ศธ.สรุป‘วาดหวัง’
นิทานสำหรับเด็ก
ห่วงเนื้อหา5เล่ม

ศธ.แถลงผลตรวจสอบ ‘วาดหวัง’ หนังสือนิทานชุด เด็กอายุ 5-12 ปี หลังถูกกระแสสังคมวิพากษ์วิจารณ์ ชี้ไม่ได้ตัดสิน แต่อิงมุมมองวิชาการ และกฎหมาย พบ 3 เล่ม ภาพ-เนื้อหาดี มีประโยชน์ สนับสนุนให้ผู้ปกครองนำไปใช้สอนและปลูกฝังเด็กได้ ส่วนอีก 5 เล่ม ‘จ.จิตร’, ‘10 ราษฎร’, ‘แม่หมิมไปไหน?’, ‘เป็ดน้อย’ และ ‘เสียงร้องของผองนก’ เข้าข่ายควรระวัง เนื้อหาส่อความรุนแรง หาจุดที่เหมาะสมไม่ได้ หวั่นเป็นภาพจำตลอดชีวิต ชงผลสอบให้ รมว.ศธ. นำเข้าครม. ก่อนสรุปให้สพฐ.พิจารณาเลือกให้เป็นตำราเรียน รวมทั้งเสนอหน่วยงานความมั่นคง-ดิจิทัล ต่อไป

เมื่อวันที่ 14 ต.ค. ที่กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) นายภูมิสรรค์ เสนีวงศ์ ณ อยุธยา ที่ปรึกษารัฐมนตรีและประธานคณะกรรมการยุทธ ศาสตร์ เเละนโยบาย รมช.ศึกษาธิการ และนางดรุณวรรณ ชาญพิพัฒนชัย โฆษกประจำตัว รมช.ศึกษาธิการ แถลงสรุปความคืบหน้าการดำเนินงานของคณะทำงานชุดเฉพาะกิจตรวจสอบหนังสือการ์ตูนนิทาน (วาดหวัง) ที่อาจมีเนื้อหาเข้าข่ายปลุกระดมเยาวชน ที่แต่งตั้งโดย คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช รมช.ศึกษาธิการ

นางดรุณวรรณกล่าวว่า คณะทำงานชุด เฉพาะกิจฯ ตรวจสอบ แต่ไม่ได้ตัดสิน เนื่องจาก ศธ.ได้รับข้อร้องเรียนจากหลายฝ่ายที่มีข้อห่วงใยในนิทานชุดนี้ อีกทั้ง ศธ.มีหน้าที่รับผิดชอบดูแลเยาวชน และหนังสือชุดนี้เขียนไว้ชัดเจนว่าจำหน่ายให้ผู้ที่มีอายุ 5-12 ปี ซึ่งการทำงานครั้งนี้ไม่มีอคติใดๆ เป็นเพียงมุมมองทางวิชาการ เชิงกฎหมาย พร้อมกับมีข้อเสนอแนะให้ด้วย ซึ่งมุมมองวิชาการมาจากผู้เชี่ยวชาญเด็กและเยาวชน โดยมี นพ. สุริยเดว ทรีปาตี ผู้อำนวยการศูนย์คุณธรรม เป็นที่ปรึกษาคณะทำงานชุดเฉพาะกิจด้วย โดยคำนิยามสำหรับเด็ก 0-6 ปี ไม่สามารถแยกแยะระหว่างโลกจินตนาการและโลกความเป็นจริงได้ ดังนั้นอะไรก็ตามที่มีความสุ่มเสี่ยง ทำให้เด็กเกิดจินตนาการไปในทิศทางที่อาจจะทำให้เข้าใจผิด หรือท้ายที่สุดอาจจะนำไปสู่ความรุนแรงในอนาคตได้

นางดรุณวรรณ กล่าวว่า จากหนังสือ 8 เล่ม นพ.สุริยเดว ให้ความคิดเห็นทางวิชาการ ดังนี้ คณะทำงานชุดเฉพาะกิจฯ พบว่าหนังสือ 3 ใน 8 เล่ม คือ เรื่อง “ตัวไหนไม่มีหัว”, “เด็กๆมีความฝัน” และ “แค็ก! แค็ก! มังกรไฟ” เป็นหนังสือที่ดีและมีประโยชน์ มีภาพ เนื้อหา ข้อสรุปที่ดี น่าชื่นชม ซึ่งสถานศึกษา ผู้ปกครอง เด็ก และเยาวชนนำไปใช้ได้ เช่น เรื่องตัวไหนไม่มีหัว หนังสือเสนอว่า พยัญชนะทุกตัวมีความสำคัญไม่น้อยไปกว่ากัน สอนว่าคนทุกคนมีความเท่าเทียมกัน และการเคารพความแตกต่างกันและกัน ส่วนเรื่องมังกรไฟ ให้ความรู้เรื่องไฟป่า ทำให้เยาวชนตระหนักรู้ถึงปัญหาไฟป่า ส่วนหนังสือเรื่อง เด็กทุกคนมีความฝัน หนังสือแสดงให้เห็นว่า ทุกคนมีความฝันถึงเสรีภาพ การใช้ชีวิตที่ปกติที่เราจะมีความฝันร่วมกัน แม้จะมีบางส่วนของเนื้อหาที่มีภาพสะท้อนของเด็กที่มีมุมมองทางเมืองที่แตกต่างจากกลุ่มอื่น เช่น นายเนติวิทย์ โชติภัทร์ไพศาล อดีตประธานสภานิสิตจุฬา ลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่แสดงความคิดเห็นไว้ในหนังสือเล่มนี้ ก็เป็นความคิดเห็นที่ไม่ได้เลวร้าย ดังนั้นในมุมมองของนักวิชาการมองว่า หนังสือทั้ง 3 เล่ม ดีและมีประโยชน์ สนับสนุนให้ผู้ปกครองนำไปใช้สอน ปลูกฝังแง่มุมที่ดีและมีประโยชน์กับเด็กต่อไป

“ส่วนหนังสืออีก 5 เล่ม คือ “จ.จิตร”, “10 ราษฎร, “แม่หมิมไปไหน?”, “เป็ดน้อย” และ “เสียงร้องของผองนก” ทางนักวิชาการให้ความเห็นว่า มีข้อควรระวังหลายเรื่อง เนื้อหาหลายอันที่ส่อความรุนแรง ที่สำคัญคือ หาจุดที่เหมาะสมสำหรับเด็กไม่ได้ ลักษณะบางเล่มไม่มีคำพูด เป็นการเล่าด้วยภาพอย่างเดียว ซึ่งเด็กจะจำภาพนั้นไปตลอดชีวิต เพราะเด็กไม่สามารถตัดสินอะไรได้ เด็กไม่ได้อยู่โลกความเป็นจริง จะอยู่ในโลกจินตนาการ ซึ่งเด็กจะเกิดจินตนาการนำไปสู่การลอกเลียนแบบได้ ซึ่งแพทย์เป็นห่วงเรื่องนี้มาก เพราะเด็กยังไม่สามารถแยกแยะสิ่งเหล่านี้ได้ ดังนั้นเมื่อหนังสือ 5 เล่ม ไม่มีจุดที่เหมาะสมกับเด็ก สิ่งที่เป็นข้อกังวลของแพทย์คือ หนังสือเหล่านี้อาจบ่มเพาะความรู้สึกรุนแรง ที่อาจปลูกฝังเยาวชนในอนาคตได้ ดังนั้นในมุมมองของแพทย์ยังมีความไม่สบายใจ จึงควรระวังในการนำไปใช้ด้วย” นางดรุณวรรณกล่าว

ด้านนายภูมิสรรค์กล่าวว่า ความขัดแย้งทั่วโลกถือเป็นเรื่องปกติ แต่เราต้องแก้ไขด้วยการสร้างพลังบวก เพื่อนำไปสู่การแก้ไขปัญหาด้วยสันติวิธีไม่ใช่ความรุนแรง ซึ่งคุณหญิงกัลยาให้ความสำคัญตรงนี้มาก การทำงานของคณะทำงานชุดเฉพาะกิจฯ มีจุดประสงค์เพื่อช่วยตรวจสอบสิ่งที่สังคมกำลังมีความขัดแย้งทั้งในปัจจุบันและในอนาคต และศธ. มีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรงในการปกป้องเด็กและเยาวชน

“ข้อสรุปที่ได้ในวันนี้ จะจัดทำข้อเสนอให้ น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รมว.ศึกษาธิการ และและคุณหญิงกัลยา พิจารณาเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ต่อไป พร้อมกับนำข้อสรุปให้ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) เพื่อให้ สพฐ. นำข้อสรุปพิจารณาเลือกหนังสือเข้าโรงเรียน และเสนอหน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้วย ไม่ว่าจะเป็นหน่วยงานความมั่นคง หน่วยงานด้านดิจิทัลต่อไป เราทำหน้าที่ตรวจสอบเท่านั้น ส่วนหน่วยงานอื่นจะนำข้อสรุปนี้ไปตัดสินใจในทิศทางไหน เป็นอำนาจหน้าที่ของหน่วยงานนั้นว่าจะทำการระงับการขายหนังสือ หรือไม่ ส่วนจะขยายผลไปตรวจสอบหนังสืออื่นๆ หรือไม่ คงไม่ทำเช่นนั้น เพราะประเทศเป็นประชาธิปไตย แต่ถ้าในสังคมมีข้อพิพาทเกิดขึ้นในทุกๆ เรื่อง เป็นหน้าที่ของรัฐในการตรวจสอบอย่างมีวุฒิภาวะ และตรวจสอบตามหลักวิชาการต่อไป” นายภูมิสรรค์กล่าว

วาดหวัง – นางดรุณวรรณ ชาญพิพัฒนชัย โฆษกประจำตัวรมช.ศึกษาธิการ และ นายภูมิสรรค์ เสนีวงศ์ ณ อยุธยา ที่ปรึกษารมต. แถลงผลตรวจสอบหนังสือการ์ตูนนิทานชุด ‘วาดหวัง’ โดยอ้างมุมมองแพทย์ด้านเด็ก ระบุ 3 เล่มเนื้อหาดี มีประโยชน์ ส่วนอีก 5 เล่มมีเนื้อหาส่อความรุนแรง ที่กระทรวงศึกษาธิการ เมื่อวันที่ 14 ต.ค.

 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน