ซีกรัฐ-ฝ่ายค้าน
เร่งกม.เลือกตั้ง

เพื่อไทยนัดประชุมพรรค 12 ต.ค. ลงมติขับ 2 ส.ส.งูเห่า ‘ศรัณย์วุฒิพรพิมล’ ครม.วันหยุดลงพื้นที่น้ำท่วม ‘วิษณุ’ควง‘อนุชา’ ตรวจอุทัยธานี-นครสวรรค์ ‘อนุทิน’บุกอ่างทอง-อยุธยา ฝ่ายค้านไม่น้อยหน้า จับมือซับน้ำตาชาวอ่างทองที่ประสบอุทกภัย ‘จุรินทร์’ออนทัวร์กาญจนบุรี หวังยึดคืนฐานเสียงเก่าใน 3 จังหวัดภาคตะวันตก พรรคการเมืองเตรียมพร้อมร่างกฎหมายลูกเลือกตั้ง เล็งรื้อระบบไพรมารีโหวต-วิธีคำนวณส.ส.บัญชีรายชื่อ

‘วิษณุ-อนุชา’ลุยอุทัย-นครสวรรค์

เมื่อวันที่ 9 ต.ค. นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี นำคณะประกอบด้วย นายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายธีรภัทร ประยูรสิทธิ ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่ จ.อุทัยธานี และ จ.นครสวรรค์ เพื่อติดตามสถานการณ์อุทกภัย และให้ความช่วยเหลือประชาชนผู้ได้รับผลกระทบ

โดยช่วงเช้าไปยังศาลาประชาคม เทศบาลตำบลหาดทนง อ.เมืองอุทัยธานี โดยมีนายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ อุทัยธานี รายงานสภาพปัญหาอุทกภัยในพื้นที่ และการให้ความช่วยเหลือ นายวิษณุได้มอบถุงยังชีพของกองทุนผู้ประสบสาธารณภัย สำนักนายกฯ ให้แก่ผู้แทนผู้ประสบภัย 13 ตำบล จำนวน 1,000 ชุด

จากนั้นไปยังชุมชนบริเวณริมน้ำสะแกกรัง ซึ่งประสบปัญหาน้ำล้นตลิ่งเข้าท่วมบ้านเรือนและพื้นที่การเกษตรได้รับความเสียหาย โดยมอบถุงยังชีพเพื่อช่วยเหลือเบื้องต้น 12 ราย แล้วเดินทางต่อไปยัง จ.นครสวรรค์ เพื่อติดตามและช่วยเหลือ ผู้ประสบภัยในพื้นที่ อ.พยุหะคีรี และ อ.โกรกพระ เพื่อตรวจเยี่ยม ให้กำลังใจ ผู้ประสบภัยและมอบถุงยังชีพ 1,000 ชุด

นายวิษณุกล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม และคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีความห่วงใยประชาชนผู้ประสบปัญหาอุทกภัย ตนและคณะได้ลง พื้นที่จ.อุทัยธานี และจ.นครสวรรค์ เพื่อติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด การช่วยเหลือ ผู้ประสบภัยเป็นสิ่งที่รัฐบาลเร่งดำเนินการลำดับแรก

หลังจากนั้นเมื่อสถานการณ์คลี่คลายจะเร่งปรับปรุงระบบสาธารณูปโภค และดำเนินการเยียวยาประชาชนและภาคการเกษตรในพื้นที่ต่อไป ขอให้กำลังใจประชาชนให้สู้ต่อไป หากมีปัญหาหรือประสบความเดือดร้อนให้แจ้งต่อเจ้าหน้าที่ภาครัฐที่ใกล้ชิด เช่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และข้าราชการส่วนท้องถิ่นทันที

ชาวเรือ – ชาวบ้านต.โผงเผง อ.ป่าโมก จ.อ่างทอง ที่ได้รับความเดือดร้อนจากอุทกภัย พายเรือมาขอรับความช่วยเหลือ จากคณะของนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และนายวีระศักดิ์ วิจิตร์แสงศรี ผวจ.อ่างทอง เมื่อวันที่ 9 ต.ค.

‘อนุทิน’ไปอ่างทอง-อยุธยา

น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกฯ กล่าวว่า ตามที่พล.อ. ประยุทธ์ได้ลงพื้นที่ติดตามการแก้ไขปัญหา น้ำท่วมอย่างต่อเนื่องในพื้นที่หลายจังหวัด พร้อมมอบนโยบายให้ครม.ลงพื้นที่ติดตามการแก้ไขปัญหาพร้อมให้ความช่วยเหลือประชาชนอย่างรวดเร็วนั้น ในวันเดียวกันนี้นายอนุทิน ชาญ วีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข พร้อมคณะได้ลงพื้นที่จ.อ่างทอง และจ.พระนครศรีอยุธยา เพื่อพบปะให้กำลังใจพร้อมมอบถุงยังชีพแก่ประชาชน

โดยเริ่มจากการตรวจเยี่ยม พบปะประชาชน และลงเรือมอบถุงยังชีพที่ลานกิจกรรมใน ต.จรเข้ร้อง อ.ไชโย จ.อ่างทอง จากนั้นรับฟังรายงานภาพรวมสถานการณ์ น้ำ การดำเนินการแก้ไขปัญหาและการให้ความช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่จ.อ่างทอง โดยนายวีระศักดิ์ วิจิตร์แสงศรี ผู้ว่าฯ อ่างทอง เป็นผู้รายงาน ที่วัดพิจารณ์โสภณ ต.โผงเผง อ.ป่าโมก พร้อมพบปะและมอบถุงยังชีพแก่ประชาชนในพื้นที่ดังกล่าว

จากนั้นไปยังวัดกษัตราธิราชวรวิหาร อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา เพื่อรับฟังรายงานภาพรวมสถานการณ์น้ำ การแก้ไขปัญหาและการให้ความช่วยเหลือประชาชน โดยนายวีระชัย นาคมาศ ผู้ว่าฯ พระนครศรีอยุธยา เป็นผู้รายงาน ก่อนที่นายอนุทินเข้ากราบนมัสการพระราชธานินทราจารย์ เจ้าอาวาสวัดกษัตราธิราช และพบปะประชาชนพร้อมมอบถุงยังชีพ หลังจากนั้นไปกราบนมัสการพระพิพัฒนศาสนกิจวิธาน เจ้าอาวาสวัดท่าการ้อง และไปยังมัสยิดฟารุกอุมาร็อบนุลคอบต๊อต อัลกอดีรียะ ซึ่งอยู่ใกล้กับวัดกษัตราธิราชวรวิหาร ลงเรือเพื่อออกเยี่ยม และมอบถุงยังชีพแก่ประชาชน และไปมอบถุงยังชีพ ที่วัดไชยวัฒนาราม ก่อน เดินทางกลับกรุงเทพฯ

‘แรมโบ้’ย้ำ‘บิ๊กตู่’ไม่ยุบสภา

นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ว่า กรณีที่มีกระแสการยุบสภานั้น ยืนยันว่านายกฯ ไม่มีการยุบสภาอย่างแน่นอน และจะอยู่ครบเทอม เนื่องจากขณะนี้ประเทศได้เกิดสถานการณ์หลายอย่าง ทั้งการแพร่ระบาดเชื้อโควิด-19 สถานการณ์น้ำท่วมในหลายจังหวัด รัฐบาลกำลังแก้ไขปัญหาให้กับประชาชน เพื่อให้สถานการณ์คลี่คลายลงให้ได้

ส่วนการลงพื้นที่ของนายกฯ รองนายกฯ และรัฐมนตรี อย่างต่อเนื่องเพราะขณะนี้เกิดน้ำท่วมในหลายพื้นที่ ประชาชนได้รับความเดือดร้อนเป็นจำนวนมาก จึงเป็นหน้าที่ของนายกฯ และครม. ต้องลงพื้นที่ไปให้ความช่วยเหลือ ไม่ใช่เป็นการลงพื้นที่หาเสียง หรือเตรียมการยุบสภาเพื่อเลือกตั้งใหม่ ไม่มี นายกฯ หรือรัฐมนตรีคนใด นำความเดือดร้อนของประชาชนไปเป็นประเด็นทางการเมือง หรือนำไปหาประโยชน์ ที่ผ่านมาไม่ว่าประเทศจะเกิดสถานการณ์ใดๆ ขึ้น นายกฯ ได้ลงพื้นที่พบประชาชนอย่างต่อเนื่อง และทำมาตั้งแต่เข้ามาบริหารแผ่นดิน

“อย่าหวังว่านายกฯ จะยุบสภาก่อนครบวาระ ไม่มีแน่นอน คงเป็นแค่ฝันกลางวันหรือฝันค้างของฝ่ายค้าน ให้ระวังกระหายอยากมีอำนาจอยากเป็นรัฐบาลมากเกินไประวังอกแตกตายก่อน เพราะนายกฯ มีผลงานรัฐบาลดีวันดีคืน เลือกตั้งสมัยหน้า มีโอกาสสูงที่ฝ่ายค้านก็ยังจะรักษาความเป็นแชมป์ฝ่ายค้านได้เหมือนเดิม ไม่มีโอกาสเป็นรัฐบาลอย่างแน่นอน เพราะประชาชนส่วนใหญ่มองว่าเหมาะสมทำหน้าที่ค้านได้ดีมาก ไม่สมควรมาเป็นรัฐบาลเพราะ ผลงานและฝีมือไม่ถึง ทำหน้าที่ไม่ได้ดั่งใจประชาชน” นายเสกสกลกล่าว

‘สิระ’ฟุ้งชื่อพปชร.ยังหอมหวน

นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม. พรรค พลังประชารัฐ (พปชร.) ให้สัมภาษณ์ถึงการลงพื้นที่ในช่วงนี้ของพรรคว่า อย่าไปมองว่าเป็นสัญญาณที่จะเลือกตั้ง เพราะการลงพื้นที่น้ำท่วมในตอนนี้ถือเป็นหน้าที่ ส.ส.ในการช่วยเหลือ ดูแลประชาชนที่ได้รับความ เดือดร้อน เชื่อมั่นว่าในอนาคตอันใกล้ จะได้เห็นการลงพื้นที่คู่กันของพล.อ.ประยุทธ์ กับพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ อย่างแน่นอน

ปรากฏการณ์การย้ายพรรคของนักการเมืองในช่วงนี้ ทำให้เห็นว่าชื่อของพรรคพลังประชารัฐยังหอมหวน มีนักการเมืองจำนวนมากให้ความเชื่อมั่น ซึ่งขัดแย้งกับผลโพลที่ระบุว่าพรรคพลังประชารัฐมีคะแนนความนิยมที่ต่ำลง ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องดี ที่จะได้มีบุคคลที่มีความรู้ความสามารถเข้ามาร่วมกันทำงานเพื่อประเทศชาติ

ผู้สื่อข่าวถามถึงการเข้าร่วมงานกับพรรคของนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ในตำแหน่งที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ นายสิระกล่าวว่า นายพีระพันธุ์ถือเป็นนักการเมืองอาวุโส ที่มาจากพรรคการเมืองที่เก่าแก่ที่สุดในประเทศไทย ดังนั้นเรื่องความรู้และประสบ การณ์ของท่านย่อมเป็นผลดีต่อไปอยู่แล้ว ส่วนท่านจะเข้ามาปรับเปลี่ยนระบบภายในพรรคนั้น ตนเชื่อว่าเรื่องนี้เป็นระบบการทำงานร่วมกันของพรรค ที่มีกรรมการบริหารพรรค คงเป็นไปไม่ได้หากจะมีการเปลี่ยนแปลงจากใคร คนใดคนหนึ่งเพียงคนเดียว แต่สิ่งที่อยากฝากไปถึงท่านคือ การจะปรับเปลี่ยนอะไรในบ้านขอให้มีการพูดคุยกันภายในบ้านก่อนเอาไปพูดข้างนอก

‘จุรินทร์’ทัวร์เมืองกาญจน์

วันเดียวกัน นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ลงพื้นที่ในกิจกรรม “จุรินทร์ ออนทัวร์” ที่จ.กาญจนบุรี โดยมีนางศรีสมร รัศมีฤกษ์เศรษฐ์ ส.ส. กาญจนบุรี นายปารเมศ โพธารากุล ว่าที่ ผู้สมัครเขต 3 ต้อนรับ

นายจุรินทร์กล่าวถึงการเตรียมความพร้อมเรื่องผู้สมัครส.ส.ในภาคตะวันตกว่า 3 จังหวัดในภาคตะวันตก ประกอบด้วย นครปฐม กาญจนบุรี และราชบุรี นั้น ในทุกจังหวัดมีแกนนำรับผิดชอบแล้วอย่างชัดเจน สำหรับ จุดขายของพรรคที่จะช่วยดึงฐานเสียงเก่า และที่จะมีเพิ่มขึ้นอีกนั้น อย่างน้อยที่สุดคือ ผู้สนับสนุนพรรคเดิม ซึ่งเราเสียไปจากการเลือกตั้งครั้งที่แล้วด้วยอุบัติเหตุทางการเมือง ตนหวังว่าจะกลับมา

ขณะเดียวกันสมาชิกใหม่ๆ คนรุ่นใหม่ที่เข้ามาร่วมอุดมการณ์กับพรรคก็มีเยอะ ผู้สมัครของเราก็มีศักยภาพ เคยเป็นอดีตส.ส.ก็มี เป็นส.ส.ปัจจุบันก็มี ที่สำคัญคือลงพื้นที่ต่อเนื่องในระยะเวลาที่ผ่านมาซึ่งเป็นจุดสำคัญ สำหรับจ.กาญจนบุรีมีเป้าหมายสำคัญอย่างน้อย 3 ข้อ 1.เรื่องการเกษตร 2.การท่องเที่ยว 3.การค้าชายแดน ทั้ง 3 เรื่องนี้คือจุดที่พรรคประชาธิปัตย์จะมุ่งเน้นและให้ความสำคัญเป็นพิเศษ รวมทั้งผู้สมัครของพรรคที่จังหวัดนี้ด้วย

‘ชัยชนะ’มั่นใจยึดส.ส.เมืองคอน

ด้านนายชัยชนะ เดชเดโช ส.ส.นครศรี ธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ เปิดเผยว่า พรรคประชาธิปัตย์ได้มอบหมายให้ตนเป็นประธานในพิธีเปิดการประชุมสาขาพรรค ประชาธิปัตย์จ.นครศรีธรรมราช เขต 7 และในวันนี้ได้ทำการคัดเลือกเฉพาะตัวแทนพรรคประจำเขตการเลือกตั้ง ซึ่งที่ประชุมได้มีมติเป็นเอกฉันท์จากผู้ร่วมประชุม 80 คน รับรองให้ นายอภินันท์ เชาวลิต เป็นตัวแทนประจำเขตเลือกตั้ง เขต 7 นครศรีธรรมราช

ตนเชื่อว่าในการเลือกตั้งครั้งหน้า คาดว่า จ.นครศรีธรรมราช จะมี ส.ส.เพิ่มขึ้นมาเป็น 9 คน ขณะนี้นอกจากประชาชนมีความพึงพอใจในผลงานที่พรรคประชาธิปัตย์ได้ลงมือทำและประสบความสำเร็จแล้ว ตัวบุคคลที่ทำงานให้กับพรรคก็เป็นที่มีคุณภาพในทุกพื้นที่ จึงเชื่อมั่นว่า ในการเลือกตั้งครั้งต่อไป จะมีส.ส.ของพรรคประชาธิปัตย์ใน จ.นครศรี ธรรมราช ครบทุกเขตอย่างแน่นอน

‘ชินวรณ์’ไม่กังวลนายกฯบุกใต้

นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ ส.ส.นครศรี ธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ถึงการลงพื้นที่ของพล.อ.ประยุทธ์ ที่จ.นครศรี ธรรมราช และระบุว่าจะอยู่ต่ออีก 5 ปี ว่า เป็นเรื่องของนายกฯ ที่ท่านสามารถพูดเพื่อสร้างแรงบันดาลใจ ซึ่งเคยมีตัวอย่างมาแล้วว่าบางรัฐบาลจะขออยู่ต่ออีก 20 ปีก็มี แต่จะอยู่ได้หรือไม่นั้น อยู่ที่หลายเงื่อนไขในทางการเมืองที่จะเข้ามาเกี่ยวข้อง หรือบางรัฐบาลหลังเลือกตั้งก็พูดว่าพอแล้วก็มี

ซึ่งเป็นเรื่องที่ถือว่า นายกฯ เข้าสู่ระบบของการเป็นนักการเมืองแล้ว ท่านต้องมีสัญญากับประชาชนเวลาลง พื้นที่ ซึ่งไม่เป็นไร เพราะตนเองก็ไปต้อนรับท่านระหว่างลงพื้นที่จ.นครศรีธรรมราช เพราะถือว่าเราต้องการที่จะขับเคลื่อนพัฒนาจ.นครศรี ธรรมราชร่วมกันต่อไป

ผู้สื่อข่าวถามว่าการที่นายกฯ ลงพื้นที่ในภาคใต้ จะเป็นการพยายามดึงฐานเสียงของพรรคประชาธิปัตย์หรือไม่ นายชินวรณ์กล่าวว่า จะมองอย่างนี้ไม่ได้ เพราะนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกฯและรมว.พาณิชย์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ก็ออนทัวร์อยู่เช่นกัน เป้าหมายของแต่ละคนได้ไปเพื่อที่จะไปติดตามนโยบายในการพัฒนาประเทศ ส่วนผลพลอยได้ของแต่ละฝ่ายจะเป็นเช่นไรก็เป็นเรื่องที่ต้องติดตามต่อไป ไม่ได้หมายความว่าไปลงพื้นที่แล้วจะได้คะแนนเสียงเลย เป็นเรื่องที่ต้องวัดกันที่ผลงานและนโยบายกันต่อไป

วิปรัฐบาลเล็งรื้อไพรมารีโหวต

นายชินวรณ์กล่าวถึงการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ ในประเด็นร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ(พ.ร.ป.) หรือกฎหมายลูก ทั้งพ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.และพรรคการเมืองว่า ขณะนี้ต้องรอขั้นตอน หลังจากที่พล.อ.ประยุทธ์ นำร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ พ.ศ. … แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 83 และมาตรา 91 เรื่องระบบการเลือกตั้ง ทูลเกล้าฯ แล้วเมื่อ วันที่ 4 ต.ค. จะมีเวลาอีก 90 วันสำหรับ พระราชอำนาจวินิจฉัยว่า จะส่งกลับมาหรือไม่อย่างไร หลังจากที่มีการโปรดเกล้าฯ ลงมาแล้ว เข้าใจว่าจะมีการเตรียมการในเรื่องการเสนอ พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.และพรรค การเมือง แต่ขณะนี้อยู่ในระหว่างที่ทุกภาคการเมืองได้เตรียมความพร้อมที่จะเสนอ

ในฐานะที่ตนเป็นรองประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิป รัฐบาล) และทำเรื่องนี้มาต่อเนื่อง ได้มีการหารือบางเรื่องกับพรรคร่วมรัฐบาล โดยมีประเด็นที่เห็นตรงกันเกี่ยวกับพ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง คือจะต้องแก้ไขให้อนุวัตไปตามรัฐธรรมนูญ คือการเลือกตั้งด้วยระบบบัตรเลือกตั้ง 2 ใบและพ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมืองที่มีประเด็นที่เห็นพ้องต้องกันว่าจะต้องแก้ไขระบบการจัดทำเรื่องไพรมารีโหวต เพื่อให้มีตัวแทนจังหวัดหรือตัวแทนเขตหรือสาขาพรรคการเมือง

พปชร.เผยมีร่างกม.ลูกแล้ว

นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ให้สัมภาษณ์ว่า พรรคพลังประชารัฐมีร่างพ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส.และพรรคการเมืองไว้แล้ว แต่ต้องรอนายวิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะประธานวิปรัฐบาล หารือกับวิป 3 ฝ่ายก่อน เนื่องจากเป็นเรื่องที่มีการพิจารณาในการประชุมร่วมรัฐสภา ซึ่งในชั้นนี้ยังไม่ได้ผ่านกระบวนการภายในครบ เมื่อได้แนวทางแล้วจะมีการดำเนินการต่อไป ส่วนรายละเอียดของร่างพรรคพลังประชารัฐนั้นยังไม่อยากพูดถึง อยากให้เป็นไปตามขั้นตอน

ส่วนเรื่องไพรมารีโหวตนั้นมีการพิจารณากันไว้แล้ว แต่ต้องรอให้พูดคุยกันในวิปทั้ง 3 ฝ่ายประกอบกันด้วย เพราะการที่จะยื่นไม่ยากอยู่แล้ว ซึ่งมีประเด็นเดียวคือการแก้ไขพ.ร.ป. ว่าด้วยการเลือกตั้ง และการยื่นแก้ไขกฎหมายลูกต้องรอให้มีการโปรดเกล้าฯ หากมีการยื่นนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ก่อนโปรดเกล้าฯ รัฐธรรมนูญฉบับแก้ไขเพิ่มเติมก่อนจะเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสม

นายศุภชัย ใจสมุทร ส.ส.บัญชีรายชื่อ นายทะเบียนพรรคภูมิใจไทย(ภท.) กล่าวว่า ขณะนี้พรรคภูมิใจไทยยังไม่ได้มีร่างกฎหมายลูกสำเร็จเป็นของตัวเอง แต่กำลังศึกษาอยู่ ซึ่งต้องรอให้มีการโปรดเกล้าฯร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญผ่านไปก่อน พรรคภูมิใจไทยไม่ค่อยชอบพูด ทำงานลงพื้นที่เป็นปกติ

พท.ชงวิธีคำนวณคะแนนปี 40

ด้านนายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย (พท.) ในฐานะประธานวิปฝ่ายค้าน กล่าวว่า ในส่วนของพรรคเพื่อไทยอยู่ระหว่างที่ฝ่ายกฎหมายยกร่างแก้ไขกฎหมายลูก โดยเฉพาะเรื่องวิธีการคำนวณคะแนนเลือกตั้ง ซึ่งเรายึดตามแบบรัฐธรรมนูญปี 2540 จากนั้นจะนำร่างดังกล่าวเข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการการเมืองในสัปดาห์หน้า เพื่อให้ความเห็นชอบต่อไป

สำหรับการคำนวณวิธีนี้มีสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ปี 2540 เขียนขึ้นมา ซึ่งเราใช้วิธีการคำนวณแบบนี้ผ่านการเลือกตั้ง มาหลายครั้ง เป็นที่ยอมรับและสะท้อนความต้องการของประชาชนมากที่สุด ทำให้การเลือกตั้งเข้าใจง่าย สำคัญที่สุดคือทุกคนสามารถคำนวณคะแนนกันเองได้ คาดหมายผลการเลือกตั้งได้ง่าย ต่างจากวิธีคำนวณแบบอื่นซึ่งเข้าใจยาก ไม่เป็นผลดีและไม่โปร่งใส

หลังจากเปิดสภาสมัยสามัญในวันที่ 1 พ.ย. พรรคเพื่อไทยพร้อมยื่นร่างแก้ไขดังกล่าวต่อนายชวน หลีกภัย ประธานสภาได้ทันที เชื่อว่านายชวนจะเร่งบรรจุเป็นวาระเพราะถือเป็นเรื่องสำคัญ ซึ่งขณะนี้พรรค ร่วมรัฐบาลโดยเฉพาะพรรคพลังประชารัฐได้ประสานมาทางพรรคเพื่อไทย โดยเห็นสอดคล้องต้องกันในหลักการของพรรคเรื่องการคำนวณคะแนน และหวังให้ร่างกฎหมาย ดังกล่าวผ่านไปด้วยความราบรื่น

นายพิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์ ส.ส.บัญชี รายชื่อ รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล (ก.ก.) กล่าวว่า พรรคก้าวไกลมีร่างกฎหมายลูกของตัวเองแล้ว แต่ยังอยู่ในขั้นกลั่นกรองให้ เสร็จสิ้น ก่อนนำเข้าสู่การพิจารณาในที่ประชุม ส.ส.พรรคอีกครั้งเพื่อหาข้อสรุปว่าจะเสนอวิธีการคำนวณคะแนนส.ส.บัญชีรายชื่ออย่างไร เพื่อสะท้อนเจตนารมณ์ของผู้ออกมาใช้สิทธิให้มากที่สุด ระบบที่จะเสนอไม่ใช่ระบบจัดสรรปันส่วนผสม หรือ MMP เสียทีเดียว แต่จะถอดแนวคิดของระบบ MMPมา

‘เสี่ยโจ้’ปูดด่านมอเตอร์เวย์หึ่ง

ที่พรรคเพื่อไทย นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย แถลงถึงโครงการมอเตอร์เวย์สาย 7 กรุงเทพฯ-ชลบุรี ซึ่งเป็นด่านที่จะต้องมีระบบซีซีทีวี ระบบการบำรุงรักษาไม้กั้น ระบบอ่าน และระบบคอมพิวเตอร์ตรวจสอบว่ามีการเก็บเงินถูกต้องหรือไม่ ปรากฏว่ามีความไม่โปร่งใสในโครงการจ้างเหมาบำรุงรักษาระบบควบคุมการจัดเก็บ ค่าธรรมเนียมผ่านทางระบบอำนวยการจราจร ระบบไฟฟ้าและโครงข่ายสื่อสารข้อมูลหลักปีงบประมาณ 2565 ของสำนักมอเตอร์เวย์ กรมทางหลวง งบประมาณ 255 ล้านบาท

ปรากฏว่าเกิดเรื่องพิสดารขึ้นเมื่อบริษัทที่ชนะประมูล คือ บ.ล็อกซเลย์ฯ ยื่นมาในราคาถูกสุด คือ 239 ล้านบาทกลับไม่ได้งาน โดยนายธนศักดิ์ วงศ์ธนากิจเจริญ ผอ.สำนักมอเตอร์เวย์ มีประกาศแจ้งบ.ล็อกซเลย์ฯ ว่าบริษัทแพ้คุณสมบัติด้านเทคนิค แล้วให้ บ.4SF ชนะการประมูลแทน ซึ่งทราบว่าบริษัทดังกล่าวเป็นเจ้าพ่อใหญ่ในสำนักมอเตอร์เวย์

เมื่อรู้แล้วว่า บ.ล็อกซเลย์ฯ เสนอราคามาเท่าไร ก็เล่นแร่แปรธาตุ เหมือนเปิดถ้วยไฮโลแทง เพราะรู้ราคาก่อนแล้วไปแจ้งให้ บ.4SF ลดราคาอยู่ที่ 238.8 ล้านบาท โดยให้ถูกกว่า บ.ล็อกซเลย์แค่ 2 แสนบาท ยืนยันว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องรัฐมนตรี และอธิบดีกรมทางหลวง แต่เกี่ยวข้องกับ ผอ.สำนักมอเตอร์เวย์ ดังนั้น จะนำเรื่องนี้ไปยื่นให้นายศักดิ์สยาม และอธิบดีกรมทางหลวงตรวจสอบต่อไป

นอกจากนี้ นายศักดิ์สยามมีโนยบายจะทำโครงการ M-FLOW โดยให้รถสามารถวิ่งผ่านด่านไปได้เลยโดยไม่ต้องมีไม้กั้น แล้วค่อยไปจ่ายเงินทีหลัง แต่ต้องไปลงทะเบียนกับกรมทางหลวงไว้ก่อน ซึ่งโครงการดังกล่าวหวังแก้ปัญหารถติดหน้าด่าน แต่โครงการดังกล่าวกลับมีความล่าช้า เพิ่งเริ่มทดลองใช้งาน เป็นเพราะมีมาเฟียใหญ่ไม่อยากให้ทำโครงการนี้ เพราะหากโครงการดังกล่าวเกิดขึ้น ก็ไม่ต้องมีการประมูลระบบบำรุงรักษาโครงการอีกต่อไป

ขับ 2 ส.ส. – นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม แถลงถึงความไม่โปร่งใสในโครงการมอเตอร์เวย์สาย 7 ขณะที่ น.ส.อรุณี กาสยานนท์ โฆษกพรรคเพื่อไทย ระบุพรรคนัดประชุมเพื่อขับนายศรัณย์วุฒิ ศรัณย์เกตุ ส.ส.อุตรดิตถ์ และนางพรพิมล ธรรมสาร ส.ส.ปทุมธานี จากสมาชิกพรรค ที่พรรคเพื่อไทย เมื่อวันที่ 9 ต.ค.

พท.นัด 12 ต.ค.ลงมติขับงูเห่า

นายยุทธพงศ์ ยังแถลงกรณี 7 ส.ส.ของพรรคโหวตสวนมติพรรคในการลงมติอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคลเมื่อวันที่ 4 ก.ย.ว่า ในวันที่ 12 ต.ค. เวลา 09.30 น. กรรมการบริหารพรรค(กก.บห.) จะประชุมร่วมกันว่าจะมีมติอย่างไรกับ 7 งูเห่าที่โหวตสวนมติพรรค จากนั้นกก.บห.จะประชุมร่วมกับ ส.ส.ของพรรคในเวลา 13.00 น. หาก ส.ส.มีความผิดร้ายแรงจะต้องขับออก จึงต้องมีการประชุมร่วมกันระหว่างกก.บห.และ ส.ส.โดยใช้เสียง 3 ใน 4 ของที่ประชุม ซึ่งนอกจากขับออกจากพรรคแล้ว ยังทำให้หลุดจากการเป็น ส.ส.ด้วยหากไม่สามารถหาพรรคใหม่สังกัดได้ภายใน 30 วัน

ด้านน.ส.อรุณี กาสยานนท์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า คณะกรรมการวินัยและจริยธรรมพรรคเสนอให้ลงโทษสมาชิกพรรค 2 คน ได้แก่ นายศรัณย์วุฒิ ศรัณย์เกตุ ส.ส.อุตรดิตถ์ และนางพรพิมล ธรรมสาร ส.ส.ปทุมธานี ให้พ้นจากสมาชิกพรรคตามข้อบังคับพรรคเพื่อไทย พ.ศ.2561 เนื่องจากมีพฤติกรรมประชุมโดยไม่มีเหตุผล ตั้งใจให้ร้ายพรรคด้วยความเท็จ และมีลักษณะบ่งบอกว่าไม่ต้องการอยู่กับพรรคในการเลือกตั้งครั้งหน้า ซึ่งพรรคได้ส่งหนังสือถึง ส.ส.ทุกคน เพื่อให้องค์ประชุมครบในวันที่ 12 ต.ค.นี้ เพื่อแสดงเจตจำนงร่วมกันด้วย

พรรคเพื่อไทยมีความเป็นสถาบันการเมือง สมาชิกพรรคต้องเคารพและยึดมั่นในมติพรรคร่วมกัน เพื่อเป็นการสะท้อนหลักการเคารพซึ่งประชาธิปไตยเสียงส่วนใหญ่ การนำเหตุผลส่วนตัวและข้อจำกัดส่วนตัวเป็นข้ออ้างในการฝ่าฝืนมติพรรคในหลายๆ กรณี จึงมีความจำเป็นต้องถูกลงโทษ

กำลังใจ- พ.ต.อ. ทวี สอดส่อง เลขาธิการพรรคประชาชาติ พร้อมด้วยนายนิคม บุญวิเศษ หัวหน้าพรรคพลังปวงชน ไทย นำส.ส.ฝ่ายค้าน ลงเรือเยี่ยมผู้ประสบภัยน้ำท่วมที่ ต.จระเข้ร้อง อ.ไชโย จ.อ่างทอง เมื่อวันที่ 9 ต.ค.

ฝ่ายค้านซับน้ำตาเหยื่อน้ำท่วม

วันเดียวกัน พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง ส.ส.บัญชีรายชื่อ เลขาธิการพรรคประชาชาติ นายนิคม บุญวิเศษ ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคพลังปวงชนไทย นำส.ส.พรรคประชาชาติ จากจังหวัดชายแดนภาคใต้ พร้อมตัวแทนจากพรรคเพื่อไทย พรรคก้าวไกล ลงพื้นที่เยี่ยม ผู้ประสบภัยน้ำท่วมและมอบถุงยังชีพที่ ต.จระเข้ร้อง อ.ไชโย จ.อ่างทอง

พ.ต.อ.ทวีกล่าวว่า เหตุการณ์น้ำท่วมลักษณะนี้ทราบว่าไม่เคยเกิดขึ้นในรอบ 40 ปีที่ผ่านมา อาจเป็นความประมาทของรัฐบาล ที่ละเลยให้สันเขื่อนกันแม่น้ำเจ้าพระยาที่สร้างไว้ประมาณ 40 ปี มีสภาพชำรุดไม่ได้ปรับปรุงซ่อมแซม ถูกแรงดันน้ำเกิดระเบิดพังจนเกิดน้ำท่วมถือเป็นอุทกภัยใหญ่ใหญ่ของ ต.จระเข้ร้อง สร้างความเดือดร้อนต่อพี่น้องประชาชนทุกหย่อมหญ้า

รัฐบาลได้ใช้งบประมาณจำนวนมากจัดการปัญหาเรื่องน้ำ ทั้งงบที่เรียกว่างบประมาณแผนงานบูรณาการบริหารจัดการน้ำ ภายใต้การดูแลของสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ซึ่งขึ้นตรงต่อนายกฯ เฉลี่ยประมาณ 6 หมื่นล้านบาทในทุกๆ ปี แต่กลับขาดประสิทธิภาพ และไร้ทิศทางเพราะขาดการมีส่วนร่วมของประชาชน

ตนเป็นคน จ.อ่างทอง บ้านเกิดอยู่ อ.แสวงหา ก็ขอเป็นกำลังใจให้ นอกจากน้ำใจที่พวกเรามาแล้ว สิ่งหนึ่งที่จะได้คือข้อมูลความเดือดร้อนของ พี่น้อง จะได้นำไปขับเคลื่อนให้เกิดการฟื้นฟูเยียวยาหรือการพัฒนาต่อไป

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน