ตร.ฮึ่มเอาผิดพ่อแม่ม็อบ

ชุมนุมคึกคัก-รำลึก1ปี
คนรุ่นใหม่สู้เพื่อปชต.

แนวร่วมธรรมศาสตร์ฯ จัดกิจกรรมหน้า หอศิลป์กทม. มวลชนร่วมคึกคัก ต่อคิวแห่เข้าชมอุโมงค์ผ้าดำ แขวนรูปคณะรัฐประหาร-ภาพล้อการเมือง รุ้ง-ปนัสยา ร่วมออกแบบเสื้อ ตำรวจคุมเข้มบนสกายวอล์ก ขณะที่สามเหลี่ยมดินแดงไร้เหตุวุ่นวาย เชียงใหม่-นครสวรรค์ จัดคาร์ม็อบไล่ประยุทธ์ ไฮโซลูกนัทเข้าร่วมด้วย บช.น.แถลงสรุปภาพรวมการชุมนุม ลั่นจับ 15 หัวรุนแรง ม็อบ 25 ก.ย. จ่อเรียกผู้ปกครองสอบ เตรียมดำเนินคดีร่วมด้วย ฐานปล่อยปละละเลย เผยดำเนินคดีผู้ชุมนุม 232 คดี จับกุมได้แล้ว 598 คน

3 แกนนำม็อบไร้เครียด

วันที่ 26 ก.ย. ที่กรมราชทัณฑ์ นายธวัชชัย ชัยวัฒน์ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์และโฆษกกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยถึงการดูแลรักษาผู้ต้องขังคดีทางการเมืองที่ติดเชื้อโควิด-19 ว่า มี 3 ราย นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือเพนกวิน พยาบาลประจำเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานครได้เข้าตรวจร่างกาย พบว่า มีอาการหอบเหนื่อยในช่วงกลางคืน หลังจากพ่นยา ยังมีอาการปวดศีรษะจากไมเกรน แต่หลังจากรับประทานทานยาแล้วอาการดีขึ้น เบื้องต้นพยาบาลได้ให้ คำแนะนำการดูแลตัวเองจากโรคประจำตัว

ขณะที่ นายจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา หรือ ไผ่ ดาวดิน มีอาการปวดศีรษะบางครั้ง จึงจ่ายยาตามแผนการรักษา ส่วนนายภาณุพงศ์ จาดนอก หรือ ไมค์ มีอาการปวดหลัง แต่ปฏิเสธการรับยา ทั้งนี้ สุขภาพทั่วไปของทั้ง 3 ราย แข็งแรงดี สัญญาณชีพปกติ สามารถรับประทานอาหารและนอนหลับได้ โดยไม่มีอาการเครียดและวิตกกังวล

นายธวัชชัยกล่าวว่า ส่วนนายอานนท์ นำภา ที่อยู่ในทัณฑสถานบำบัดพิเศษกลาง สุขภาพโดยรวมแข็งแรงดี ไม่มีอาการเจ็บป่วย ใช้เวลาส่วนใหญ่อ่านหนังสือและจดหมายอยู่บริเวณที่นอนตนเอง ส่วนผู้ป่วยโควิดอีก 2 ราย ที่รักษาตัวอยู่ในทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ ได้รับรายงานว่า นายเวหา แสนชนชนะศึก เจ้าของบัญชีทวิตเตอร์ “ฟ้าฝน ver.เกรี้ยวกราด” ไม่มีอาการผิดปกติ ไม่หอบเหนื่อย ไม่มีไข้ ไม่ไอ ไม่มีน้ำมูก สัญญาณชีพปกติ นอนหลับและรับประทานอาหารได้ดี อยู่ระหว่างการพักฟื้นเพื่อรอส่งกลับไปคุมขังยังเรือนจำ

เช่นเดียวกับนายอมร อมรรัตนานนท์ อดีตแกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย อาการปกติ ไม่หอบเหนื่อย ช่วยเหลือตัวเองได้ จมูกเริ่มได้กลิ่นเล็กน้อย ลิ้นรับรสได้ปกติ แพทย์ได้ให้การรักษาตามอาการควบคู่กับการให้ยาโรคเบาหวาน ซึ่งเป็นโรคประจำตัวของนายอมร

ตร.เตือนม็อบชุมนุมผิดกฎหมาย

เมื่อเวลา 11.00 น. ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย รอง ผบช.น. เปิดเผยว่า กรณีมีการนัดหมายชุมนุมผ่านช่องทางออนไลน์ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ซึ่งจะมีกลุ่มหลักๆ นัดหมายรวมตัวกันในวันที่ 26 ก.ย. มีดังนี้ 1.กลุ่มทะลุแก๊ส นัดรวมตัวที่สามเหลี่ยมดินแดง 2.กลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม นัดหมายเวลา 16.00-19.00 น. ที่ลานหน้าหอศิลป์แยกปทุมวัน ซึ่งบริเวณดังกล่าวถูกจัดเป็นสถานที่ชุมนุมมาแล้วหลายครั้ง เชื่อว่าจะควบคุมสถานการณ์ได้ และไม่เกิดเหตุรุนแรง

รองผบช.น. กล่าวว่า บช.น.ขอเตือนว่า กรุงเทพมหานคร เป็นพื้นที่ที่ประกาศเป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด การชุมนุมหรือรวมกลุ่มทำกิจกรรมที่เสี่ยงต่อการแพร่โรค จะเป็นความผิดตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน, ประกาศหัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินฯ ฉบับที่ 10 ลง 31 ส.ค.64 และพ.ร.บ.โรคติดต่อ โดยบช.น. ได้จัดเตรียมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อดูแลความสงบเรียบร้อยในพื้นที่โดยรอบการชุมนุม และสถานที่สำคัญซึ่งอยู่ใกล้เคียงไว้

จับ 15 คนร่วมม็อบทะลุฟ้า

พล.ต.ต.ปิยะกล่าวว่า จากการชุมนุมของกลุ่มทะลุฟ้าในวันที่ 25 ก.ย.ที่ผ่านมา ที่แยกยมราช และเคลื่อนขบวนมาที่แยกนางเลิ้ง ซึ่งมีการปิดการจราจร พ่นสีบนถนน ขว้างปาสิ่งของต่างๆ และถุงหรือขวดบรรจุน้ำสีแดงบริเวณแยกนางเลิ้ง เมื่อเจ้าหน้าที่ประกาศแจ้งเตือนให้ยุติการกระทำ ก็ยังคงขว้างปาสิ่งของ ยิงหนังสติ๊ก ลูกแก้ว ประทัด พลุไฟ ระเบิดต่างๆ ใส่เจ้าหน้าที่เป็นระยะ และพยายามรื้อรั้วลวดหนามออก กระทั่งเวลา 18.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงต้องเข้าบังคับใช้กฎหมาย

จนเวลา 18.30 น. สามารถรักษาความสงบเรียบร้อยไว้ได้ จับกุมผู้กระทำผิด 15 คน ในจำนวนนี้พบว่าเป็นเยาวชน 4 คน พร้อมยึดรถจักรยานยนต์ 6 คัน และรถยนต์ 1 คัน ดำเนินคดีในข้อหา มั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คน ขึ้นไป ก่อให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง (ป.อาญา ม.215), เมื่อเจ้าพนักงานสั่งให้ผู้ที่มั่วสุมเลิกแล้วไม่เลิก (ม.216), ฝ่าฝืนพ.ร.ก.ฉุกเฉิน และความผิดอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง

พล.ต.ต.ปิยะกล่าวว่า ส่วนที่เป็นเยาวชน ตำรวจจะออกหมายเรียกผู้ปกครองมาสอบสวน หากพบว่ายินยอมหรือปล่อยปละละเลยให้บุตรหลานออกมาก่อความวุ่นวาย จะถูกดำเนินคดีด้วยเช่นกัน ส่วนการดำเนินคดีกับกลุ่มผู้ชุมนุม ตั้งแต่เดือน ก.ค.64 ที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบันรวมทั้งสิ้น 232 คดี มีผู้ต้องหาทั้งหมด 843 คน ติดตามจับกุมตัวได้แล้ว 598 คน

1ปีการต่อสู้ – กลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม จัดนิทรรศการศิลปะ 1 ปี รวมภาพการต่อสู้ของประชาชน ช่วงปีที่ผ่านมา มีผู้เข้าร่วมจำนวนมาก ที่ลานหน้าหอศิลป์กรุงเทพฯ แยกปทุมวัน เมื่อวันที่ 26 ก.ย.

แนวร่วมฯพรึบหน้าหอศิลป์

เมื่อเวลา 16.00 น. ที่ลานหน้าหอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร แยกปทุมวัน กลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม จัดนิทรรศการงานศิลปะ “หนึ่งปี…จากความจริงสู่ความหวัง” โดยมีประชาชนเดินทางเข้าร่วมชมงานจำนวนมาก ซึ่งเป็นการรวมภาพถ่ายการต่อสู้ของประชาชนในช่วงปีที่ผ่านมา นอกจากนี้ยังมีกิจกรรม “ร่วมวาดความหวังของประชาชน” ให้วาดและเขียนประเทศไทยในความหวังลงบนป้ายผ้าหรือเขียนใส่กระดาษแล้วนำไปห้อยที่ต้นไม้ประดับไฟบริเวณหน้าหอศิลป์ อาทิ คนเท่ากัน ประชาธิปไตยเท่านั้น รวมถึงมีการแสดงดนตรีจากกลุ่มศิลปินเพลงเพื่อราษฎร

ตร.เข้มสกายวอล์กปทุมวัน

นอกจากนี้ยังมีการเปิดขายเสื้อจากกลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์ฯ ซึ่งผู้ที่ซื้อเสื้อสามารถออกแบบลายบนเสื้อเองได้ โดยน.ส.ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล หรือรุ้ง ได้ออกแบบเสื้อเขียนว่า ปนัสยา ขณะที่ นางวรวรรณ แซ่อั้ง หรือ ป้าเป้า มาร่วมขายเสื้อที่มีสัญลักษณ์และข้อความเกี่ยวกับประชาธิปไตย

ทั้งนี้ ตำรวจในเครื่องแบบประจำตามจุดต่างๆ บนสกายวอล์กเพื่อดูแลความเรียบร้อย ต่อมาเวลา 16.10 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจสน.ปทุมวัน ได้อ่านประกาศข้อกำหนดพ.ร.ก. ฉุกเฉินและพ.ร.บ.ควบคุมโรคติดต่อ โดยประชาชนตะโกนโห่เป็นระยะ

ขึงอุโมงค์ผ้าดำ-ต่อสู้ปชต.

บรรยากาศภายในนิทรรศการ มีการแขวนภาพกิจกรรมที่กลุ่มนักกิจกรรมทางการเมืองได้จัดขึ้นในปีที่ผ่านมา และมีภาพวาดการ์ตูนเสียดสีสังคมในบริบทต่างๆ โดยมีการแขวนภาพด้วยเชือกกับเสาเล็กบริเวณลานหน้าหอศิลป์ และติดภาพบนผนังด้านนอก อาทิ ภาพคณะรัฐประหาร ภาพกลุ่มนักเรียนแสดงสัญลักษณ์ถือพลุสีในการชุมนุมที่ผ่านมาโดยดัดแปลงจากโปสเตอร์ภาพยนตร์เรื่อง parasite, ภาพด้านหลังพระพุทธรูปที่มีใบหน้าพล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา, ภาพล้อเลียน pictogram ของกีฬาโอลิมปิกที่ดัดแปลงมาจากการสลายการชุมนุมของเจ้าหน้าที่คฝ.

และข้อความว่า ‘Bullet in The Head’, ภาพครม.นั่งรับประทานอาหารกันริมทะเล ขณะที่มีประชาชนเสียชีวิตจากโควิด-19, ภาพวาดนักเรียนที่กำลังถูกการศึกษาและการเรียนออนไลน์ชุดรั้งไว้ และภาพกลุ่มเจ้าหน้าที่คฝ. เป็นต้น

ต่อมาในเวลา 16.55 น. มีการเปิดอุโมงค์ผ้าสีดำ ให้ประชาชนเข้าชม โดยจำกัดจำนวนเพื่อป้องกันการแพร่กระจายของโควิด-19 โดยมีผู้ต่อแถวเพื่อรอเข้าชมเป็นจำนวนมาก บริเวณหน้าอุโมงค์มีป้ายเตือนถึงเรื่องความรุนแรง เลือด การใช้กำลัง โดยเนื้อหาด้านในอุโมงค์ เกี่ยวกับการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยตลอด 1 ปีที่ผ่านมา จากนั้นมีการแสดงละครบริเวณลานหน้าหอศิลป์ โดยได้รับความสนใจอย่างมาก

แยกดินแดงสงบไร้ทะลุแก๊ส-คฝ.

เมื่อเวลา 16.49 น. ที่บริเวณเเยกสาม เหลี่ยมดินเเดง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ยังไม่พบกลุ่มผู้ชุมนุมทะลุเเก๊สมารวมตัวกัน รวมถึงเจ้าหน้าที่ คฝ.ก็ไม่ได้มาตรึงกำลัง เหมือนเช่นเคย มีเพียงเจ้าหน้าที่ตำรวจสน.ในพื้นที่ มายืนดูความเรียบร้อยการจราจรบริเวณ คอนโดฯเพชรราวุธ ใกล้เเยกสามเหลี่ยมดินเเดง

ส่วนด้านหน้ากรมดุริยางค์ทหารบก เหตุการณ์สงบ มีรถฉีดน้ำความดันสูงจอดอยู่ในรั้ว ส่วนที่หน้าโรงพยาบาลทหารผ่านศึก มีเจ้าหน้าที่ตำรวจตั้งด่านปิดการจราจรบริเวณเลนที่จะไปสุทธิสาร รถยนต์ต้องเบี่ยงไปทางเส้นวิภาวดีฯ-ดอนเมือง ส่วนบริเวณฝั่งตรงข้ามซึ่งเป็นส่วนบริเวณสวนสาธารณะข้างซอยมิตรไมตรี ซึ่งปกติกลุ่มวัยรุ่นจะมารวมตัวกัน มีประชาชนมาพักผ่อนออกกำลังกายกัน

ลูกนัทโผล่ร่วมชุมนุมนครสวรรค์

เมื่อเวลา 14.00 น. ที่จ.นครสวรรค์ แนวร่วมนิสิตนครสวรรค์เพื่อประชาธิปไตย ร่วมกับแนวร่วมฟันเฟืองอาชีวะนครสวรรค์ สหพันธ์นักเรียน นครสวรรค์ และพรรคมอ จัดคาร์ม็อบนครสวรรค์ บีบแตรไล่หมา 2 รวมพลคนนครสวรรค์ขับเคลื่อนเพื่ออนาคตของประชาชน อย่าปล่อยให้หมากัดกินอนาคตเรา โดยนัดรวมตัวกันที่ถนนอรรถกวี (ข้างเทศบาลนครนครสวรรค์) ทั้งนี้ มีนายธนัตถ์ ธนากิจอำนวย หรือลูกนัท อดีตผู้สมัคร ส.ส.กทม. พรรคประชาธิปัตย์มาร่วมกิจกรรมด้วย

ไล่‘ตู่’ – นปช.เชียงใหม่และลำพูน จัดคาร์ม็อบ รำลึกอดีตนายกฯ ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์ และขับไล่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ออกจากตำแหน่ง โดยเคลื่อนขบวนจากแยกหนองประทีป ถนนซูเปอร์ไฮเวย์ ไปข่วงสันกำแพง อ.สันกำแพง จ.เชียงใหม่ เมื่อวันที่ 26 ก.ย.

นปช.เชียงใหม่-ลำพูนจัดคาร์ม็อบ

ขณะที่จ.เชียงใหม่ กลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) จ.เชียงใหม่และลำพูน จัดกิจกรรมคาร์ม็อบ รำลึกนายทักษิณ และน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ โดยนัดรวมตัวกันตั้งแต่เวลา 13.00 น.ที่หน้าธนาคารกรุงเทพ สาขาบ้านธิ ต.บ้านธิ อ.บ้านธิ จ.ลำพูน ก่อนเคลื่อนขบวนคาร์ม็อบ มารวมกับมวลชนในพื้นที่ จ.เชียงใหม่ บริเวณแยกหนองประทีป (แยกปอยหลวง) ถ.ซูเปอร์ไฮเวย์ ต.ท่าศาลา อ.เมือง และมุ่งหน้าไปยังข่วงสันกำแพง โดยมีการเปิดเวทีปราศรัยโจมตีรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา