิ่มเติมอีก 70-80 คน

ขณะที่ ส.ส. และส.ว.จำนวนมากคิดว่าคงพิจารณาไม่จบในวันที่ 17 ก.ย.แน่นอน และต้องเลื่อนไปพิจารณาต่อในสมัยประชุมหน้า จึงเดินทางกลับต่างจังหวัด ทำให้องค์ประชุมไม่ครบตามที่ปรากฏ เมื่อเป็นเช่นนี้ก็เลื่อนการพิจารณาไปก่อน เพื่อรอให้สมาชิกครบองค์ประชุม เพราะกฎหมายสำคัญเช่นนี้จะได้ไม่มีปัญหา ยืนยันไม่ได้มีเจตนาเป็นอื่น หรือเป็นเกมการเมือง

“สมาชิกหลายคนมีภารกิจกลับต่างจังหวัด เพราะอยู่ในช่วงที่มีสถานการณ์น้ำท่วม ในหลายจังหวัดและสถานการณ์ โควิด-19 จึงเดินทางกลับก่อนและบางส่วนที่อยู่แต่ไม่กล้ายืนยันตัว เนื่องจากหากแสดงตนแล้ว แต่กฎหมายมีเหตุที่โหวตแพ้จะทำให้กฎหมาย มีปัญหามากกว่า สู้องค์ประชุมไม่ครบจะเป็นผลดีต่อร่างกฎหมายจึงตัดสินใจไม่โหวต ปล่อยให้องค์ประชุมไม่ครบและมาโหวตใหม่ในสมัยประชุมหน้าในเดือนพ.ย.” นายวิรัชกล่าว

พท.ชี้สัญญาณเตือนยุบสภา

ด้านนายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานวิปฝ่ายค้าน กล่าวว่า สิ่งที่เกิดขึ้นสะท้อนถึงความรับผิดชอบของรัฐบาลและส.ว.ที่ต่ำอย่างชัดเจน เพราะร่างพ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ เป็นกฎหมายที่หลายฝ่ายทั้งประชาชนและองค์กรครูให้ความสนใจ เราใช้เวลาอภิปรายร่างเสร็จสิ้นในช่วงหัวค่ำเท่านั้น แต่ส.ส.ซีกรัฐบาลและส.ว.บางส่วนกลับไม่ยอมอยู่เพื่อลงมติ

ที่สำคัญสะท้อนถึงนัยยะความแตกแยกของรัฐบาล เพราะเท่าที่ดูพรรคที่หายไปคือ ส.ส. พรรคพลังประชารัฐ ขณะที่ ส.ว.บางส่วนอยู่แต่กลับไม่แสดงตนเพื่อลงมติ แม้จะไม่รู้ว่าเป็นส.ว.ฝ่ายไหน แต่สิ่งที่เกิดขึ้นมีเจตนาซ่อนเร้นบางอย่าง ปัญหานี้ไม่ควรเกิดขึ้นไม่ควรมีใครนำเรื่องนี้มาเล่นการ เมือง เพราะตอนนี้ปิดสมัยประชุมแล้ว ต้องใช้เวลาถึง 2 เดือนกว่าจะกลับมาลงมติกันได้ใหม่ การทอดเวลายาวนานไม่ใช่เรื่องที่ดี

“ลักษณะแบบนี้จะเป็นปัญหาในอนาคตโดยเฉพาะเมื่อเปิดประชุมสภาในสมัยหน้า เรื่องนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ต้องขบคิดแล้วว่าจะแก้ปัญหานี้อย่างไร เพราะองค์ประชุมรัฐสภาล่มครั้งนี้ไม่เป็นธรรมชาติ เหมือนต้องการส่งสัญญาณเตือนอะไรบางอย่างไปถึงพล.อ.ประยุทธ์ หากเปิดประชุมสมัยหน้าแล้วยังเกิดสถานการณ์แบบนี้อยู่ รับรองว่ารัฐบาลไปไม่รอด ต้องยุบสภาแน่นอน” นายสุทินกล่าว

ซัดไร้ความรับผิดชอบ

นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า องค์ประชุมรัฐสภาล่มซ้ำสองในรอบสัปดาห์ ทำร่างพ.ร.บ. การศึกษาแห่งชาติชะงัก ทั้งที่เป็นธรรมนูญการศึกษาที่มีความสำคัญ และเป็นร่างกฎหมายปฏิรูปสำคัญของรัฐบาล หากต้องเลื่อนออกไปอีก 2 เดือน ถือว่ารัฐสภาไม่มีความรับผิดชอบ ทำประเทศชาติและประชาชนเสียโอกาส ไม่แน่ใจว่าปัญหาองค์ประชุมรัฐสภาล่มซ้ำสองในรอบสัปดาห์ เป็นอาฟเตอร์ช็อกมาจากความ ขัดแย้งภายในรัฐบาลหลังศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลหรือไม่ ยิ่งหากความขัดแย้งของพรรคแกนหลักรัฐบาลไม่ได้รับการแก้ไข หรือปัญหายังไม่มีทีท่าจะยุติลง จะ ส่งผลให้เกิดปัญหาต่างๆ ตามมาเป็นอาฟเตอร์ช็อกอีกหลายระลอก

ปัญหาเสถียรภาพรัฐบาลวิกฤตสั่นคลอนกำลังลามออกมากระทบกับประชาชนอย่างไม่เป็นธรรม การที่รัฐบาลเทไม่โหวต ร่างพ.ร.บ. การศึกษาแห่งชาติ สะท้อนว่ารัฐบาลยังแก้ปัญหาของตัวเองไม่ตก ประชาชนอยากได้คำตอบว่า ส.ส. ส.ว.คนใดโดดประชุมรัฐสภาจนทำให้องค์ประชุมรัฐสภาล่มเป็นครั้งที่สองในรอบสัปดาห์

เหน็บส.ส.รัฐโดดไปรับ‘บิ๊กตู่’

ส.ส.ฝ่ายรัฐบาลหลายคนไม่อยู่แสดงตนเป็นองค์ประชุม ทั้งๆ ที่เป็นกฎหมายสำคัญที่รัฐบาลเสนอเข้ามาเอง แทนที่ ส.ส. ฝ่ายรัฐบาลจะมาแสดงตนเป็นองค์ประชุมรัฐสภา แต่ปรากฏว่าทั้งรัฐมนตรี ทั้ง ส.ส.พรรคพลังประชารัฐกลับไปตบเท้าแห่รับ พล.อ.ประยุทธ์ ลงพื้นที่ จ.ชลบุรี จัดลำดับความสำคัญของปัญหาผิดจนต้องเลื่อนไปโหวตในสมัยหน้า ซึ่งต้องเสียเวลาของประเทศไป 2 เดือน สะท้อนว่ารัฐบาลนี้ไม่ได้ยึดประโยชน์ของประชาชนเป็นศูนย์กลาง ไม่ได้ให้ความสำคัญกับการศึกษาเลย

“ถึงเวลาที่ทุกฝ่ายต้องทบทวนบทบาทหน้าที่ของตัวเอง การที่วุฒิสภาได้ฉายาว่าสภาปรสิต ห่างไกลจากความเป็นจริงหรือไม่ ส.ส.ฝ่ายรัฐบาลแก้ปัญหาของตัวเองก่อนปัญหาของประชาชนหรือไม่ จะปรับปรุงแก้ไขเพื่อยกระดับการทำงานอย่างไร ถ้าไม่อยากทำหน้าที่ก็ลาออกไป” นายอนุสรณ์กล่าว

น.พ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นสัญญาณที่บ่งว่า พล.อ.ประยุทธ์ไปต่อไม่ได้จริงๆ จนมุมในสภา ไม่เฉพาะในที่ประชุมไม่ใว้วางใจสภา ลามถึงรัฐสภา เกมการต่อรองแห่งอำนาจส่อวิกฤตทางการเมืองจริงๆ พล.อ. ประยุทธ์อยู่ได้คงต้องใช้กล้วยหมดเป็นสวนๆ สุดท้ายก็ต้องยอม เกมโหดขี่คอกินตลอด ไปไม่รอด ต้องยุบสภา ไม่รู้ว่าใครเหนือกว่าใคร ใครได้ใครเสีย ที่แน่ๆ ผู้แพ้คือประเทศชาติและประชาชน ย่อยยับอับปาง ผู้นำโง่เขลาเราจะตายกันหมดจริง ขอร้อง ออกไปเถอะก่อนที่จะเสียหายมากไปกว่านี้

จี้เอาปชต.แจกกล้วยคืนไป

นายภูมิธรรม เวชยชัย ที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคเพื่อไทยและเลขาผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร โพสต์เฟซบุ๊กว่า วันที่ 19 ก.ย. เมื่อสิบห้าปีก่อน เป็นจุดเริ่มต้นของการผลักประเทศไทยให้ถอยหลังกลับไปล้าหลังทุกด้าน ด้วยการที่ทหารกลุ่มหนึ่งยึดอำนาจ จากรัฐบาลประชาธิปไตย ภายใต้การบริหารของนายทักษิณ ชินวัตร พร้อมฉีกรัฐธรรมนูญ ปี 2540 ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นรัฐธรรมนูญที่มาจากการมีส่วนร่วมของประชาชนทุกภาคส่วนและมีความเป็นประชาธิปไตยมากที่สุด สังคมไทยได้เกิดความแตกแยกอย่างรุนแรง จนยากเกินเยียวยา

19 ก.ย.2564 เราได้เห็นพัฒนาการที่เติบโตและหยั่งรากลึกของเผด็จการในขณะที่กระบวนการประชาธิปไตยถูกบิดเบือน บ่อนทำลายให้อ่อนแรง ต้องใช้พละกำลังอย่างมากในการต่อสู้ต้านทานอำนาจเผด็จการที่แฝงร่างแปลงรูปอยู่ในรัฐธรรมนูญปี 2560 เราได้เห็นประชาธิปไตยแบบ”แจกกล้วย”เพื่อแลกกับผลประโยชน์ของกลุ่มผู้มีอำนาจ และพวกพ้อง แทนที่จะได้เห็นประชาธิปไตยแบบ “กินได้” ที่ทำให้ชีวิตของประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

ในสถานการณ์ของประเทศและของโลกที่ต้องประสบเผชิญปัญหาวิกฤตที่รุนแรงอย่างที่พวกเราทุกคนต่างประสบกันอยู่ในเวลานี้ วันนี้ประเทศชาติต้องการรัฐบาลที่มีศักยภาพ ซึ่งมีเสถียรภาพจากอำนาจที่ได้รับมอบหมายจากประชาชน เพื่อแก้ไขวิกฤตการณ์ใหญ่ที่ดำรงอยู่ในปัจจุบัน และที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคต ไม่ใช่รัฐบาลที่มาจากประชาธิปไตยจอมปลอม ตาม “ระบอบประยุทธ” ซึ่งมีพัฒนาการมาจากการรัฐประหาร(รปห.) เมื่อวันที่ 19 ก.ย.2549 ที่ไม่สามารถบริหารจัดการปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพ มิหนำซ้ำยังสร้างรอยแผลที่บอบช้ำไว้ในสังคมอย่างแสนสาหัส

“เอา ประชาธิปไตยแบบ แจกกล้วย คืนไป เอา ประชาธิปไตย ที่กินได้ ของประชาชน กลับคืนมา”

ก.ก.เล็งส่งร่างกติกาเลือกตั้งประกบ

นายธีรัจชัย พันธุมาศ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล (ก.ก.) ให้สัมภาษณ์ถึงแนวทางการออกแบบร่างแก้ไขร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส. ว่า ร่างพ.ร.บ.ดังกล่าวจะมีรูปแบบมาจากพรรคฝ่ายรัฐบาลและพรรคฝ่ายค้าน

ในส่วนของพรรคฝ่ายรัฐบาลและพรรคฝ่ายค้านบางพรรค คงจะเป็นแบบคู่ขนาน คือใช้กติกาแบบรัฐธรรมนูญ 2540 แต่บางพรรคกำลังทำร่างแบบระบบจัดสรรปันส่วนผสม (MMP) อยู่ เนื่องจากไม่ได้แก้ไขรัฐธรรม นูญมาตรา 93 และมาตรา 94 ที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้งทั่วไป และยังคงมีคำว่า ส.ส.พึงมี แต่เชื่อว่าหากรัฐธรรมนูญฉบับแก้ไขได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว แต่ละพรรคการเมืองจะยื่นร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส.ของตัวเองเข้าไปประกบในชั้นกรรมาธิการ (กมธ.) อีก ครั้งหนึ่ง

แนวทางการออกแบบร่างเพื่อให้สอดคล้องกับร่างรัฐธรรมนูญ จะมี 2 แนวทาง ที่ยังไม่เกิดการตกผลึก สำหรับพรรคก้าวไกลพร้อมทั้ง 2 ระบบ เชื่อว่าจากการทำงานอย่างหนักของเราที่มีจุดยืนที่ชัดเจน และซื่อสัตย์ต่อหลักการข้อเท็จจริงทางวิชาการ ประชาชนสามารถเห็นได้ แต่เราไม่ได้เกรงว่าการเลือกตั้งจะเป็นแบบระบบคู่ขนาน หรือระบบ MMP เพราะเชื่อว่าประชาชนจะเลือกพรรคก้าวไกล ในบัตรทั้ง 2 ใบ คือทั้งบัตรเขต และบัตรพรรค

พรรคเล็กดิ้นยื่นตีความรธน.

นพ.ระวี มาศฉมาดล หัวหน้าพรรคพลังธรรมใหม่ กล่าวถึงความคืบหน้าการรวบรวมรายชื่อส.ส.ยื่นศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยความชอบด้วยกฎหมายของร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ผ่านความเห็นชอบจากที่ประชุมรัฐสภาในวาระ 3 ว่า ยอมรับว่าพรรคเล็กยังหารายชื่อได้ไม่ครบ 48 คน หรือ 1 ใน 10 ของจำนวนส.ส.ที่มีอยู่ เพราะพรรคขนาดกลางอย่างพรรคภูมิใจไทย และพรรคก้าวไกลไม่ร่วมลงชื่อด้วย ดังนั้น พรรคเล็กจะรอคำตอบจนถึงช่วงบ่ายวันที่ 20 ก.ย. ถ้าได้ชื่อครบหรือไม่ครบจะแถลงข่าวให้ทราบอีกครั้ง

ถ้าได้ไม่ครบจริงๆ คงต้องฝากความหวังให้ที่ส.ว.เป็นผู้ยื่นตีความแทน แต่ส.ว.ได้ยืนยันแล้วว่าจะไม่เข้าไปเกี่ยวข้อง ก็คงเหลือความหวังอยู่ที่นายกฯ ตามมาตรา 148 กรณีที่เห็นว่าร่างพ.ร.บ.ใดมีข้อความขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญหรือตราขึ้นโดยไม่ถูกต้องตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ ให้นายกฯ ส่งความเห็นไปที่ศาลรัฐธรรมนูญเพื่อวินิจฉัย

เมื่อถามว่าหากนายกฯ ไม่ยื่นตีความเท่ากับพรรคเล็กหมดหวังแล้วใช่หรือไม่ นพ.ระวีกล่าวว่า อย่าเพิ่งคิดไปขนาดนั้น เรากำลังหาประตูอื่นๆ อยู่ว่ามีช่องทางจะทำได้หรือ แล้วจะแถลงข่าวให้ทราบอีกครั้ง

โฆษกรัฐตีปี๊บศก.ไทยกำลังพุ่ง

เมื่อวันที่ 18 ก.ย.นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลกำลังดำเนินการแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจซึ่งเดินมาถูกทางแล้ว โดยเศรษฐกิจในครึ่งปีแรกขยายตัวที่ 2% และในไตรมาสที่ 2 มีการขยายตัวถึง 7.5% ซึ่งสูงกว่าประเทศอื่นในเอเชีย เช่น เวียดนาม อินโดนีเซีย และเกาหลีใต้

สำหรับมูลค่าการลงทุนโดยตรงของไทยยังขยายตัวสูงขึ้น ช่วงไตรมาสแรก ปี 2564 มีมูลค่า 4,012.23 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัวสูงถึง 43.8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน สะท้อนให้เห็นถึงเม็ดเงินลงทุนที่ไหลกลับเข้ามาลงทุนในประเทศไทย สัญญาณการจ้างงานเริ่มปรับดีขึ้น อัตราการว่างงานล่าสุดปรับตัวลดลงเหลือ 1.9% ของกำลังแรงงาน เทียบกับอัตราการว่างงานที่เคยสูงสุดที่ 2.1% เมื่อปีก่อน คาดว่ารายได้ต่อหัวของประชาชนจะอยู่ที่ 232,024.0 บาทต่อคนต่อปี เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วที่ อยู่ที่ 225,845.7 บาทต่อคนต่อปี จะเห็นว่ารายได้ของประชาชนมีแนวโน้มจะกลับมาฟื้นตัวดีขึ้นตามการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ

ปัจจัยสำคัญที่จะทำให้เศรษฐกิจไทยฟื้นตัว ส่วนหนึ่งมาจากบทบาทของภาครัฐที่เดินมาถูกทางแล้ว รวมทั้งมาตรการเยียวยา มาตรการฟื้นฟูและกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศ จากข้อริเริ่มวิสัยทัศน์ของนายกฯ จากปัจจัยต่างๆ คาดว่าจะส่งผลให้เศรษฐกิจไทยในปี 2564 ขยายตัวเป็นบวกได้ และคาดว่าจะขยายตัวได้เพิ่มขึ้นต่อเนื่องในปี 2565

จึงอยากวิงวอนนักการเมืองพรรคฝ่ายค้านที่พยายามวิเคราะห์เศรษฐกิจ อย่าหลงประเด็น สร้างความสับสนว่าเศรษฐกิจไทยในขณะนี้มีความย่ำแย่ จนทำให้บรรยากาศเศรษฐกิจประเทศเสียหาย ในขณะที่นายกฯกำลังเดินหน้าพลิกโฉมประเทศ ให้ประเทศและประชาชนมีความมั่นคง มั่งคั่ง อย่างยั่งยืน

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน