วอนพ่อแม่ให้นร.ได้ฉีด
ญี่ปุ่นบริจาคแอสตร้าอีก
สธ.มั่นใจธค.ทะลุเป้า70%

‘บิ๊กตู่’ขอบคุณประชาชน-ทีมแพทย์ช่วยยอดฉีดวัคซีนทะลุเป้า ‘อนุทิน’ยันไม่เคยเตะถ่วงไฟเซอร์บริจาคของสหรัฐ แต่ต้องรอคำยืนยันชัดเจนจากสถานทูตก่อน วอนผู้ปกครองยอมให้ เด็ก 12 ปีฉีดไฟเซอร์ คร.เผยญี่ปุ่นให้เปล่า แอสตร้าฯ อีกล็อตไม่กี่วันมาถึงแล้ว แพทย์ชนบทฟันธงสั่งย้ายผอ.ร.พ.มหาราช โคราช เหตุต้านฮั้ว ‘เอทีเค’ หมอเกรียงก็เชื่อมองไม่เห็นปมอื่น โคราชสั่งปิดยาวตลาดสุรนารีไร้มาตรการป้องโควิด ชลบุรีลามไม่หยุด โผล่ 3 คลัสเตอร์ใหม่ เกาะยาวติดเชื้ออื้อ สตูลสั่งปิด 14 วัน ไทยป่วยใหม่ 1.1 หมื่น-ดับอีก 127 ราย

ป่วยใหม่ 1.1 หมื่น-ดับอีก 127 ราย

วันที่ 25 ก.ย. ศูนย์บริหารสถานการณ์ โควิด-19 (ศบค.) รายงานสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19 ประจำวัน มีผู้ป่วยใหม่ 11,975 ราย จำแนกเป็นติดเชื้อภายในเรือนจำ/ที่ต้องขัง 92 ราย ผู้ป่วยจากระบบเฝ้าระวังฯ 10,651 ราย ผู้ป่วยจากการค้นหาเชิงรุก 1,213 ราย ผู้ป่วยมาจากต่างประเทศ 19 ราย หายป่วยกลับบ้าน 14,700 ราย หายป่วยสะสม 1,381,176 ราย ยอดผู้ป่วยสะสมระลอกเดือนเม.ย. จำนวน 1,520,422 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 127 ราย ผู้ป่วยกำลังรักษา 124,540 ราย

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ขอบคุณประชาชน บุคลากรทางการแพทย์และเจ้าหน้าที่ทุกคน ที่ร่วมมือร่วมใจกันเข้ารับและให้บริการฉีดวัคซีนโควิด-19 ทำให้วันที่ 24 ก.ย. สร้างสถิติยอดฉีดวัคซีนรายวันสูงสุดที่ 1,443,582 โดส เพื่อถวายเป็น พระราชกุศลเนื่องในวันมหิดล

การให้บริการฉีดวัคซีนทั่วประเทศเกินกว่า 1.4 ล้านโดส เป็นตัวเลขการฉีดรายวันสูงสุด โดยแบ่งเป็นเข็มที่ 1 จำนวน 947,290 โดส เข็มที่ 2 จำนวน 320,864 โดส รวมถึงการฉีดเข็มที่ 3 และ 4 กระตุ้นภูมิคุ้มกัน ทำให้ไทยมียอดการฉีดวัคซีนสะสมแล้วกว่า 50 ล้านโดส นายกฯ ยังเชื่อมั่นในศักยภาพสาธารณสุขไทย จะสามารถบรรลุเป้าหมายการฉีดวัคซีน 100 ล้านโดส คิดเป็น 50 ล้านคน หรือร้อยละ 70 ของประชากรกลุ่มเป้าหมาย ภายในปี 2564 นี้ ตามที่นายกฯ ประกาศให้การฉีดวัคซีนเป็นวาระแห่งชาติ

“นายกฯ ฝากขอบคุณประชาชนทุกคนที่เข้ารับการฉีดวัคซีน และชื่นชมบุคลากรทางการแพทย์ เจ้าหน้าที่สาธารณสุขในทุกพื้นที่ ที่ทำงานแม้จะเป็นวันหยุดราชการ ให้บริการประชาชนที่เข้ามารับการฉีดวัคซีนตามจุดบริการต่างๆ นายกรัฐมนตรียังให้ความมั่นใจว่า รัฐบาลเดินหน้าตามแผนการจัดหาและกระจายวัคซีน เพื่อลดความรุนแรงในการเจ็บป่วยและเสียชีวิตในประชากรกลุ่มเสี่ยง ที่สำคัญยิ่ง คือ หนุนการกลับมาประกอบกิจการ/กิจกรรม เตรียมพร้อมขับเคลื่อนเศรษฐกิจ รองรับการฟื้นตัวของภาคธุรกิจ อุตสาหกรรมและการท่องเที่ยวในช่วงปลายปีนี้ด้วย” นายธนกรกล่าว

วอนผปค.ให้เด็ก 12 ฉีดไฟเซอร์

วันเดียวกัน นายอนุทิน ชาญวีรกูล รอง นายกฯ และรมว.สาธารณสุข (สธ.) กล่าวถึงการฉีดวัคซีนโควิด-19 ในเด็กอายุ 12 ปีขึ้นไปว่า จากนี้วัคซีนจะทยอยเข้ามามากเพียงพอ เพื่อเร่งฉีดให้ครอบคลุมประชาชนทุกกลุ่มได้ โดยเฉพาะ mRNA ของไฟเซอร์ที่จัดซื้อมา 30 ล้านโดส จะเริ่มทยอยมาตั้งแต่สิ้น ก.ย.นี้จนถึงสิ้นปี สามารถฉีดให้ลูกหลานอายุ 12 ปีขึ้นไป ขอให้พ่อแม่ผู้ปกครองที่มีบุตรหลานอายุ 12-18 ปีในวัยเรียน ซึ่งมีประมาณ 6 ล้านคน ให้พิจารณาให้น้องๆ มารับวัคซีนไฟเซอร์ เพื่อสามารถไปเรียนหนังสือได้และทางโรงเรียนจะได้เปิดการเรียนการสอนให้เป็นปกติโดยเร็วที่สุด

สธ.ยืนยันจัดหาวัคซีนปีหน้าจะมีความเพียงพอแน่นอน และนำมาใช้ฉีดกระตุ้นภูมิคุ้มกัน ไม่ต้องไปฉีด 2 เข็มแบบปีนี้อีกต่อไป วัคซีนที่มาจากนี้เป็นต้นไป สธ.จะนำมาฉีดกระตุ้นภูมิประชาชนไปเรื่อยๆ จนกว่าสถานการณ์จะดีขึ้น โรคโควิดจะลดความสามารถในการคุกคามประชาชน ลดความรุนแรง เพราะเรามีวัคซีน ใช้มาตรการต่างๆ ป้องกันแพร่เชื้อได้ดี ทุกคนจะควบคุมสถานการณ์ได้ในที่สุด แนวโน้มทั้งหลายเป็นไปได้ด้วยดี ขอบคุณความร่วมมือคณะแพทย์ บุคลากรทางการแพทย์ ทั้งในและนอก สธ. ที่มุ่งมั่นตั้งใจ ทุ่มเททำงานเต็มที่เพื่อประชาชนปลอดภัยจากโรคระบาด

เมื่อถามถึงกรณีทูตไทยประจำสหรัฐ มาเจรจารัฐบาลไทยและสธ.เรื่องการบริจาควัคซีนอีก 1 ล้านโดส นายอนุทินกล่าวว่า ติดตามข่าวพร้อมๆ กับผู้สื่อข่าวว่า มีข่าวเอกอัครราชทูตไทยประจำสหรัฐอเมริกาชี้แจงมาว่า จะมีการเริ่มเปิดการเจรจาในวัคซีนบริจาคของไฟเซอร์ที่รัฐบาลสหรัฐ จะให้กับประเทศ ไทย แต่ตอนนี้รายละเอียดยังไม่ถึงมือ สธ. แต่ถ้าเป็นข่าวที่ถูกต้องจากท่านเอกอัครราชทูตไทยประจำสหรัฐ ถือเป็นนิมิตหมายที่ดี

สธ.พร้อมที่จะให้ความร่วมมือในทุกด้าน ขั้นตอนการบริจาควัคซีนระหว่างรัฐต่อรัฐ ต้องเริ่มจากกระทรวงการต่างประเทศ ที่จะแจ้งเงื่อนไขรายละเอียดมายัง สธ. โดย สธ.จะรีบตอบสนองเจตนารมณ์ผู้บริจาคโดยเร็วในทุกครั้ง ไม่เคยมีการดึงเรื่องให้ล่าช้าหรือเสียเวลา ตรงกันข้ามมีแต่จะเร่งดำเนินการให้แล้วเสร็จโดยเร็วที่สุด เห็นหลายครั้งแล้วจากการบริจาคที่ผ่านมา ทั้งสหรัฐ จีน อังกฤษ ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ เราพร้อมดำเนินการรวดเร็ว ขอให้มั่นใจว่า เมื่อขั้นตอนถูกเริ่มขึ้นมาเมื่อไรจะรีบตอบรับโดยเร็ว และให้ความร่วมมือนำวัคซีนมาให้ประชาชนโดยเร็วเท่าที่ทำได้

ญี่ปุ่นให้แอสตร้าฯอีก

นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค ได้ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวถึงความคืบหน้าในการรับวัคซีนโควิด-19 ซึ่งบริจาคจากต่างชาติว่า ได้รับรายงานข้อมูลล่าสุด จาก นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร รองอธิบดีกรมควบคุมโรค ว่าประเทศญี่ปุ่นมีความประสงค์บริจาควัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าให้ประเทศ ไทย เพิ่มเติมจากที่เคยได้บริจาคมาอีก 3 แสนโดส คาดว่าจะส่งมาถึงกลางสัปดาห์หน้า ทั้งนี้ ด้วยความสัมพันธ์มิตรประเทศที่ดีระหว่างกัน ตามปกติประเทศต้นทางจะทำเรื่องมาเพื่อขอบริจาค ซึ่งไทยเราก็ไม่เคยปฏิเสธการบริจาคใดๆ

“เราจะปฏิเสธได้ยังไง เป็นมิตรน้ำใจ ไมตรี ไม่เคยปฏิเสธ อย่างญี่ปุ่นบริจาคมาหลายครั้ง ซึ่งจะแตกต่างจากการแลกวัคซีน (swap vaccine) อย่างที่สิงคโปร์กำลังดำเนินการแลกวัคซีนแอสตร้าฯ กับไทย ซึ่งจะส่งมาถึงในวันนี้ จำนวน 1.4 แสนโดส” นพ.โอภาส

เมื่อถามถึงปมสงสัยเรื่องการรับวัคซีน ไฟเซอร์จากสหรัฐ นพ.โอภาสกล่าวว่า ประเทศต้นทางจะกำหนดเงื่อนไขต่างๆ ออกมา บางประเทศขอให้เก็บข้อมูลไว้ก่อน ให้เกิดความชัดเจนจึงประกาศเป็นข่าว ส่วนใหญ่ขั้นตอนไม่ได้มีความยุ่งยาก แต่ก็ขอให้เป็นไปตามที่ตกลงระหว่างกัน

นพ.โอภาสกล่าวอีกว่า สำหรับแผนการฉีดวัคซีนในเดือนต.ค.-ธ.ค. หลังปรับนโยบายการฉีดวัคซีน เรียกว่าฉีดสูตรไขว้ โดยฉีด ซิโนแวคเข็มแรกและแอสตร้าเซนเนก้าเข็มที่ 2 ทำให้ฉีดเข็มที่ 2 ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น ตามแผนสิ้นเดือนก.ย.จะฉีดเข็มที่ 1 สะสม 32 ล้านคน หรือ 45% ต.ค. 41 ล้านคน หรือ 58% พ.ย. 50 ล้านคน หรือ 71% ธ.ค. 60 ล้านคนหรือ 85% ส่วนเข็มที่ 2 สิ้นเดือนก.ย. ฉีดสะสม 18 ล้านคน หรือ 25% ต.ค. 30 ล้านคน หรือ 45% พ.ย. 42 ล้านคน หรือ 60% และธ.ค. 52 ล้านคน หรือ 74% เกินจากเป้าหมายที่วางแผนไว้ ถ้าฉีดได้ตามเป้าจะทำให้สถานการณ์การติดเชื้อ เสียชีวิตลดน้อยลง ทำให้สามารถกลับมาใช้ชีวิตได้ใกล้เคียงกับปกติมากที่สุด

แฉปมต้านเอทีเคย้ายหมอเกรียงศักดิ์

สำหรับกรณี สธ.มีคำสั่งย้าย นพ.เกรียงศักดิ์ วัชรนุกูลเกียรติ ผอ.ร.พ.มหาราชนครราชสีมา นพ.สุภัทร ฮาสุวรรณกิจ ผอ.ร.พ.จะนะ จ.สงขลา ประธานชมรมแพทย์ชนบท โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า พี่ฉิก หมอเกรียงศักดิ์ ผู้กล้าแห่งยุคสมัย “พี่ฉิกถูกสั่งย้าย” มีเพื่อนโทรบอกผม ผมคิดในใจ “งานนี้คงมีใบสั่งเอาคืนแน่ๆ” เพราะพี่ฉิก เป็นหนึ่งในแม่ทัพใหญ่ศึกเอทีเค ที่ออกมาเปิดโปงความไม่ชอบมาพากลในการจัดซื้ออย่างตรงไปตรงมา เล่นเอาฝ่ายการเมืองหงุดหงิดหนักมาก

พี่ฉิกถูกย้ายจาก ร.พ.มหาราชโคราชไป ร.พ.ขอนแก่น ทั้งๆ ที่อยู่มหาราชได้ปีเดียว และไม่ได้บันทึกประสงค์ขอย้าย ยังสนุกกับการทำงานด้วยรอยยิ้มและเต็มไปด้วยพลังสร้างสรรค์ รอยยิ้มพี่ฉิกนี้จริงใจและหวานเหมือนในรูปอย่างสม่ำเสมอครับ พี่ฉิกไม่คิดไปหาไปคุยกับผู้ใหญ่ ไม่คิดไปประกบเดินตาม ซึ่งไม่ใช่นิสัยพวกเรา มุ่งมั่นลุยงานเต็มที่ดีกว่า และเป็นธรรมเนียมที่ควรจะเป็นในการบริหารโรงพยาบาลว่า ผอ.ไม่ใช่ สสจ.ไม่ควรย้ายบ่อย เพราะความต่อเนื่องสำคัญต่อการพัฒนา

วัฒนธรรมการแต่งตั้งโยกย้ายที่มีธรรมา ภิบาล ได้คนดีคนเก่งมาทำหน้าที่ มีความต่อเนื่อง ไม่ใช่เล่นเก้าอี้ดนตรี ไม่ใช่ต้องทำเป็นปิดตาปิดปากต่อการทุจริตหรือนโยบายที่ไร้ประสิทธิผล สิ่งเหล่านี้ยังหาพบได้ยากในระบบราชการไทย ความกล้าหาญของพี่ฉิก หมอเกรียงศักดิ์ วัชรนุกูลเกียรติ คือหนึ่งในต้นแบบของผมครับ ในยามที่ธรรมาภิบาลหายากในแผ่นดินไทย จะถูกย้ายไปเป็น ผอ.ร.พ.ขอนแก่น ทั้งที่ทำงานได้เพียง 1 ปี ผู้บริหารฝ่ายประจำ ต้องมีคำตอบให้กับสังคม หากพูดเพียงว่าย้ายในระนาบเดียวกัน คงฟังไม่ขึ้น ชมรมแพทย์ชนบทจะติดตามเรื่องนี้กันต่อไป เชื่อใบสั่งการเมือง

วันเดียวกัน นพ.เกรียงศักดิ์เผยว่า การย้ายในครั้งนี้รู้สึกตกใจบ้าง เพราะเป็นการสั่งย้ายกะทันหัน โดยที่ไม่ได้ทำหนังสือขอย้าย ทำให้ไม่ทันได้ตั้งตัว แต่ด้วยความที่เป็นข้าราชการคงเรียกร้องอะไรไม่ได้ ต้องทำตามคำสั่งผู้บังคับบัญชา ส่วนเรื่องที่มีคนวิพากษ์วิจารณ์ว่าอาจจะเกี่ยวข้องกับเรื่องไปขวางการจัดซื้อชุดเอทีเค 8.5 ล้านชุดหรือไม่นั้น ส่วนตัวไม่แน่ใจ แต่นอกจากเรื่องดังกล่าวแล้ว ไม่เห็นจะมีเรื่องอะไรอื่นที่จะมีผลกับการถูกย้าย

ปิดยาว – เจ้าหน้าที่เร่งฉีดยาฆ่าเชื้อในตลาดสุรนารี หลังคณะกรรมการโรคติดต่อ จ.นครราชสีมา สั่งปิดไม่มีกำหนด จากคลัสเตอร์โควิด ที่ลามไม่หยุดติดเชื้อถึง 486 รายแล้ว อีกทั้งยังพบเปิดโดยไม่มีใบอนุญาต เมื่อวันที่ 25 ก.ย.

ปิดตลาดสุรนารีไม่มีกำหนด

สำหรับสถานการณ์แพร่ระบาดโควิด-19 ในพื้นที่ทั่วประเทส ล่าสุดคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดนครราชสีมา เปิดเผยสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 คลัสเตอร์ตลาดสุรนารี เขตเทศบาลนครนครราชสีมา ตลาดค้าส่งพืชผักผลไม้ที่ใหญ่ที่สุดในภาคอีสาน ล่าสุดมีผู้ติดเชื้อจากคลัสเตอร์ตลาดสุรนารีแล้วกว่า 486 ราย แพร่กระจายไปในพื้นที่ 19 อำเภอของจังหวัดนครราชสีมา และยังมีแนวโน้มการแพร่ระบาดของโรคเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยมีประชาชนกลุ่มเสี่ยงต่อการติดเชื้ออีกเป็นจำนวนมาก

นายศักดิ์สิทธิ์ สกุลลิขเรศสีมา รองผวจ.นครราชสีมา ในฐานะรองประธานคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดนครราชสีมา เปิดเผยว่า ที่ผ่านมาคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดนครราชสีมา ให้โอกาสผู้บริหารตลาดสุรนารีชี้แจงข้อมูลรายชื่อผู้ค้า และผู้ที่เกี่ยวข้อง เพื่อประโยชน์ในการสอบสวนโรค รวมทั้งแนวทางการดำเนินการควบคุมโรค เมื่อเปิดตลาดสุรนารี ตามกำหนดการเดิมในวันที่ 26 ก.ย.นี้ แต่ทางตลาดไม่มีความชัดเจนเกี่ยวกับแนวทางการปฏิบัติตามมาตรการสาธารณสุข และยังไม่มีใบอนุญาตประกอบกิจการตลาด หลังจากเปลี่ยนจากชื่อเดิม ตลาดสุรนคร มาเป็นตลาดสุรนารี

คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดนครราชสีมา จึงมีคำสั่งขยายเวลาปิดสถานที่เสี่ยงต่อการแพร่ของโรคติดต่ออันตรายให้ปิดตลาดสุรนารี ห้ามมิให้ผู้ใดประกอบกิจการค้าขาย รวมทั้งใช้เป็นที่ขนถ่ายสินค้า และขนส่งสินค้าในพื้นที่ ห้ามมิให้ผู้ใดเข้าออกพื้นที่ เว้นแต่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อ หากผู้ใดฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามคำสั่งนี้ มีความผิดตามมาตรา 18 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 4 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และมีความผิดตามมาตรา 52 แห่งพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ.2558 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 1 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป จนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง

ลำปางเปิดไทม์ไลน์สาวติดเชื้อ

ศูนย์ข้อมูลโควิด-19 จ.ลำปาง เปิดเผยไทม์ไลน์ผู้ป่วยติดเชื้อรายที่ 1,894 เป็นชายวัยชรา อายุ 80 ปี ชาว ต.แม่วะ อ.เถิน อาชีพสัปเหร่อ มีโรคประจำตัว เบาหวาน ไขมันในเลือดสูง ไม่มีประวัติเดินทางไปต่างจังหวัด เจ้าตัวไม่ทราบติดเชื้อมาจากไหนอยู่บ้านมาตลอด เพียงไปช่วยงานศพชาวบ้าน กับไปร.พ.ตามหมอนัดเท่านั้น ที่สำคัญได้รับวัคซีนโควิด-19 ครบ 2 เข็ม คือซิโนแวคและแอสตร้าเซนเนก้าแล้ว

อีกรายผู้ป่วยรายที่ 1,893 เป็นหญิง อายุ 44 ปี ชาว อ.เมืองปาน อาชีพค้าขาย ที่กรุงเทพฯ มีประวัติสัมผัสใกล้ชิดผู้ป่วย โควิด-19 ที่กรุงเทพฯ เดินทางไปหลายที่ทั้ง จ.เชียงใหม่ และจ.ลำปาง นั่งเครื่องบินไปกรุงเทพฯ และมีผู้สัมผัสใกล้เสี่ยงสูง พ่อ แม่ เพื่อนร่วมงาน รวมทั้งกลุ่มเสี่ยงที่ผู้ป่วยติดเชื้อเดินทางไปทานอาหารที่ร้าน ไปส่งพ่อ-แม่ที่ ร.พ.เมืองปาน และร.พ.มะเร็งลำปาง และบ้านญาติที่ ต.ปงแสงทอง และต.พิชัย ศาลากลางจังหวัด และที่ว่าการอำเภอ และอีกหลายที่

วันที่ 16 ก.ย. โดยสารเครื่องบินสายการบินบางกอกแอร์เวย์ส เที่ยวบิน พีจี 208 ที่นั่ง 15 บี (15.30-17.30 น.) จากสนามบินลำปางไปกรุงเทพฯ วันที่ 17-18 ก.ย. ทำงานที่ร้านขายมือถือ ที่แฟชั่นไอส์แลนด์ ชั้น 3 วันที่ 19 ก.ย. ตรวจโควิด-19 ที่โปรแล็บตลาดปัฐวิกรณ์ไม่พบเชื้อ เดินทางกลับ จ.ลำปาง กับเพื่อนชายและน้า วันที่ 20 ก.ย. นอนพักบ้านน้าที่ ต.ปงยางคก อ.ห้างฉัตร รู้สึกระคายเคืองคอรับแจ้งว่าข้างร้านที่ตนค้าขายพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 ไปตรวจหาเชื้อโควิด-19 ด้วยวิธีเอทีเค ที่ ร.พ.เมืองปาน ผลเป็นบวก และส่งตรวจยืนยันหาเชื้อ แบบอาร์ที-พีซีอาร์ พบเชื้อโควิด-19

คร่าแม่ลูก – เจ้าหน้าที่นำร่างหญิงวัย 54 ปี พนักงานแห่งหนึ่งใน อ.กบินทร์บุรี ที่ติดโควิดยกครอบครัว ขึ้นฌาปนกิจที่เมรุวัดใหม่ท่าพาณิชย์ อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี หลัง เสียชีวิต ขณะที่มารดาที่ติดเชื้อจากเจ้าตัวก็เสียชีวิตไปก่อนหน้าเพียงวันเดียว เมื่อวันที่ 25 ก.ย.

ปราจีนฯสลดสาวดับตามแม่

ที่ จ.ปราจีนบุรี รายงานผู้ติดเชื้อรายใหม่จำนวน 243 ราย เสียชีวิต 1 ราย รวมยอดสะสมผู้ติดเชื้อจำนวน 14,724 ราย คลัสเตอร์มาจากโรงงานอุตสาหกรรมทั้งใน อ.ศรีมหา โพธิ และอ.กบินทร์บุรี การติดเชื้อมาจากพนักงานในโรงงานอุตสาหกรรมและติดเชื้อสู่ครอบครัว ทำให้ยอดผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ผู้เสียชีวิตรายล่าสุดเป็นพนักงานโรงงานในเครือสหพัฒน์กบินทร์บุรี ก่อนหน้านี้แม่เพิ่งเสียชีวิตได้แค่วันเดียว หลังจากติดเชื้อโควิด-19 มาจากตัวเขาเองและครอบครัวทั้งหมด

ที่วัดใหม่ท่าพาณิชย์ เขตเทศบาลตำบลกบินทร์ อ.กบินทร์บุรี ประกอบพิธีฌาปนกิจนางปราณี (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 54 ปี พนักงานจากโรงงานบริษัทสหไซเรน เครือสหพัฒน์กบินทร์บุรี หลังจากที่ติดเชื้อ โควิด-19 เข้ารับรักษาตัวที่ ร.พ.กบินทร์บุรี เพียง 2 สัปดาห์ และเสียชีวิตอย่างสงบเมื่อคืนที่ผ่านมา สร้างความเสียใจให้กับลูกๆ รวมทั้งญาติพี่น้องเป็นอย่างยิ่ง ส่วนครอบครัวได้มาส่งดวงวิญญาณเป็นครั้งสุดท้าย

เพราะก่อนหน้านี้เพียง 1 วัน ที่วัดพระยาทำ ไฌาปนกิจนางถัน (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 81 ปี ซึ่งเป็นแม่ของนางปราณี ซึ่งติดเชื้อ โควิด-19 จากนางปราณีซึ่งเป็นลูกสาว นอกจากนี้เชื้อยังแพร่กระจายติดคนในครอบครัวอีกเกือบทั้งหมดดังกล่าว

ชลบุรีลามใหม่อีก3คลัสเตอร์

สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) ชลบุรี รายงานว่า วันนี้พบผู้ติดเชื้อเพิ่ม 744 ราย มียอดสะสม 83,786 ราย กำลังรักษาตัวอยู่อีก 12,142 ราย หายป่วย 71,059 ราย เสียชีวิตเพิ่มอีก 4 ราย ยอดสะสมผู้เสียชีวิตเป็น 585 ราย ยังพบผู้ติดเชื้อกระจาย 9 อำเภอ ซึ่งพบผู้ติดเชื้อที่มากที่สุดที่อำเภอเมืองชลบุรี 186 ราย ศรีราชา 169 ราย บางละมุง 141 ราย สัตหีบ 43 ราย บ้านบึง 23 ราย พานทอง 37 ราย พนัสนิคม 31 ราย บ่อทอง 4 ราย หนองใหญ่ 2 รายด้วยกัน มีเพิ่มคลัสเตอร์ใหม่อีก 3 แห่งได้แก่ คลัสเตอร์โรงเรียนวัดโพธิทัตราชวิทยาลัย อ.ศรีราชา 4 ราย คลัสเตอร์โรงงานผลิตยางชิ้นส่วนรถยนต์ และเครื่องปรับอากาศ อ.ศรีราชา 4 ราย คลัสเตอร์อู่ซ่อมรถยนต์ อ.เมืองชลบุรี 5 ราย

ส่วนคลัสเตอร์เดิมจากการตรวจเชิงรุกของสาธารณสุขอำเภอ และสาธารณสุขจังหวัดชลบุรี ยังน่าเป็นห่วงคือคลัสเตอร์จากกองนักเรียนจ่านาวิกโยธิน อ.สัตหีบ 30 ราย สะสม 109 ราย คลัสเตอร์ทหารเกณฑ์ อ.สัตหีบ 29 ราย สะสม 795 ราย คลัสเตอร์จากบริษัทรับเหมาก่อสร้างแห่งหนึ่ง อ.พานทอง พบอีก 6 ราย สะสม 64 ราย คลัสเตอร์จากโรงงานผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ในครัวเรือนส่งออก อ.ศรีราชา 6 ราย สะสม 125 ราย คลัสเตอร์จากไซต์งานก่อสร้าง บริษัทแห่งหนึ่ง อ.บ้านบึง 4 ราย สะสม 10 ราย

นอกจากนั้นยังพบสถานประกอบการในจังหวัดระยองหลายแห่งที่มารักษาในชลบุรีอีก 27 ราย อาชีพเสี่ยงพบปะผู้คนจำนวนมาก 13 ราย เดินทางมาจากจังหวัดระยอง 4 ราย สัมผัสผู้ป่วยยืนยันในครอบครัว 239 ราย จากสถานที่ทำงาน 117 ราย บุคคลใกล้ชิด 28 ราย ร่วมวงสังสรรค์ 2 ราย สัมผัสผู้ป่วยยืนยัน (อยู่ระหว่างสอบสวนโรค) 75 ราย อยู่ระหว่างการสอบสวนโรค 151 ราย

การระบาดของโควิด-19 ระลอกใหม่ เริ่มจากแหล่งสถานบันเทิง สู่ครอบครัว มาสู่เพื่อนร่วมงาน มาสู่ชุมชนที่พักอาศัยพนักงาน แรงงาน ซึ่งมีปัจจัยเสี่ยงมาจากการทานข้าวร่วมกัน หรือมีกิจกรรมใกล้ชิด สังสรรค์ แม้จะเป็นเพียงกลุ่มเล็ก 2-3 คนในเพื่อนสนิท ขณะนี้มีการระบาดเป็นกลุ่มก้อน (Cluster) ในสถานประกอบการ 75 แห่ง และตลาด 5 แห่ง แคมป์คนงานก่อสร้าง 10 แห่ง และชุมชน 4 แห่ง

นายกทต.หาดเล็กติดเชื้อ

สถานการณ์ใน อ.คลองใหญ่ จ.ตราด หลังเกิดคลัสเตอร์โรงงานปลาโอแปรรูปตั้งแต่เดือนส.ค.เป็นต้นมา ทำให้มีผู้ติดเชื้อกว่า 700 คน และแม้จะปิด อ.คลองใหญ่

ไม่ให้มีการเข้าออกเป็นเวลา 14 วัน และยกเลิกไปเมื่อวันที่ 7 ก.ย.ที่ผ่านมา แต่พบติดเชื้อเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะ ต.หาดเล็ก ที่มีแรงงานกัมพูชาจำนวนมาก ทำให้นายอำเภอคลองใหญ่ต้องประกาศปิด 2 หมู่บ้านเป็นเวลา 7 วันคือ บ้านคลองสน และบ้านคลองมะขาม ซึ่งเป็นท่าเรือประมง เพื่อไม่ให้มีการเคลื่อนย้ายแรงงานและการเดินทางของประชาชนใน 2 หมู่บ้าน โดย สสจ.ตราดรายงานว่า ระหว่างวันที่ 20-25 ก.ย. มีผู้ติดเชื้อโควิด-19 ใน อ.คลองใหญ่ 247 ราย และใน ต.หาดเล็ก 147 ราย เฉพาะวันที่ 23 ก.ย. ติดเชื้อ 46 ราย วันที่ 24 ก.ย. ติดเชื้อ 53 ราย และวันที่ 25 ก.ย. ติดเชื้อ 37 ราย และยังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอีกเนื่องจากยังรอผลการรายงานจากโรงพยาบาลคลองใหญ่อยู่อีก

วันเดียวกัน น.ส.กิจประภา ประสิทธิเวช นายกเทศบาลตำบลหาดเล็ก โพสต์ในเฟซบุ๊กส่วนตัวเตือนผู้ที่อยู่ใกล้ชิดให้ไปตรวจหาเชื้อเนื่องจากตนติดเชื้อโควิดจากการลงพื้นที่ช่วยเหลือชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบจากเชื้อ โควิด-19

สตูลปิดเกาะยาว 14 วัน

นายยาลา ใบกาเด็ม นายอำเภอเมืองสตูล ได้รับการรายงานของเจ้าหน้าที่ฝ่ายสาธารณสุขว่าพบผู้ป่วยผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในพื้นที่บ้านเกาะยาว ม.1 ต.ปูยู เป็นจำนวนมาก จึงมีความจำเป็นต้องกำหนดมาตรการป้องกันควบคุมโรคเพื่อป้องกันและควบคุมการแพร่กระจายของโรคในพื้นที่จึงได้ออกคำสั่งดังนี้ 1.ให้งดการท่องเที่ยว และหยุดการเดินเรือโดยสาร 14 วัน ตั้งแต่วันที่ 23 ก.ย.-7 ต.ค. ยกเว้นกรณีการขนส่งอาหาร เวชภัณฑ์ยาและมิใช่ยา เจ้าหน้าที่ที่มีหน้าที่ช่วยเหลือประชาชน ผู้ที่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ให้เดินทางเข้าออก การขนส่งขยะ สําหรับเรือรับส่งสินค้าให้ส่งสินค้าได้เฉพาะบริเวณท่าเทียบเรือเท่านั้น พร้อมทั้งให้มีการลงทะเบียนผู้ที่เดินทางเข้าออกพื้นที่ดังกล่าว

2.งดกิจกรรมที่มีการรวมกลุ่มบุคคลจำนวนมาก ทุกประเภท 3.ให้มีการลงทะเบียนและตั้งจุดตรวจ จุดคัดกรองการเดินทางเข้าออกพื้นที่ โดยกำหนดให้ใช้ท่าเรือบ้านเกาะยาวเพียงที่เดียว ในการเดินทางเข้า-ออก และ 4.กวดขันการปฏิบัติตามมาตรการ D-M-H-T-T-A อย่างเคร่งครัด

สงขลาวอนชาวบ้านมีวินัย

กลุ่มภารกิจสื่อสารความเสี่ยง สสจ.สงขลา เปิดเผยผู้ป่วยโควิดรายใหม่จำนวน 401 คน เสียชีวิต 1 คน จากกลุ่มผู้สัมผัสผู้ติดเชื้อในพื้นที่มากที่สุด 277 คน รองลงมากลุ่มรอการสอบสวนโรค 46 คน กลุ่มสัมผัสเสี่ยงในโรงงาน 12 คน กลุ่มผู้สัมผัสเสี่ยงในชุมชน 16 คน กลุ่มผู้เดินทางจากต่างจังหวัด 12 คน และจากกลุ่มอื่นๆ อีกจำนวนหนึ่ง ป่วยสะสม 28,787 คน เสียชีวิต 147 คน นอนรักษาตัวในโรงพยาบาล 5,571 คน หายกลับบ้านสะสม 23,059 คน และตรวจหาเชื้อรอผลยืนยันอีก 1,014 คน

นายจารุวัฒน์ เกลี้ยงเกลา ผวจ.สงขลาเปิดเผยว่า ทุกหน่วยงานพยายามให้จำนวนผู้ป่วยลดลงเพื่อให้เปิดเมืองและทันกับหาดใหญ่แซนด์บ็อกซ์พลัสที่จะมีในกลางเดือนต.ค. และจะคลายล็อกในต้นเดือนต.ค. แต่สถานการณ์ ผู้ป่วยยังมีจำนวนที่สูง ส่วนใหญ่จากกลุ่มคนในบางชุมชนในอ.หาดใหญ่ สิงหนคร เมือง สะบ้าย้อย เทพา นาทวี สะเดา จะนะ รัตภูมิ และ อ.ระโนด ยังขาดวินัยในตัวเอง ทั้งที่ทุกหน่วยงานพยายามสกัดกั้นเต็มศักยภาพแล้ว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน