ปัดทาบ‘ดร.ซุป’เสียบ
ปชป.ดิ้นทวงคืน4กรม
ชู‘จุรินทร์’ลุ้นนายกฯ
กกต.สั่งขยับเลือกตั้ง

‘ป้อม’ โต้ข่าว ปรับครม. ดึง ‘ดร.ซุป’ เสียบแทน ‘สุพัฒนพงษ์’ ยันยังไม่ทำอะไรทั้งนั้น พลังประชารัฐสำทับเป็นไปไม่ได้ปชป.ย้ำไม่เป็นความจริง ชี้สัดส่วนเก้าอี้แต่ละพรรคยังเหมือนเดิม ยังโวยไม่เลิก ปม ‘ป้อม’ ยึด 4 กรมกระทรวงเกษตรฯ จี้ ‘ตู่’ แก้ปัญหา ปล่อยเลยตามเลยไม่ได้ ฮึ่มถอนตัวจากรัฐบาล เลือกตั้งครั้งหน้าชู ‘จุรินทร์’ แคนดิเดต นายกฯ ก้าวไกลประกาศหนุน ‘พิธา’ เพื่อไทยคาดมีเลือกตั้งในไม่ช้า เชื่อมั่นประชาชนอยากให้กลับมาเป็นรัฐบาล เลขาฯกกต.ร่อนหนังสือแจ้งทุกพรรค เตรียมความพร้อมส่งผู้สมัคร ส.ส. อ้างเตือนพรรคการเมืองตามขั้นตอน ไม่เกี่ยวกระแสข่าวยุบสภา

ป้อมโต้ปรับครม.

วันที่ 2 ต.ค. พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรค พลังประชารัฐ(พปชร.) กล่าวถึงกระแสข่าว พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและรมว.กลาโหม เตรียมปรับครม. 2/5 ในเดือนต.ค. โดยมีรายงานว่าทาบทามนายศุภชัย พานิชภักดิ์ อดีตผอ.ใหญ่องค์การการค้าโลก มาเป็นรองนายกฯด้านเศรษฐกิจ ควบ รมว.พลังงาน แทน นายสุพัฒน์พงษ์ พันธ์มีเชาว์ และให้ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ควบรองนายกฯ และหาบุคคลที่เหมาะสมมาเป็นรมว.ต่างประเทศ แทนนายดอน ปรมัตถ์วินัย รองนายกฯและรมว.ต่างประเทศ ว่า ไม่มีการปรับครม. ไม่มีการปรับ ตอนนี้ยังไม่ปรับครม. ไม่เปลี่ยนตำแหน่งอะไรในพรรค ยังไม่ทำอะไรทั้งนั้น รัฐบาลยังต้องใช้เวลาแก้ปัญหาประเทศก่อน โดยเฉพาะน้ำท่วมที่เป็นปัญหาใหญ่ และพล.อ.ประยุทธ์ ยังไม่ได้มาปรึกษาเรื่องปรับครม.

พปชร.ยันพรรครักกันดี

นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) ให้สัมภาษณ์ถึงความเคลื่อนไหวใน พปชร. หลังเกิดกระแสคนในพรรคเตรียมย้ายไปอยู่พรรคใหม่ ว่า ยืนยันว่าส.ส.พปชร.ยังรักกันเหมือนเดิม ยังรักพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพปชร. พร้อมจะทำงานร่วมกับพรรค และสนับสนุนพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ เหมือนเดิม เริ่มแรกที่ทุกคนเข้ามาร่วมทำงานในพรรคด้วยการสนับสนุนพล.อ. ประยุทธ์ เป็นนายกฯ และพล.อ.ประวิตร ซึ่งดูแลส.ส.ทุกคนอย่างดีในการทำงาน

สมาชิกพรรคไม่มีใครมีปัญหา คนที่มีปัญหาคือคนนอกพรรคทั้งนั้น ส่วนที่ พ.อ. สุชาติ จันทรโชติกุล อดีตประธานยุทธศาสตร์ภาคใต้ของพรรค ระบุจะออกไปร่วมงานพรรคใหม่ ก็เป็นสิทธิ์ของเขา แต่ถือว่าพ.อ.สุชาติ ไม่ใช่คนในพรรค ไม่ใช่ กก.บห.พรรค ไม่ใช่ส.ส.ก็อย่าไปให้ความสำคัญมาก ให้ฟังเสียง ส.ส.ในพรรคดีกว่า

ปรับสุพัฒนพงษ์เป็นไปไม่ได้

นายชัยวุฒิกล่าวกรณีมีกระแสข่าวการปรับครม. โดยมีรายงานข่าวอาจปรับนายดอน ปรมัตถ์วินัย ออกจากรองนายกฯ และรมว.ต่างประเทศ รวมถึงนายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกฯ และรมว.พลังงานว่า การปรับครม.เป็นเรื่องปกติ เนื่องจากมีการปรับรัฐมนตรี 2 คน ออกไปก่อนหน้านี้ แต่จะมีใครถูกปรับออกอีกหรือไม่ยังคงเร็วไปที่จะสรุป

และมองว่ากระแสข่าวที่มีชื่อนายสุพัฒนพงษ์ ถูกปรับออกนั้นเป็นไปไม่ได้ เพราะทำงานได้ดี มีผลงานในการเยียวยาแก้ปัญหาให้ประชาชนในเรื่องเศรษฐกิจจำนวนมาก ส่วนชื่อคนที่จะมาแทนก็ไม่ใช่คนที่อยู่ใน พปชร. และหากรอบนี้มีการปรับก็คงจะเป็นคนในพปชร. ไม่น่าเป็นคนนอก เพื่อที่พรรคจะได้เข้มแข็ง ทำงานให้ประชาชนได้อย่างเต็มที่

ปชป.โต้‘ดร.ซุป’รองนายกฯ

ที่ จ.เพชรบูรณ์ นายนิพนธ์ บุญญามณี รมช.มหาดไทย ในฐานะรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวถึงกระแสข่าวการปรับครม.ว่า ขณะนี้ยังไม่มีอะไร และอำนาจการปรับครม.เป็นอำนาจของนายกรัฐมนตรี ส่วนสัดส่วนของพรรค ก็อยู่ที่แต่ละพรรคจะเป็นผู้ดำเนินการ แต่ย้ำว่าพันธสัญญาการร่วมครม.และสัดส่วนต่างๆ ยังคงมีอยู่เหมือนเดิม

ส่วนกระแสข่าว นายศุภชัย พานิชภักดิ์ อดีตรองนายกฯ และอดีตผอ.ใหญ่องค์การการค้าโลก ได้โควตานั่งรองนายกฯ ด้านเศรษฐกิจควบรมว.พลังงาน นั้น นายนิพนธ์ ยืนยันว่าไม่ได้เป็นไปตามกระแสข่าว และเมื่อ 1 ต.ค. นายปริญญ์ พานิชภักดิ์ รองหัวหน้าพรรคและหัวหน้าทีมเศรษฐกิจทันสมัย ปชป. บุตรชายของนายศุภชัย ยืนยันกระแสข่าวดังกล่าวไม่เป็นความจริง แต่เชื่อว่านายศุภชัยเป็นบุคลากรที่มีความสามารถและมีคุณค่าของ ปชป.

ชู‘จุรินทร์’แคนดิเดตนายกฯ

ส่วนท่าทีพรรคพลังประชารัฐ และพรรคภูมิใจไทย ที่ออกมาประกาศชื่อแคนดิเดต นายกฯ ของพรรค สำหรับการเลือกตั้งครั้งหน้า ในส่วนปชป.ชัดเจนว่าคนเป็นหัวหน้าพรรคคือแคนดิเดตนายกฯ และเชื่อว่า นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าปชป. พร้อมเป็นนายกฯ หากได้รับเสียงเพียงพอในการเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล เพราะมีประสบการณ์มากพอจากการเป็นรัฐมนตรีมาแล้วเกือบทุกกระทรวง

ซึ่งปัจจุบันนายจุรินทร์ ในฐานะรองนายกฯ และรมว.พาณิชย์ ที่มีผลงานเป็นที่ประจักษ์ โดยเฉพาะการประกันรายได้สินค้าเกษตร รวมถึงการส่งออกที่ทำได้จริงตามที่เคยแถลงไว้กับประชาชน และถือว่ากระทรวงพาณิชย์เป็นเครื่องยนต์หลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศ ขณะที่บุคลากรของปชป.ก็มีความพร้อม เพราะอดีตนายกฯและผู้บริหารระดับประเทศหลายคนที่ยังคงอยู่กับปชป.มาโดยตลอด จึงยืนยันได้ว่านายจุรินทร์มีความพร้อมในการเป็นนายกรัฐมนตรี

ส่วนที่พรรคการเมืองเริ่มเดินสายประกาศเป้าจำนวนที่นั่ง ส.ส.นั้น นายนิพนธ์กล่าวว่า ยังเร็วเกินไปที่จะบอกตัวเลข แต่ยืนยันปชป.มีความพร้อมในการส่งผู้สมัคร ส.ส.ทุกพื้นที่ โดยที่จ.เพชรบูรณ์ ยังคงส่งผู้สมัครเดิม คือ นายยุพราช บัวอินทร์ และหวังว่าอดีต ส.ส.ภาคเหนือจะสามารถทวงที่นั่งคืนได้ทั้ง 13 ที่นั่งและพื้นที่ใหม่ๆ ก็มั่นใจว่าจะได้รับเสียงตอบรับจากประชาชนด้วย

โวยตู่ยึด 4 กรม-เลยตามเลยไม่ได้

นายอลงกรณ์ พลบุตร รองหัวหน้าพรรคและประธานคณะกรรมการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ ปชป. และที่ปรึกษารมว.เกษตรและสหกรณ์ กล่าวกรณีครม.มอบให้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ คุม 4 กรมของกระทรวงเกษตรฯ ว่า หัวใจของการบริหารรัฐบาลผสมคือความไว้วางใจและการให้เกียรติกันและกัน ถ้าขาด 2 สิ่งนี้รัฐบาลก็อยู่ยาก ก่อนหน้านี้มีการเปลี่ยนรองนายกฯ ที่กำกับนโยบายประมงจากนายจุรินทร์ เป็นพล.อ.ประวิตร โดยไม่มีการปรึกษาหารือมาครั้งหนึ่งแล้ว คราวนี้เป็นครั้งที่ 2 จะปล่อยเลยตามเลยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นคงไม่ได้ ก็ต้องพิจารณาว่าจะอยู่ร่วมกันอย่างไร หรือจะอยู่ร่วมกันต่อไปหรือไม่

“ผมไม่อยากให้ถึงจุดนั้นเพราะบ้านเมืองกำลังเผชิญวิกฤตรอบด้านทั้งเศรษฐกิจและ โควิด-19 จะทำให้การเมืองมีปัญหามาซ้ำเติมประเทศทำไม เรามีหน้าที่แก้ปัญหา ไม่ใช่สร้างปัญหา โดยเฉพาะเป็นปัญหาภายในพรรคแกนนำเอง ยิ่งไม่ควรมาสร้างปัญหากับพรรคร่วมรัฐบาล ดังนั้นนายกฯ ควรรีบแก้ไขให้ถูกทำนองคลองธรรม ให้เกียรติกันและกัน ทุกอย่างก็จะคลี่คลาย” นายอลงกรณ์กล่าว

พท.ชี้เลือกตั้งในไม่ช้า

นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย (พท.) ให้สัมภาษณ์กรณี พล.อ.ประวิตร ตั้งเป้าเลือกตั้งครั้งหน้า พปชร. จะได้ ส.ส. 150-200 ที่นั่ง ขณะที่พรรคภูมิใจไทยก็เชื่อว่าจะได้ 100 ที่นั่ง ถือเป็นสัญญาณการเลือกตั้งใหญ่จะเกิดขึ้นในเร็วๆ นี้หรือไม่ว่า พรรคมองว่าการเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในไม่ช้านี้ และพร้อมจะเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา เพราะอาจมีการยุบสภาไม่ว่าจะก่อนสิ้นปี 2564 หรือปี 2565 พท.มีความพร้อมในการเลือกตั้ง และจากการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมาพรรคได้ส.ส.เขต 134 ที่นั่ง จึงคาดหวังว่าการเลือกตั้งครั้งหน้าจะได้ส.ส.มากกว่าเดิม

โวปชช.อยากให้เป็นรัฐบาล

“เราคงไม่คุยว่าเพื่อไทยจะได้ ส.ส.200-300 ที่นั่งหรือไม่ จากการที่ส.ส.พรรคได้ลงพื้นที่ ก็ได้รับรู้ว่าคะแนนนิยมของเราดีขึ้น เพราะประชาชนคาดหวัง อยากให้เกิดการเปลี่ยนแปลง และยังไว้ใจพรรคเพื่อไทยให้กลับมาบริหารประเทศ โดยเฉพาะการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ” นายประเสริฐกล่าว

เมื่อถามถึงกรณีระบบเลือกตั้งบัตร 2 ใบ และการแบ่งส.ส.เขต 400 คน ส.ส.บัญชีรายชื่อ 100 คน จะทำให้พปชร. หรือพท.ได้เปรียบมากกว่ากัน เลขาฯ พท. กล่าวว่า อย่าเพิ่งมองว่าใครได้เปรียบหรือเสียเปรียบ ต้องรอวิธีคิดส.ส.บัญชีรายชื่อ ในกฎหมายลูกก่อน ขอให้ออกมาตรงกับความต้องการของประชาชน ดังนั้นในช่วงการทำกฎหมายลูกควรมีการรับฟังความเห็นภาคประชาชนด้วย

เมื่อถามถึงจุดแข็งและนโยบายหลักของ พท. ที่จะนำมาใช้หาเสียงเลือกตั้ง นายประเสริฐกล่าวว่า นโยบายหลักของพรรคคือการแก้ไขปัญหาเรื่องเศรษฐกิจ เพราะมองว่า ภายใต้การบริหารงานของพล.อ.ประยุทธ์ ไม่สามารถแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ และไม่สามารถสร้างความเชื่อมั่นให้นักลงทุนทั้งในและต่างประเทศได้ และเราจะแก้ไขไม่ให้เกิดความเหลื่อมล้ำ สร้างโอกาสให้ประชาชนได้เข้าถึงทรัพยากร พรรคทำนโยบายไปได้ระดับหนึ่งแล้ว จะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในช่วงการเลือกตั้ง

กกต.แจ้งทุกพรรคเตรียมเลือกตั้ง

พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา เลขาธิการกกต. ในฐานะนายทะเบียนพรรคการเมือง ลงนามหนังสือส่งถึงหัวหน้าพรรคทุกพรรค เรื่อง การเตรียมความพร้อมในการส่งผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.ในการเลือกตั้งทั่วไปครั้งต่อไปมีประเด็นหลัก 4 ข้อ 1.การดำเนินการให้มีสมาชิกพรรค โดยพรรคการเมืองต้องดำเนินการตามมาตรา 24 ,25 ,26, 27 ตามพ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง 2560 ข้อ 24, 25 ตามระเบียบกกต.ว่าด้วยพรรคการเมืองและประกาศนายทะเบียนพรรคการเมือง เรื่องสมาชิกพรรค โดยเฉพาะการบันทึกข้อมูลสมาชิกพรรคในระบบฐานข้อมูลพรรคให้เป็นปัจจุบัน 2.การจัดตั้งสาขาพรรคการเมือง 3.การแต่งตั้งตัวแทนพรรคประจำจังหวัด และ 4.การสรรหาผู้สมัครรับเลือกตั้งส.ส.

ยันไม่เกี่ยวข่าวยุบสภา

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เอกสารดังกล่าวที่ลงนามโดยเลขาธิการ กกต. เป็นเอกสารจริงที่นายทะเบียนพรรคการเมืองส่งให้ทุกพรรค แต่เป็นเพียงขั้นตอนการประสานงานกับพรรคให้ปฎิบัติตามกฎหมาย ซึ่งโดยปกติแล้วนายทะเบียนพรรคการเมืองจะประสานทั้งทางหนังสือที่เป็นเอกสาร และทางโทรศัพท์ เพื่อย้ำเตือนพรรคการเมือง โดยเฉพาะ ข้อ 4 เรื่องการสรรหาผู้สมัคร เนื่องจากต้องแบ่งเขตใหม่ 400 เขต ดังนั้น จังหวัดที่เขตเลือกตั้งเพิ่ม ควรรอการสรรหาผู้สมัครไว้ตามความเหมาะสม อย่างไรก็ตาม แหล่งข่าวระบุว่าไม่เกี่ยวกับกระแสการเมืองที่จะมีข่าวในเรื่องการยุบสภา เพื่อเลือกตั้งในเร็วๆนี้ หากรัฐธรรมนูญมีผลบังคับใช้

ก้าวไกลส่งพิธาชิงนายกฯ

นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ส.ส.กทม. และโฆษกพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ถึงการพิจารณาแคนดิเดตนายกฯ ของพรรค ว่า พรรคก้าวไกลสนับสนุน นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรค เป็นแคนดิเดต นายกฯ แน่นอน จากการประเมินสถานการณ์ขณะนี้เราเชื่อมั่นว่า นายพิธาสามารถสู้กับแคนดิเดต นายกฯ ของพรรคอื่นได้ และเราคาดว่าคะแนนจากการเลือกตั้งครั้งหน้าจะได้มากกว่าสมัยพรรคอนาคตใหม่ที่ได้ 6.3 ล้านเสียง

เมื่อถามว่าประชาชนที่มีสิทธิเลือกตั้งส่วนใหญ่คือกลุ่มชาวนา เกษตรกรและผู้มีรายได้น้อย พรรคจะปรับภาพลักษณ์ให้เข้าถึงคนกลุ่มนี้อย่างไร นายณัฐชากล่าวว่า พรรคก้าวไกลมี นโยบายด้านภาคการเกษตร เพราะทราบว่าคนกลุ่มนี้คือคนส่วนใหญ่ของประเทศ จึงเป็นจุดแข็งของนายพิธา ที่ถนัดด้านเทคโนโลยีการเกษตรและการพัฒนาศักยภาพของผลิตภัณฑ์การเกษตรด้วย นอกจากนี้ ในสมัยพรรคอนาคตใหม่ นายพิธาเคยโชว์ศักยภาพและแนวนโยบายเรื่องเกษตรก้าวหน้า มาวันนี้ขยับมาเป็นหัวหน้าพรรคก้าวไกลก็มั่นใจในแนวความคิดเรื่องทฤษฎีเกษตรก้าวหน้าที่จะนำมาใช้เป็นนโยบายของพรรคได้

ก้าวหน้าติวผู้สมัครอบต.ร้อยเอ็ด

ที่ จ.ร้อยเอ็ด นายไกลก้อง ไวทยการ กก.บห.คณะก้าวหน้า ในฐานะหัวหน้าทีม นโนบายคณะก้าวหน้า พร้อม นายชัน ภักดีศรี กก.บห.คณะก้าวหน้าและผู้ประสานพื้นที่อีสาน รวมถึงทีมคณะก้าวหน้าจ.ร้อยเอ็ด จัดกิจกรรมพบปะว่าที่ผู้สมัครนายก อบต. และสมาชิกสอบต.ร้อยเอ็ด พร้อมชูจุดเด่นด้วยชุดนโยบายหลักที่ทำได้จริง พร้อมเปลี่ยนแปลงและยกระดับคุณภาพชีวิตพี่น้องประชาชน

นายไกลก้องกล่าวว่า อีกไม่นานการเลือกตั้งท้องถิ่นสนามเล็กที่สุดอย่าง อบต.จะเปิดฉากขึ้น และเป็นครั้งแรกหลัง คสช.ยึดอำนาจ ตัดตอนโอกาสการเกิดขึ้นประชาธิปไตยในท้องถิ่น ทำให้ไม่มีการเลือกตั้งในท้องที่นานกว่า 7 ปีแล้ว ทั้งที่ท้องถิ่นคือ อบต.นั้น อยู่ใกล้ชิดทุกคนมากที่สุด ชุดนโยบายที่ทำได้จริงของคณะก้าวหน้าในสนามเลือกตั้งเทศบาลที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นนโยบายน้ำประปาดื่มได้ ที่เกิดขึ้นจริงแล้วที่เทศบาลตำบลอาจสามารถ การจัดการขยะก้าวหน้า ในหลายๆ เทศบาล ทั้งที่หนองแคน และขวาว

นายชันกล่าวว่า หากจะสรุปใจความสำคัญของการเดินหน้าลุยศึกเลือกตั้งท้องถิ่นของคณะก้าวหน้า ที่ผ่านมาเราคงต้องใช้คำว่า ใช้กระแสสู้กระสุน ใช้นโยบายสู้ทุน และเป็นฝูงมดแดงลมช้าง หมายถึงการใช้กระแสของประชาธิปไตยเข้าสู่กับอำนาจนิยม และใช้นโยบายเอาชนะเงินทุนของผู้สืบทอดอำนาจ และรวมพลังกันเหมือนฝูงมดที่ล้มช้าง สร้างระบอบประชาธิปไตยจากฐานราก

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน