ชงศบค.เคาะ-เริ่ม16ตค.
สธ.เสนอขออนุมัติด้วย
ไขว้‘แอสตร้าฯ-ไฟเซอร์’
‘หนู’โยนท่องเที่ยวตอบ
ดึง‘ลิซ่า’มาเคานต์ดาวน์

ลดเวลาเคอร์ฟิว ‘5 ทุ่ม-ตี 3’ ชงศบค.ชุดใหญ่ต่อเวลาอีก 14 วัน ตั้งแต่วันที่ 16-31 ต.ค. ปรับระดับใหม่สีแดงเข้มเหลือ 24 จังหวัด สธ.ก็เสนอขอไฟเขียว สูตรไขว้ ‘แอสตร้า-ไฟเซอร์’ พร้อมถกมาตรการ เตรียมเปิดผับบาร์ รมว.แรงงานมอบถุงยังชีพบรรเทาเดือดร้อนชาวกรุง ‘อนุทิน’ ปัดตอบปม ‘ลิซ่า’ มาร่วมเคานต์ดาวน์ โยนให้ไปถาม รมว.การท่องเที่ยวฯ

ศบค.เผยตัวเลขป่วย-ดับ

เมื่อวันที่ 13 ต.ค. ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด 19 (ศบค.) เผยแพร่ข้อมูลสถานการณ์โควิด 19 ประจำวันว่า มีผู้ติดเชื้อใหม่ 10,064 ราย สะสม 1,740,428 ราย หายป่วย 10,988 ราย สะสม 1,615,343 ราย เสียชีวิต 82 ราย สะสม 17,917 ราย อยู่ระหว่างการรักษา 107,168 ราย อยู่ในโรงพยาบาล 39,529 ราย ร.พ.สนามและอื่นๆ 67,639 ราย มีอาการหนัก 2,941 ราย และใส่เครื่องช่วยหายใจ 669 ราย ภาพรวมผู้ติดเชื้อวันนี้มาจาก 67 จังหวัด รวมกันสูงสุด 5,924 ราย กรุงเทพฯ และปริมณฑล 2,045 ราย 4 จังหวัดภาคใต้ 1,968 ราย เรือนจำ 118 ราย และเดินทางมาจากต่างประเทศ มี 9 ราย ได้แก่ อิสราเอล 2 ราย รัสเซีย 4 ราย และกัมพูชา 3 ราย (ช่องทางธรรมชาติ 2 ราย)

ผู้เสียชีวิต 82 ราย มาจาก 33 จังหวัด ได้แก่ กทม. 14 ราย, สมุทรปราการ 9 ราย, ชลบุรี 7 ราย, นราธิวาส 5 ราย, สมุทรสาคร พัทลุง สระบุรี จังหวัดละ 4 ราย, นครศรีธรรมราช สตูล จังหวัดละ 3 ราย, ร้อยเอ็ด เพชรบูรณ์ พิษณุโลก ภูเก็ต กาญจนบุรี จังหวัดละ 2 ราย และ นครปฐม มหาสารคาม สกลนคร อุดรธานี ตาก แม่ฮ่องสอน สุราษฎร์ธานี กระบี่ ระนอง จันทบุรี นครนายก พระนครศรีอยุธยา เพชรบุรี ระยอง ราชบุรี สระแก้ว สมุทรสงคราม อ่างทอง และอุทัยธานี จังหวัดละ 1 ราย

ผู้เสียชีวิตเป็นชาย 42 ราย หญิง 40 ราย อายุ 17-92 ปี ค่ากลางอายุ 72 ปี โดยเป็นผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป 66 ราย คิดเป็นร้อยละ 81 อายุต่ำกว่า 60 ปี มีโรคเรื้อรัง 10 ราย คิดเป็นร้อยละ 12 รวม 2 กลุ่มนี้สูงถึงร้อยละ 93 อายุน้อยกว่า 60 ปีไม่มีโรคเรื้อรัง 5 ราย คิดเป็นร้อยละ 6 และพยาบาลหญิง 1 ราย จ.ระยอง อายุ 45 ปี มีโรคอ้วนและโรคความดันโลหิตสูง ได้รับวัคซีนตามเกณฑ์ที่กำหนด คิดเป็นร้อยละ 1

กทม.ยังแชมป์-น่านไร้ป่วยเพิ่ม

ภาพรวมการติดเชื้อทั่วประเทศเพิ่มขึ้นเล็กน้อย แต่ยังต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 7 วัน โดยจังหวัดที่ติดเชื้อเกิน 100 รายมี 33 จังหวัด โดย 10 อันดับที่ติดเชื้อสูงสุด ได้แก่ 1.กทม. 1,142 ราย 2.ยะลา 650 ราย 3.สงขลา 475 ราย 4.สมุทรปราการ 453 ราย 5.ชลบุรี 442 ราย 6.ปัตตานี 423 ราย 7.นราธิวาส 420 ราย 8.ระยอง 326 ราย 9.จันทบุรี 311 ราย และ 10.นครศรีธรรมราช 264 ราย

ขณะที่ติดเชื้อต่ำกว่า 20 ราย มี 18 จังหวัด ได้แก่ ร้อยเอ็ด 19 ราย, อ่างทอง 15 ราย, อุทัยธานี 15 ราย, ลำปาง 15 ราย, ลำพูน 14 ราย, อุตรดิตถ์ 14 ราย, อำนาจเจริญ 14 ราย, สกลนคร 10 ราย, ชัยนาท 9 ราย, สิงห์บุรี 9 ราย, ยโสธร 7 ราย, หนองคาย 6 ราย, พะเยา 4 ราย, บึงกาฬ 4 ราย, นครพนม 3 ราย, แพร่ 2 ราย, มุกดาหาร 1 ราย, และน่าน 0 ราย

สำหรับการฉีดวัคซีนโควิด 19 วันที่ 12 ต.ค. ฉีดเพิ่มขึ้น 962,558 โดส สะสม 61,995,809 โดส แบ่งเป็นเข็มแรก 35,895,984 ราย คิดเป็น ร้อยละ 49.8 ของประชากร เข็มสอง 24,282,686 ราย คิดเป็นร้อยละ 33.7 และเข็มสาม 1,817,139 ราย คิดเป็นร้อยละ 2.5

ฉีดไฟเซอร์ – น.ร.โรงเรียนเทพศิรินทร์คลองสิบสาม ต.บึงคอไห อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี จำนวน 740 คน รอฉีดวัคซีนไฟเซอร์เข็มแรกเพื่อเตรียมพร้อมเปิดภาคเรียนตามกำหนดวันที่ 1 พ.ย. มีผู้ปกครองมาดูแลอย่างใกล้ชิด เมื่อวันที่ 13 ต.ค.

ชงเลื่อนเคอร์ฟิว

ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.สุพจน์ มาลานิยม เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศปก.ศบค.) เปิดเผยว่า ในการประชุมศบค.ชุดใหญ่วันที่ 14 ต.ค. จะเสนอให้พิจารณามาตรการเปิดประเทศ รวมถึงมาตรการด้านสาธารณสุข และการผ่อนคลายบางกิจการกิจกรรม ขณะนี้ยังไม่มีข้อกังวลใดๆ จากกระทรวงสาธารณสุข

รายงานแจ้งว่า ในวันที่ 14 ต.ค. เวลา 10.00 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ในฐานะผอ.ศบค. จะเป็นประธานการประชุมศบค.ชุดใหญ่ ประเมินสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 หลังจากผ่อนคลายและปรับมาตรการกิจการกิจกรรมต่างๆ มาครบ 14 วัน ศปก.ศบค. จะเสนอให้ที่ประชุมพิจารณาผ่อนคลายเพิ่มเติม รวมถึงพิจารณาปรับระดับสีใหม่ให้เป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด หรือสีแดงเข้ม เหลือ 24 จังหวัด พื้นที่ควบคุมสูงสุด หรือสีแดง 29 จังหวัด และพื้นที่ควบคุม หรือสีส้ม 24 จังหวัด

พร้อมกันนี้จะเสนอให้พิจารณาเกี่ยวกับการเดินทางออกนอกเคหสถาน หรือ เคอร์ฟิว โดยเสนอให้ขยับเวลาจากเดิม 22.00-04.00 น. ของวันรุ่งขึ้น เป็น 23.00 น.-03.00 น. ของวันรุ่งขึ้น ไปอีก 14 วัน ตั้งแต่วันที่ 16-31 ต.ค. ส่วนกิจการกิจกรรมในพื้นที่สีแดงเข้มจะเสนอ ให้ผ่อนคลายและปรับมาตรการ ให้สามารถจัดการประชุมรวมถึงงานประเพณีในศูนย์แสดง สินค้า ศูนย์ประชุม หรือสถานที่จัดนิทรรศการ และสถานที่ลักษณะเดียวกันในห้างสรรพสินค้า หรือโรงแรมได้ โดยปรับจำนวนการรวมกลุ่มคน ตามระดับพื้นที่สี

เตรียมพร้อมเปิดผับบาร์

พื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด ห้ามจัดกิจกรรมรวมคนมากกว่า 50 คน พื้นที่ควบคุมสูงสุด ห้ามจัดกิจกรรมรวมคนมากกว่า 100 คน พื้นที่ควบคุม ห้ามจัดกิจกรรมรวมคนมากกว่า 200 คน พื้นที่เฝ้าระวังระวังสูง ห้ามจัดกิจกรรมรวมคนมากกว่า 300 คน และพื้นที่เฝ้าระวัง ห้ามจัดกิจกรรมรวมคนมากกว่า 500 คน รวมถึงให้เปิดสถานดูแลผู้สูงอายุ แบบไป-กลับ แต่ต้องได้รับการพิจารณาอนุญาต จากคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด หรือคณะกรรมการโรคติดต่อกรุงเทพมหานคร กิจการกิจกรรมที่จะปรับมาตรการในครั้งนี้ ให้เปิดดำเนินการได้ไม่เกินเวลา 22.00 น.

นอกจากนี้จะเสนอให้ที่ประชุมศบค.พิจารณาแนวทางการเปิดประเทศเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวในกลุ่มประเทศที่มีความเสี่ยงต่ำ 10 ประเทศ แบบไม่ต้องกักตัว พิจารณาปัจจัยหลักคือ จำนวนผู้ติดเชื้อของแต่ละประเทศ ขณะที่กระทรวงสาธารณสุขเตรียมเสนอให้ ศบค.พิจารณาสูตรฉีดวัคซีนแบบไขว้ คือฉีดแอสตร้าเซนเนก้าตามด้วยไฟเซอร์ นอกจากนี้ จะเสนอให้ที่ประชุมพิจารณามาตรการแนวทาง การเตรียมความพร้อมด้านต่างๆ รองรับการเปิดประเทศให้นักท่องเที่ยวเข้ามาในวันที่ 1 พ.ย. รวมถึงความพร้อมด้านต่างๆ ก่อนที่จะอนุญาต เปิดสถานบันเทิงให้ดื่มกินได้วันที่ 1 ธ.ค. โดยข้อเสนอต่างๆ จะชัดเจนอย่างไรให้รอมติที่ประชุมศบค.ชุดใหญ่วันที่ 14 ต.ค.

อย่างง‘บิ๊กตู่’เปิดประเทศ

นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกฯ และรมว.พลังงาน ให้สัมภาษณ์ถึงการเดินหน้าเปิดประเทศว่า ทุกภาคส่วนต้องมาหารือพูดคุยกัน โดยเฉพาะประชาชนต้องมีการ เตรียมความพร้อม รัฐบาลพร้อมให้การสนับสนุนอยู่แล้ว ยืนยันการออกแถลงการณ์เปิดประเทศของ พล.อ.ประยุทธ์ไม่มีอะไร ที่จะต้องงุนงง เพราะมีแผนการและขั้นตอนรองรับที่สำคัญจะใช้ภูเก็ตโมเดลเป็นต้นแบบ เมื่อถึงเวลาหนึ่งรัฐบาลพร้อมให้ความสนับสนุน และชี้แจงทำความเข้าใจกับประชาชน หากมีความกังวลเรื่องการฉีดวัคซีนที่ยังไม่ทั่วถึงต้องมีมาตรการต่างๆ มารองรับอยู่แล้ว รัฐบาลตั้งเป้าเรื่องการเปิดประเทศไว้ ดังนั้นทุกภาคส่วนต้องไปทำการบ้านโดยจะต้องได้รับ ความร่วมมือจากทุกฝ่ายเพราะรัฐบาลทำคนเดียวไม่ได้

เมื่อถามว่าจะมีการเพิ่มประเทศที่มีความเสี่ยงต่ำในการเดินทางเข้าประเทศไทย นอกจาก 10 ประเทศ นายสุพัฒนพงษ์กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับ กระทรวงสาธารณสุขจะพิจารณา การประชุมศบค. ชุดใหญ่ในวันที่ 14 ต.ค. จะมีความคืบหน้า

ผู้สื่อข่าวถามถึงการจัดกิจกรรมเคานต์ดาวน์ ปีใหม่ ครั้งนี้จัดได้หรือไม่ นายสุพัฒนพงษ์กล่าวว่า ในเบื้องต้นได้เตรียมการไว้ในพื้นที่ จ.ภูเก็ต จะสามารถจัดกิจกรรมเคานต์ดาวน์ในช่วงปีใหม่ได้ และหากพื้นที่ไหนมีความพร้อมก็สามารถเสนอขึ้นมาได้ เนื่องจากภาคเอกชนไทยมีศักยภาพ ที่สำคัญทุกฝ่ายต้องหารือกัน เพราะต้องเดินหน้าเศรษฐกิจควบคู่กับความปลอดภัยด้านสาธารณสุขไปพร้อมกัน

‘อนุทิน’ปัดตอบปม‘ลิซ่า’

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และรมว.สาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีกระทรวง การท่องเที่ยวและกีฬาโดย สำนักงานการ ท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยมีแผนดึงตัว ลิซ่า แบล็กพิงก์ หรือ ลลิษา มโนบาล ศิลปินระดับโลก ชาวไทยมาร่วมงานเคานต์ดาวน์ ปีใหม่ 2022 ที่ จ.ภูเก็ต ว่า ให้ถามรมว.ท่องเที่ยว เพราะยังไม่ได้พูดคุยถึงเรื่องดังกล่าว เมื่อถามว่า เห็นด้วยหรือไม่ที่จะเชิญศิลปินระดับโลก มาร่วมงาน เคานต์ดาวน์ ปีใหม่ นายอนุทินกล่าวว่า ก็ดี เพราะเขาเป็นคนไทยและรัก บ้านเมือง เป็นคนจังหวัดบุรีรัมย์ แต่ทุกอย่างเราต้องให้เกียรติเขาเพราะเขาเป็นศิลปินระดับโลกแล้ว เขาต้องชื่นชอบประเทศไทย

เมื่อถามว่ามั่นใจใช่หรือไม่ว่าในสิ้นปีนี้ประเทศไทยจะสามารถจัดงานเคานต์ดาวน์ ปีใหม่ได้ นายอนุทิน กล่าวว่า จะทำให้ดีที่สุด และขึ้นอยู่กับสถานการณ์ แต่ต้องร่วมมือกันทุกฝ่าย หากเราเริ่มผ่อนคลายมาตรการจะต้องได้รับความร่วมมือ จากประชาชนด้วย ดังนั้นขอให้อยู่ในข้อกำหนดที่รัฐบาลประกาศไว้ เพื่อ ลดความสุ่มเสี่ยงต่างๆ

ส่วนการจัดงานเคานต์ดาวน์ ปีใหม่ จะเกิดขึ้น ที่ใด ระหว่างภูเก็ต เขาใหญ่ กรุงเทพฯ หรือที่อื่น นายอนุทินกล่าวว่า ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ในอนาคต หากสถานการณ์ไม่เร็วร้ายและได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากประชาชน พร้อมกับสามารถควบคุมสถานการณ์ต่างๆ ได้ เราจะทำอะไรก็ได้จึงต้องช่วยกันรัฐบาลไม่มีคำว่าดีเลย์ มีแต่ไปเร็วกว่าที่วางแผนไว้ ไม่ใช่ว่าจะยึดอยู่ที่ไทม์ไลน์อย่างเดียว เราต้องปรับไปตามสถานการณ์เพื่อความเหมาะสม และคิดถึงเรื่องความปลอดภัยของประชาชนเป็นหลัก

แรงงานมอบถุงยังชีพให้กทม.

ที่กระทรวงแรงงาน นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน นำคณะที่ปรึกษา และผู้บริหารกระทรวงแรงงาน มอบถุงยังชีพ จำนวน 10,000 ชุด ให้นายศักดิ์ชัย บุญมา รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) และกองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) นำไปช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อนผู้ใช้แรงงานและประชาชนในพื้นที่กรุงเทพมหานครที่เผชิญสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ถวายเป็นพระราชกุศล เนื่องในวันคล้ายวันสวรรคต พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร

“ในวันนี้กระทรวงแรงงานจัดกิจกรรมมอบถุงยังชีพ จำนวน 10,000 ชุด ถวายเป็นพระราชกุศล ช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ซึ่งเป็นเครื่องอุปโภคบริโภค ข้าวสารอาหารแห้งที่ได้รับการสนับสนุนจากภาคเอกชนนำมาบรรจุใส่ถุงยังชีพ เพื่อให้ กทม.และ บช.น.นำไปแจกจ่ายให้แก่พี่น้องผู้ใช้แรงงานและประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ในชุมชนพื้นที่ต่างๆ อย่างทั่วถึง เป็นการบรรเทาความเดือดร้อนในเบื้องต้น ด้านอาหารและช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายในครัวเรือน และให้สามารถก้าวข้ามสถานการณ์นี้ไปด้วยกัน” นายสุชาติกล่าว

สามหมอก-โคราชเข้มท่องเที่ยว

นายชนก มากพันธุ์ รองผวจ.แม่ฮ่องสอน เป็นประธานการประชุมพิจารณามาตรการการป้องกันควบคุมโรคติดเชื้อโควิด-19 เตรียม ความพร้อมให้เป็นจังหวัดนำร่องด้านการ ท่องเที่ยว ที่ห้องประชุมสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดแม่ฮ่องสอน ผลการประชุมเบื้องต้นสรุปว่า ผู้เดินทางเข้า จ.แม่ฮ่องสอนทุกคนต้องสแกนคิวอาร์โค้ด เพื่อกรอกข้อมูลผ่านแอพพลิเคชั่น “สวัสดีแม่ฮ่องสอน” ผู้มาจากจังหวัด ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด (สีแดงเข้ม) 29 จังหวัด ต้องกักตัว 14 วัน ยกเว้นผู้ที่ได้รับวัคซีน ครบโดสเป็นเวลาไม่น้อยกว่า 14 วัน หากยังไม่ได้รับวัคซีน หรือได้รับวัคซีนไม่ครบโดส ต้องผ่านการตรวจเอทีเคจากโรงพยาบาลหรือคลินิก ซึ่งมีผลเป็นลบไม่เกินกว่า 72 ชั่วโมง

นายวิเชียร จันทรโณทัย ผวจ.นครราชสีมา ประธานคณะกรรมการป้องกันโรคติดต่อจังหวัดนครราชสีมา เผยว่า การแถลงการณ์ของนายกฯ ชัดเจนในการเปิดประเทศ การเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวของชาวต่างชาติ ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย. โดยไม่มีการกักตัว แต่จังหวัดนครราชสีมายังต้องเข้มงวดในการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ถือความปลอดภัย ของประชาชนเป็นเรื่องสำคัญ ผู้ที่เดินทางเข้ามายังพื้นที่ต้องได้รับการฉีดวัคซีนแล้ว 2 เข็ม ขึ้นไป มีผลการตรวจเอทีเค หรือพีซีอาร์ ไม่น้อยกว่า 72 ชั่วโมง จังหวัดนครราชสีมาก็ยังมีการกำหนดอย่างเคร่งครัดตามมาตรการ ส่วนการนั่งดื่มเครื่องดื่มที่ผสมแอลกอฮอล์ ในร้าน สถานบันเทิง ต้องมีการประชุมหารือร่วมกับหน่วยงานต่างๆ เพื่อให้โคราชมีความปลอดภัยทั้งปัจจุบันและในอนาคต

เมืองคอนจ่อเลื่อนเปิดเทอม

นายไกรศร วิศิษฐ์วงศ์ ผวจ.นครศรีธรรมราช เผยว่า ยังไม่มั่นใจว่า ในวันที่ 1 พ.ย.จะเปิดภาคเรียนตามปกติได้หรือไม่ เนื่องจากในพื้นที่ยังมีการแพร่ระบาดในวงกว้าง เบื้องต้นจะมีการตั้งมาตรการและการเตรียมแผนความพร้อมในการเปิดเรียนตามระบบของกระทรวง ศึกษาธิการสำหรับโรงเรียนที่จะเปิดให้ไป ทำมาเสนอต่อที่ประชุมโรคติดต่อจังหวัด ในวันที่ 26 ต.ค.นี้ หรือก่อนการเปิด 1 อาทิตย์ คณะกรรมการโรคติดต่อจะประเมินว่า โรงเรียนนั้นๆ จะสามารถทำตามแผนความพร้อมได้หรือไม่ หากโรงเรียนใดไม่ผ่านการประเมินต้องเลื่อนการเปิดไปอีก 1 สัปดาห์

ส่วนจำนวนผู้ติดเชื้อในช่วงสองสัปดาห์ ที่ผ่านมาตัวเลขค่อนข้างสูง กำลังดูว่าเป็นช่วงพีกสุดหรือยัง เพราะตัวเลขที่สูงเนื่องจากมีการตรวจเชิงรุก เมื่อพบ 1 จะรีบตรวจกลุ่มเสี่ยงบวกอีก 50 ทำให้ตัวเลขค่อนข้างสูง แต่ดำเนินการตามระบบอย่างเต็มที่ กำชับ และบังคับใช้ทุกมาตรการอย่างเคร่งครัดไปยังเจ้าหน้าที่ฝ่ายควบคุมโรค ฝ่ายปกครอง ตำรวจ ท้องถิ่น และ กอ.รมน. เพื่อให้คุมเข้มการบังคับใช้มาตรการเพิ่มขึ้น พร้อมทั้งได้เร่งดำเนินการใน 3 เรื่อง คือ การเร่งค้นหาคนติดเชื้อให้เข้าระบบสู่การรักษา และรักษาตัวให้มีการกำชับและบังคับใช้ทุกมาตรการอย่างเคร่งครัดไปยังเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายให้คุมเข้ม การบังคับใช้มาตรการเพิ่มขึ้น

สงขลา-ปัตตานีเชื้อยังลาม

นายเจษฎา จิตรัตน์ ผวจ.สงขลา เปิดเผยว่า สถานการณ์การติดเชื้อโควิดยังสูง การขับเคลื่อน โครงการ “หาดใหญ่ แซนด์บ็อกซ์ พลัส” เตรียมความพร้อมไว้หลายด้าน เพื่อให้สามารถ เปิดพื้นที่เมืองหาดใหญ่ เป็นพื้นที่ทดสอบ สำหรับการออกแบบนโยบายการเปิดเมืองของรัฐบาลจะเสนอไปยังรัฐบาลขอรับการสนับสนุนวัคซีน 250,000 โดส ให้หาดใหญ่ แซนด์บ็อกซ์ พลัส และชุดตรวจเอทีเค 170,000 ชุด รองรับประชาชนที่จะเดินทางเข้ามา จัดตั้ง ศูนย์ตรวจเพิ่มขึ้นใน อ.หาดใหญ่ เพื่อให้เข้าถึง ง่ายและรวดเร็ว

ด้าน จ.ปัตตานี ยอดตัวเลขผู้ติดเชื้อ รายใหม่ล่าสุด อยู่ในอันดับ 1 ของ 4 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ล่าสุดนพ.อนุรักษ์ สารภาพ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดปัตตานี เผยว่า สาเหตุน่าจะมาจากมาตรการการผ่อนคลายของ ศบค. ทำให้ภาพของจังหวัดที่มีการระบาดถูกผ่อนคลายไปด้วย แต่ทั้งนี้ก็ต้อง อยู่ที่คณะกรรมการควบคุมโรคติดต่อของจังหวัด ที่ต้องมีมาตรการ ที่เข้มกว่า ศบค. โดยจะต้องนำมาตรการของ ศบค.มาปรับ และทบทวนให้มีความเข้มขึ้นกว่า ศบค.กำหนด โดยเฉพาะในเรื่องของมาตรการ ในเรื่องของร้านอาหาร ตลาด มัสยิด ร้านน้ำชา และในชุมชนที่มีการระบาดอย่างต่อเนื่อง เราอาจจะต้องเข้มงวดกว่านี้

ปทุมเร่งฉีดไฟเซอร์น.ร.

บุคลากรทางการแพทย์โรงพยาบาลลำลูกกา พร้อมด้วย อสม. จำนวน 30 คนลงพื้นที่โรงเรียนเทพศิรินทร์คลองสิบสาม ต.บึงคอไห อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี เพื่อฉีดวัคซีนไฟเซอร์เข็มแรก ให้แก่นักเรียนชาย และหญิงอายุ 12-18 ปี จำนวน 740 คน กลุ่มเป้าหมายให้วัคซีน สำหรับการเข้าฉีดวัคซีนในครั้งนี้ได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากสำนักงานการศึกษา ผู้ปกครองของเด็กนักเรียน รวมทั้งผู้บริหารโรงเรียน และคณะครู

นายพิษณุ เดชใด ผู้อำนวยการโรงเรียนเทพศิรินทร์คลองสิบสาม ปทุมธานี กล่าวว่า วันนี้ทางเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลลำลูกกา ฉีดวัคซีนไฟเซอร์เข็มแรกให้กับนักเรียนเพื่อเตรียมการในเรื่องการเปิดภาคเรียน มีปกครองของเด็กนักเรียนมาดูแลลูกหลานอย่างใกล้ชิด โดยเข็มสอง จะมีการฉีดในวันที่ 2 พ.ย.นี้ เท่าที่ สังเกตดูแล้วเด็กๆ มีกำลังใจดี พร้อมฉีดวัคซีนเพื่อจะได้เจอเพื่อนๆ และเปิดเรียนในเดือนพ.ย.นี้

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน