เลขาปปช.พบตู่
ปัดคุยคดีบิ๊กติ๊ก

‘บิ๊กตู่’ ทูลเกล้าฯ ร่างแก้ไข รธน.แล้ว เตรียมลุยอุบลฯ อีก 15 ต.ค. ‘บิ๊กป้อม’ยกคณะใหญ่ ‘บิ๊กน้อย-สุชาติ-อธิรัฐ-ตรีนุช-ธรรมนัส-นฤมล’ ตรวจพื้นที่สระแก้ว ‘จุรินทร์’ออนทัวร์ตะวันออก มั่นใจกวาดส.ส.ตราด ระยอง จันทบุรี รวม 9 ที่นั่ง ‘ชื่นชอบ คงอุดม’ทิ้งพลังท้องถิ่นไท ตาม ‘พีระพันธุ์’ เข้าซบพรรคพลังประชารัฐ ‘ชวน’ เผยยืดเวลาสอบแจกเงิน 5 ล. เหตุผู้เกี่ยวข้องไม่มีเวลามาให้ข้อมูล เลขาฯ ป.ป.ช.เข้าพบ ‘บิ๊กตู่’ ถึงทำเนียบ ยันคุยเรื่องงาน ไม่เกี่ยวกับคดี ‘บิ๊กติ๊ก’แจ้งบัญชีทรัพย์สินเท็จ

‘บิ๊กตู่’เตรียมลุยอุบลฯ 15ต.ค.

เมื่อวันที่ 8 ต.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับการลงพื้นที่ตรวจราชการของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ยังคงเป็นไปอย่างต่อเนื่อง โดยส่วนใหญ่เป็นการลงไปตรวจติดตามสถานการณ์และแผนบริหารจัดการน้ำ รวมถึงการช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย ซึ่งล่าสุดได้ลงพื้นที่ จ.นครศรีธรรมราช เมื่อวันที่ 7 ต.ค. ส่วนในวันที่ 15 ต.ค. ได้เตรียมการไว้เบื้องต้นจะลงพื้นที่ จ.อุบลราชธานี เพื่อติดตามสถานการณ์ลุ่มแม่น้ำชี แม่น้ำมูน และแม่น้ำโขง

เป็นที่น่าสังเกตว่าตั้งแต่หลังการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งล่าสุด พล.อ.ประยุทธ์ได้ลงพื้นที่ต่างจังหวัดแล้วทั้งหมด 8 จังหวัด โดยครั้งแรกที่จ.สมุทรปราการ เมื่อวันที่ 12 ก.ย. จากนั้นลงพื้นที่ต่อเนื่องที่ จ.ชลบุรี เพชรบุรี ชัยนาท สุโขทัย ชัยภูมิ นนทบุรี และนครศรีธรรมราช

ขอบคุณ – หญิงไทยที่ถูกหลอกไปทำงานดูไบ มอบช่อดอกไม้ขอบคุณ พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และนายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน ที่ช่วยเหลือ กลับประเทศ ระหว่างรองนายกฯ ไปตรวจ น้ำท่วม จ.สระแก้ว

‘บิ๊กป้อม’ลงพื้นที่สระแก้ว

เมื่อเวลา 09.00 น. ที่จ.สระแก้ว พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) และคณะ อาทิ น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รมว.ศึกษาธิการ นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน นายอธิรัฐ รัตนเศรษฐ รมช.คมนาคม นายสุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) นายวิณะโรจน์ ทรัพย์ส่งสุข เลขาธิการสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) ลง พื้นที่เพื่อติดตามขับเคลื่อนการแก้ปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน โดยมีแกนนำ และส.ส.พรรคพลังประชารัฐ อาทิ ‘บิ๊กน้อย’ พล.อ.วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา ประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรค ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาธิการพรรค นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เหรัญญิกพรรค ต้อนรับ

จากนั้นเวลา 14.00 น. ที่โรงเรียนวังน้ำเย็นวิทยาคม อ.วังน้ำเย็น จ.สระแก้ว พล.อ.ประวิตร มาตรวจเยี่ยมและให้กำลังใจนักเรียน นักศึกษา ที่ทำการฉีดวัคซีน พร้อมให้กำลังครู และ ผู้ปกครอง บุคลากรทางการศึกษา แพทย์ และมอบทุนการศึกษาให้แก่นักเรียน นักศึกษา พร้อมพบปะพูดคุยกับชาวสระแก้ว และมอบถุงยังชีพแก่ประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ด้วย

‘วิษณุ’ยันไร้สัญญาณยุบสภา

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการลงพื้นที่ของรองนายกฯ และรัฐมนตรีตามที่ได้รับมอบหมายจากนายกฯในช่วงนี้ว่า นายกฯ ไม่ได้กำชับอะไรเป็นอะไรเป็นพิเศษ แต่ใครดูจังหวัดไหนก็ต้องไป แต่รองนายกฯบางคนซึ่งเป็นรัฐมนตรีด้วยสามารถไปได้ทุกจังหวัดอยู่แล้ว โดยนายกฯ กำชับการลงพื้นที่ให้ได้ประโยชน์ 3 อย่างกลับมา คือ เรื่องสถานการณ์โควิด-19 สถานการณ์น้ำท่วม และการพัฒนาแก้ปัญหาโดยเฉพาะการฟื้นฟูเศรษฐกิจหลังโควิด-19 และให้มารายงานในรัฐบาล

ผู้สื่อข่าวถามว่า เป็นสัญญาณเพื่อเตรียมความพร้อมอะไรหรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า ไม่ใช่หรอก ผู้สื่อข่าวก็ช่างคิด ช่างจินตนาการ จะเลือกตั้งได้อย่างไรในเมื่อกติกายังไม่ชัดเจนแน่นอน กฎหมายก็ยังไม่ชัดเจน ต่อข้อถามว่า ระหว่างนี้หากเกิดอุบัติเหตุทางการเมืองจะทำให้ทุกอย่างสะดุดหรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า นายกฯคิดเองได้ ซึ่งปัญหาใครก็รู้ ฉะนั้นต้องตระหนักว่า มีปัญหารออยู่จะแก้ปัญหาอย่างไรก็พยายามกันอยู่

ต่อข้อถามว่า นายกฯ ส่งสัญญาณเรื่องร่างพระราชกฤษฎีกายุบสภาแล้วหรือยัง นายวิษณุกล่าวว่า ไม่มี คือยุบแล้ว ก็ต้องเลือกใหม่ และจะเลือกกันอย่างไร ใครตอบได้ ฝ่ายค้านตอบไม่ได้ ฝ่ายรัฐบาลก็ตอบไม่ได้ นักวิชาการก็ตอบไม่ได้ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ก็ตอบไม่ได้

ชี้กติกาเลือกตั้งยังไม่ชัด

ผู้สื่อข่าวถามว่า สามารถกลับไปใช้รัฐธรรมนูญฉบับเก่าได้หรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า มันใช้ได้ แต่ถ้าอยู่ไปกำลังเพลินๆ มันๆ หาเสียงกันอยู่ แต่มีการประกาศใช้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่แล้วจะทำอย่างไร จะเลือกกันแบบไหน ตนเล่าไปแล้วว่าหากเกิดอะไรขึ้นในตอนนี้ เราต้องพิมพ์บัตรเลือกตั้งแบบใบเดียว และเมื่อประกาศใช้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ก็ต้องเป็นบัตรเลือกตั้งแบบ 2 ใบ ไม่ต้องไปเสียดายค่าพิมพ์บัตรเลือกตั้งหรอก

ปัญหาคือถ้าเกิดการยุบสภาขึ้นในเวลานี้ เราก็ต้องบอกประชาชนทั้งประเทศว่า เลือกตั้งส.ส.เขต 350 คน แบบบัญชีรายชื่อ 150 คน ซึ่งคนฝั่งใจว่าอย่างนั้น แต่พอถึงเวลาเลือกตั้งเข้าจริง พี่น้องเลือกส.ส.เขต 400 คน ส.ส.บัญชีรายชื่อ(ปาร์ตี้ลิสต์) 100 คน เราต้องเลือก ต้องกาบัตรใบเดียว ยุ่งกันไปหมดทั้งประเทศ

ต่อข้อถามว่า การยุบสภาถือว่าเป็นการปิดประตูไปเลยหรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า เปิดประตู เปิดอยู่ แต่ใครจะเข้าไปก็แล้วแต่ ใครเข้าไปแล้วก็รีบปิดเลย เขาเรียกว่าล็อกดาวน์ เมื่อถามว่า สถานการณ์การเมืองขณะนี้ไว้ใจได้หรือไม่ รองนายกฯ กล่าวว่า ไม่รู้ เรื่องพวกนี้ใช้ความรู้สึกไม่ได้ ใช้ความรู้มากกว่า อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ บอกว่าจินตนาการสำคัญกว่า แต่สำหรับตนไม่ทราบ เรื่องไม่มีใครเก่งกว่าใคร

ทูลเกล้าฯร่างแก้รธน.แล้ว

นายวิษณุกล่าวอีกว่า สำหรับร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 83 และ 91 เกี่ยวกับการเลือกตั้ง พล.อ.ประยุทธ์ ได้นำขึ้นทูลเกล้าฯ แล้วตั้งแต่วันที่ 4 ต.ค. ซึ่งจะครบกำหนด 90 วัน ในวันที่ 2 ม.ค.2565

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หากพระมหากษัตริย์ทรงเห็นชอบและลงพระปรมาภิไธยแล้ว จะมีการประกาศใช้ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญในราชกิจจานุเบกษา เพื่อให้ระบบเลือกตั้งใหม่มีผลบังคับใช้ได้ แต่เนื่องจากกฎหมายลูกที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ.2561 และระเบียบคณะกรรมการการเลือกตั้ง เรื่องที่เกี่ยวกับการจัดการเลือกตั้ง ยังกำหนดรายละเอียดของระบบเลือกตั้งเป็นระบบเดิมอยู่ จึงต้องแก้ไขกฎหมายลูกเหล่านี้ให้เรียบร้อยด้วย ซึ่งกระบวนการทั้งหมดอาจกินเวลาอีกไม่ต่ำกว่า 2-3 เดือน

สำหรับร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ มีสาระสำคัญสรุปได้ ดังนี้ ให้สภาผู้แทนราษฎรประกอบด้วยสมาชิก 500 คน แบ่งเป็น ส.ส.แบบแบ่งเขต 400 คน จากเดิม 350 คน และส.ส.บัญชีรายชื่อ 100 คน จากเดิม 150 คน, ให้ใช้บัตรเลือกตั้ง 2 ใบ เลือก ส.ส. 2 ประเภท จากเดิมใช้บัตรเลือกตั้งใบเดียว (ตัดสินใจเลือก ส.ส. พรรค และนายกฯ ในบัญชีที่พรรคนำเสนอ), การคำนวณสัดส่วน ส.ส.บัญชีรายชื่อของแต่ละพรรค ให้นำคะแนนที่แต่ละพรรคได้รับการเลือกตั้งมารวมกันทั้งประเทศ แล้วคำนวณเพื่อแบ่งจำนวน ผู้ที่จะได้รับเลือกของแต่ละพรรค จากเดิมใช้สูตรคำนวณหา ส.ส.พึงมีได้)

โฆษกรัฐคุยนายกฯผลงานอื้อ

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณี นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน พรรคเพื่อไทย ระบุการที่พรรคพลังประชารัฐจะเสนอ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นแคนดิเดต นายกฯ อีกครั้ง ไม่รู้สึกละอายตัวเองบ้างหรือ เพราะ 7 ปีที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์สร้างหายนะให้กับประเทศมากแค่ไหนว่า ตลอดเวลาที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์มุ่งทำงานเพื่อช่วยเหลือประชาชนมาตลอด มีผลงานเป็น รูปธรรมมาก โดยเฉพาะด้านโครงสร้างพื้นฐาน ด้านคมนาคม มีการขยายรถไฟฟ้าครอบคลุมทุกพื้นที่ การจัดสวัสดิการต่างๆ ให้กับประชาชน ไม่ว่าบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ โครงการเราชนะ โครงการคนละครึ่ง ซึ่งประชาชนรับรู้ได้ จึงสะท้อนผ่านผลการเลือกตั้งที่ผ่านมาว่า ประชาชนต้องการให้ พล.อ.ประยุทธ์บริหารประเทศต่อไป และหากการเลือกตั้งครั้งหน้า พล.อ.ประยุทธ์ได้เป็นนายกฯ อีกสมัยก็ไม่ใช่เรื่องแปลก ถ้าเป็นฉันทามติของคนไทยทั้งประเทศ

“พล.อ.ประยุทธ์เข้ามาแก้ปัญหาประเทศตามความต้องการของประชาชน ผ่านผลการเลือกตั้งที่ผ่านมา ซึ่งต่างจากรัฐบาลในอดีตที่ นพ.ชลน่านคุ้นเคย มีการสืบทอดอำนาจระยะยาวผ่านคนในเครือญาติ ไม่สนใจว่าประชาชนจะรู้สึกอย่างไร ไม่รู้แกนนำพรรคไหนกันแน่ที่บ้าอำนาจ หลงอำนาจ ถึงขั้น ผลักดันกฎหมายแบบสุดซอยก็ยังทำมาแล้ว นพ.ชลน่านน่าจะรู้สึกละอายใจกับพฤติกรรมแบบนี้เสียก่อน แล้วค่อยมาบอกว่าคนอื่น น่าละอาย” นายธนกรกล่าว

ปชป.ลั่นกวาด 9 ส.ส.ตะวันออก

ที่ จ.ตราด นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ให้สัมภาษณ์ระหว่างลงพื้นที่ “จุรินทร์ ออน ทัวร์” ภาคตะวันออกถึงการเตรียมความพร้อมเรื่องผู้สมัครส.ส.ว่า ภาคตะวันออกที่เป็นเป้าหมายของพรรคขณะนี้อย่างน้อยมี 3 จังหวัด ที่ได้เตรียมความพร้อมไว้แล้วทั้งหมดเกือบ 100% แล้ว ประกอบด้วย จันทบุรี ระยอง และตราด

สำหรับ จ.ระยอง มีนายสาธิต ปิตุเตชะ รมช.สาธารณสุข ในฐานะรองหัวหน้าพรรค เป็นผู้รับผิดชอบโดยตรง เพราะเป็น 1 ในส.ส.ระยองอยู่แล้ว และเลือกตั้งครั้งหน้า จ.ระยองจะมีผู้แทนเพิ่มเป็น 5 คน ถ้าเป็นการเลือกตั้งแบบใช้บัตรสองใบ ส่วน จ.จันทบุรี พรรคเปิดตัวผู้สมัคร 3 คนไปแล้วในนาม “ดรีมทีมประชาธิปัตย์ จันทบุรี” จ.ตราดก็ได้เตรียมผู้สมัครแล้ว 1 คน ดังนั้น 3 จังหวัดนี้จะมีผู้แทนราษฎร ถ้าเป็นบัตรสองใบรวมกัน 5+3+1 รวมเป็น 9 คน ซึ่ง 9 ที่นั่งนี้ ถือว่าประชาธิปัตย์มีโอกาสที่จะได้รับเลือกตั้งสูง

คุยยุคนี้คนรุ่นใหม่เข้าซบเยอะ

ผู้สื่อข่าวถามถึงการจัดลำดับ ส.ส.บัญชี รายชื่อที่หลายฝ่ายมองว่าเป็นเรื่องยาก เพราะต้องฝ่า 18 ด่านอรหันต์เรื่องอาวุโส นายจุรินทร์กล่าวว่า พรรคมีเกณฑ์อยู่แล้วว่า ผู้ใดเหมาะสม ความอาวุโสก็เป็น 1 ในนั้น แต่ไม่ใช่ทั้งหมด เพราะพรรคจะเปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่

อย่างนายปริญญ์ พานิชภักดิ์ เข้ามาพรรคครั้งแรก ตนก็สนับสนุนให้เป็นรองหัวหน้าพรรค เพราะมีศักยภาพและทำหน้าที่ได้ดี มีคนอื่นๆ อีกมาก เช่น นายอิสระ เสรีวัฒนวุฒิ น.ส.จิตภัสร์ ตั๊น กฤดากร ส.ส.บัญชีรายชื่อ ก็เป็นคนรุ่นใหม่ที่ลงสมัครบัญชีรายชื่อ จึงขึ้นอยู่กับศักยภาพ ความรู้ความสามารถและผลงานจะเป็นตัวชี้วัดด้วย การจัดลำดับปาร์ตี้ลิสต์ครั้งหน้า จึงไม่ใช่มีแค่อาวุโสอย่างเดียว คนรุ่นใหม่ที่จะเข้ามาในพรรคก็มีโอกาส ยุคนี้เป็นยุคที่คนรุ่นใหม่ที่มีศักยภาพเดินเข้าพรรคประชาธิปัตย์ มากที่สุดยุคหนึ่ง

‘ชื่นชอบ’ย้ายเข้าพปชร.

นายชื่นชอบ คงอุดม กรรมการผู้ช่วยประจำกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ตนได้ย้ายจากพรรคพลังท้องถิ่นไท (พทท.) ไปสังกัดพรรคพลังประชารัฐ ตั้งแต่วันที่ 2 ต.ค. หลังจากนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ที่ปรึกษา นายกฯ ฝ่ายการเมือง และที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ มาชวนให้ไปช่วยงาน และพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรค ได้ลงนามในใบสมัครรับตนเข้าพรรคแล้ว

เบื้องต้นได้รับการประสานให้เข้ามาดูแลงานด้านกฎหมาย และโครงสร้างภายในพรรคร่วมกับสมาชิกคนอื่น มั่นใจว่าจะไม่มีปัญหาใดๆ เพราะส่วนใหญ่เคยทำงานมาด้วยกัน ตนได้ปรึกษานายชัชวาลล์ คงอุดม หัวหน้าพรรคพลังท้องถิ่นไท และบิดาว่าจะมาช่วยงานตรงนี้ ซึ่งไม่ได้ว่าอะไรและเห็นด้วยกับการตัดสินใจครั้งนี้ เพราะเห็นว่าพรรคพลังประชารัฐมีแนวทางเดียวกับพรรคพลังท้องถิ่นไท

สำหรับพรรคพลังท้องถิ่นไท ยังเดินหน้าต่อไปตามแนวทางและนโยบายที่ได้ประกาศไว้ และคงจับมือกับพรรคพลังประชารัฐเหมือนเดิม ยังไม่มีการควบรวมหรือยุบมารวมกัน ส่วนจะตัดสินใจมาทำงานกับพรรคพลังประชารัฐด้วยหรือไม่ ยังบอกไม่ได้ เป็นเรื่องของอนาคต

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับอดีตส.ส. นักการเมือง ที่มาสมัครเป็นสมาชิกพรรค พลังประชารัฐพร้อมกับนายพีระพันธุ์ นอกจากนายชื่นชอบ แล้วยังมีคนอื่น 3-4 คน

‘ชัช’มั่นใจไม่ตัดคะแนนกัน

ด้านนายชัชวาลล์ คงอุดม ส.ส.บัญชี รายชื่อ หัวหน้าพรรคพลังท้องถิ่นไท กล่าวว่า นายชื่นชอบได้เข้ามาคุยกับตนและขอไปร่วมงานกับพรรคพลังประชารัฐ ตามนาย พีระพันธุ์ ที่มาเป็นที่ปรึกษาหัวหน้าพรรค พลังประชารัฐ เพราะมีความคุ้นเคยกัน ซึ่งตนตอบกลับว่า แล้วแต่ลูก เมื่อมองว่าดี ตนพร้อมสนับสนุน อีกทั้ง ตนและนายพีระพันธุ์ก็มีความรู้สึกที่ดีต่อกัน

ผู้สื่อข่าวถามว่าการย้ายพรรคของลูกชาย เป็นสัญญาณพรรคพลังท้องถิ่นไทแตกหรือไม่ นายชัชวาลล์ กล่าวว่า ไม่แตก เพราะมีคนรุ่นใหม่ เข้ามาสังกัดใหม่เรื่อยๆ และการเลือกตั้งครั้งหน้าตนไม่ขัดข้องหากนายชื่นชอบจะลงสมัครรับเลือกตั้งส.ส.เขตบางซื่อ ในนามพรรคพลังประชารัฐ เพราะด้วยระบบเลือกตั้งบัตร 2 ใบ ประชาชนเลือกนายชื่นชอบ ในนามส.ส.เขต และเลือกตนในนามส.ส.บัญชีรายชื่อ ถือว่าไม่มีปัญหา การลงพื้นที่ช่วยชาวบ้านแต่ละครั้ง ชาวบ้านทราบว่าตนและนายชื่นชอบ เป็นพ่อลูกกัน ดังนั้น การเลือกตั้งรอบหน้าจะไม่มีปัญหาแย่งคะแนนกันแน่นอน

‘พีระพันธุ์’โวเนื้อหอม

นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ที่ปรึกษา นายกฯ ในฐานะที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า นายชื่นชอบจะมาช่วยงานอะไรในพรรคพลังประชารัฐ แล้วแต่พล.อ.ประวิตรพิจารณาต่อไป นายชื่นชอบทำงานด้วยกันมาตลอดตั้งแต่ในอดีตที่ยังไม่ได้สังกัดพรรคใด เมื่อตนมาสังกัดพรรคพลังประชารัฐเพราะอยากช่วย 3 ท่าน จึงได้ชวนมาร่วมงานเพราะเป็นพี่น้องกัน และนายชื่นชอบก็สนใจที่จะมาช่วยงานตรงนี้ด้วย

ผู้สื่อข่าวถามว่าจะมีคนอื่นทยอยเข้ามาอีกหรือไม่ นายพีระพันธุ์กล่าวว่า ยังตอบไม่ได้ เพราะยังไม่ได้คุยกัน บอกแต่ว่าไปไหนให้บอกด้วย และมีคนให้ความสนใจเยอะ เพราะอยากทำงานกับตน เมื่อถามว่าต้องลงพื้นที่กับพล.อ.ประวิตร ด้วยหรือไม่ นายพีระพันธุ์กล่าวว่า แล้วแต่โอกาส เพราะตนมีภารกิจอื่นอยู่ ซึ่งพล.อ.ประวิตรบอกให้ไปด้วยกันอยู่แล้ว แต่ตอนนี้ตนยังติดงานอย่างอื่นอยู่ เมื่อเคลียร์อะไรลงตัว จะไปลงพื้นที่กับพล.อ.ประวิตร

‘ชวน’ไฟเขียวซักฟอกไม่ลงมติ

ที่รัฐสภา นายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา และประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงกฎหมายสำคัญที่ต้องพิจารณาเมื่อเปิดประชุมสภา สมัยสามัญวันที่ 1 พ.ย.ว่า ในการประชุมร่วมรัฐสภา มีกฎหมายที่สำคัญค้างอยู่ 2 เรื่อง ส่วนการประชุมสภาผู้แทนราษฎร มีกฎหมายที่สำคัญค้างอยู่หลายฉบับ เพราะช่วงหลังกฎหมายที่ผ่านกระบวนการมาตรา 77 เข้ามามากขึ้น แต่เดิมจะเห็นว่าในสมัยประชุมก่อนไม่มีกฎหมายค้างเลย แต่ช่วงหลังการเสนอต้องผ่านกระบวนการทำประชาพิจารณ์ต่างๆ

ฉะนั้น เมื่อเปิดสมัยประชุมต้องขอความร่วมมือจากสมาชิก อาจขอให้มีการประชุมเพิ่มเติมในวันศุกร์อย่างน้อยเดือนละ 1-3 ครั้ง เพื่อจะได้สะสางงานที่คณะกรรมาธิการ (กมธ.) พิจารณาเสร็จแล้ว ซึ่งค้างอยู่หลายเรื่อง โดยจะเชิญตัวแทนวิป 3 ฝ่ายมาหารือก่อนเปิดสมัยประชุมถึงเรื่องที่ค้างพิจารณาอยู่ 100 กว่าเรื่อง เรื่องที่กมธ.พิจารณาเสร็จแล้วไม่ควรค้าง เพราะปกติกมธ.จะใช้เวลาในการพิจารณามาก จะเห็นว่าทุกสัปดาห์มีกมธ.รายงานมาว่าขอเวลาเพิ่ม ฉะนั้น เรื่องที่พิจารณาเสร็จแล้วควรจะให้จบไป

ต่อข้อถามถึงกรณีฝ่ายค้านเตรียมยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล แบบไม่ลงมติ ตามมาตรา 152 ในสมัยประชุมหน้า นายชวนกล่าวว่า สามารถทำได้ตามรัฐธรรมนูญ เพียงแต่จะอภิปรายแบบไม่ลงมติในช่วงเวลาใดเท่านั้น

เผยเหตุขยายเวลาสอบแจก 5 ล.

เมื่อถามถึงความคืบหน้าของคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณี นายวิสาร เตชะธีราวัฒน์ ส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย กล่าวหา พล.อ.ประยุทธ์แจกเงิน 5 ล้านบาทให้กับส.ส. ที่บริเวณชั้น 3 ของรัฐสภา ในช่วงการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งที่ผ่านมา นายชวนกล่าวว่า คืบหน้าไปทุกสัปดาห์ อยู่ที่ว่าคนที่เชิญมานั้นมาหรือไม่ โดยตนได้ขอให้ นพ.สุกิจ อัถโถปกรณ์ ที่ปรึกษาประธานสภา เข้าไปช่วยดูแลตรงนี้ด้วยว่าคืบหน้าไปถึงไหนแล้ว

“ปัญหาอยู่ที่ว่าเชิญแล้วเขาไม่มีเวลามา แต่ต้องขอความร่วมมือเขาเพื่อที่คณะกรรมการจะได้มีเวลาทำงาน ซึ่งผมก็ตามเรื่องทุกสัปดาห์ แต่เดิมกำหนดกรอบเวลาในการสอบสวนเอาไว้ แต่เพิ่งมีการขอขยายเวลาเมื่อสัปดาห์นี้ เพราะไม่สามารถสอบได้ตามที่เชิญมาทุกคน” นายชวนกล่าว

‘วิษณุ’ยังไม่สรุปกม.โรคติดต่อ

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงความคืบหน้าร่าง พระราชกำหนด (พ.ร.ก.) แก้ไขเพิ่มเติม พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) โรคติดต่อ 2558 ว่า ยังตัดสินใจอยู่ว่าจะเป็น พ.ร.ก.หรือพ.ร.บ. ถ้าเป็น พ.ร.บ.จะต้องเสนอต่อสภา แต่ด้วยเหตุที่เป็น พ.ร.บ.ในเชิงปฏิรูป จะเสนอต่อที่ประชุมร่วมกันสองสภา แต่ถ้าคิดว่าจำเป็นเร่งด่วน จะต้องออกเป็น พ.ร.ก.ก็ออกเป็นพ.ร.ก. ขณะนี้ยังตัดสินใจอะไรไม่ได้ ถามว่าด่วนไหม ความจริงก็ด่วน

ถ้าออกเป็น พ.ร.ก.ในเวลานี้ ตนบอกไปแล้วว่า รัฐธรรมนูญบัญญัติไว้ในมาตรา 172 ว่า ถ้าออกพ.ร.ก.ระหว่างปิดสมัยประชุม ก็ต้องเปิดสมัยประชุมวิสามัญ เราคิดว่าไม่อยากจะทำอย่างนั้นก็อาจจะรอไว้ใกล้ๆ ตอนสภาจะเปิดแล้วค่อยดู หรือไม่ก็เอาเข้าสภาเป็นการประชุมร่วมกันเลย ถ้าสภาไม่ล่มซะก่อน เราหยั่งเสียงถามกระทรวงสาธารณสุขเจ้าของเรื่องตลอดเวลา เขาก็บอกว่าไม่เป็นอะไร และใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉินไปพลางได้ เพราะไม่รู้จะทำอย่างไร ไม่มีทางเลือก ไม่รู้จะเลี่ยงอย่างไร แต่ถ้าสภาเปิดแล้ว การตัดสินใจจะง่ายมากขึ้นว่าจะออกเป็นอย่างไร

เมื่อถามว่า หากพ.ร.บ.ดังกล่าวไม่ผ่าน รัฐบาลจะแสดงความรับผิดชอบอย่างไร นายวิษณุกล่าวว่า ก็แน่นอนอยู่แล้ว

กมธ.เร่งสรุปกม.ปฏิรูปตำรวจ

นายขจิตร ชัยนิคม ส.ส.อุดรธานี พรรคเพื่อไทย ในฐานะกรรมาธิการวิสามัญ (กมธ.) พิจารณาร่างพ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ รัฐสภา เปิดเผยว่า กมธ.ได้มอบหมายให้อนุกมธ. พิจารณาเนื้อหา 3 หมวดคือ หมวด 1 ว่าด้วยการจัดระเบียบราชการข้าราชการตำรวจ ที่วางหลักการให้คำนึงถึงระบบคุณธรรม หมวด 2 ตำแหน่งและการดำรงตำแหน่ง และหมวด 3 ว่าด้วยการบรรจุ การแต่งตั้ง และการเลื่อน ขั้นเงินเดือน ซึ่งอนุกมธ.จะนัดพิจารณา รายละเอียดอย่างต่อเนื่อง และคาดว่าวันที่ 14 ต.ค. ที่มีการนัดประชุมอีกครั้งจะนำเสนอเนื้อหาให้พิจารณาได้

ส่วนกมธ.ชุดใหญ่ ได้พิจารณาต่อในหมวด 4 ว่าด้วยเงินเดือน เงินประจำตำแหน่ง และเงินเพิ่มอื่น รวมถึงหมวด 5 การรักษาราชการแทนและปฏิบัติราชการแทน เบื้องต้นในส่วน ของหมวด 4 มีข้อเสนอจากกมธ. ขอให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) จัดทำรายละเอียดเกี่ยวกับเงินเดือน ค่าตอบแทนและเงินเพิ่มนอกเหนือจากที่กฎหมายกำหนด เพื่อให้เกิดการปฏิรูปอย่างแท้จริง โดยยกตัวอย่างจากการให้ค่าตอบแทนของตำรวจชุมชนในประเทศญี่ปุ่นที่ได้รับค่าตอบแทนเมื่อทำงานให้บริการประชาชน ทำให้ตำรวจในประเทศญี่ปุ่นมีขวัญกำลังใจ ทำงานหนักเพื่อให้บริการประชาชน

เมื่อถามถึงแผนการทำงานของกมธ. นายขจิตรกล่าวว่า กมธ.กำหนดแผนการทำงาน และจะเสนอให้นายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา เพื่อพิจารณาบรรจุในวาระพิจารณาในการประชุมสภาสมัยหน้า ในเดือนพ.ย. ส่วนตัวมองว่ากมธ.ควรเร่งทำงานให้เสร็จก่อน วันที่ 15 พ.ย. เพื่อนำเสนอให้รัฐสภาพิจารณาวาระสอง

เลขาฯป.ป.ช.เข้าพบ‘บิ๊กตู่’

นายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เปิดเผยถึงการเข้าพบ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ที่ห้องทำงาน บนตึกไทย คู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล เมื่อช่วงเช้าวันที่ 8 ต.ค.ว่า นายกฯ ให้เข้าพบเพื่อพูดคุยถึงการยกระดับมาตรการค่า CPI หรือคะแนนดัชนี การรับรู้การทุจริตในภาพรวมของประเทศ ไม่ได้มีการพูดคุยถึงเรื่องคดีของ ‘บิ๊กติ๊ก’ พล.อ.ปรีชา จันทร์โอชา อดีตปลัดกระทรวงกลาโหมน้องชายของพล.อ.ประยุทธ์ แต่อย่างใด

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้ มีข่าวว่า พล.อ.ปรีชาได้มารับทราบข้อกล่าวหา พร้อมชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวงกลาโหม และกรรมการ (บอร์ด) บริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) ที่เป็นหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ จงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินอันเท็จและเอกสารประกอบ หรือปกปิดข้อเท็จจริงอันควรแจ้งให้ทราบ กรณีมิได้แจ้งถือครองบ้านใน จ.พิษณุโลก รวมถึงข้อมูลบัญชีเงินฝากของนางผ่องพรรณ จันทร์โอชา ภริยา ซึ่งหลังจากนี้คณะอนุกรรมการไต่สวนฯ จะรวบรวมพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม เพื่อเตรียมสรุปสำนวนส่งที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาต่อไป คาดว่าอีกไม่นานจะมีบทสรุป

กกต.ห้ามผู้กักตัวโควิดสมัครอบต.

วันเดียวกัน พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา เลขาธิการกกต. มีหนังสือด่วนที่สุด ถึง ผอ.กต.ทั่วประเทศ ซักซ้อมแนวทางการรับสมัครเลือกตั้งสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) และนายกอบต. ภายใต้สถานการณ์โควิด-19 นอกจากวางแนวทางการจัดสถานที่รับสมัคร การรับสมัคร ผู้ที่เคยเป็นผู้ป่วยติดเชื้อโควิด หรือมีประวัติใกล้ชิดผู้ป่วย หรือผู้มีอุณหภูมิร่างกายสูงแล้ว

กกต.ยังอ้างถึงการได้รับการแจ้งจากกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุขว่าเนื่องจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 เจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อมีอำนาจ ตามมาตรา 34 พ.ร.บ.โรคติดต่อ 2558 ในการพิจารณาดำเนินการหรือออกคำสั่งเป็นหนังสือให้ผู้เป็นโรค หรือผู้ที่มีเหตุอันควรสงสัยว่าเป็นโรค เข้ารับการแยกกักหรือกักกันตัว ณ สถานที่ ที่เจ้าพนักงานควบคุมโรคกำหนด จนกว่าจะพ้นระยะการติดต่อของโรคหรือสิ้นสุดเหตุอันควรสงสัย เพื่อไม่ให้โรคดังกล่าวแพร่ออกไป ซึ่งผู้ได้รับคำสั่งต้องเข้ารับการตรวจรักษา หรือชันสูตรทางการแพทย์และอยู่ในสถานที่ตามระยะเวลาที่เจ้าพนักงานควบคุมโรคกำหนด และเนื่องจากสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอกใหม่ ขยายตัวรวดเร็วในหลายจังหวัด อีกทั้งเชื้อไวรัสมีการกลายพันธุ์ทำให้มีผู้ติดเชื้อแต่ละวันจำนวนมาก

ดังนั้น เพื่อประโยชน์ในการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาด ผู้ที่มีความประสงค์เป็นผู้สมัครรับเลือกตั้ง และผู้มีสิทธิเลือกตั้ง อบต. ซึ่งเป็นหรือมีเหตุอันควรสงสัยว่า ติดเชื้อโควิด-19 และเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อมีคำสั่งให้ผู้นั้นเข้ารับการแยกกักหรือกักกัน ณ สถานที่ที่เจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อกำหนด จึงไม่สามารถออกจากสถานที่ ดังกล่าวเพื่อมาลงสมัครรับเลือกตั้ง หรือมาใช้สิทธิเลือกตั้งได้ จึงให้กกต.ประจำองค์การบริหารส่วนตำบล และผู้อำนวยการการ เลือกตั้งประจำอบต.ถือปฏิบัติต่อไป

รัฐตั้งเป้ายึดทรัพย์ค้ายาหมื่นล.

เมื่อวันที่ 8 ต.ค. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม กล่าวคำปราศรัยผ่านคลิปวิดีโอ เนื่องในโอกาสการประชุมแถลงผลการดำเนินงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ประจำปี 2564 ว่า ตลอดระยะเวลา 1 ปีในการทำงานปราบปรามยาเสพติดซึ่งถือเป็นวาระแห่งชาติ วันนี้ต้องยอมรับว่าทุกภาคส่วนทำงานได้อย่างเข้มแข็งทั้งตำรวจ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) ภาคประชาสังคม ภาคีเครือข่ายต่างๆ

โดยในปี 2564 รัฐบาลตั้งเป้าหมายยึดอายัดทรัพย์สินไว้ที่ 6,000 ล้านบาท แต่ผลจากการ บูรณาการการทำงานอย่างจริงจังทำให้ยึดอายัดทรัพย์สินได้กว่า 7,300 ล้านบาท แต่สิ่งที่ต้องยอมรับอย่างหนึ่งคือกฎหมายยาเสพติดของเราที่ล้าสมัยใช้มายาวนานถึง 42 ปี ซึ่งขณะนี้ได้ปรับปรุงแก้ไขร่างประมวลกฎหมายยาเสพติดให้ทันสมัยเพื่อสอดรับกับสถานการณ์และการทำงานในปัจจุบัน จากนี้ไปจะสามารถยึดอายัดทรัพย์สินผู้ค้ายาเสพติดย้อนหลังได้ถึง 10 ปี ก้าวต่อไปของรัฐบาลคือการพัฒนาเทคโนโลยีให้ทันสมัยเท่าทันกับกลุ่มผู้ค้ายาเสพติด เพื่อติดตามกระบวนการค้ายาที่หันมาใช้สกุลเงินดิจิทัล หรือคริปโตเคอเรนซี ในการกระทำความผิด

ที่ป.ป.ส. นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม เป็นประธานในพิธี “ที่สุดแห่งปี : ผลการดำเนินงานประจำปี 2564” โดยมีผู้บริหารกระทรวงยุติธรรม นายเจเรมี ดักลาส ผู้แทน UNODC ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ผู้บริหารระดับสูงจาก 9 กระทรวง 26 หน่วยงานและ 2 ส่วนราชการ และผู้เข้าร่วมงานผ่านระบบ Zoom จาก 27 ประเทศ 43 หน่วยงาน

นายสมศักดิ์กล่าวว่า ปีที่ผ่านมาเราตั้งเป้ายึดทรัพย์ 6,000 ล้าน ซึ่งทำได้เกินเป้าหมายยึดได้ถึง 7,346.82 ล้านบาท แต่ปีงบประมาณต่อไปนี้มีประมวลกฎหมายยาเสพติดที่แยกคดีทรัพย์และคดีอาญาออกจากกัน ปีนี้เราขอสัก 10,000 ล้านบาท และ 5% หรือ 500 ล้านบาทจะเป็นของผู้ที่ชี้เบาะแส สำหรับข้าราชการและเจ้าหน้าที่จะได้ 25% หรือ 2,500 ล้านบาทที่ถูกต้องตามกฎหมาย เราจะดำเนินการกับ 643 เครือข่าย ผู้ค้ายา 10,073 คน ซึ่งคิดว่าไม่ใช่เรื่องใหญ่ เราดำเนินการได้ ขอให้ท่านทั้งหลายช่วยแจ้งเบาะแสและมารับรางวัลตามที่เรากำหนดไว้

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน