กลุ่มทะลุแก๊สดินแดง
สารภาพประกอบเอง
14ทะลุฟ้าพบตร.-สาดสี

‘บิ๊กปั๊ด’ผบ.ตร.นำกำลังบุกจับเอง 2 โจ๋ก่อเหตุปาพลุบึ้มใส่ตำรวจคฝ.ได้รับบาดเจ็บในเหตุการณ์ม็อบทะลุแก๊สชุมนุมดินแดงยึดอุปกรณ์ทำพลุไฟไปป์บอมบ์จำนวนหนึ่ง สารภาพทำไปเพราะคึกคะนองและรับรู้ข่าวสารจากโซเชี่ยล เผยอุปกรณ์สั่งซื้อจากทางเน็ตนำมาประกอบเอง ด้านบิ๊กป้อมลง พื้นที่โคราช ผวาม็อบประท้วง เลี่ยงไม่ไปไหว้อนุสาวรีย์ย่าโม

จับถึงบ้าน – พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. สอบปากคำ 2 วัยรุ่นผู้ต้องหาปาระเบิดใส่ตำรวจคฝ. บาดเจ็บสาหัส ในเหตุการณ์ชุมนุมย่านดินแดง วันที่ 11 ก.ย. โดยตำรวจบก.สืบสวนบช.น. ตามจับได้ถึงบ้านอ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี เมื่อวันที่ 1 ต.ค.

เมื่อเวลา 09.30 น.วันที่ 1 ต.ค. พล.ต.อ. สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร., พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ ผบก.สส.บช.น., พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.ภ.2, พล.ต.ต.ไพศาล วัชรมงคล ผบก.ภ.จว.นนทบุรี, พ.ต.อ.โชติวัฒน์ เหลืองวิลัย รอง ผบก.ภ.จว.นนทบุรี, พ.ต.อ.พรเทพ เพชรรัตน์ ผกก.สภ.บางบัวทอง, พ.ต.อ.ชินโชติ วัฒนธนานพ ผกก.สส.1 บก.สส.ภ.1 และพ.ต.ท.สมชาย ขำสัจจา รอง ผกก.สส.สภ.บางบัวทอง นำกำลังตรวจสอบบ้านเลขที่ 47/28 ม.5 ซอยลำโพ 23 ต.ลำโพ อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี จับกุมผู้ต้องหาจำนวน 2 ราย ได้แก่ นายไพฑูรย์ สิงห์จารย์ หรือ ทูร อายุ 20 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 1589/2564 ลงวันที่ 29 ก.ย.2564 และนายสุขสันต์ แก้วยศ หรือ ตั๊ก อายุ 19 ปี

ทั้งคู่เป็นผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 1590/2564 ลงวันที่ 29 ก.ย. 2564 ข้อหาร่วมกันพยายามฆ่าเจ้าพนักงาน ซึ่งกระทำการตามหน้าที่ หรือเพราะเหตุที่จะกระทำหรือได้กระทำตามหน้าที่ และร่วมกันจัดกิจกรรมรวมกลุ่มของบุคคลที่มีจำนวนร่วมกันมากกว่า 25 คน ในเขตพื้นที่ที่มีการประกาศคำสั่งหรือ คำสั่งกำหนดเป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด, มั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป ใช้กำลังประทุษร้ายขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้าย หรือกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดให้เกิดความวุ่นวายขึ้นในบ้านเมือง โดยผู้กระทำความผิดคนหนึ่งคนใดมีอาวุธ, เมื่อเจ้าพนักงานสั่งให้ผู้มั่วสุม ตามมาตรา 215 ให้เลิกแล้วไม่ยอมเลิก, ต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานซึ่งกระทำตามหน้าที่โดยใช้กำลังประทุษร้าย โดยมีอาวุธ โดยปาระเบิดใส่ ส.ต.ต.ธนาวุฒิ จิรคเชนทร์ ผบ.หมู่ บก.อคฝ. ได้รับบาดเจ็บสาหัส เหตุเกิดเมื่อวันที่ 11 ก.ย. เวลาประมาณ 21.36 น. บริเวณซอยต้นโพธิ์ เขตดินแดง กรุงเทพฯ และพบวัตถุระเบิดแบบแสวงเครื่องจำนวนมาก ซุกซ่อนอยู่ภายในบ้านพัก

พล.ต.อ.สุวัฒน์กล่าวว่า ทั้งสองคนให้การที่เป็นประโยชน์ว่าเป็นของทำขึ้นเองและนำไปใช้ในวันที่เกิดเหตุ เมื่อ 11 ก.ย. โดยขว้างใส่ตำรวจและทำให้ตำรวจได้รับบาดเจ็บ รายละเอียดจะสอบสวนอีกที ผู้ต้องหาเล่าให้ฟังว่าเหตุผลที่ไปเพราะอะไร และอุปกรณ์ในการทำก็ซื้อมาจากทางออนไลน์นำมาประกอบ และช่วยกันทำเองสำหรับงานดังกล่าว จากนี้ซักถามรายละเอียดอีกที ส่วนความเชื่อก็มาจากการดูจากสื่อโซเชี่ยล การทำระเบิดมีทั้งเอาไปแจกและนำไปขว้างเอง ทั้งสองคนบอกว่ามีการติดตามข้อมูลจากเพจจากโซเชี่ยล ทำให้มีความเชื่อคล้อยตามไป

พล.ต.อ.สุวัฒน์กล่าวต่อว่าอย่างที่ฝากไว้ เยาวชนก็อาจจะดูติดตามข่าวสารจากช่องทางพวกนี้จำนวนมาก และการก่อเหตุความรุนแรงเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง แต่ด้วยความที่อายุอาจจะยังไม่มาก ทำให้ง่ายต่อชักจูง ฝากพ่อแม่ผู้ปกครองญาติพี่น้องช่วยดูแลด้วย อย่างนายไพฑูรย์ อายุ 20 ปี อีกคนก็อายุ 19 ปี เท่าที่ถามก็ทำงานดี ไม่ใช่เด็กเกเร บอกว่าที่ทำลงไปก็เสียใจ ไม่ได้ประโยชน์อะไรกับใคร เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้รับบาดเจ็บ มาทราบตอนเช้าว่าตำรวจได้รับบาดเจ็บหลังจากข่าวออก เพราะการขว้างเข้าไปในกลุ่มอย่างนั้น ก็เล็งเห็นผลอยู่แล้วว่าโดนแล้วจะเป็นอย่างไร ส่วนคดีอื่นจะถามรายละเอียดอีกที

“เราก็มีการปรับแผนทุกวัน วันก่อนก็ไปจับมา คือคนส่วนใหญ่เนี่ย ผมเชื่อว่าเขาเสพสื่อจากโซเชี่ยล แล้วก็เหมือนกับว่าจะคล้อยไปตามนั้น โดยเฉพาะอายุยังไม่มากพวกเยาวชน ซึ่งก็จะง่ายต่อการชักจูง ย้ำว่าอย่างไรก็ต้องช่วยกันดูแล ให้ความเข้าใจเขา เพราะเขาอาจจะมองในด้านเดียว เพราะประสบการณ์ชีวิตที่ยังน้อยอยู่ จริงๆ ก็ได้สอบถาม เขาก็อธิบายว่าซื้อมาด้วยวิธีการอะไร การขยายผลก็จะมีการว่ากันอีกที ยังไม่ได้พูดว่าใครสนับสนุน เพราะราคาของก็ไม่มากนัก และหาซื้อง่าย คือมันเป็นวัตถุระเบิดที่ทำขึ้นมาจากสิ่งของที่หาซื้อได้ในท้องตลาด รายละเอียดผมคงไม่พูด เพราะเดี๋ยวเอาไปทำเลียนแบบกัน” ผบ.ตร.กล่าว

ส่วนกรณีการชุมนุมประท้วงพล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ระหว่างเดินทางลงพื้นที่จ.นนทบุรีนั้น พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกตร. กล่าวว่า กรณี ดังกล่าวมีทั้งกลุ่มที่ต่อต้านรัฐบาลและกลุ่มที่เห็นด้วยออกมาชุมนุมในพื้นที่นั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจได้จับกุมตัวผู้ต้องหา 2 ราย โดย 1 รายเป็นคนที่ปรากฏในโซเชี่ยลมีเดียแสดงการ กระทำผิดชัดเจน อย่างไรก็ตาม การลงพื้นที่นายกรัฐมนตรีลงพื้นที่ปฏิบัติราชการตามปกติ ตำรวจดำเนินการตามหน้าที่ทั่วประเทศ ช่วงเช้า ผบ.ตร.ซักถามผู้ต้องหา 3 ราย พร้อมตรวจยึดระเบิดปิงปอง 150 ลูก ระเบิดแสวงเครื่อง 20-50 ลูก รับสารภาพว่าเป็นผู้ให้ระเบิดไปก่อเหตุ ส่วนมี ผู้อยู่เบื้องหลังหรือไม่ สภาพที่เห็นเป็นในส่วนของบ้านพัก เจ้าหน้าที่ตำรวจ จะดำเนินการตามผู้เกี่ยวข้องเพิ่มเติมต่อไป

มอบตัว – กลุ่มทะลุฟ้า 14 คน เข้ามอบตัวกรณีชุมนุมสาดสีใส่ป้ายสน.ทุ่งสองห้อง เมื่อวันที่ 3 ส.ค. แล้วถูกหมายเรียกมาให้ปากคำเพิ่มเติมเมื่อวันที่ 15 ก.ย. แต่ไม่มีใครรู้เรื่องจนถูกออกหมายจับ ที่สน.ทุ่งสองห้อง เมื่อวันที่ 1 ต.ค.

เมื่อเวลา 10.00 น. ที่สน.ทุ่งสองห้อง กลุ่มทะลุฟ้ารวม 14 คน ได้เดินทางเข้ามอบตัวกับพนักงานสอบสวน ในคดีร่วมกันทำให้เสียทรัพย์ฯ มั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป และ ร่วมกันทำกิจกรรมที่มีความเสี่ยงต่อการแพร่โรคฯ ตามหมายจับจากกรณีสาดสีป้าย สน.ทุ่งสอง ห้อง เหตุเกิดเมื่อวันที่ 3 ส.ค. ที่ผ่านมา

ผู้ที่ต้องมารายงานตัวในวันนี้มีทั้งหมด 15 คน ประกอบด้วย 1.นายปวริศ แย้มยิ่ง 2.นายศักดิ์สิทธิ์ เผือกผ่องศรี 3.นายชัยพัทธ์ ศักดิ์ศรีเจริญยิ่ง 4.นายไพศาล จันปาน 5.นายพีรพงศ์ เพิ่มพูล 6.นายวชิรวิชญ์ ลิมป์ธนวงศ์ 7.นายชาติชาย ไพรลิน 8.นางนภัสสร บุญรีย์ 9.น.ส.วิโรณา ชัชวาลวงศ์ 10.น.ส.อรินทยา สีพาเสน 11.น.ส.เกษราภรณ์ แซ่วี 12.น.ส. ทสมา สมจิตร์ 13.น.ส.ชณัฐกานต์ ษารศาสิริพันธ์ 14. นายนวพล ต้นงาม และ 15.นายจิตริน พลาก้านตง ขณะนี้เดินทางมาโรงพักแล้ว 14 คน ขาดเพียง 1 คน คือน.ส.เกษราภรณ์ ที่ยังไม่ได้มา คาดว่าจะติดต่อกับพนักงานสอบสวนในภายหลัง

ทั้งนี้ สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 1 ก.ย. กลุ่ม ผู้ต้องหาทั้ง 15 คน ได้เดินทางมารับทราบข้อกล่าวหาดังกล่าวตามหมายเรียกไปแล้ว ต่อมา ทางพนักงานสอบได้มีการนัดด้วยวาจาให้ทั้งหมดมาสอบปากคำเพิ่มเติม เพื่อประกอบสำนวนในวันที่ 15 ก.ย. แต่ผู้ต้องหาไม่ได้เดินทางมาพบพนักงานสอบสวนตามนัด พนักงานสอบสวนจึงออกหมายจับ เมื่อกลุ่มผู้ต้องหาทราบว่าถูกออกหมายจับ จึงเดินทางมามอบตัวกับพนักงานสอบสวนในวันเดียวกันนี้

นายนวพล หรือไดโน่ ทะลุฟ้า หนึ่งใน ผู้ที่ถูกออกหมายจับ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้พวกตนได้เดินทางมาพบพนักงานสอบสวนตามหมายเรียกตามขั้นตอนไปแล้ว ส่วนกรณีมี การนัดมาสอบปากคำเติ่มเติมเพื่อส่งอัยการ เมื่อวันที่ 15 ก.ย. ตนและเพื่อนๆ บางคนไม่รู้ จึงไม่ได้มา และเพิ่งรู้ว่าตำรวจแจ้งว่าออกหมายจับเมื่อวันที่ 30 ก.ย. จึงเดินทางมาวันนี้เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ และยื่นประกันตัวชั้นสอบสวนก่อน

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวกรณีมีผู้ชุมนุมรวมตัวประท้วง มีการทุบรถและนำน้ำปลาร้าปาใส่รถเจ้าหน้าที่และรถรัฐมนตรี ระหว่างที่ พล.อ.ประยุทธ์ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์น้ำท่วมที่ จ.นนทบุรี เมื่อ 30 ก.ย.ว่า การลงพื้นที่ของนายกฯ เพื่อไปรับทราบปัญหาด้วยตนเอง จะได้เร่งช่วยเหลือประชาชนที่กำลังประสบภัยน้ำท่วมได้ถูกจุดและรวดเร็ว แต่กลับมีการใช้ความรุนแรงถึงขนาดทุบรถรัฐมนตรี ขอให้กลุ่มบุคคลที่อยู่เบื้องหลังในการปลุกระดมประชาชนออกมาทบทวนให้ดีว่าสิ่งที่ทำลงไปนั้นประชาชนได้ประโยชน์อะไรหรือไม่

นายธนกรกล่าวต่อว่า ยืนยันการลงพื้นที่ของนายกฯ เพราะขณะนี้ชาวบ้านกำลังเดือดร้อนจากน้ำท่วม รัฐบาลจึงลงไปช่วยและรับฟังปัญหา จะได้นำกลับมาแก้ไขได้อย่างรวดเร็ว และนายกฯ ก็ไม่ได้หนีม็อบอย่างที่บางฝ่ายเข้าใจ แต่เพราะนายกฯ ไม่อยากให้เกิดการกระทบกระทั่ง เนื่องจากเราทุกคนล้วนเป็นคนไทยด้วยกัน ความเห็นต่างเกิดขึ้นได้แต่ต้องคำนึงถึงประโยชน์ที่คนส่วนใหญ่โดยเฉพาะประชาชนที่กำลังเดือดร้อนอยู่ในขณะนี้จะได้รับด้วย

เวลา 13.30 น. ที่ลานอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี (ลานย่าโม) ต.ในเมือง อ.เมือง จ.นครราชสีมา ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีกลุ่มเยาวชน “โคราชมูฟเมนท์” จำนวน 20 คนมารวมตัวนั่งขวางทางบริเวณบันไดขึ้นลานอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี โดยได้คล้องแขนกันเพื่อขวางทางไม่ให้ พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ขึ้นไปกราบสักการะอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารีได้ พร้อมกับเขียนป้ายข้อความขับไล่ต่างๆ นานา อาทิ ออกไป, คืนอำนาจให้ท้องถิ่น, กินไม่อิ่มสักที เป็นต้น หลังจากที่ทราบกำหนดการว่า พล.อ. ประวิตรจะเดินทางมากราบสักการะอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี ช่วงเวลา 14.30 น. ก่อนที่จะเดินทางลงพื้นที่ไปติดตามสถานการณ์น้ำที่อ่างเก็บน้ำลำเชียงไกรตอนล่าง อ.โนนไทย จ.นครราช สีมา นอกจากนี้ ยังมีประชาชนประมาณ 10 คนมายืนถือป้ายต้อนรับ พล.อ.ประวิตร อยู่ฝั่งใกล้เคียงกัน จนเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องเข้าไปกันไว้ เพื่อไม่ให้เกิดการปะทะกันขึ้น

ทั้งนี้ ช่วงที่กลุ่มเยาวชนโคราชมูฟเมนท์นั่งขวางทางขึ้นลานอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารีนั้น ได้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองนครราชสีมา และทหารค่ายสุรนารี ซึ่งมารักษาความสงบเรียบร้อยบริเวณนี้กว่า 150 นาย โดยมี เจ้าหน้าที่ประมาณ 20 นายเข้าไปเจรจาพูดคุยกับกลุ่มเยาวชน ให้ย้ายที่นั่งออกไปข้างๆ เพื่อไม่ให้ขวางทางเดินขึ้นลานอนุสาวรีย์ท้าว สุรนารี ซึ่งใช้เวลาเจรจาอยู่นานกว่า 15 นาที จึงยอมย้ายไปนั่งอยู่ข้างทางขึ้นแทน โดยไม่มีความรุนแรงแต่อย่างใด

ต่อมาเมื่อเวลา 14.30 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองนครราชสีมา ได้รับแจ้งว่า คณะของ พล.อ.ประวิตรซึ่งได้เดินทางมาด้วยเครื่องบินลงที่กองบิน 1 ภายในค่ายสุรนารี อ.เมือง จ.นครราชสีมา ได้เปลี่ยนแผนไม่เดินทางมากราบสักการะท้าวสุรนารีแล้ว โดยได้เดินทางมุ่งหน้าไปที่ ต.บัลลังก์ อ.โนนไทย เพื่อไปติดตามสถานการณ์น้ำในอ่างเก็บน้ำลำเชียงไกรตอนล่างทันที

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน