พลังงานยืนยัน
กองทุนหมื่นล.
พร้อมตรึงดีเซล

เสียงแข็ง ยันไม่ลดภาษีสรรพสามิตน้ำมัน รมว.คลังโยนให้กองทุนน้ำมันรับหน้าเสื่อดูแลไปก่อน ด้าน ‘สุพัฒนพงษ์’ รมว.พลังงานแจงจำเป็นที่ต้องเข้ามาดูแลในส่วนของน้ำมันดีเซล หลังราคาทะลุไปถึง 30 กว่าบาทต่อลิตร ชี้ทิศทางน้ำมันขาขึ้น ปรับลดอัตราเงินนำส่งเข้ากองทุนน้ำมัน รับเงินกองทุนยังมีตุนช่วยอีกหมื่นล้าน ขณะที่กรมการค้าภายในระบุราคาพลังงานไม่กระทบต้นทุนราคาสินค้า ยันไม่อนุญาตให้ปรับขึ้นราคาหากพบฉวยโอกาสติดคุก 7 ปี

เมื่อเวลา 08.15 น. วันที่ 5 ต.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกฯ และรมว.พลังงาน ให้สัมภาษณ์ถึงผลประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) ที่อนุมัติแนวทางการดูแลราคาดีเซลเพื่อบรรเทาผลกระทบประชาชน

โดยเห็นชอบให้ปรับลดอัตราเงินนำส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงของ ดีเซล บี 7 จาก 1 บาท เหลือ 0.1 บาทต่อลิตร มีผลให้ราคาดีเซล บี 7 ลดลงทันทีลิตรละ 1 บาท โดยมีผล 5 ต.ค.นี้ว่า สืบเนื่องราคาน้ำมันที่ปรับตัวขึ้นจากสถานการณ์ราคาน้ำมันในตลาดโลก รวมถึงก๊าซธรรมชาติและถ่านหินที่ปรับตัวสูงขึ้น และแม้โอเปกจะประชุมเพื่อเพิ่มกำลังการผลิตประมาณ 4 แสนบาร์เรลต่อวัน เพื่อตรึงราคาน้ำมันก็ช่วยได้ระดับหนึ่ง แต่ยังไม่สามารถหยุดยั้งการปรับขึ้นราคาน้ำมันในช่วงนี้ได้

จึงเป็นเหตุจำเป็นที่รัฐบาลเข้ามาดูแลในส่วนของน้ำมันดีเซล บี 7 ซึ่งราคาทะลุไปถึง 30 กว่าบาทต่อลิตร และแม้ว่าจะเชิญชวนให้ประชาชนหันมาใช้บี 10 แทนบี 7 ซึ่งมีราคาต่ำกว่า 30 บาท

นายสุพัฒนพงษ์กล่าวว่า แม้จะปรับลดอัตราเงินนำส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงของดีเซล บี 7 แต่ขณะนี้เงินกองทุนน้ำมันยังมีอยู่ประมาณหมื่นกว่าล้านบาท ถ้าไม่เพียงพอสามารถกู้ยืมเงินเพื่อมาใช้ประโยชน์ตรงนี้ได้ ในส่วนของประเทศไทยยืนยันว่าไม่มีผลกระทบต่อค่าไฟ เนื่องจากรัฐบาลตรึงค่าเอฟที จนถึงสิ้นปีอยู่แล้วและจะติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดต่อไป

รองนายกฯ กล่าวว่า ส่วนที่นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ด้านเศรษฐกิจ และ อดีตรมว.พลังงาน ระบุจากสถานการณ์ราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้นสูง ถ้าหากมีการเลือกตั้งโดยเร็วและถ้าพรรคเพื่อไทยได้เป็นรัฐบาล พรรคเพื่อไทยจะลดราคาน้ำมันดีเซลทันทีลิตรละ 5 บาท เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนนั้น

ในปัจจุบันมีการใช้น้ำมันดีเซลประมาณ 60 ล้านลิตรต่อวันหากจะลดราคาน้ำมันดีเซลลิตรละ 5 บาทต้องใช้เงินถึง 300 ล้านบาทต่อวัน หากใช้ 1 เดือนต้องใช้เงินถึง 1 หมื่นล้านบาท และหากมีการใช้น้ำมันดีเซลต่อวันเต็มที่อาจถึง 100 ล้านลิตรต่อวัน ต้องใช้เงิน 1 เดือนสูงถึง 2 หมื่นล้านบาท








Advertisement

นายสุพัฒนพงษ์ให้สัมภาษณ์อีกครั้งว่า ช่วงนี้ยอมรับทิศทางราคาเชื้อเพลิงปรับตัวอยู่ในระดับสูงเพียงระยะสั้น เนื่องจากเป็นปัจจัยตามฤดูกาล คาดว่าสถานการณ์จะเป็นเช่นนี้ต่อไปอีกประมาณ 3-4 เดือน และน่าจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ โดยกระทรวงพลังงานยืนยันยังมีเครื่องมือในการดูแลราคาน้ำมันให้มีเสถียรภาพ ไม่ให้ส่งผลกระทบกับประชาชน

หากมีความจำเป็นต้องนำเงินมาดูแลเพิ่มเติมนอกเหนือจากเงินของกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงที่มีอยู่ประมาณ 1.1 หมื่นล้านบาท พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ยังเปิดช่องให้กองทุนสามารถกู้สถาบันการเงินหรือกระทรวงการคลังมาดูแลได้”

นอกจากนี้ กระทรวงพลังงานยังรายงานข้อมูลราคาน้ำมันให้ครม.ทราบ และให้แนวทางว่ามองเรื่องนี้เป็นความท้าทายใหม่ที่เกิดขึ้นหลังสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 เริ่มคลี่คลาย เพราะหลายประเทศได้รับการฉีดวัคซีนมากขึ้น นายกฯ จึงกำชับให้ ครม. เตรียมความพร้อมและมาตรการรองรับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจหลังสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย ช่วยสร้างความมั่นใจต่อการลงทุน การบริโภค ทำให้เศรษฐกิจฟื้นตัวดีขึ้น ความต้องการใช้น้ำมันก็เพิ่มขึ้นตามไปด้วย

ด้านนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง เปิดเผยว่า กระทรวงการคลังยังไม่มีนโยบายปรับลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซล แม้ว่าทิศทางในตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้น โดยขณะนี้ จะต้องติดตามสถานการณ์ราคาอย่างใกล้ชิด ซึ่งกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง กระทรวงพลังงาน ยังมีสภาพคล่องเหลือเพียงพอดูแลราคาให้ไม่กระทบกับประชาชน โดยรัฐบาลมีนโยบายชัดเจน ในการพยุงราคาน้ำมันดีเซลไม่ให้เกินราคาลิตรละ 30 บาท

“กระทรวงพลังงานได้มีมาตรการดูแลราคาน้ำมันออกมาแล้วส่วนหนึ่ง ซึ่งตอนนี้ก็มีกองทุนน้ำมันฯ เข้ามาดูแลเรื่องราคา ยังพออยู่ จึงไม่มีการพิจารณาเรื่องภาษีสรรพสามิตในขณะนี้ ต้องติดตามสถานการณ์ ยืนยันว่าตอนนี้ กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงยังมีเงินอยู่”

รมว.คลังกล่าวต่อว่า อย่างไรก็ดี หากกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง เริ่มไม่สามารถดูแลราคาน้ำมันได้ไหว จะพิจารณาเรื่องภาษีหรือไม่ นายอาคมระบุว่า ก็ต้องติดตามสถานการณ์ เพราะตอนนี้ยังมีกองทุนอยู่ ยังไหว และยังมีอีกหลายทาง ที่จะเข้ามาดูแลเรื่องสถานการณ์ราคาน้ำมัน แต่ยืนยันว่า ไม่มีการหารือเรื่อง การกู้เงินจาก พ.ร.ก.กู้เงิน 5 แสนล้านบาท มาพยุงราคาน้ำมัน ส่วนรายละเอียดที่เหลือ ต้องไปตามจากนายสุพัฒนพงษ์ เพราะดูแลเรื่องราคาน้ำมันโดยตรง

นายวัฒนศักย์ เสือเอี่ยม อธิบดีกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า สำหรับราคาพลังงานที่ปรับขึ้นขณะนี้ กระทบต่อต้นทุนทำให้ต้นทุนของหมวดสินค้าต่างๆ เพิ่มขึ้น 0.0007%-0.3733% หรือไม่ถึง 1% ถือว่าน้อยมากๆ และก็ไม่ได้กระทบต่อต้นทุนของราคาสินค้า และขณะนี้ก็ยังไม่มีผู้ผลิตสินค้ารายใดขอปรับขึ้นราคาและกรมก็ไม่มีการอนุญาตให้ปรับขึ้นราคา ทั้งนี้หากพบผู้ค้าฉวยโอกาสปรับขึ้นราคาถือว่ามีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ. 2542 มาตรา 29 มีโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี หรือปรับไม่เกิน 140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ด้านน.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุข้อความกรณีราคาน้ำมันพุ่งสูงขึ้นถึง 7 ครั้งในรอบ 1 เดือนว่า ราคาน้ำมันกำลังพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงเวลาที่ประชาชนประสบความยากลำบากทางเศรษฐกิจมากที่สุดจากวิกฤตโควิด-19 ซึ่งตนก็เคยเสนอแนะไปตั้งแต่เดือน มี.ค. ที่ผ่านมาแล้วว่า รัฐบาลควรนำเงินจากกองทุนน้ำมันมารักษาเสถียร ภาพของราคาตามวัตถุประสงค์ของการเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมัน

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน