ลูกนัทลั่นสู้ตาย
ตร.บุกรวบ2โจ๋
เผาทุบป้อมจร.

ราชทัณฑ์แจงอาการเพนกวิน เฝ้าดูแลใกล้ชิด ไผ่-ไมค์-อานนท์สุขภาพปกติ รวบ 2 เยาวชนเผาทุบป้อมตำรวจ บิ๊กตู่ห่วงเยาวชนก่อเหตุ ประณามคนชักใยเบื้องหลัง ศาลขอนแก่นให้ประกันมือเผา ม็อบทะลุฟ้ามาตามนัด พรึบยมราช มุ่งทำเนียบ ยิงจรวดน้ำปะทะแก๊สน้ำตา ก่อนถูกคฝ.กระชับพื้นที่ สุดท้ายประกาศยุติชุมนุม แต่มีบางรายไปแยกดินแดงเหมือนทุกวัน

เพนกวินอาการหอบดีขึ้น

เมื่อวันที่ 25 ก.ย. ที่กรมราชทัณฑ์ นายธวัชชัย ชัยวัฒน์ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ และโฆษกกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยถึงการดูแลรักษาผู้ต้องขังที่ติดเชื้อโควิด-19 ว่า ช่วงเช้าวันนี้พยาบาลประจำเรือนจำพิเศษกรุงเทพ มหานครได้เข้าตรวจร่างกายนายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือ เพนกวิน หลังแพทย์ทัณฑสถาน โรงพยาบาลราชทัณฑ์อนุญาตให้มาสังเกตอาการโรคหอบหืด พบว่าอาการหายใจหอบเหนื่อยลดน้อยลงหลังจากพ่นยา แต่มีอาการปวดศีรษะจากไมเกรนเป็นบางครั้ง สุขภาพทั่วไปแข็งแรง ร่างกายปกติ สัญญาณชีพปกติ พูดคุยรู้เรื่อง รับประทานอาหารได้ นอนหลับพักผ่อนได้ เบื้องต้นพยาบาลได้ให้คำแนะนำอาการผิดปกติของร่างกายจากโรคประจำตัว และการใช้ชีวิตประจำวันระหว่างการกักโรค ซึ่งเรือนจำได้กำชับให้เจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบดูแลบ่อยครั้ง รวมทั้งให้ผู้ต้องขังร่วมห้องช่วยดูแลหากมีอาการผิดปกติให้รีบรายงานสถานพยาบาลโดยด่วน

‘ไผ่-ไมค์-อานนท์’สุขภาพปกติ

นายธวัชชัยกล่าวด้วยว่า นายจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา หรือ ไผ่ ดาวดิน และนาย ภาณุพงศ์ จาดนอก หรือ ไมค์ อยู่ระหว่างการกักโรคหลังย้ายเข้ามาควบคุมที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ พบว่าสุขภาพโดยทั่วไปแข็งแรง รู้สึกตัวดี พูดคุยรู้เรื่อง รับประทานอาหารได้ นอนหลับพักผ่อนได้ ไม่มีอาการเครียดและวิตกกังวล ส่วนนายอานนท์ นำภา สุขภาพโดยรวมแข็งแรงดี เริ่มปรับตัวในทัณฑสถานบำบัดกลางได้ โดยใช้เวลาส่วนใหญ่อ่านหนังสือและดูทีวี

ส่วนผู้ป่วยโควิด 2 รายที่รักษาตัวอยู่ในทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ วันนี้ได้รับรายงานว่านายเวหา แสนชนชนะศึก เจ้าของบัญชีทวิตเตอร์ “ฟ้าฝน ver.เกรี้ยวกราด” ไม่มีอาการหอบเหนื่อย ไม่มีไข้ ไม่ไอ ไม่มีน้ำมูก จมูกได้กลิ่นปกติ ลิ้นรับรสได้ สัญญาณชีพปกติ อยู่ระหว่างการพักฟื้นเพื่อรอส่งกลับไปคุมขังยังเรือนจำ และนายอมร อมรรัตนานนท์ อดีตแกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย นอนหลับและรับประทานอาหารได้ ไม่มีอาการหอบเหนื่อย จมูกได้กลิ่นปกติ ลิ้นรับรสได้ปกติ ไม่มีอาการของภาวะน้ำตาลต่ำหรือสูง

บิ๊กตู่ห่วงเยาวชนก่อเหตุเผาป้อมตร.

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกฯ เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ห่วงใยและวิตกกังวลหลังรับทราบรายงานจากการปิดล้อมตรวจค้นเป้าหมายไซต์ก่อสร้างบริเวณสามเหลี่ยมดินแดง พบว่าเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมผู้ต้องสงสัย 14 คน เป็นเยาวชน 12 คน ผู้ใหญ่ 2 คน โดยเยาวชน 2 คนให้การยอมรับเป็นผู้เผาป้อมตำรวจได้รับความเสียหายช่วงวันที่ 22-23 ก.ย. รวมทั้งหมด 8 ป้อม ซึ่งมีข้อน่าสังเกตว่าช่วงหลังการก่อเหตุรุนแรงมักเป็นเยาวชน และยังเป็นเยาวชนกลุ่มเปราะบางที่ถูกใช้ให้ก่อเหตุด้วย

ประณามคนชักใยเบื้องหลัง

“ขอประณามผู้ที่อยู่เบื้องหลัง มีเจตนาร้ายใช้เยาวชนโดยเฉพาะกลุ่มเปราะบางเป็นผู้ก่อเหตุรุนแรง และทำลายทรัพย์สินทางราชการ อยากฝากเตือนถึงเยาวชนอย่าตกเป็นเหยื่อ คำยุยงของผู้ไม่หวังดีให้กระทำผิดกฎหมาย ท้ายที่สุดเยาวชนผู้ก่อเหตุเองจะถูกจับกุมและถูกดำเนินคดี มีประวัติเกี่ยวกับการทำผิดกฎหมาย ซึ่งทำให้เสียโอกาสรวมถึงอาจกระทบต่ออาชีพการงานในอนาคตด้วย ทั้งนี้ ทุกคน มีสิทธิเสรีภาพแสดงออกตามระบอบประชาธิปไตย แต่ต้องไม่ละเมิดสิทธิของผู้อื่น การชุมนุมต่างๆ ต้องไม่มีการกระทำที่ผิดกฎหมาย ที่ผ่านมาไม่ได้ชุมนุมอย่างสงบตามที่แกนนำบางคนกล่าวอ้าง ซึ่งประชาชนส่วนใหญ่ทราบดีเพราะมีหลักฐานการใช้ความรุนแรงกับเจ้าหน้าที่อย่างชัดเจน” นายธนกรกล่าว

จับเผาป้อม – ตร.นครบาลบุกค้นแคมป์พักคนงานก่อสร้างร้าง ริมถนนดินแดง พบบุคคลต้องสงสัย 14 คน โดยจับกุมผู้ต้องหา 1 คน พร้อมวัตถุระเบิดแสวงเครื่องและหนังสติ๊ก ขณะที่เยาวชนอีก 2 คนรับว่าร่วมเผาและทุบป้อมตำรวจจริง เมื่อวันที่ 25 ก.ย.

รวบ 2 เยาวชนเผาทุบป้อมตำรวจ

ขณะที่เมื่อเวลา 11.30 น. ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย รองผบช.น. เปิดเผยว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจนำหมายค้นเข้าตรวจค้นแคมป์ที่พักคนงานร้าง ถ.ดินแดง ใกล้สามเหลี่ยมดินแดง พบบุคคล 14 คน พร้อมสิ่งของต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเศษระเบิด ปิงปอง ลูกแก้ว ถังน้ำมัน เศษแก้ว โล่พลาสติก หมวกกันน็อก

โดยจับกุม ผู้ต้องหา 1 คน พร้อมของกลางวัตถุระเบิดแสวงเครื่อง และหนังสติ๊กจำนวนหนึ่ง จึงส่งสน.ดินแดงดำเนินคดี และพบเยาวชน 2 คนให้การว่าไปร่วมเผาและทุบทำลายป้อมตำรวจหลายจุดในช่วงกลางดึกของวันที่ 22-23 ก.ย.ที่ผ่านมา วันนี้ได้นำตัวผู้ต้องหาทั้ง 3 คน ส่งศาลเยาวชนและครอบครัวกลางเพื่อดำเนินการตามกฎหมาย ส่วนคนที่เหลือทำการบันทึกประวัติเอาไว้

เตือนผู้ปกครองผิดด้วย

พล.ต.ต.ปิยะกล่าวอีกว่า อย่างไรก็ตาม ทางบช.น.จะสืบสวนรวบรวมพยานหลักฐานทุกชนิดเพื่อติดตามจับกุมผู้กระทำความผิดที่เกี่ยวข้องกับการก่อให้เกิดความไม่สงบเรียบร้อยในบ้านเมืองมาดำเนินคดีตามกฎหมายทุกราย กรณีเยาวชนกระทำความผิด ผู้ปกครองถูกออกหมายเรียกอาจจะมีความผิดตามพ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก พ.ศ.2546 ส่วนการดำเนินคดีกับกลุ่มผู้ชุมนุมตั้งแต่เดือนก.ค.2564 จนถึงปัจจุบันรวมทั้งสิ้น 231 คดี มีผู้ต้องหาทั้งหมด 828 คน ติดตามจับกุมตัวได้แล้ว 583 คน ส่วนการติดตามตัวบุคคลทำลายป้อมตำรวจทั้งหมดแล้ว 10 กว่าคน ต้องดำเนินการจับกุมต่อเรื่อยๆ อยู่ระหว่างการสืบสวน คาดว่าในสัปดาห์หน้าจะมีหมายจับมาอีกหลายราย

ด้านพ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกตร.กล่าวว่า ส่วนสถานที่ใช้เก็บอาวุธขอให้ ผู้เกี่ยวข้องสถานที่ต่างๆ ช่วยตรวจตราอย่าให้กลุ่มผู้ก่อเหตุวุ่นวายเก็บวัตถุอุปกรณ์ ไม่เช่นนั้นจะถูกดำเนินคดี ส่วนภาพรวมมีการรวมตัวหลายจังหวัด มีการดำเนินคดีแล้ว 800 คดี

ได้ประกัน – นายอัครเดช อัตตะมณี เข้ามอบตัวหลังตกเป็นผู้ต้องหาข้อหาวางเพลิงเผาทรัพย์และทำให้เสียทรัพย์ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 18 ก.ย. ที่จ.ขอนแก่น ก่อนศาลอนุญาตให้ประกันตัว ในวงเงิน 35,000 บาท โดยให้มารายงานตัวต่อศาล ทุก 12 วัน เมื่อวันที่ 25 ก.ย.

ศาลขอนแก่นให้ประกันมือเผา

เมื่อเวลา 14.00 น. ที่สภ.เมืองขอนแก่น นายวชิรวิทย์ เทศศรีเมือง หรือ เซฟ พอกันที นำตัวนายอัครเดช อัตตะมณี นักศึกษาวิทยาลัยเทคนิคขอนแก่น เข้ามอบตัวกับพนักงานสอบสวน กรณีตกเป็นผู้ต้องหา ในข้อหาวางเพลิงเผาทรัพย์และทำให้เสียทรัพย์ เหตุเกิดเมื่อวันที่ 18 ก.ย.ที่ผ่านมา บริเวณด้านหน้าสภ.เมืองขอนแก่น

ทั้งนี้ มีกลุ่มผู้ชุมนุมมาจัดกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์ ทั้งการเผารูปภาพเพื่อแสดงออกว่าเป็นการกระทำที่ไม่ผิด โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจดูแลอย่างเข้มงวด ซึ่งหลังสอบสวนเสร็จเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ขอส่งตัวนายอัครเดชเข้าควบคุมตัวที่ทัณฑสถานบำบัดพิเศษ และขออำนาจศาลจังหวัดขอนแก่นฝากขังทันที เบื้องต้นผู้ต้องหาให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา และทีมทนายได้ยื่นเรื่องขอประกันตัวผู้ต้องหาต่อศาล

นายพัฒนะ ศรีใหญ่ ทนายความเครือข่ายเพื่อสิทธิมนุษยชนกล่าวว่า ศาลพิจารณาอนุญาตให้ประกันตัววงเงิน 35,000 บาท ให้มารายงานตัวต่อศาลทุก 12 วัน หากไม่มาจะมีค่าปรับ 70,000 บาท และจะส่งคำให้การเป็นเอกสารตามขั้นตอนของกฎหมายภายใน 25 วัน

คฝ.ชิงยึดแยกดินแดง

เมื่อเวลา 15.50 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่ามีตำรวจควบคุมฝูงชน (คฝ.) เข้าตรึงกำลังบริเวณใต้ทางด่วนดินแดง หลังมีการคาดการณ์ว่าในช่วงเย็นหลังจบกิจกรรมของกลุ่มทะลุฟ้าบริเวณแยกยมราชจะมีกลุ่มวัยรุ่นอิสระเดินทางมารวมตัวกันบริเวณนี้ ซึ่งนอกจากบริเวณแยกสามเหลี่ยมดินแดง คฝ.ยังวางกำลังตามพื้นที่ต่างๆ โดยรอบที่สามารถเดินทางยังสามเหลี่ยมดินแดงได้ อาทิ บริเวณใกล้กับแยกหมอเส็ง ถนนราชปรารภ, ปากซอยข้างสำนักงาน ป.ป.ส. เป็นต้น

ม็อบพรึบ – ม็อบทะลุฟ้านัดชุมนุมรวมตัวที่แยกยมราช เคลื่อนขบวนไปยังทำเนียบรัฐบาล แต่ถูกตำรวจสกัดด้วยน้ำแรงดันสูงและแก๊สน้ำตา โดยมีผู้ถูกจับกุม 15 คน ยึดรถจักรยานยนต์ได้ 6 คัน เมื่อวันที่ 25 ก.ย.

ม็อบทะลุฟ้ามาตามนัด

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สืบเนื่องกลุ่มทะลุฟ้านัดชุมนุมขับไล่พล.อ.ประยุทธ์ที่แยกยมราชตั้งแต่เวลา 16.00 น.เป็นต้นไป ก่อนเคลื่อนขบวนไปยังทำเนียบรัฐบาลนั้น ก่อนถึงเวลานัดหมายได้มีมวลชนทยอยมารวมตัวกันที่บริเวณแยกยมราช โดยแกนนำส่วนใหญ่มากันครบนำโดยนายธนพัฒน์ กาเพ็ง หรือ ปูน ทะลุฟ้า อีกทั้งนายธนัตถ์ ธนากิจอำนวย หรือ ไฮโซลูกนัท และนางอรวรรณ แซ่อั้ง หรือ ป้าเป้า มาร่วมชุมนุมด้วย

แกนนำทะลุฟ้าเปิดเผยว่า การชุมนุมครั้งนี้ยังคงยึดหลักสันติอหิงสา ไม่เน้นความรุนแรง ไม่มีอาวุธ มีเพียงการเตรียมสีแดงชนิดล้างไม่ออกไว้ตอบโต้ ทางกลุ่มจะเดินเท้าพร้อมป้ายผ้าที่มีข้อความตอบโต้และชี้ให้เห็นการทำงานที่ผิดพลาดของรัฐบาล ขณะที่กลุ่มผู้ชุมนุมบางส่วน ยังมีการยิงจรวดน้ำหรือเครื่องอัดแรงดันน้ำยิงจรวดที่เป็นขวดน้ำไว้ตอบโต้เจ้าหน้าที่ด้วย

‘ลูกนัท’ลั่นเดินหน้ายกเลิก 112

นายธนัตถ์กล่าวถึงการใช้กฎหมายที่ไม่เป็นธรรมของภาครัฐจากการพูดความจริง พร้อมระบุว่า “ผมพร้อมจะตายด้วยสองเท้า ดีกว่า 2 คุกเข่า จะไม่มีที่ยืนให้ม.112 อีกต่อไปในสังคม พอกันทีกฎหมายที่กดขี่ความเป็นคน อีกไม่ช้า ขอสัญญา เราจะได้เห็นการรวมตัวของราษฎร ด้วยเป้าหมายเดียวที่ชัดเจน แสดงออกเป็นหนึ่งคือ ยกเลิกมาตรา 112 สุดทาง สุดซอย และส.ส.รัฐบาลหรือใครที่ใช้กฎหมายกดขี่ประชาชน ประชาชนจะลงโทษ

ขณะเดียวกันที่บริเวณแยกนางเลิ้ง เจ้าหน้าที่นำแผงเหล็กมาวางกั้นขึงด้วยลวดหนาม มีรถ จีโน่ประจำการ เช่นเดียวกับทำเนียบรัฐบาล มีการนำแผงเหล็กมาวางกั้นตั้งแต่เชิงสะพานชมัยมรุเชฐ ประตู 1 ทำเนียบรัฐบาล ยาวไปจนถึงฝั่งตรงข้าม สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (ก.พ.ร.) โดยเจ้าหน้าที่นำรถฉีดน้ำแรงดันสูง หรือจีโน่ 2 คัน รถเติมน้ำ 2 คัน เข้ามาประจำการแล้ว รวมทั้งมีตำรวจควบคุมฝูงชน (คฝ.) เข้ามาประจำการบริเวณจุดพักคอยภายในก.พ.ร.อีกด้วย

ยิงจรวดน้ำปะทะแก๊สน้ำตา

ต่อมาเวลา 17.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่ากลุ่มทะลุฟ้าได้เดินขบวนจากแยกยมราช ฝั่งถนนพิษณุโลก มายังแยกนางเลิ้ง พร้อมถือป้ายข้อความที่แสดงออกถึงข้อเรียกร้องของ กลุ่มผู้ชุมนุม จากนั้นได้ทำกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์ปาสีแดง จรวดน้ำ และพลุ ไปยังฝั่งของตำรวจควบคุมฝูงชนที่ประจำการอยู่หน้าทำเนียบเป็นระยะ ขณะที่ตำรวจควบคุมฝูงชนได้โต้ตอบกลับมาโดยการฉีดน้ำผสมสารเคมีแบบเข้มข้น และยิงแก๊สน้ำตาออกมาเป็นระยะเช่นเดียวกัน

เวลา 18.00 น. ตำรวจควบคุมฝูงชนได้เริ่มต้นปฏิบัติการใช้ม้าเร็ว โดยคฝ.ใช้รถมอเตอร์ไซค์เกือบ 10 คัน และนั่งอยู่ท้ายรถกระบะอีก 5 คัน มุ่งหน้ามาจากถนนนครสวรรค์มายังแยกนางเลิ้งเพื่อเข้ากระชับพื้นที่ โดยใช้เวลาเพียง 5 นาทีก็สามารถควบคุมพื้นที่ได้ ขณะที่กลุ่มมวลชนได้รีบถอยกลับไปยังแยกอุรุพงษ์ โดยมีบางส่วนกลับไปรวมตัวกันที่แยกดินแดงเหมือนทุกวัน

ต่อมาเมื่อเวลา 19.30 น. ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย รองผบช.น. เปิดเผยว่าเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้จำนวน 15 คน ยึดรถจักรยานยนต์ได้ 6 คัน ในข้อหาฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ, มั่วสุมกันตั้งแต่สิบคนขึ้นไปก่อความวุ่นวายในบ้านเมืองฯ, เจ้าพนักงานสั่งให้ผู้ที่มั่วสุมเลิกไปแล้วไม่เลิกฯ ซึ่งถึงขณะนี้ได้มีการยึดรถของกลางมาดำเนินคดีแล้วกว่า 170 คัน

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน