นางเลิ้ง-อุรุพงษ์
แยกดินแดงด้วย
ป้อมตร.ถูกเผา!
หลังจบคาร์ม็อบ

เดือดอีกหลังจบคาร์ม็อบ! คราวนี้ที่แยกนางเลิ้ง เผาป้อมตำรวจ ชุดคฝ.เข้าสลายใช้ทั้งแก๊สน้ำตากระสุนยาง ก่อนกลุ่มผู้ชุมนุมกระเจิง เจ้าหน้าที่ติดตามตั้งด่านแยกอุรุพงษ์ มาจนถึงดินแดง เหตุการณ์ปั่นป่วน เผยคฝ.จับกุมชาย 2 คนขี่จยย.ขี่ผ่านมา ส่วนคาร์ม็อบแยกอโศกก็คึก ขับรถยนต์ชนรถถัง รำลึกลุงนวมทอง ประณามรัฐประหาร 19 กันยา 49 ก่อนเคลื่อนขบวนมาถึงอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยใช้ผ้าดำคลุมเป็นสัญลักษณ์ความถดถอย ขณะที่จังหวัดอื่นๆ ก็มีคาร์ม็อบทั้งที่ร้อยเอ็ดและเชียงใหม่

เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 19 ก.ย. ที่แยกอโศกมนตรี จากกรณี นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผู้ประสานเครือข่ายไล่ประยุทธ์ (อ.ห.ต.) และกลุ่มแนวร่วมจากกลุ่มต่างๆ จัดกิจกรรม “CarMob 19 กันยา ขับรถยนต์ชนรถถัง” ซึ่งเป็นการชุมนุมขับไล่รัฐบาล และแสดงพลังต่อต้านการรัฐประหาร ในวาระครบรอบ 15 ปี เหตุการณ์รัฐประหาร 19 ก.ย. 2549 โดยใช้รูปแบบของการเคลื่อนขบวนโดยรถยนต์ทางไกล ในพื้นที่สำคัญในกรุงเทพมหานคร โดยเริ่มต้นที่แยกอโศก ในเวลา 14.00 น. และจบที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ในเวลา 18.00 น.

ผู้ชุมนุมทยอยมารวมตัวกันเพื่อตั้งขบวนโดยใช้ถนนสี่เลน ด้านหน้าขบวนเป็นรถมอเตอร์ไซค์ ส่วนด้านหลังเป็นรถยนต์ ผู้ชุมนุมส่วนใหญ่แต่งกายด้วยเสื้อผ้าสีแดง มีการแสดงสัญลักษณ์ด้วยการปักธงสีแดงหรือผูกผ้าสีแดง แปะสติ๊กเกอร์หรือแผ่นป้ายรอบตัวรถ รวมถึงมีการติดพวงหรีดด้านหลังรถ ระบุข้อความขับไล่รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม

โดยบรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก มีรถกระบะเครื่องเสียง 4 ล้อ คอยเปิดเพลง มีผู้ชุมนุม นำโดย นายอเล็กซ์ โชคร่มพฤกษ์ ศิลปินนักต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย เล่นดนตรีและร้องรำทำเพลงกันอย่างสนุกสนาน โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจมาคอยดูแลความเรียบร้อย

ในตอนหนึ่งระหว่างรอเวลาเคลื่อนขบวน เจ้าหน้าที่ตำรวจ มาพูดคุยกับผู้ชุมนุมเพื่อขอตรวจสอบป้ายทะเบียนรถยนต์ทุกคัน แต่ก็ค่อนข้างเป็นไปได้ยาก เนื่องจากรถยนต์เกือบทุกคันมีการแปะป้ายเพื่อบดบังเลขทะเบียนเอาไว้ จึงไม่ได้ตรวจสอบดังกล่าว ต่อมาได้ปิดการจราจรถนนอโศกมนตรี ฝั่งมุ่งหน้าคลองเตยไปเรียบร้อยแล้ว เหลือแค่เพียงฝั่งมุ่งหน้าถนนเพชรบุรีเท่านั้น

ต่อมาเวลา 13.30 น. มีการกั้นพื้นที่ส่วนหนึ่งบริเวณด้านหน้าขบวนรถมอเตอร์ไซค์เอาไว้ด้วยเชือกฟางสีขาว และมีรถแท็กซี่ สีเขียว-เหลืองจอดอยู่ด้านใน

เวลา 13.43 น. นายสมบัติ บุญงามอนงค์ หรือบก.ลายจุด หนึ่งในผู้จัดกิจกรรมคาร์ม็อบ เดินทางมาถึงแล้ว และได้มีการแจกเคบับม้วนห่อฟอยล์สีเงินให้กับผู้ชุมนุม หลังจากนั้นมีการถอยรถแท็กซี่ประมาณ 5 คัน มาจอดด้านหน้าขบวนคาร์ม็อบ เพื่อทำกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์รำลึกถึงนายนวมทอง ไพรวัลย์ ที่เคยขับรถแท็กซี่ชนรถถังเมื่อครั้งรัฐประหารในปี 2549 ซึ่งท่ามกลางรถแท็กซี่ที่จอดอยู่นั้นมีรถของนายสมบัติจอดอยู่ด้านหน้าสุดด้วย

โดยนายสมบัติให้สัมภาษณ์ว่า ประชาชนกังวลต่อโควิด ตนคิดว่ารูปแบบการแสดง ออกทางการเมืองต้องคำนึงถึงปัจจัยโควิด เราจึงกลับมาในรูปแบบคาร์ม็อบอีกรอบหนึ่ง และที่นัดแยกอโศกเพราะเคยประกาศว่าจะใช้พื้นที่นี้เป็นจุดเริ่มต้นการต่อสู้ ดังนั้น ในวาระครบรอบ 15 ปี รัฐประหาร จึงใช้พื้นที่นี้ และหวังว่ากิจกรรมวันนี้จะสร้างความตระหนักให้สังคม อาจมีห้วงเวลาหนึ่งที่มีคนสนับ สนุนและเห็นว่าการรัฐประหารจะช่วยแก้ปัญหาประเทศในยามที่มีความขัดแย้ง แต่กลับเป็นประตูที่ทำให้ระบบเผด็จการทหารเข้าสู่การเมือง จนผ่านมา 15 ปีแล้ว ผู้นำประเทศยังเป็นผู้นำการรัฐประหารอยู่เลย และทำให้ประเทศอยู่ในสภาวะถดถอยอย่างหนัก นี่คือราคาที่ต้องจ่ายที่ยอมให้มีการรัฐประหารเกิดขึ้น

จึงจำเป็นต้องถอดบทเรียนเรื่องนี้และไม่สนับสนุนแนวทางนอกระบบ แต่ต้องสนับสนุนแนวทางประชาธิปไตยด้วยกระบวนการเลือกตั้ง หากมีปัญหารัฐบาลก็ต้องฟังเสียงประชาชน เมื่อมีการเลือกตั้ง ประชาชนต้องเป็นผู้ตัดสิน จนกว่าสถาน การณ์จะคลี่คลายในระบบประชาธิปไตยเท่านั้น ไม่มีระบบอื่น นอกจากนี้ชนชั้นนำ โดยเฉพาะทหาร ผู้นำกองทัพทั้งหลาย ต้องเลิกคิดว่าทหารจะต้องกลับมาปกครองประเทศ ไม่เช่นนั้นเชื้อร้ายการรัฐประหารจะไปสร้างมายด์เซ็ตให้ทหารหนุ่มว่าประเทศนี้จะแก้ปัญหาด้วยการที่ทหารต้องออกมาทุกครั้ง ต้องเปลี่ยนทัศนคติคนในสังคมให้ได้

นายสมบัติกล่าวต่อว่า วันนี้ยังไล่รัฐบาลอยู่ แม้จะมีการลงมติไว้วางใจในการอภิปรายไม่ไว้วางใจเรียบร้อยแล้ว แต่ประชาชนยังยืนยันว่าไม่ไว้วางใจพล.อ.ประยุทธ์ ตนมั่นใจว่าในสภา โดยเฉพาะฝ่ายรัฐบาล การหาเสียงในการเลือกตั้งครั้งหน้าหากพรรคร่วมรัฐบาลยังคงแบกซากศพพล.อ.ประยุทธ์ต่อไป เป็นเรื่องที่ยากมาก มั่นใจว่าจะมีพรรคการเมืองฝ่ายรัฐบาล คิดจะแก้โจทย์ในการเลือกตั้งว่าจะทำอย่างไรไม่ต้องแบก พล.อ.ประยุทธ์ต่อไป เป็นไปได้ว่าการยุบสภาอาจจะเกิดเร็วกว่าที่คิดไว้แม้มีความเป็นไปได้ว่า พล.อ.ประยุทธ์จะอยู่ครบวาระ แต่ต่อให้จะอยู่ในอำนาจต่อไป แต่การเลือกตั้งครั้งหน้า ต่อให้มี ส.ว. อยู่ในมือ ประชาชนจะแสดงฉันทามติชัดเจนกว่าการเลือกตั้งที่ผ่านมา ตนมองว่าเป็นไปได้ยากที่พล.ประยุทธ์จะกลับมาอีกรอบ

ต่อมาเวลา 14.20 น. รถบรรทุกรถถังจำลองสร้างด้วยกระดาษ ซึ่งมีขนาดเท่ารถถังจริง เคลื่อนมาถึงที่แยกอโศกแล้ว โดยลำเลียงรถถังจำลองลงมาวางที่ด้านหน้า ขบวนคาร์ม็อบ

จากนั้นนายณัฐวุฒิ ให้สัมภาษณ์และปราศรัยว่า เราจะต่อสู้ต่อเนื่อง ไม่ใช่ว่าจะต้องชนะวันนี้หรือพรุ่งนี้ เรามาเพื่อยืนยันว่าผ่านมา 15 ปี คนเหล่านี้ก็ยังสู้ ตนต้องการให้แสดงให้อำนาจเผด็จการทราบว่า ไม่ว่าจะยิ่งใหญ่แค่ไหนแต่หัวใจประชาชนใหญ่กว่า เรามาเพื่อยืนยันว่า พล.อ.ประยุทธ์จะต้องออกจากตำแหน่งในทันที หากยังคงเพิกเฉย การต่อสู้ขับไล่ในนามประชาชนก็จะเดินหน้าต่อไป

วันนี้ครบรอบ 15 ปี เราสู้ เรายังอยู่ เรามารวมกันที่นี่ เพื่อให้พี่น้องเราที่ถูกฆ่าตาย อุ้มหาย ขังคุก ลี้ภัย ได้รู้ว่าหัวใจนี้ยังสู้อยู่ นายทหาร 3 ป.มีบทบาทสำคัญตั้งแต่รัฐประหาร 2549 มีรัฐธรรมนูญ 60 สืบทอดอำนาจให้กับตัวเอง เรารักทหารและกองทัพ แต่เกลียดชังนายทหารที่ใช้กองทัพย่ำยีประชาชน 15 ปีที่แล้วหลังวันยึดอำนาจ นายนวมทอง ขับแท็กซี่พุ่งชนรถถัง

ประยุทธ์ยังจำนายนวมทองได้หรือไม่ หากยังจำไม่ได้เราจะขับแท็กซี่ชนรถถังอีกครั้งเพื่อรำลึกถึงนายนวมทอง ให้พล.อ.ประยุทธ์และพวกได้รู้ว่าวันข้างหน้าหากชัยชนะเป็นของประชาชน รถถังที่ใช้ยึดอำนาจจะเป็นเพียงเศษเหล็กในประวัติศาสตร์ ไม่ได้ยิ่งใหญ่เท่าแท็กซี่ของนายนวมทอง

ชนรถถัง – นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ และนายสมบัติ บุญงามอนงค์ หรือบก.ลายจุด จัดกิจกรรมคาร์ม็อบ รำลึก 15 ปี 19 กันยา 49 ขับรถแท็กซี่ชนรถถังจำลอง แสดงสัญลักษณ์ต่อต้านรัฐประหาร ที่บริเวณแยกอโศก เมื่อวันที่ 19 ก.ย.

จากนั้นนายณัฐวุฒิได้สวมเสื้อเชิ้ตสีฟ้าซึ่งเป็นยูนิฟอร์มเสื้อแท็กซี่ และเดินลงจากเวทีปราศรัย เข้าไปนั่งตรงที่นั่งฝั่งคนขับของแท็กซี่สีเขียว-เหลือง สวมวิญญาณนายนวมทอง ก่อนจะเหยียบคันเร่งพุ่งชนรถถังจำลองถึง 3 ครั้ง หลังจากนั้นผู้ชุมนุมพุ่งเข้าทำลายรถถังจำลองจนเหลือแต่ซาก

ต่อมาเวลา 14.55 น. เริ่มเคลื่อนขบวนคาร์ม็อบจากแยกอโศก มุ่งหน้าพระราม 4 เลี้ยวขวาแยกคลองเตย ไปยังสะพานกรุงเทพฯ โดยมีจุดหมายอยู่ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 15.10 น. ขณะที่กลุ่มคาร์ม็อบเคลื่อนขบวนไปยังถนนพระราม 4 ฝั่งตรงข้ามศูนย์ฯ สิริกิติ์ เกิดเสียงดังคล้ายระเบิดขึ้น 2 ครั้ง จากการตรวจสอบพบรถจักรยานยนต์ที่จอดริมฟุตปาธ เสียหายกระจกข้างแตก ท่อน้ำประปาแตกเสียหาย มีประชาชนบาดเจ็บ 4 คน นำส่งโรงพยาบาลแล้ว

ขณะที่ฝ่ายสืบสวนสน.ทองหล่อลงพื้นที่การลงจุดตรวจสอบ โดยระบุว่ารับแจ้ง จากประชาชนที่พักอาศัยใกล้เคียงว่ามีกลุ่ม วัยรุ่น 4 คน ขับรถจักรยานยนต์มาถึงถนนรัชดาภิเษก ช่องทางริมฟุตปาธ มุ่งหน้าแยกคลองเตย เมื่อมาถึงจุดเกิดเหตุก็เกิดเสียงระเบิดดังขึ้น 1 ครั้ง ทางกลุ่มวัยรุ่นจึงลงจากรถไปใต้ต้นไม้บนฟุตปาธ และเกิดเสียงระเบิดขึ้นอีก 1 ครั้ง จากนั้นกลุ่มวัยรุ่นรีบขึ้นรถ จยย.ขับออกไป

จากการตรวจสอบเบื้องต้นทราบว่า มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 4 คน เข้ารักษาตัวที่ร.พ.เทพธา รินทร์ สอบถามพยานบริเวณใกล้เคียงคาดว่า ระเบิดที่เกิดขึ้นอาจเกิดจากระเบิดที่กลุ่มวัยรุ่นพกมาและระเบิดขึ้นเอง ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้ตรวจสอบกล้องวงจรปิด และเข้าสอบปากคำผู้ได้รับบาดเจ็บต่อไป

พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ กล่าวถึงกรณีเหตุระเบิดที่ถนนพระราม 4 ว่า ตรวจสอบเบื้องต้นตรวจพบเศษระเบิดปิงปอง 1 ลูก เป็นเศษพลาสติกสีฟ้า ทรงครึ่งวงกลม 2 ชิ้น ภายในมีคราบคล้ายดินระเบิด ที่ตัวของหนึ่งในผู้ได้รับบาดเจ็บ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงยึดไว้เป็นของกลางในคดีและจะส่งตรวจพิสูจน์ต่อไป จากการสอบถามพยานบริเวณใกล้เคียงสันนิษฐานว่าการระเบิดอาจเกิดจากระเบิดที่กลุ่มวัยรุ่นพกมาระเบิดขึ้นเอง

โดยในชั้นนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่ได้มีการแจ้งข้อกล่าวหากับผู้หนึ่งผู้ใด เนื่องจากผู้บาดเจ็บยังอยู่ระหว่างการรักษา และยังอยู่ในระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐาน และส่งวัตถุพยานที่เกี่ยวข้องไปตรวจพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ หากพบว่ามีความเชื่อมโยงกับผู้ได้รับบาดเจ็บก็จะดำเนินการแจ้งข้อหาในเรื่องของการพกพาอาวุธหรือวัตถุระเบิดไปในเมืองหรือทางสาธารณะฯ ส่วนในเรื่องการระเบิดหากมีความเชื่อมโยงกับผู้ใดก็จะแจ้งข้อหาในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป

ต่อมาเวลา 17.00 น. ขณะที่กลางขบวนคาร์ม็อบยังคงเคลื่อนตัวมาตามทางอยู่นั้น แต่หัวขบวนได้มาถึงที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยเรียบร้อยแล้ว โดยผู้ชุมนุมบางส่วนเริ่มทำกิจกรรมด้วยการคลุมผ้าสีดำบนพานแว่นฟ้าและอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เพื่อแสดงสัญลักษณ์ว่าประเทศไทยถูกคลุมถุงดำมานาน 15 ปี จากการรัฐประหาร นอกจากนี้บริเวณรอบก็มีการขึงป้ายไวนิลสกรีนใบหน้าพล.อ.ประยุทธ์ และระบุข้อความต่างๆ ด้วย

นายสมบัติปราศรัยว่า เมื่อ 15 ปีที่แล้ว หลายคนอาจมองว่าการรัฐประหารรัฐบาลทักษิณคือความจำเป็นขณะนั้น มีการโต้เถียงกันว่าเป็นเรื่องจำเป็นหรือไม่ มาจนถึงวันนี้ตนขอเรียกร้องให้ประชาชนที่เคยเชื่อว่าวิธีการแก้ไขปัญหาทางการเมืองที่มีในสังคมต้องใช้ทหารยึดอำนาจ แต่วันนี้นายทักษิณยังอยู่หรือไม่ และการต่อต้านรัฐประหารก็ยังคงอยู่ เช่นเดียวกับการตื่นตัวของเยาวชนคนหนุ่มสาวจำนวนมาก 15 ปีมานี้เกิดการรัฐประหารขึ้น 2 ครั้ง นี่คือความล้มเหลวของสังคมไทย ถ้าทำแล้วดีจะต้องจับต้องได้ว่ามันดี แต่สิ่งที่ประชาชนจับต้องได้จากการใช้วิธีนี้แก้ปัญหากลับทำให้ประเทศไทยถอยหลัง และวิบัติอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน หากเราไม่ตาบอด หูหนวก ปัญญาไม่ดับ เราย่อมถอดบทเรียนและมองเห็นได้ว่าการกระทำเมื่อ 15 ปีที่แล้วส่งผลสืบเนื่องมา ไม่ว่าใครก็ตามที่เกี่ยวข้องกับการยึดอำนาจ ตนคาดว่าคนเหล่านี้จะไม่ออกมาสนับสนุนแนวทางนี้อีก หากในอนาคตเราเกิดวิกฤตการเมืองของประเทศอีก หวังว่าจะมีความอดทนและใช้แนวทางประชาธิปไตยให้ประชาชนเป็นผู้ตัดสิน

คลุมผ้าดำ – นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ และนายสมบัติ บุญงามอนงค์ หรือบก.ลายจุด จัดกิจกรรมคาร์ม็อบ‘ขับรถยนต์ชนรถถัง’ รำลึก 15 ปีรัฐประหาร 19 กันยา 49 จากแยกอโศกมายังอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย พร้อมคลุมผ้าดำที่อนุสาวรีย์ เมื่อวันที่ 19 ก.ย.

นายณัฐวุฒิปราศรัยว่า 15 ปีที่ผ่านมาต้องแลกกับอะไรบ้าง กว่าพล.อ.ประยุทธ์จะขึ้นนั่งเก้าอี้นายกฯ มีการยึดอำนาจ 2 ครั้ง ขัดขวางการเลือกตั้ง เข่นฆ่าประชาชน มีการอุ้มหาย มีการลี้ภัย เพื่อให้ได้พล.อ.ประยุทธ์มาเป็นนายกฯ นี่คือความอัปยศที่สุดของแผ่นดิน พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯ ที่หลอมรวมคนทุกรุ่นทุกวัยเข้าด้วยกัน ยืนเคียงข้างกัน แบกรับความกดดันทางการเมืองด้วยกัน มีความรู้สึกเดียวกันคือพล.อ.ประยุทธ์ออกไป วันนี้พล.อ.ประยุทธ์ยังอยู่ พรุ่งนี้ก็อาจจะยังอยู่หรืออาจอยู่จนครบวาระ แต่ตนยืนยันว่าเราจะไล่ต่อไปจนกว่าพล.อ.ประยุทธ์ จะพ้นจากตำแหน่งนายกฯ เราไม่มีเดิมพันอะไรมากมายไปกว่าชีวิตและอิสรภาพของตัวเอง

นายณัฐวุฒิปราศรัยต่อว่า ทุกถ้อยคำประกาศ ตัวบทกฎหมาย คำสั่งของเผด็จการทั้งหลาย ไม่ได้ชอบด้วยนิติธรรมที่จะทำให้ประชาชนเคารพได้ ประเทศไทยไม่มีคนกลุ่มไหนปฏิเสธและย่ำยีกฎหมายเท่า พล.อ.ประยุทธ์ อีกแล้ว ยึดอำนาจ บริหารโควิดผิดพลาดแล้วก็นิรโทษกรรมตัวเอง ในวาระครบรอบ 15 ปี รัฐประหาร เรามาแสดงพลังที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยที่มีคุณค่าและความหมายกับประชาชน แต่ไร้ค่าไร้ความหมายในสายตาเผด็จการ 15 ปีมาแล้วที่แห่งนี้มีสถานะเพียงศาลาคนเศร้าของผู้รักประชาธิปไตย

“ผมอยากบอกไปยังฝ่ายสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ ถ้าจนถึงวันนี้พวกคุณยังไม่สำนึก ไม่รู้ว่าคุณได้นำพาประเทศถอยหลังพินาศวอดวายปานใด เราไม่คิดร้ายต่อกันส่วนตัว แต่ในทางการเมืองมาจนถึงขนาดนี้ ประชาชนคนไหนยังเชียร์พล.อ.ประยุทธ์ ทางการเมืองถือว่าเราขาดกันตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ทางใครทางมัน และชัยชนะจะต้องเป็นของฝ่ายประชาธิปไตย ที่ผมมั่นใจเพราะหากแพ้ มันแพ้ไปนานแล้ว แต่แท้ที่จริงเราต่างหากที่สะสมชัยชนะ พวกเขาต่างหากที่สะสมความพ่ายแพ้อยู่ทุกวัน แหกตาดูประเทศ แหกหูฟังประชาชนบ้าง พล.อ. ประยุทธ์จะอุ้มกันทำไมนักหนา พล.อ. ประยุทธ์ไม่ได้มีความสามารถจะแก้ปัญหาใหญ่ๆ ของบ้านเมืองได้ ขนาด 3 ป. ยังแก้ปัญหาไม่ได้เลย” นายณัฐวุฒิกล่าว

นายณัฐวุฒิปราศรัยต่อว่า วันนี้เราเตรียมการหลายอย่าง ทั้งแจกธง ขับรถชนรถถัง คลุมถุงดำอนุสาวรีย์ ผู้คนออกมาล้นหลาม เสียดายฝนตก แต่เห็นหรือไม่ว่าฝนไม่ตกตลอดกาล เผด็จการจะไม่อยู่ตลอดไป หลังจากวันนี้ได้โปรดติดตามความเคลื่อนไหวต่อไป เราพยายามทดสอบวิธีการต่อสู้หลายรูปแบบ และได้ข้อสรุปว่าภายใต้สถานการณ์โควิด รูปแบบคาร์ม็อบตอบโจทย์การแสดงพลังได้สูงสุด ดังนั้น ขอให้ตนและพรรคพวกได้ถอดบทเรียนการชุมนุมในวันนี้ก่อน เพื่อประกาศการต่อสู้ครั้งต่อไป

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากปราศรัยจบ นายณัฐวุฒิและนายสมบัติ รวมถึงมวลชนได้ชู 3 นิ้วขึ้นเหนือศีรษะ พร้อมกับเสียงเพลงเราคือเพื่อนกันที่นายอเล็กซ์และมวลชนร่วมกันร้อง ก่อนที่จะยุติการชุมนุมแยกย้ายกลับที่พักในเวลา 18.06 น.

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากนายณัฐวุฒิให้สัมภาษณ์เสร็จสิ้น มีความวุ่นวายเกิดขึ้นบริเวณซอยข้างร้านอาหารแห่งหนึ่ง โดยมีเสียงดังคล้ายประทัดดังขึ้น 1 ครั้ง และมีกลุ่มควันสีขาวลอย ซึ่งมวลชนได้วิ่งกรูเข้าไป โดยจากการสอบถามเบื้องต้นทราบว่า หลังจากมีเสียงคล้ายประทัด ได้มีการกอดคอชายคนหนึ่งมายังบริเวณใกล้เกาะกลางถนน ซึ่งผู้ชุมนุมต่างกรูเข้าหาอีกครั้งด้วยความเข้าใจผิดว่าน่าเป็นผู้ก่อเหตุ แต่ความจริงแล้วเป็นผู้ชุมนุมเช่นเดียวกัน ทั้งนี้ไม่สามารถระบุตัวผู้กระทำเหตุใดและไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เนื่องจากมีมวลชนอยู่จำนวนมากและสถานการณ์ค่อนข้างชุลมุน

เมื่อเวลา 19.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังกลุ่มนายณัฐวุฒิประกาศยุติการชุมนุมมีกลุ่มวัยรุ่นรวมตัวกันที่แยกดินแดง หลังจากที่บริเวณดังกล่าวมีการรวมตัวและปะทะกับเจ้าหน้าที่อย่างต่อเนื่องมาเป็นเวลานับเดือนแล้ว ซึ่งเกิดเหตุความวุ่นวายเมื่อ เจ้าหน้าที่ควบคุมฝูงชนพยายามเข้าควบคุมสถานการณ์ จากนั้น กลุ่มผู้ชุมนุมได้ตะโกนว่า นางเลิ้งมีการปะทะ ทำให้บางส่วนเตรียมเคลื่อนขบวนไปยังแยกนางเลิ้ง

ปะทะเดือด – กลุ่มวัยรุ่นปะทะ คฝ. มีการยิงพลุไฟ และเหตุไฟไหม้ป้อมตร. แยกนางเลิ้ง นอกจากนี้ยังมีการปะทะกันหลายจุด ระหว่างเส้นทางจากอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ไปแยกดินแดง เมื่อค่ำวันที่ 19 ก.ย.

ต่อมาเมื่อเวลาประมาณ 19.30 น. พบว่ามีเหตุความวุ่นวาย กลุ่มวัยรุ่นได้ยิงประทัดและพุล รวมทั้งประทัดยักษ์เข้าใส่เจ้าหน้าที่ตำรวจที่ควบคุมสถาานการณ์อยู่บริเวณสะพานชมัยมรุเชฐ ซึ่งจะตรงไปยังทำเนียบรัฐบาล มีการยิงแก๊สน้ำตาโต้ตอบกลุ่ม ผู้ชุมนุม จากนั้น กลุ่มผู้ชุมนุมได้ตะโกนว่า ไปแยกดินแดง ระหว่างนั้นเกิดเหตุเพลิงไหม้ป้อมจราจรบริเวณแยกนางเลิ้ง และเหตุการณ์เข้าสู่ความสงบ ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจคฝ.และชุดเคลื่อนที่เร็วได้เข้าตรึงกำลัง

ต่อมาเวลาประมาณ 20.30 น. มีชาย 2 คนถอดเสื้อขี่จยย.ผ่านมาที่แยกนางเลิ้ง และถูกตำรวจคฝ.ควบคุมตัวไป ต่อมามีหญิง 2 คน ระบุเป็นภรรยาของชายที่ถูกจับออกมาตามหา ระบุว่าสามีไม่ได้เกี่ยวข้องกับการชุมนุม แค่ขี่จยย.ผ่านมาเท่านั้น แล้วยังไม่ถึงเวลาเคอร์ฟิวทำไมต้องถูกจับด้วย พร้อมเรียกร้องให้คฝ.ปล่อยตัวสามีกลับบ้าน

ขณะที่แยกอุรุพงษ์ ซึ่งเป็นจุดเชื่อมต่อจากแยกนางเลิ้ง เส้นทางที่จะไปยังดินแดง มีกำลังคฝ.ตั้งด่านตรวจสอบ จับกุมประชาชนไปจำนวนหนึ่ง และค้นทั้งรถยนต์และรถจักรยานยนต์ที่ผ่านไปมา นอกจากนี้พบว่าคฝ.ได้ตรึงกำลังที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย แยกดินแดง เพื่อป้องกันเหตุ ขณะที่มีเสียงประทัดดังอย่างต่อเนื่อง

ขณะที่ความเคลื่อนไหวในพื้นที่ต่างๆ ที่จ.ร้อยเอ็ด กลุ่มราษฎรสาเกตุ จัดคาร์ม็อบประณามการทำรัฐประหาร 19 ก.ย.49 ครบรอบ 15 ปี รวมตัวที่บึงพลาญชัย ในเวลา 15.00 น. โดยมีผู้ร่วมขบวนกันอย่างคับคั่ง

รำลึก19ก.ย.- กลุ่มนปช.แดงเชียงใหม่ จัดกิจกรรมคาร์ม็อบ จากวัดหาดสำราญ อ.ฝาง จ.เชียงใหม่ ไปยังตัวเมืองฝางรำลึก 15 ปีรัฐประหาร 19 ก.ย.49 นอกจากนี้ยังจัดกิจกรรมที่บริเวณลานอนุสาวรีย์สามกษัตริย์ อ.เมืองเชียงใหม่ ควบคู่ไปกับขบวนคาร์ม็อบใหญ่ในกรุงเทพฯ เมื่อ 19 ก.ย.

ที่จ.เชียงใหม่ มีการจัดกิจกรรมคาร์ม็อบ ด่วนนครพิงค์ ขบวนที่ 5 ครบรอบ 15 ปี รัฐประหาร 19 กันยา 49 เคลื่อนขบวนไปที่ลานสามกษัตริย์ จ.เชียงใหม่

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน