คุมขังทัณฑสถานหญิง
112-ปราศรัยคาร์ม็อบ
อานนท์โดนอีก-หมิ่นฯ
ป้าเป้าขึ้นโรงพักนนท์
หมายเรียกประท้วง‘ตู่’

ศาลอาญากรุงเทพใต้ไม่ให้ประกันตัวคดี 112 ‘เบนจา อะปัญ’แกนนำกลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์ และการชุมนุม ถูกส่งเข้าคุกขังที่ทัณฑสถานหญิงกลางกรณีปราศรัยหมิ่นสถาบันระหว่างชุมนุมคาร์ม็อบแยกอโศกมนตรี ระบุพนักงานสอบสวนคัดค้านการประกัน ทั้งเคยมีคดีแบบนี้ในศาลเดียวกันด้วย ด้าน ‘ทนายอานนท์’ โดนอีกคดีหมิ่นสถาบัน อัยการยื่นฟ้องศาลจากเหตุชุมนุมเมื่อวันที่ 14 ส.ค.ปีที่แล้วที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ‘ป้าเป้า’เจอหมายเรียก ร่วมชุมนุมไล่ ‘บิ๊กตู่’ ที่ท่าน้ำนนท์

วันที่ 8 ต.ค. พนักงานสอบสวน สน.ทองหล่อ ยื่นคำร้องฝากขังครั้งที่ 1 น.ส.เบนจา อะปัญ อายุ 22 ปี ผู้ต้องหาคดีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และความผิดอื่นเกี่ยวกับการชุมนุม ต่อศาลอาญากรุงเทพใต้ ผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์

ตามพฤติการณ์กล่าวหาการกระทำผิดสรุปว่า เมื่อวันที่ 10 ส.ค.64 ผู้ต้องหากับพวกกลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม ได้จัดกิจกรรมที่มีการปราศรัยหน้าอาคารซิโน-ไทย ทาวเวอร์ แขวงคลองเตยเหนือ เขตวัฒนา กล่าวโจมตีการทำงานของรัฐบาล และดูหมิ่นสถาบัน ชั้นสอบสวนจึงแจ้งข้อหาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และฝ่าฝืนข้อกำหนดที่ออกตามพ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 และประกาศเกี่ยวกับการห้ามชุมนุมหรือทำกิจกรรมที่มีความเสี่ยงต่อการแพร่โรคในพื้นที่ที่มีคำสั่งกำหนดเป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด ซึ่งผู้ต้องหาให้การปฏิเสธ

โดยพนักงานสอบสวน ขอฝากขังผู้ต้องหาเป็นเวลา 12 วัน ตั้งแต่วันที่ 8-19 ต.ค.นี้ เนื่องจากการสอบสวนยังไม่เสร็จสิ้น ต้องรอสอบพยานเพิ่มเติมและการตรวจสอบประวัติทะเบียนอาชญากร ซึ่งการฝากขังพนักงานสอบสวนได้ขอคัดค้านการให้ประกันตัวด้วย

ศาลพิจารณาคำร้องและเหตุจำเป็นแล้ว อนุญาตให้ฝากขังได้

จากนั้นเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ได้คุมตัว น.ส.เบนจา ขึ้นรถผู้ต้องขังไปยังทัณฑสถานหญิงกลางต่อไป

ภายหลังเสร็จสิ้นกระบวนการฝากขังแล้ว ผู้ต้องหาได้ยื่นคำร้อง ขอปล่อยชั่วคราว โดยศาลอาญากรุงเทพใต้ พิเคราะห์ความหนักเบาแห่งข้อหาแล้วเห็นว่า คดีมีอัตราโทษสูงประกอบกับพฤติการณ์ตามคำร้องขอฝากขังผู้ต้องหาได้ก่อเหตุเกี่ยวกับสถาบันฯ ที่ผู้ก่อเหตุเคยถูกฟ้องที่ศาลนี้ ทั้งพนักงานสอบสวนคัดค้านการประกันตัว จึงเห็นควรไม่อนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราว ให้ยกคำร้อง

ด้านนายบุญเลิศ วิเศษปรีชา อาจารย์คณะสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เปิดเผยว่าเป็นที่น่าสังเกตว่า เจ้าหน้าที่ไม่ออกหมายเรียกน.ส.เบนจา มาก่อนในกรณีนี้ ทั้งที่บุคคลอื่นที่มีข้อกล่าวหาจากเหตุเดียวกันได้รับหมายเรียก แต่กรณีน.ส.เบนจากลับออกหมายจับ และจับกุมด้วยเหตุว่าผู้ต้องหาจะหลบหนี ซึ่งผู้ต้องหายังเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ยังปรากฏตัวร่วมกิจกรรม เข้าสอบของมหาวิทยาลัยอยู่ ไม่มีพฤติกรรมหลบหนีตามที่ถูกกล่าวหา

ก่อนหน้านี้ เมื่อเวลา 10.00 น. ตัวแทนอาจารย์ ประกอบด้วย นางพวงทอง ภวัครพันธุ์ คณะรัฐศาสตร์ จุฬาฯ นายยุกติ มุกดาวิจิตร และนายบุญเลิศ วิเศษปรีชา คณะสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา ธรรมศาสตร์ และนายอุเชนทร์ เชียงเสน มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ ได้เข้าเยี่ยมให้กำลังใจน.ส.เบนจา ที่ถูกควบคุมตัวอยู่ที่ สน.ทองหล่อด้วย

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่าเมื่อวันที่ 7 ต.ค. ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก พนักงานอัยการสำนักงานคดีอาญา 10 ยื่นฟ้องนายอานนท์ นำภา อายุ 37 ปี เป็นจำเลย ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา (ป.อ.) มาตรา 83, 91, 112, 358, 385 ฝ่าฝืนข้อกำหนด พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 พ.ร.บ.การชุมนุมสาธารณะ พ.ศ.2558 มาตรา 4, 10, 14, 15, 16, 19, 21, 28, 30,31 พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ.2522 มาตรา 114, 148 และ พ.ร.บ.จราจรฯ ฉบับที่ 7 พ.ศ.2550 มาตรา 8 พ.ร.บ.รักษาความสะอาดและความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง พ.ศ.2535 มาตรา 19, 57 พ.ร.บ.ควบคุมโฆษณาโดยใช้เครื่องขยายเสียง พ.ศ.2493 มาตรา 4, 9

กรณีพฤติการณ์กล่าวหาว่า เมื่อวันที่ 14-15 ต.ค.63 จำเลยกับพวกที่ใช้ชื่อกลุ่มว่าคณะราษฎร 2563 ร่วมกันจัดกิจกรรมชุมนุมทางการเมือง บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ถ.ราชดำเนินกลาง โดยไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดไว้ตามกฎหมายว่าด้วยการชุมนุมสาธารณะ พ.ศ.2558 และในการชุมนุมดังกล่าว จำเลยได้กล่าวปราศรัยอันมีลักษณะดูหมิ่นสถาบัน โดยโจทก์ขอให้ศาลมีคำสั่งนับโทษจำเลยต่อจากคดีหมายเลขดำ อ.649/2562, อ.1308/2562, อ.287/2564, อ.1629/2564, อ.1668/2564 ของศาลอาญาด้วย

ศาลอาญาประทับรับฟ้องคดีนี้ไว้เป็นคดีหมายเลขดำ อ.2495/2564

วันเดียวกัน พนักงานอัยการสำนักงานคดีอาญา 4 ยื่นฟ้อง นายสิรภพ พุ่มพึ่งพุทธ กับพวกรวม 19 คน เป็นจำเลย ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา (ป.อ.) มาตรา 83, 90, 215, 216, 138, 140, 295, 296, ฝ่าฝืนข้อกำหนด พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถาน การณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 พ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ศ.2558 มาตรา 34, 35, 51, 52 และฝ่าฝืนประกาศกรุงเทพมหานคร เรื่องสั่งปิดสถานที่เป็นการชั่วคราวฯ

กรณีพฤติการณ์กล่าวหาว่า เมื่อวันที่ 28 ก.พ.64 มีการนัดหมายชุมนุมกันที่บริเวณอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ แขวงทุ่งพญาไท เขตราชเทวี เพื่อเดินขบวนขับไล่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ให้ออกจากบ้านพักกรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กรักษาพระองค์ ที่ตั้งอยู่บริเวณ ถ.วิภาวดีรังสิต โดยจำเลยกับพวกเข้าร่วมกิจกรรมชุมนุมทางการเมือง ดังกล่าวอันเป็นการชุมนุม หรือมั่วสุม ณ สถานที่ใดๆ ที่แออัด มีโอกาสเสี่ยงต่อการแพร่เชื้อโรคฯ และการมั่วสุมก่อให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง

ศาลอาญาประทับรับฟ้องคดีนี้ไว้เป็นคดีหมายเลขดำ อ.2499/2564

อีกคดี พนักงานอัยการสำนักงานคดีอาญา 3 ยื่นฟ้อง น.ส.เมษา เถื่อนมา กับพวกรวม 3 คน เป็นจำเลย ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา (ป.อ.) มาตรา 83, 90, 215, 216, 138, 140 ฝ่าฝืนข้อกำหนด พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 และฝ่าฝืนประกาศกรุงเทพมหานคร เรื่องสั่งปิดสถานที่เป็นการชั่วคราวฯ

กรณีพฤติการณ์กล่าวหาว่า เมื่อวันที่ 11 ส.ค.64 จำเลยกับพวกร่วมกันจัดกิจกรรมรวมตัวบริเวณ ถ.ราชวิถี วงเวียนอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ แขวงทุ่งพญาไท เขตราชเทวี และปราศรัยวิจารณ์การทำงานของรัฐบาลในการจัดหาวัคซีนป้องกันการระบาดโควิด-19 และโจมตีการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจในการใช้มาตรการจับกุมและสลายการชุมนุมวันที่ 10 ส.ค.64 อันเป็นการชุมนุม หรือมั่วสุม ณ สถานที่ใดๆ ที่แออัด มีโอกาสเสี่ยงต่อการแพร่เชื้อโรคฯ และการมั่วสุมก่อให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง

ศาลอาญาประทับรับฟ้องคดีนี้ไว้เป็นคดีหมายเลขดำ อ.2500/2564

หลังพนักงานอัยการยื่นฟ้อง ศาลประทับรับฟ้องเป็น 1.คดีหมายเลขดำ อ.2495/2564 จำเลย นาย อานนท์ นำภา จำเลยต้องขัง ไม่ได้ประกันตัว ศาลนัดตรวจพยานหลักฐาน วันที่ 22 พ.ย.2564 เวลา 09.00 น. 2.คดีหมายเลขดำ อ.2499/2564 จำเลย นายสิรภพ พุ่มพึ่งพุทธ กับพวกรวม 19 คน จำเลยได้รับการประกันตัว ศาลนัดตรวจพยานหลักฐาน วันที่ 22 พ.ย. 2564 เวลา 09.00 น. 3.คดีหมายเลขดำอ.2500/2564 จำเลย น.ส.เมษา เถื่อนมา กับพวกรวม 4 คน จำเลยได้รับการประกันตัว ศาลนัดตรวจพยานหลักฐาน วันที่ 22 พ.ย. 2564 เวลา 09.00 น.

ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล พล.ต.ต.จิรสันต์ แก้วแสงเอก รองผบช.น. โฆษกบช.น. เปิดเผยถึงสถานการณ์การปฏิบัติเกี่ยวกับการชุมนุมในเขตกรุงเทพมหานครว่า จากข้อมูลด้านการข่าวทราบว่าวันเดียวกันนี้จะมีการชุมนุมในพื้นที่กรุงเทพมหานครจำนวน 3 จุด ได้แก่ จุดที่ 1 เป็นกลุ่มพลเมืองโต้กลับ จะชุมนุมที่บริเวณหน้าศาลฎีกา เริ่มชุมนุมเวลา 17.00 น. นำโดย นายพันธ์ศักดิ์ ศรีเทพ ซึ่งยังไม่ทราบจำนวนผู้เข้าร่วมชุมนุม จุดประสงค์เพื่อจัดกิจกรรม “ยืน หยุด ขัง ปล่อยเพื่อนเรา” เป็นเวลา 1 ชั่วโมง 12 นาที โดยให้ปล่อยตัวนักเคลื่อนไหว โดยกลุ่มนี้จะไม่เคลื่อนที่ไปจุดอื่น ส่วนจุดกระทบการจราจรบริเวณแยกใต้ด่วนดินแดงขอให้วางแผนเดินทางบริเวณดังกล่าว

จุดที่ 2 กลุ่มเครือข่ายแรงงานเพื่อสิทธิประชาชน ร่วมกับพนักงาน บ.บิลเลียน จะเดินทางมาที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ ทำเนียบรัฐบาล เวลา 13.30 น. นำโดย น.ส.ธนพร วิจันทร์ นายเซีย จำปาทอง และ น.ส.ศรีไพร นนทรีย์ เพื่อนัดหมายประชุมหารือกรณีขอให้ช่วยแก้ไขปัญหาข้อพิพาท เพื่อทวงถามและเรียกร้องเงินค่าชดเชยของทางกลุ่มกรณีนายจ้างประกาศเลิกจ้างงานโดยไม่แจ้งล่วงหน้า คาดว่ามีผู้เข้าร่วมชุมนุมประมาณ 50 คน โดยกลุ่มนี้จะไม่เคลื่อนที่ไปจุดอื่น และจุดที่ 3 เป็นกลุ่มเยาวรุ่นทะลุแก๊ส จะชุมนุมที่บริเวณแยกใต้ด่วนดินแดง เริ่มชุมนุมเวลา 17.30 น. ส่วนการปฏิบัติเพื่อรักษาความสงบเรียบร้อย พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผบช.น. ได้จัดเตรียมกำลังพลและยุทโธปกรณ์เพื่อรักษาความสงบเรียบร้อย และมอบหมายผู้รับผิดชอบในแต่ละพื้นที่ไว้เรียบร้อยแล้ว โดยเน้นย้ำให้ปฏิบัติภายใต้กรอบของกฎหมาย เพื่อให้เกิดความปลอดภัยกับประชาชนมากที่สุด ขอให้ประชาชนไม่ออกมาบริเวณนอกเคหสถานในบริเวณที่เกิดเหตุ รวมถึงคนที่สัญจรไปมา

พล.ต.ต.จิรสันต์กล่าวต่อว่า จากเหตุการณ์เมื่อวันที่ 7 ต.ค. กรณีที่มีกลุ่มผู้ชุมนุมจำนวน 3 กลุ่ม ในการปฏิบัติเพื่อรักษาความสงบเรียบร้อย พบว่ากลุ่มเครือข่ายแรงงานเพื่อสิทธิประชาชน และกลุ่มพลเมืองโต้กลับ ซึ่งมีการชุมนุมเป็นไปด้วยความสงบ ไม่มีเหตุความวุ่นวายแต่อย่างใด กรณีที่กลุ่มเยาวรุ่นทะลุแก๊สได้นัดหมาย เพื่อทำการชุมนุมที่บริเวณใต้ด่วนดินแดงนั้น ตั้งแต่เวลา 17.55 น. เจ้าหน้าที่ คฝ.ได้เข้าตรึงกำลังอยู่บริเวณซอยมิตรไมตรี 2 ซึ่งไม่พบกลุ่มผู้ชุมนุม ต่อมาเวลา 20.30 น. มีเสียงประทัด 1 ครั้ง บริเวณแยกสามเหลี่ยมดินแดง

จนกระทั่งเวลา 21.00 น. บริเวณรอบแฟลตดินแดง, บริเวณซอยต้นโพธิ์ และถนนมิตรไมตรี 2 ไม่พบการรวมตัวของกลุ่มผู้ชุมนุมแต่อย่างใด จนถึงเวลา 04.00 น. จ้าหน้าที่ คฝ.ถอนกำลัง ส่วนกรณีส.ต.ต.เดชวิทย์ เลทเท็สสัน ผบ.หมู่ กองร้อยที่ 5 กก.อารักขา 1 บก.อคฝ. ได้รักษาตัวที่รพ.ตร. โดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ รับส.ต.ต.เดชฤทธิ์ไว้ในพระบรมราชานุเคราะห์ ทั้งนี้ ภาพรวมตั้งแต่เดือนก.ค.2563 จนถึงปัจจุบัน มีคดีที่เกี่ยวข้องกับการชุมนุมในเขตพื้นที่กรุงเทพมหานครจำนวนทั้งสิ้น 646 คดี สอบสวนเสร็จสิ้นและสั่งฟ้องไปแล้ว 302 คดี อยู่ระหว่างดำเนินการสอบสวน 344 คดี ส่วนการสอบปากคำผู้ต้องสงสัย 73 คนนั้น ส่วนใหญ่ถูกชักชวนผ่าน โซเซี่ยลมีเดีย มีการใช้อาวุธปืนและระเบิดแสวงเครื่อง ส่วนมีความเป็นไปได้หรือไม่ที่ผู้ก่อเหตุยิงตำรวจนั้น ทุกคนถูกแจ้งข้อหาต่างกัน

ส่วนกรณียิงเจ้าหน้าที่ตำรวจ คฝ.ได้รับบาดเจ็บนั้น พล.ต.ต.จิรสันต์กล่าวว่า ยังอยู่ระหว่างตรวจสอบ ส่วนวิถีกระสุนซุ่มยิงนั้น กรณีแนวกระสุนจากที่สูงลงมา ส่วนชนิดกระสุนอยู่ระหว่างพฐ.ตรวจสอบ ส่วนเจตนาฆ่าเจ้าหน้าที่ตำรวจหรือไม่ ข้อหาเป็นพยายามฆ่าอยู่แล้ว กรณียิงเข้าไปย่อมเล็งเห็นผลให้ เจ้าหน้าที่ตำรวจเสียชีวิตได้ ขอให้ผู้เชี่ยวชาญตำรวจ พฐ.ตรวจสอบให้เสร็จสิ้นก่อน ส่วนการตรวจสอบกระสุนปืนที่ยิงนั้นอยู่ระหว่างตรวจสอบว่าเป็นชนิดใด มาจากแหล่งไหน เจ้าหน้าที่ต้องค้นหาพยานหลักฐาน

เมื่อช่วงเช้า นางวรวรรณ แซ่อั้ง หรือป้าเป้า ได้เดินทางมายังสภ.เมืองนนทบุรี พร้อมกับทนายสิทธิมนุษยชน 6 คน และเจ้าหน้าที่สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติเข้าร่วมสังเกตการณ์ ในการเดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวนตามหมายเรียกกรณีร่วมชุมนุมต่อต้านพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ระหว่างลงพื้นที่จ.นนทบุรี นอกจากนี้ ยังมีแกนนำกลุ่มผู้ประท้วงที่ถูกออกหมายเรียกอีกจากกลุ่มเครือข่ายคนรุ่นใหม่นนทบุรี

กำลังใจ – อจ. ธรรมศาสตร์-จุฬาฯ รุดเยี่ยม น.ส.เบนจา อะปัญ แกนนำน.ศ. ถูกดำเนินคดี ม.112 ที่ สน.ทองหล่อ ก่อน ส่งฝากขังศาลอาญากรุงเทพใต้ โดยศาล ไม่ให้ประกันตัว ส่งเข้าทัณฑสถานหญิงกลาง เมื่อวันที่ 8 ต.ค.

ป้าเป้า – นางวรวรรณ แซ่อั้ง หรือป้าเป้า พร้อมกลุ่มผู้ชุมนุมรวม 17 คน เข้ารับข้อหาคดีชุมนุมขับไล่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ขณะตรวจน้ำท่วมท่าน้ำนนทบุรี ที่ สภ.เมืองนนทบุรี เมื่อวันที่ 8 ต.ค.

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน