‘ลำเชียงไกร’ทะลักสั่งอพยพ9อำเภอ
นายกฯรุดสุโขทัย-บอกมาเยี่ยมนะจ๊ะ
ปภ.เผย‘เตี้ยนหมู่’ถล่มยับ14จว.อ่วม
ระทึกน้ำมากลางดึก-จมมิดรพ.ชัยภูมิ

ร.พ.บำเหน็จณรงค์ ชัยภูมิ จมฉับพลันหลังน้ำทะลักช่วงกลางดึก อพยพกันวุ่น ต้องปิดทำการทันที ส่วนอ่างเก็บน้ำลำเชียงไกร นครราชสีมา รับไม่ไหวเพราะเกินความจุเขื่อนถึง 135% จนแตกน้ำทะลักออกมาต่อเนื่อง ปภ.เผย ‘เตี้ยนหมู่’ ถล่ม 14 จังหวัดทั้งเหนือกลางอีสาน ด้าน ‘บิ๊กตู่’ นำคณะตรวจสุโขทัย ที่โดนท่วมเกือบทั้งจังหวัด ตระเวนปลอบขวัญบอก “มาเยี่ยมนะจ๊ะ” ให้อดทนเพราะเป็นภัยธรรมชาติ พร้อมขอให้ช่วยสวดมนต์ ภาวนาอย่าให้พายุเข้ามาอีก ศรีสะเกษ เฝ้าระวังเขื่อนราษีไศล เพราะรองรับน้ำจากแม่น้ำมูน ปราจีนบุรี โดนน้ำจากทับลาน-เขาใหญ่ไหลบ่า จมกว่าร้อยหลัง ถนนขาดเป็นช่วงๆ หลายพื้นที่ยังสาหัส

ตรวจสุโขทัย – พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี นั่งรถตรวจสถานการณ์น้ำท่วมพื้นที่อ.ศรีสำโรง จ.สุโขทัย พร้อมเชิญชวนประชาชนช่วยกันสวดมนต์ไม่ให้พายุลูกใหม่เข้ามาอีก เมื่อวันที่ 26 ก.ย.

‘บิ๊กตู่’นำคณะไปสุโขทัย

เมื่อเวลา 08.30 น. วันที่ 26 ก.ย. ที่ท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 (บน.6) ดอนเมือง กทม. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม พร้อมด้วย พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.เกษตรและสหกรณ์ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.อุตสาหกรรม นายฉัตรชัย พรหมเลิศ ปลัดกระทรวงมหาดไทย นายสมเกียรติ ประจำวงษ์เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) เดินทางไปยังท่าอากาศยานสุโขทัย อ.สวรรคโลก เพื่อติดตามสถานการณ์ และการบริหารจัดการน้ำ รวมถึงตรวจเยี่ยมให้กำลังใจและมอบถุงยังชีพให้แก่ประชาชน ผู้ประสบอุทกภัย มีนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม ซึ่งมีบ้านพักอยู่ในจ.สุโขทัย นายอนุชา นาคาศัย รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และส.ส.พรรคพลังประชารัฐจังหวัดใกล้เคียงต้อนรับ กว่า 30 คน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังเกิดสถานการณ์น้ำหลากเข้าท่วมจ.สุโขทัยอย่างหนัก แม้แต่บ้านของนายสมศักดิ์ ก็ยังท่วม ทำให้พล.อ.ประยุทธ์ เปลี่ยนแปลงกำหนดการใหม่ จากเดิมเมื่อถึงจ.สุโขทัยแล้ว จะประชุมหารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อรับฟังรายงานสถานการณ์น้ำและการบริหารจัดการน้ำ ที่โรงแรมสุโขทัย เฮอริเทจ รีสอร์ท จากนั้นเดินทางไปยังวัดบ้านซ่าน ต.บ้านซ่าน อ.ศรีสำโรง สักการะหลวงพ่อสามพี่น้องและหลวงพ่อขาว พร้อมพบปะประชาชนและมอบปัจจัยทางการเกษตรให้กับผู้แทนเกษตรกร

ให้ช่วยสวดมนต์กันพายุ

ต่อมาพล.อ.ประยุทธ์ ได้ขึ้นรถบรรทุกขับเคลื่อน 4 ล้อ ของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ที่ติดตั้งเครื่องขยายเสียง ตรวจเยี่ยม ให้กำลังใจ และมอบถุงยังชีพให้กับประชาชน อ.ศรีสำโรง 2 จุด ได้แก่ บ้านคลองชัด หมู่ที่ 8 ต.วังใหญ่ และวัดดอนจันทร์ หมู่ที่ 4 ต.บ้านไร่ อ.ศรีสำโรง โดยพูดคุยผ่านเครื่องขยายเสียง และทักทายประชาชนที่ อยู่ตามบ้านเรือนตลอดเส้นทางบางตอนว่า “สวัสดี วันนี้นายกฯ มาเยี่ยมนะจ๊ะ มันเป็นภัยธรรมชาติ เดี๋ยวก็แก้กันไป คงเดือดร้อน สักระยะหนึ่ง ขอให้ทุกคนแข็งแรงปลอดภัย นายกฯ ก็เดือดร้อน เพราะเป็นห่วงประชาชน”

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ปัญหาบ้านเมืองไม่ใช่มีเพียงแค่ตรงนี้ ซึ่งมีหลายที่ด้วยกัน ขณะนี้มีพายุเข้ามา โดยปี 2563 พายุเข้ามา 5 ลูก และนี่เพียงลูกเดียว จึงขอให้ช่วยกันสวดมนต์ อย่าให้พายุเข้ามาอีกเลย พายุลูกเดียวพอแล้ว ขอช่วยกันคิดใหม่ว่าวันข้างหน้าจะอยู่กันอย่างไร จะต้องปลูกบ้านอย่างไร จะต้องปลูกบ้าน 2 ชั้น หรือขยับขยายไปอยู่ในที่สูงขึ้น ซึ่งรู้ว่ายากแต่ถ้าตั้งใจฟังรัฐบาลพูดบ้าง น่าจะไปในทิศทางที่ดีขึ้นบ้าง ตนเป็น นายกฯ ก็ใช่จะสบายต้องทำงานทุกวัน ต้องพยายามคิดอะไรใหม่ๆ ทั้งในเรื่องการเกษตรโครงสร้างพื้นฐาน แก้ปัญหาความยากจน การกระจายรายได้ลดความเหลื่อมล้ำ ซึ่งทุกคนจะต้องพัฒนาขีดความสามารถ

อ่วมหนักจมทั้ง 9 อำเภอ

ระหว่างเยี่ยมชมจุดตรวจ พล.อ.ประยุทธ์ ได้สอบถาม พูดคุย พร้อมให้กำลังใจกับผู้ประสบภัยจากน้ำท่วม โดยกล่าวว่า “ขอให้ทุกคนช่วยเหลือ ดูแลซึ่งกันและกัน ในส่วนที่เกิดความเสียหายกำชับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งสำรวจดูแลเยียวยา วันนี้ทุกคนมาในนามรัฐบาล ในนามคณะรัฐมนตรี เพื่อช่วยเหลือดูแลทุกคน ใครจะรักหรือไม่รัก นายกฯ ไม่สนใจ เพียงขอทำหน้าที่ให้ดีที่สุด สุดความสามารถ ฝากความห่วงใย ขอให้ประชาชนระมัดระวังสัตว์มีพิษที่ตามมาจากสถานการณ์น้ำท่วมด้วย”

จากนั้นพล.อ.ประยุทธ์ รับฟังบรรยายสรุปสถานการณ์อุทกภัยจากหัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง โดยจ.สุโขทัย ในช่วงเวลาที่ผ่านมามีฝนตกหนักกระจายทั่วพื้นที่ ทำให้การระบายน้ำไหลล้นอาคารระบายน้ำล้นหลายแห่ง สำหรับจ.สุโขทัย มีพื้นที่ประสบอุทกภัย 9 อําเภอ 64 ตําบล 349 หมู่บ้าน มีเกษตรกรที่ประสบภัย 14,464 ครัวเรือน พื้นที่ทางการเกษตรประสบภัย 213,661 ไร่ คาดว่าจะเสียหาย 169,297 ไร่ ด้านประมงมีพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ 8 อําเภอ 47 ตําบล 213 หมู่บ้าน เกษตรกร 2,504 ราย พื้นที่ 3,087.25 ไร่ จํานวนบ่อเลี้ยง 2,745 บ่อ

เดินสะดุด-รปภ.คว้าทัน

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวเพิ่มเติมว่า รู้สึกเห็นใจ เข้าใจความรู้สึกผู้ประสบภัย ขอเป็นกำลังใจให้ทุกคนก้าวผ่านอุทกภัยครั้งนี้ไปให้ได้ ส่วนรัฐบาลสั่งการให้ส่วนราชการสำรวจความเสียหายเร่งจ่ายเงินเยียวยาให้ประชาชนอย่างครบถ้วน ยืนยันรัฐบาลจะดูแลประชาชนให้ดีที่สุด ขอให้ทุกคนร่วมมือกัน น้ำท่วมไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ 100% เพราะศักยภาพของพื้นที่ แต่จะแก้ไขปัญหาให้ประชาชนได้รับผลกระทบน้อยที่สุด

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าช่วงหนึ่งระหว่างเดินถ่ายรูปกับส่วนราชการและประชาชนที่มารอรับ พล.อ.ประยุทธ์เดินสะดุดเซจนเกือบล้มคว่ำ โชคดีที่ทีม รปภ.จับแขนไว้ทัน จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ขึ้นรถเดินทางกลับ กทม.

มิดคัน – ถนนหลวงหมายเลข 21 สระบุรี-หล่มสัก หลักกิโลเมตรที่ 112-116 อ.วิเชียรบุรี จ.เพชรบูรณ์ ถูกน้ำท่วมสูงจนรถทุกชนิดไม่สามารถผ่านได้ บางจุดสูงท่วมรถที่จอดอยู่มิดหลังคา เมื่อวันที่ 26 ก.ย.

‘เตี้ยนหมู่’ถล่มยับทั่วไทย

วันเดียวกันกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง (กอปภ.ก.) รายงานอิทธิพลพายุ “เตี้ยนหมู่” ซึ่งเคลื่อนตามแนวร่องมรสุมเข้าปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคกลาง ทำให้บริเวณประเทศไทยตอนบนมีฝนเพิ่มมากขึ้น และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่งตั้งแต่วันที่ 23 ก.ย.-ปัจจุบัน ส่งผลให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลากในพื้นที่ 14 จังหวัด ได้แก่ เชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง ตาก สุโขทัย พิจิตร ขอนแก่น ชัยภูมิ นครราชสีมา อุบลราชธานี นครสวรรค์ ชัยนาท สิงห์บุรี และพระนครศรีอยุธยา รวม 55 อำเภอ 178 ตำบล 839 หมู่บ้าน 1 เขตเทศบาล

ประชาชนได้รับผลกระทบ 13,930 ครัวเรือน ปัจจุบันสถานการณ์คลี่คลายแล้ว 4 จังหวัด (เชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง ตาก) ยังคงมีสถานการณ์ 10 จังหวัด ดังนี้ สุโขทัย เกิดฝนตกหนักและน้ำท่วมขังในพื้นที่ 9 อำเภอ ปัจจุบันยังคงมีน้ำท่วมขังใน 3 อำเภอ ได้แก่ อ.ศรีสำโรง อ.คีรีมาศ และอ.เมืองสุโขทัย โดยระดับน้ำเพิ่มขึ้น พิจิตร ปัจจุบันยังมีน้ำท่วมขังในพื้นที่ 5 อำเภอ ได้แก่ อ.บึงนาราง อ.โพธิ์ประทับช้าง อ.โพทะเล อ.สามง่าม และอ.ดงเจริญ ปัจจุบันยังคงมีน้ำท่วมขังในพื้นที่ลุ่มต่ำการเกษตร ระดับน้ำทรงตัว

ซัดขาด – สภาพถนนทางหลวงหมายเลข 2246 บ้านตะโก-โคกสี ต.โคกกระเบื้อง อ.บ้านเหลื่อม จ.นครราชสีมา ถูกน้ำป่าเซาะจนขาด หลังเกิดฝนตกหนักต่อเนื่องจากอิทธิพลของพายุ ‘เตี้ยนหมู่’ เมื่อวันที่ 26 ก.ย.

ชัยภูมิ-โคราชน้ำเอ่อท่วม

ชัยภูมิ เกิดฝนตกหนักและลำน้ำชีเอ่อ เข้าท่วมในพื้นที่ 5 อำเภอ ได้แก่ อ.หนองบัวระเหว อ.จัตุรัส อ.เมืองชัยภูมิ อ.เนินสง่า และอ.บ้านเขว้า ปัจจุบันระดับน้ำเพิ่มขึ้น นครราชสีมา เกิดฝนตกหนักน้ำล้นอ่างเก็บน้ำเข้าท่วมในพื้นที่ 5 อำเภอ ได้แก่ อ.ด่านขุนทด อ.สูงเนิน อ.โนนสูง อ.เมืองนครราชสีมา และอ.พิมาย รวม 9 ตำบล 21 หมู่บ้าน ปัจจุบันระดับน้ำทรงตัว

ขอนแก่น เกิดฝนตกหนักและน้ำท่วมขังในพื้นที่ 2 อำเภอ ได้แก่ อ.โคกโพธิ์ไชย และอ.มัญจาคีรี ปัจจุบันยังคงมีน้ำท่วมขังในพื้นที่ลุ่มต่ำ ระดับน้ำทรงตัว

อุบลราชธานี เกิดฝนตกหนักน้ำท่วมขังในพื้นที่ 2 อำเภอ ได้แก่ อ.เมืองอุบลราชธานี และอ.วารินชำราบ ปัจจุบันอ.เมืองอุบลราชธานี ยังคงมีน้ำท่วมขังในพื้นที่ลุ่มต่ำ ระดับน้ำทรงตัว นครสวรรค์ เกิดฝนตกหนักและน้ำท่วมขังในพื้นที่ 10 อำเภอ ได้แก่ อ.ลาดยาว อ.หนองบัว อ.ชุมแสง อ.เมืองนครสวรรค์ อ.ชุมตาบง อ.แม่วงก์ อ.แม่เปิน อ.ตาคลี อ.พยุหะคีรี และอ.ไพศาลี รวม 21 ตำบล 73 หมู่บ้าน ปัจจุบันยังคงมีน้ำท่วมขังในพื้นที่ลุ่มต่ำ ระดับน้ำทรงตัว

เจ้าพระยาเอ่อภาคกลาง

ชัยนาท ปัจจุบันยังคงมีน้ำท่วมในพื้นที่ 4 อำเภอ ได้แก่ อ.มโนรมย์ อ.วัดสิงห์ อ.เนินขาม และอ.หันคา รวม 6 ตำบล 23 หมู่บ้าน ปัจจุบันระดับน้ำทรงตัว สิงห์บุรี เกิดฝนตกหนักและน้ำท่วมขังในพื้นที่อ.อินทร์บุรี รวม 2 ตำบล 2 หมู่บ้าน ปัจจุบันระดับน้ำทรงตัว พระนครศรี อยุธยา เกิดน้ำเจ้าพระยาเอ่อล้นตลิ่งเข้าท่วมในพื้นที่ 3 อำเภอ ได้แก่ อ.ผักไห่ อ.เสนา และอ.บางบาล รวม 25 ตำบล 134 หมู่บ้าน ปัจจุบันมีน้ำท่วมขังในพื้นที่ลุ่มต่ำแม่น้ำเจ้าพระยา และแม่น้ำน้อย ซึ่งอยู่นอกคันกั้นน้ำระดับน้ำเพิ่มขึ้น ภาพรวมสถานการณ์ปัจจุบันหลายพื้นที่เริ่มคลี่คลาย แต่ยังคงมีน้ำท่วมขังในพื้นที่ลุ่มต่ำ อยู่ระหว่างการเร่งระบายน้ำ

กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยได้ประสานจังหวัด องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัย โดยสำรวจและประเมินความเสียหาย เพื่อดำเนินการช่วยเหลือตามระเบียบกระทรวงการคลังฯ สำหรับประชาชนสามารถแจ้งเหตุและขอความช่วยเหลือทางไลน์ “ปภ.รับแจ้งเหตุ 1784” โดยเพิ่มเพื่อน Line ID @1784DDPM และสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง

พาณิชย์คุมเข้มราคาสินค้า

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ กล่าวว่าสั่งการให้พาณิชย์จังหวัดทุกจังหวัด ติดตามสถานการณ์ในเรื่องของสินค้าอุปโภคบริโภค ไม่ให้ฉวยโอกาสขึ้นราคาสินค้า หรือค้ากำไรเกินควร นอกจากนี้ในช่วงหลังน้ำลดจะนำโมบายพาณิชย์ เข้าไปขายสินค้าที่จำเป็นต่อการบริโภคในพื้นที่ ระหว่างนี้เตรียมตรวจสอบปริมาณสินค้าที่จำเป็น อุปกรณ์เครื่องใช้ อุปกรณ์ทำความสะอาดบ้าน เครื่องมือในการก่อสร้างซ่อมแซมบ้านเรือนที่อยู่อาศัย และ สินค้าอื่นๆ ให้มีปริมาณเพียงพอและจำหน่ายในราคาที่ไม่เอาเปรียบประชาชน

โคราชอ่วม-ล้นอ่างเก็บน้ำ

ส่วนสภาพน้ำท่วมในพื้นที่ต่างๆ เริ่มจากจ.นครราชสีมา นายกอบชัย บุญอรณะ ผวจ.นครราชสีมา ประกาศแจ้งสถานการณ์อ่างเก็บน้ำลำเชียงไกร ตอนล่าง อ.โนนไทย ว่า ขณะนี้มีปริมาณเกินความจุ 140% และมวลน้ำขนาดใหญ่จากลำเชียงไกร ตอนบน, ห้วยสามบาท อ.ด่านขุนทด กำลังไหลลงมาสมทบในอ่างเก็บน้ำอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้น้ำไหลทะลักต้องระบายเพิ่มจำนวนมาก ขอให้อำเภอด้านท้ายอ่างฯ ประกอบด้วย อ.โนนไทย อ.โนนสูง และ อ.พิมาย แจ้งเตือนประชาชนที่อยู่ริมน้ำและที่ลุ่มต่ำให้เก็บทรัพย์สินสิ่งของจำเป็นขึ้นไว้ที่สูง ระวังติดตามมวลน้ำไหลเชี่ยวแรง จัดกำลังเจ้าหน้าที่ประสานกำลังพลสนับสนุนการอพยพประชาชนไปยังศูนย์พักพิงที่เตรียมไว้ล่วงหน้า ตั้งโรงครัวดูแลผู้ได้รับผลกระทบและเจ้าหน้าที่

นายสมพงษ์ หอมสนิท นายอำเภอโนนไทย กล่าวว่า สถานการณ์อุทกภัยมีพื้นที่ได้รับผลกระทบจำนวน 4 ตำบล 18 หมู่บ้าน ราษฎรได้รับผลกระทบจำนวน 410 หลัง คาเรือนและพื้นที่เกษตร นาข้าว ประมาณ 6,007 ไร่ ไร่ข้าวโพด 169 ไร่ ส่วนการช่วยเหลือราษฎรได้มอบหมายให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าให้การช่วยเหลือเบื้องต้นแล้ว

ซัดพ่อแม่ลูกจมระทึก

ที่บ้านหนองพังโพด ต.ตะเคียน อ.ด่านขุน ทด เจ้าหน้าที่มูลนิธิฮุก 31 นครราชสีมา รับแจ้งจากทางผู้ใหญ่บ้านหมู่ 6 ว่ามีครอบครัวพ่อแม่ลูก ประสบภัยถูกกระแสน้ำพัดต้องการความช่วยเหลือ จึงส่งกำลังพร้อมอุปกรณ์เข้าไปยังพื้นที่เกิดเหตุอยู่บนถนนในหมู่บ้าน ซึ่งทั้ง 2 ฝั่งถนนถูกขนาบข้างด้วยห้วยพังโพดและคลองลำเชียงไกร

ทำให้ปริมาณน้ำทั้ง 2 แห่งล้นตลิ่งไหลบ่าผ่านถนนโดยมีความสูงประมาณ 60 เซนติเมตร และมีกระน้ำที่ไหลเชี่ยวเป็นอย่างมากทำให้เจ้าหน้าที่ต้องใช้เรือเล็กติดเครื่องยนต์ในการเข้าช่วยเหลือผู้ประสบภัย รายแรกที่ช่วยออกมาได้นั้นคือ ผู้เป็นพ่อ ซึ่งเกาะต้นมะขามเทศเอาไว้อยู่ในอาการขวัญเสียร้องไห้ตลอดเวลา รายต่อมาคือลูกชายที่สามารถเกาะกับกิ่งต้นมะม่วงพยุงตัวเอาไว้ ส่วนแม่ยังหาไม่พบ

อ่างลำปลายมาศล้นแล้ว

นายสานิตย์ ศรีทวี นายอำเภอเสิงสาง พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษา ลำปลายมาศ ร่วมสังเกตการณ์สถานการณ์น้ำภายในอ่างเก็บน้ำลำปลายมาศ หลังจากมีฝนตกลงมาอย่างหนักติดต่อกันนานกว่า 1 สัปดาห์ ล่าสุด ปริมาณน้ำภายในอ่างฯ สูงเกินความจุกักเก็บจนล้นสปิลเวย์ มวลน้ำไหลลงสู่พื้นที่ด้านท้ายอ่างฯ ตั้งแต่เช้ามืด

ขณะนี้ปริมาณน้ำภายในอ่างเก็บน้ำลำปลายมาศเกินระดับกักเก็บ สูงกว่าอาคารระบายน้ำฉุกเฉิน หรือสปิลเวย์ประมาณ 7 เซนติเมตร ทำให้มีน้ำล้นออกจากอ่างประมาณ 6.6 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที แต่หน่วยงานราชการในพื้นที่ ยังมีความมั่นใจเรื่องการบริหารจัดการน้ำภายในลำน้ำลำปลายมาศที่อยู่ด้านท้ายอ่างฯ และวางแผนพร่องน้ำในลำน้ำล่วงหน้า เพื่อเตรียมรองรับมวลน้ำที่ล้นออก จากอ่างฯ

สระสาธารณะแตกอีก

ที่อ.ด่านขุนทด หลังจากเกิดกรณีสระสาธารณะหนองงูเหลือม คันกั้นน้ำแตกพัง เป็นความยาวกว่า 5 เมตร ส่งผลให้มวลน้ำกักเก็บกว่า 38 ไร่ ไหลทะลักเข้าท่วมพื้นที่หมู่บ้านอย่างรวดเร็ว สูงราว 80-90 เซนติเมตร เส้นทางสัญจรถูกตัดขาด นายไพฑูรย์ มหาชื่นใจ นายอำเภอด่านขุนทด จึงลงพื้นที่พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่องค์การส่วนปกครองส่วนท้องถิ่น, ศูนย์ปภ.เขต 5 นครราชสีมา และทหารจากกองพันพัฒนาที่ 2 ค่ายสุรธรรมพิทักษ์ เร่งสำรวจความเสียหายแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนให้ชาวบ้าน ทั้ง 3 หมู่บ้านใน ต.สระจระเข้ อ.ด่านขุนทด ได้แก่ ม.1 ม.7 และ ม.12

สำหรับสระสาธารณะหนองงูเหลือม มีจำนวน 3 บ่อ เป็นอ่างเก็บน้ำเพื่อผลิตน้ำประปา พื้นที่ประมาณ 300 ไร่ ความจุ 1.5 ล้านลบ.ม. เนื่องจากฝนตกหนักติดต่อกันหลายวัน คันสระสาธารณะได้เกิดแตกพังเสียหาย ทำให้น้ำไหลหลากลงสู่อ่างเก็บน้ำจำนวนมาก มวลน้ำปริมาณมากไหลหลากทะลักเข้าท่วม 3 หมู่บ้านในช่วงกลางดึก เจ้าหน้าที่นำกระสอบทรายช่วยกั้นน้ำเข้าบ้านเรือนในเบื้องต้นแล้ว พร้อมกับนำถุงบิ๊กแบ๊ก มาช่วยปิดกั้นอ่างเก็บน้ำที่พังเสียหาย

ชัยภูมิเร่งระบายน้ำเขื่อน

จ.ชัยภูมิ น้ำในเขื่อนลำฉู อ.บำเหน็จณรงค์ เต็มเกินความจุที่รับน้ำได้ 42.60 ล้าน ลบ.เมตร เหลือไม่ถึงเมตรจะล้นสันเขื่อน กระแสน้ำไหลล้นสปิลเวย์สูงกว่า 2 เมตร มวลน้ำมหาศาลไหลทะลักเข้าท่วมโรงพยาบาลบำเหน็จณรงค์ เมื่อกลางดึกที่ผ่านมา ท่วมชั้น 2 ของตึกโรงพยาบาล ต้องเร่งอพยพผู้ป่วยในโรงพยาบาลไปอยู่ในที่ปลอดภัย

นายพงษ์ศักดิ์ ณ ศร ชลประทานจังหวัดชัยภูมิ กล่าวว่าอาจเจาะด้านข้างสันเขื่อน ระบายน้ำออกจากตัวเขื่อนมากยิ่งขึ้น เพื่อไม่ให้เขื่อนแตก ซึ่งกระแสน้ำที่ไหลล้นออกทางสปิลเวย์ของเขื่อนมากว่า 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา มวลน้ำมหาศาลที่ไหลมาตามลำห้วยต่างๆ ทำให้ฝายน้ำล้นตามลำห้วย ที่กระแสน้ำไหลผ่านฝายน้ำล้นแตกไปแล้ว 3 แห่งก่อนมวลน้ำมหาศาลจะไหลท่วมในตลาดคำปิง ไหลเข้าท่วมในพื้นที่โรงพยาบาลบำเหน็จณรงค์ น้ำไหลเข้าท่วมบ้านเรือนของราษฎรที่อยู่ตามพื้นที่ต่ำ ที่บ้านปากจาบ ตำบลโคกเพชรสูงขึ้นอีกกว่า 1 เมตร และน้ำได้ไหลเข้าท่วมต่อไปยังพื้นที่ตำบลบ้านเพชร, ตำบลบ้านชวน, ตำบลบ้านตาล,ตำบลหัวทะเล อย่างต่อเนื่อง

มวลน้ำทั้งไหลเข้าท่วมบ้านเรือนราษฎร และท่วมไร่นา มีหมู่บ้านถูกน้ำท่วมกว่า 10 หมู่บ้าน ประชากรมากกว่า 1,000 ครอบครัว ต้องเดือดร้อนหนัก ได้มีการอพยพชาวบ้านให้มาพักอาศัยหลับนอนอยู่ภายในหอประชุมเทศบาลตำบลบ้านเพชรเป็นการชั่วคราว ซึ่งขณะนี้น้ำยังหลากท่วมขยายวงกว้างต่อเนื่องไม่หยุด ซึ่งจะได้มีการสำรวจพื้นที่ถูกน้ำท่วมอีกต่อไป

จมร.พ. – น้ำจากเขื่อนลำคันฉูล้นเกินความจุไหลบ่าเข้าท่วมตัวอ.บำเหน็จณรงค์ จ.ชัยภูมิ กลางดึก ร.พ.บำเหน็จณรงค์น้ำท่วมสูงถึงชั้นบนบ้านพักเจ้าหน้าที่ ต้องขนย้ายผู้ป่วยไปรักษาร.พ.อื่นอย่างโกลาหล เมื่อวันที่ 26 ก.ย.

2 ร.พ.ใหญ่เสียหายหนัก

นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่าสถานพยาบาล 2 แห่งที่ได้รับผลกระทบจากฝนตกหนัก คือ ร.พ.สุโขทัย น้ำท่วมทางเข้าและบริเวณโดยรอบ แต่ยังเปิดให้บริการได้ปกติ และร.พ.บำเหน็จณรงค์ จ.ชัยภูมิ น้ำท่วมอาคารบริการชั้น 1 สูงประมาณ 80 เซนติเมตร และบริเวณโดยรอบ ทำให้ต้องปิดบริการ

ซึ่งนพ.พงศ์เกษม ไข่มุกด์ ผู้ตรวจราชการ สธ.เขตสุขภาพที่ 9 รายงานว่า ผู้ป่วยใน ร.พ.มี 40 ราย ส่งกลับบ้าน 14 ราย เร่งเคลื่อนย้ายผู้ป่วยอีก 26 รายไปยัง ร.พ.จัตุรัสที่เป็น ร.พ.แม่ข่ายดูแลรักษา และส่งต่อไป ร.พ.เนินสง่า ร.พ.บ้านเขว้า และ ร.พ.ชัยภูมิ โดยผู้ป่วย 16 รายอาการไม่รุนแรง ช่วยเหลือตัวเองได้ดี มีผู้ป่วยที่ต้องให้ออกซิเจน 3 ราย และ ผู้ป่วยโควิด 19 จำนวน 7 ราย ซึ่งได้รับการช่วยเหลือจากทีมกู้ภัยมูลนิธิต่างๆ เรือและรถยกสูงของทหาร มีผู้ว่าราชการจังหวัดชัยภูมิ เป็นผู้บัญชาการในพื้นที่

ท่วมร.พ. – ร.พ.บำเหน็จณรงค์ จ.ชัยภูมิ ถูกมวลน้ำมหาศาลไหลเข้าท่วมฉับพลันกลางดึกทะลักเข้าถึงภายในตัวอาคารทำให้อุปกรณ์การแพทย์เสียหาย ต้องอพยพขนย้าย ผู้ป่วยไปรักษาต่อร.พ.อื่นอย่างโกลาหล เมื่อวันที่ 26 ก.ย.

ตร.แห่งชาติพร้อมช่วย

พ.ต.อ.หญิง ศิริกุล กฤตพิทยบูรณ์ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติตระหนักถึงความสำคัญของผลกระทบที่จะเกิดขึ้น และมีความห่วงใยในชีวิตและทรัพย์สินของพี่น้องประชาชน จึงสั่งการให้ทุกหน่วยในพื้นที่ที่ประสบอุทกภัยเร่งให้ความช่วยเหลือเบื้องต้น พร้อมจัดชุดปฏิบัติการเคลื่อนที่เร็ว เพื่อตรวจตราบ้านเรือนประชาชน เพื่อเป็นการป้องกันกลุ่มมิจฉาชีพที่จะเข้ามาฉวยโอกาสก่อเหตุซ้ำเติมความเดือดร้อนของประชาชน

พี่น้องประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนต้องการความช่วยเหลือ หรือต้องการสอบถามเส้นทางการจราจร สามารถโทรศัพท์สอบถามมายังสายด่วน 191 สายด่วน 1193 หรือสายด่วน 1599 ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

เฝ้าระวังเขื่อนราษีไศล

ที่เขื่อนราษีไศล ต.หนองแค อ.ราษีไศล จ.ศรีสะเกษ มีระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นกว่าเดิม เนื่องจากรองรับน้ำจากแม่น้ำมูน ลำห้วยทับทัน และลำเสียวใหญ่ ที่ไหลมาจาก จ.นครราชสีมา มีปริมาณน้ำไหลเข้าจำนวน 614.45 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที นายภานรินทร์ ภาณุพินทุ ผอ.โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษามูนล่าง

สำนักงานชลประทานที่ 8 เปิดเผยว่า เปิดประตูระบายน้ำของเขื่อนราษีไศลทั้ง 7 บาน ทั้งนี้เนื่องจากเขื่อนราษีไศลยังอยู่ในสถานการณ์ที่สามารถบริหารจัดการน้ำเหนือเขื่อนและท้ายเขื่อนได้อยู่ จึงยังไม่ต้องแขวนประตูระบายน้ำทั้ง 7 บาน เพราะเกรงว่า จะทำให้น้ำไหลไปรวมอยู่ที่จ.อุบลราชธานี ทำให้น้ำท่วมจ.อุบลราชธานีสูงมากกว่าเดิม

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า พายุเตี้ยนหมู่พัดปกคลุมเข้ามาในเขตพื้นที่ จ.ศรีสะเกษ ทำให้มีฝนตกหนักต่อเนื่องหลายวันติดต่อกัน ได้ทำให้มีน้ำท่วมถนนหนทางบ้านเรือน และน้ำได้ท่วมพื้นที่ทางการเกษตรกว่า 10,000 ไร่ ทั้ง 22 อำเภอของ จ.ศรีสะเกษ ซึ่ง นายวัฒนา พุฒิชาติ ผวจ.ศรีสะเกษ ได้สั่งการให้นายบุญประสงค์ นวลสายย์ หน.สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จ.ศรีสะเกษ นายอำเภอทุกอำเภอ และองค์กรปกครองส่วน ท้องถิ่นที่ถูกน้ำท่วม ได้เข้าไปให้การช่วยเหลือประชาชนที่ประสบอุทกภัยอย่างเร่งด่วนแล้ว

น้ำทับลาน-เขาใหญ่ทะลัก

จ.ปราจีนบุรี น้ำป่าจากอุทยานแห่งชาติ ทับลาน และอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ไหลหลากเข้าท่วมหมู่บ้านติดตีนเขา หมู่ที่ 10 บ้านทับลานใต้ ต.บุพราหมณ์ อ.นาดี จำนวนกว่า 100 หลังคาเรือน ในช่วงกลางดึกที่ผ่านมา ทำให้ถนนถูกตัดขาด ชาวบ้านต้องใช้เชือกผูกบ้านกับต้นไม้ เพื่อกันน้ำพัดเนื่องจากกระแสน้ำนั้นพัดแรงมาก โดยมีทหารจากพัน.ร.2 รอ.หรือหน่วยบูรพาพยัคฆ์ ได้เข้ามาเฝ้าสังเกตการณ์และช่วยเหลือ

น้ำยมเอ่อท่วมพิจิตร

จ.พิจิตร มวลน้ำป่าจากด้านจ.กำแพงเพชร หลากลงมาตามลำคลองสาขา ที่เชื่อมต่อกับแม่น้ำยม ทำให้ไหลหลากเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชนในพื้นที่ตำบลสามง่าม จำนวน 3 ตำบล 12 หมู่บ้าน ประกอบไปด้วย ตำบลรังนก และตำบลกำแพงดิน ตำบลสามง่าม จำนวน เกือบ 300 หลังคาเรือน นอกจากนี้มวลน้ำดังกล่าวยังไหลเข้าท่วมพื้นที่การเกษตรถูกน้ำท่วมเป็นบริเวณกว้าง 5 ตำบล คือ ตำบลเนินปอ ตำบลรังนก ตำบลหนองโสน ตำบลกำแพงดิน และตำบลสามง่าม จำนวนกว่า 1 หมื่น 2 พันไร่ ได้รับความเสียหาย

ส่วนอ.โพธิ์ประทับช้าง มีพื้นที่การเกษตรทั้งนาข้าว พืชสวน พืชไร่ ถูกน้ำท่วมและคาดว่าจะเสียหายจำนวนกว่า 8 พันไร่ ในพื้นที่ 76 หมู่บ้าน 7 ตำบล ระดับน้ำท่วมเฉลี่ย 30 เซนติเมตรไปจนถึงกว่า 1 เมตร

น้ำท่วมถึงกลางเมืองลพบุรี

จ.ลพบุรี น้ำป่าไหลหลากจากเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าซับลังกา ไหลลงสู่พื้นที่ต่ำและลงอ่างเก็บน้ำกุดตาเพชร อ.ลำสนธิ ทำให้น้ำล้นสปิลเวย์ไหลลงพื้นที่ลุ่มทำให้มีน้ำท่วมถนน ตัดขาดระหว่างหมู่บ้านวังเชื่อม-บ้านหนองป้อง หมู่ที่ 1 หมู่ที่ 2 หมู่ที่ 3 และหมู่ที่ 5 จำนวน 4 หมู่บ้าน กว่า 400 ครัวเรือน ได้รับความเดือดร้อน เจ้าหน้าที่ได้เร่งนำเรือท้องแบนออกรับประชาชนตามจุดเสี่ยงต่างๆ ในแต่ละหมู่บ้าน

ส่วนในอ.เมืองลพบุรี น้ำป่าจากเทือกเขาโคกตูม และฝนที่ตกลงมาอย่างหนัก ไหลบ่าเข้าท่วมถนนและชุมชนบ้านเขาหนีบ หมู่ที่ 7 เขตเทศบาล ต.ท่าศาลา ระดับน้ำสูงกว่า 50 ซ.ม. บางพื้นที่สูงถึง 1 เมตร

น้ำป่าถล่มอุ้มผาง จ.ตาก

จ.ตาก ตลอดทั้งคืนที่ผ่านมาได้เกิดฝนตกหนักมากบนยอดดอยสูงเหนือตัวอำเภออุ้มผาง ส่งผลทำให้น้ำป่าจากลำห้วยอุ้มผาง ล้นตลิ่งแบบฉับพลันเข้าท่วมบ้านเรือนของประชาชน และรีสอร์ตหลายแห่ง ที่สร้างติดลำห้วยอุ้มผาง ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวในหมู่บ้านใหม่ท่าแพ ขณะเดียวกันที่บนถนนสายอุ้มผาง-บ้านปะหละทะ ช่วงหลักกิโลเมตรที่ 1 มีน้ำป่าทะลักแนวลำห้วยกลางหมู่บ้านไหลเข้าท่วมบนถนนสูงกว่า 1 เมตร รถทุกชนิดไม่สามารถสัญจรได้

นายสเดชชัย สุวรรณจันทร์ นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลอุ้มผาง กล่าวว่าหน่วยป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย พร้อมฝ่ายปกครอง และหน่วยกู้ชีพกู้ภัยอำเภออุ้มผาง นำเรือจำนวนนับสิบลำอพยพชาวบ้านในพื้นที่เสี่ยงอันตรายจำนวน 3 จุด ที่น้ำท่วมสูงและยังมีชาวบ้านหลายคนติดอยู่ภายในบ้าน และต้องตัดกระแสไฟฟ้าทั้งอำเภอ เพื่อป้องกันอันตรายต่อชาวบ้านและคาดว่าน้ำจะท่วมขยายวงกว้างมากขึ้น น้ำท่วมอำเภออุ้มผางในครั้งนี้วิกฤตหนักสุดในรอบกว่า 10 ปี

อ่างแตก – อ่างเก็บน้ำลำเชียงไกร อ.โนนไทย จ.นครราชสีมา ถูกมวลน้ำมหา ศาลเจาะทะลุน้ำไหลบ่าทะลักสู่พื้นที่ด้านล่าง ทางจังหวัดต้องประกาศเตือนภัยเร่งอพยพด่วน 9 อำเภอ เมื่อวันที่ 26 ก.ย.

‘อ่างลำเชียงไกร’แตก

เมื่อเวลา 16.30 น. รายงานสถานการณ์ อ่างเก็บน้ำลำเชียงไกรตอนล่าง ต.บัลลังก์ อ.โนนไทย จ.นครราชสีมา มวลน้ำเหนือสันอ่างเต็มพื้นที่กว่า 6,000 ไร่ ปริมาณน้ำกว่า 40 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็น 135% เกินความจุกักเก็บ 27 ล้านลูกบาศก์เมตร ปริมาณน้ำมากที่สุดในรอบ 50 ปี นับตั้งแต่ก่อสร้างอ่างเมื่อปี 2514 มวลน้ำฝนจาก อ.ด่านขุนทด และ อ.เทพารักษ์ จ.นครราชสีมา สมทบมากขึ้นเรื่อยๆ

ส่งผลให้อาคารระบายน้ำล้นปกติซึ่งอยู่ระหว่างก่อสร้างถูกกระแสน้ำกัดเซาะกำแพงปีกด้านขวาจนชำรุด ทำให้มวลน้ำไหลทะลักออกมาอย่างต่อเนื่อง เจ้าหน้าที่ชลประทานได้เตรียม “บิ๊กแบ๊ก” หรือกระสอบทรายยักษ์ ลงไปอุดรูรั่ว โดยรอให้กระแสน้ำไหลเบาลง กว่านี้

จึงมีความจำเป็นต้องระบายเพิ่มลงลำน้ำเดิม 66.43 ลบ.ม. ระบายน้ำอาคารระบายน้ำฉุกเฉิน 101.72 ลบ.ม. รวมการระบายน้ำ 168.15 ลบ.ม. ส่งผลให้ระดับน้ำในลำเชียงไกรและลำน้ำสาขามีปริมาณเพิ่มสูงขึ้น และจะส่งผลกระทบต่อพื้นที่ลุ่มต่ำริมสองฝั่งลำน้ำและพื้นที่ริมตลิ่ง ให้อำเภอด้านท้ายอ่างรวม 9 อำเภอ แจ้งเตือนประชาชนอพยพไปยังสถานที่ปลอดภัย โดยเฉพาะประชาชนที่อยู่ริมน้ำและที่ลุ่มต่ำให้เก็บทรัพย์สินสิ่งของจำเป็นขึ้นไว้ที่สูงกว่าที่เคย และระวังติดตามมวลน้ำไหลเชี่ยวแรง

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน