ป้อมอ้างดื้อๆไม่รู้โดนไล่
‘ศรัณย์วุฒิ’ โต้ซบพปชร.
‘ปู’ส่งถุงน้ำใจ-ช่วยท่วม

‘บิ๊กตู่’ ไม่โกรธ โดน โซเชี่ยลรุมด่า ลงพื้นที่ตรวจน้ำท่วม อ้อนฝากหัวใจไว้กับชาวอุบลฯ ขอให้สู้ไปด้วยกัน ตำรวจตรึงสกัดม็อบต้าน ไม่วายเจอ 2 นักศึกษาตะโกนด่า ‘บิ๊กป้อม’ ปัดไม่เห็นม็อบไล่ที่ขอนแก่น ‘ธรรมนัส’ ลงพื้นที่นนทบุรี ยันไม่ได้วัดพลังการเมือง เลี่ยงตอบพปชร. เสนอใครเป็นนายกฯ ‘ยิ่งลักษณ์’ ส่งถุงน้ำใจ ช่วยผู้ประสบน้ำท่วมสิงห์บุรี-พิจิตร ปชป. เปิดตัว ‘เมธี ลาบานูน’ นักร้องดัง ลงชิงส.ส.นราธิวาส ‘ศรัณย์วุฒิ’ แถลงยันไม่ได้เป็นงูเห่าเพื่อไทย จ่อซบพรรคพลังธรรมใหม่

‘บิ๊กตู่’ไปอุบลฯ-พปชร.รับพรึบ

เมื่อเวลา 08.00 น. วันที่ 15 ต.ค. ที่ท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 (บน.6) ดอนเมือง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ออกเดินทางไปยังท่าอากาศยานทหารกองบิน 21 อ.เมือง จ.อุบลราชธานี เพื่อตรวจราชการ โดยมีคณะรัฐมนตรี (ครม.) ร่วมคณะ ประกอบด้วย นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พลังงาน นายอนุชา นาคาศัย รมต.ประจำสำนักนายกฯ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม น.ส. ตรีนุช เทียนทอง รมว.ศึกษาธิการ นางกนกวรรณ วิลาวัลย์ รมช.ศึกษาธิการ นายอธิรัฐ รัตนเศรษฐ รมช.คมนาคม และนายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย

ส่วนในพื้นที่ นายไผ่ ลิกค์ ส.ส.กำแพงเพชร รองเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) นำส.ส.ของพรรคร่วมต้อนรับ อาทิ นาย ธนะสิทธิ์ โควสุรัตน์ ส.ส.อุบลราชธานี นายสุพล ฟองงาม ส.ส.บัญชีรายชื่อ นายณัฏฐพล จรัสรพีพงษ์ ส.ส.สุรินทร์ นายสัญญา นิลสุพรรณ ส.ส.นครสวรรค์ นายมานัส อ่อนอ้าย ส.ส.พิษณุโลก นายพรชัย อินทร์สุข ส.ส.พิจิตร นายภูดิท อินสุวรรณ์ ส.ส.พิจิตร นายสุรชาติ ศรีบุศกร ส.ส.พิจิตร นายจิรเดช ศรีวิราช ส.ส.พะเยา นายภาคภูมิ บูลย์ประมุข ส.ส.ลำปาง นายวัฒนา สิทธิวัง ส.ส.ลำปาง นายเชิงชัย ชาลีรินทร์ ส.ส.ชัยภูมิ นายสัมฤทธิ์ แทนทรัพย์ ส.ส.ชัยภูมิ นายอรุณ สวัสดี ส.ส.สงขลา รวมทั้ง นายสมัคร ป้อมวงษ์ ส.ส.สมุทรสาคร พรรคชาติพัฒนา (ชพน.)

โอดโซเชี่ยลรุมด่าแต่ไม่โกรธ

เวลา 10.40 น. พล.อ.ประยุทธ์พร้อมคณะ เดินทางถึงวัดป่าศรีแสงธรรม ต.ห้วยยาง อ.โขงเจียม เพื่อตรวจเยี่ยมแหล่งเรียนรู้พลังงานทดแทนโคกอีโด่ยวัลเล่ย์ ที่โรงเรียนศรีแสงธรรม และศูนย์การเรียนรู้ต้นแบบ โคก หนองนา โดยมี พระครูวิมลปัญญาคุณ เจ้าอาวาสวัดป่าศรีแสงธรรม ต้อนรับ

พล.อ.ประยุทธ์ได้พบปะและมอบทุนการศึกษาให้นักเรียนโรงเรียนศรีแสงธรรม และกล่าวกับนักเรียนว่า วันนี้ทุกเรื่องที่เป็นปัญหาตนรับไปแล้วยืนยันจะดูแลให้ดีที่สุด รัฐบาลมีจุดมุ่งหมายทำอย่างไรให้ประเทศชาติเดินไปข้างหน้า สิ่งที่วางไว้ยุทธศาสตร์ 20 ปีต้องเดินไปทุกปี ขอให้ทุกคนเข้าใจและเรียนรู้ว่ายุทธศาสตร์ชาติ 6 ด้านคืออะไร ซึ่งมีแผนแม่บทและแผนงานโครงการที่ต้องทำต่อเนื่องทุกปี และรวมผลงาน 5 ปีว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง

“ต้องหาวิธีการให้ทุกคนมีอนาคตที่ดี นี่คือหน้าที่ของรัฐบาลในการดูแลเรื่องการศึกษาและทำให้ทุกคนมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ยืนยันนายกฯ จะทำให้ดีที่สุด วันนี้ลุงอยู่ลุงทำให้ วันหน้าข้าราชการต้องเข้มแข็งอยู่แล้ว วันนี้โซเชี่ยลมีเดียเป็นสิ่งที่เป็นปัญหาทั้งโลก เปิดไปดูไม่เคยโกรธ อาจจะว่าลุงเยอะหน่อย แต่ลุงรู้ว่าลุงทำอะไรอยู่ ไม่ได้ทำอะไร ลุงไม่เคยโกรธอยู่แล้วเพราะห้ามยาก” พล.อ. ประยุทธ์กล่าว

จากนั้นพล.อ.ประยุทธ์เยี่ยมชมและพบปะชาวบ้านในบูธกิจกรรมต่างๆ พร้อมถ่ายรูปอย่างอารมณ์ดี ช่วงหนึ่งพระครูวิมลปัญญาคุณ ระบุปลูกทุเรียนไว้ประมาณ 50 ต้น อีก 5 ปีคงจะได้กินผลจะเอาไปฝากนายกฯ เชื่อว่าคงจะได้เจอกันอีก 5 ปีแน่นอน ทำให้ครม.ที่ร่วมคณะหัวเราะชอบใจ ขณะที่พล.อ.ประยุทธ์ ทำหน้านิ่งๆ สงวนท่าที กล่าวว่า “ขอบพระคุณจ้ะ” นอกจากนี้มีกลุ่มชาวบ้านมาถือป้ายสนับสนุนและให้กำลังใจ อาทิ “ลุงตู่สู้สู้” “เรารักลุงตู่นะ” ทำให้พล.อ.ประยุทธ์ ยิ้มอย่างพอใจ ก่อนทำมือสัญลักษณ์ไอเลิฟยูและ มินิฮาร์ต กล่าวขอบคุณชาวบ้านและขอให้ ทุกคนร้องเพลงรักกันไว้เถิดไว้

เก็บป้าย – ตำรวจไล่เก็บป้ายผ้าที่กลุ่มอุบลปลดแอกและคนเสื้อแดงชูระหว่างชุมนุมขับไล่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ระหว่างไปตรวจน้ำท่วม อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี เมื่อวันที่ 15 ต.ค.

ตำรวจสกัดเข้มม็อบต้าน

จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ออกเดินทางไปยังเขื่อนสิรินธร อ.สิรินธร จ.อุบลราชธานี เพื่อตรวจเยี่ยมการบริหารจัดการน้ำของจ.อุบล ราชธานี และการใช้พลังงานหมุนเวียนในการผลิตไฟฟ้า โดยใช้นวัตกรรม “โซลาร์เซลล์ลอยน้ำไฮบริดกับพลังน้ำที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก” พร้อมรับฟังรายงานการบริหารจัดการน้ำของจ.อุบลราชธานี ก่อนไปตรวจเยี่ยมการบรรเทาสาธารณภัยและการฟื้นฟูผู้ประสบภัยในพื้นที่ จ.อุบลราชธานี ที่ศาลาประชาวาริน อ.วารินชำราบ

ส่วนการรักษาความปลอดภัยมีการจัดเตรียมอย่างเข้มงวด นอกจากกำลังตำรวจของอุบลราชธานีแล้ว ยังมีตำรวจจากจังหวัดใกล้เคียง พร้อมชุดควบคุมฝูงชน (คฝ.) 2 กองร้อย กระจายกำลังรอบศาลาประชาวาริน และยังมีหน่วยอีโอดีตั้งจุดสแกนวัตถุระเบิด จุดตรวจค้นผู้เข้าร่วมงานอย่างเข้มงวด พร้อมตรวจ คัดกรองโควิด-19 เนื่องจากอ.วารินชำราบ พบการระบาดมากที่สุดของจังหวัด

ขณะที่แกนนำกลุ่มอุบลปลดแอก (เครือข่ายพรรคก้าวไกล) นำโดย ว่าที่ ร.ต.ฉัตรชัย แก้วคำปอด หรือทนายแชมป์ และกลุ่มคนเสื้อแดง อุบลฯ นำโดย นายปรีดี พันทิวา หรือเปี๊ยก ปลาหมึก รวมตัวกันที่ศาลหลักเมืองอุบลราชธานี เพื่อจัดคาร์ม็อบแสดงสัญลักษณ์ขับไล่ พล.อ.ประยุทธ์ ที่จะมายังศาลาประชาวาริน แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจนำโดย พล.ต.ต.สถาพร เอมโอษฐ์ ผบก.ภ.จว.อุบลราชธานี เข้าเจรจาเกือบ 1 ชั่วโมง

เมื่อเห็นเจ้าหน้าที่พยายามบล็อกมวลชน แกนนำจึงฉวยโอกาสที่ฝนตกหลบออกจากศาลหลักเมือง ฝ่ายความมั่นคงจึงแจ้งตามจุดสกัดที่มุ่งหน้าไปยังศาลาประชาวาริน และถูกเจ้าหน้าที่ชุดควบคุมฝูงชนสกัดไว้ที่สี่แยก ร.ส.พ.ห่างจากศาลาประชาวารินราว 300 เมตร ต่อมานายเสกสกล อัตถาวงศ์ หรือแรมโบ้อีสาน ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ รุดเข้าพูดคุยกับแกนนำ โดยว่าที่ ร.ต.ฉัตรชัย ระบุว่า ต้องการมาเสนอข้อเรียกร้องที่ พล.อ. ประยุทธ์ ทบทวนการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวในวันที่ 1 พ.ย.นี้ ซึ่งยังไม่มีความพร้อมอะไรเลย เพราะประชาชนได้รับฉีดวัคซีน ไม่ถึง 70% เกรงจะทำให้เกิดโรคระบาดเป็นวงกว้างในภายในประเทศอีกครั้ง

ด้านนายปรีดีกล่าวว่า พวกตนต้องการให้นำสมุนไพรไทยมาใช้รักษาคนป่วยโควิด-19 เพราะถึงไล่นายกฯก็คงไม่ออก

ได้ทุกอย่าง – พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี โชว์แบกหาบผลิตผลของศูนย์การเรียนรู้ต้นแบบ โคก หนอง นา วัดป่าศรีแสงธรรม ระหว่างไปตรวจอุทกภัยที่อ.โขงเจียม จ.อุบลราชธานี เมื่อวันที่ 15 ต.ค.

อ้อนฝากหัวใจไว้กับคนอุบลฯ

เวลา 15.20 น. ที่ศาลาประชาวาริน จ.อุบลราชธานี พล.อ.ประยุทธ์ตรวจเยี่ยมการบรรเทาภัยและการฟื้นฟูผู้ประสบภัยในพื้นที่จ.อุบลราชธานี ทันทีที่เดินทางมาถึงได้ทักทายประชาชนที่มารอต้อนรับพร้อมกล่าวว่า “รักกันไว้เถิด” และพบปะกับผู้ประสบอุทกภัย

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า วันนี้ฝากหัวใจ นายกฯ ด้วย วันนี้นายกฯ ยังอยู่ตรงนี้สัญญากับประชาชนไว้แล้วจะทำให้ดีที่สุด และ ขอให้ฟังในสิ่งที่นายกฯ พูดบ้าง วันนี้เตรียมเปิดประเทศเตรียมการท่องเที่ยวการค้าขายก็จะดีขึ้น เราต้องเดินหน้าอย่างระมัดระวังท่ามกลางสถานการณ์โควิด สิ่งสำคัญที่สุดหลักชัยแกนของประเทศ ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และประชาชนก็อยู่ตรงนี้ต้องไปด้วยกันไปข้างหน้า ทุกคนต้องร่วมมือกัน

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ขอให้ติดตามข่าวที่เป็นประโยชน์เป็นสาระและเป็นข้อเท็จจริง เราเดือดร้อนพออยู่แล้วอย่าไปแบกรับปัญหาอื่นๆ เข้ามาเลย ปัญหานั้นนายกฯ รับเองจะได้แก้ปัญหาทุกคนให้ได้ทุกเรื่อง ขอฝากความรักความห่วงใยฝากหัวใจไว้กับชาวอุบลราชธานีด้วย ฝากหัวใจไว้กับทุกคน หัวใจของพวกเราคือประชาชนสำคัญที่สุด ตราบใดที่ประชาชนยังหน้าตาไม่ผ่องใส ยังมีรายได้ไม่เพียงพอยังมีหนี้สินและทุกข์ นายกฯรู้และรับทุกอย่าง เข้าสู่กระบวนการต้องแก้ให้ได้เร็วที่สุด แต่ทุกอย่างต้องเริ่มต้นไปด้วยกันร่วมมือกับรัฐบาลไม่เช่นนั้นก็ขัดแย้งกันไปมาทำอะไรไม่ได้

เจอ 2 นักศึกษาตะโกนด่า

จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์เดินพบปะประชาชนพร้อมมอบถุงยังชีพและกล่าวด้วยว่า “อีสานคนสู้ คนอีสานยอมแพ้ที่ไหน” “ถ้าพวกเราสู้ นายกฯ ก็สู้ สู้ไปกับนายกฯ นายกฯ สู้คนเดียวไม่ได้” และได้ขอให้เปิดเพลง “บ้านเกิดเมืองนอน” ก่อนถามชาวบ้านว่า รู้จักเพลงนี้หรือไม่บ้านเกิดเมืองนอนของเราอยู่ที่ไหน อยู่ที่อุบลฯ ประเทศไทยใช่หรือไม่ ประเทศไทยเป็นของใครเป็นของคนไทยทุกคน คนไทยทุกคนต้องรักกันและสามัคคีกัน ชาติ ศาสนาและพระมหากษัตริย์ เราถอยหลังไปไหน ไม่ได้อีกแล้วประเทศไทยอยู่แค่นี้แล้ว อย่าแบ่งแยกกัน เราเหมือนครอบครัวเดียวกัน คนไทยต้องเป็นครอบครัวเดียวกันให้ได้นะจ๊ะ เดินหน้าไปด้วยกัน นายกฯ จะทำให้ดีที่สุดเพื่อพวกเรา สัญญาๆ ขอเวลานะ

ภายหลังเสร็จสิ้นภารกิจ พล.อ.ประยุทธ์ พร้อมคณะเดินทางกลับกรุงเทพฯ เมื่อรถแล่นผ่านหน้าสถานีรถไฟ ฝั่งตรงข้ามกับศาลาประชาวาริน มีนักศึกษา 2 คน ที่เล็ดลอดการตรวจจับของเจ้าหน้าที่ตะโกนด่า พล.อ.ประยุทธ์ และพยายามนำป้ายผ้าออกมากาง แต่ไม่ทันเนื่องจากขบวนรถนายกฯ แล่นผ่านจุดดังกล่าวไปแล้ว

พ.ต.อ.วรการ ป้องกัน ผกก.สภ.วารินชำราบ ที่ควบคุมกำลังบริเวณนั้น ได้เข้ายึดป้ายผ้าเขียนข้อความด่าจนเกิดการยื้อแย่งกันอยู่พักหนึ่ง ก่อนทั้ง 2 คน จะยอมให้เจ้าหน้าที่ยึดผ้าไป เบื้องต้นยังไม่มีการควบคุมตัว โดยเจ้าหน้าที่จะรวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติหมายจับมาดำเนินคดีต่อในภายหลัง

ขณะเดียวกันในจุดใกล้เคียงศาลาประชาวาริน มีสมาชิกกลุ่มคบเพลิง ที่เป็นอาจารย์และนักศึกษา มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี มารวมตัวโบกธงแดงหน้าชุดควบคุมฝูงชน ที่มาปิดกั้นไม่ให้เข้าใกล้จุดที่นายกฯมาพบกับชาวบ้าน

‘บิ๊กป้อม’ไม่เห็นคนต้านที่ขอนแก่น

ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ให้สัมภาษณ์กรณีมี ผู้ชุมนุมต่อต้าน ระหว่างลงพื้นที่ตรวจน้ำท่วมที่ จ.ขอนแก่น เมื่อวันที่ 14 ต.ค. ว่า “ไม่เห็นเลย ผมไม่เห็นเลย ผมไม่เห็น ไม่มีการชุมนุม” ผู้สื่อข่าวถามว่าการลงพื้นที่ภาคอีสานของ พล.อ.ประยุทธ์ และพล.อ.ประวิตร มักมีคนออกมาต่อต้าน พล.อ.ประวิตรกล่าวย้ำเสียงดังว่า “ไม่เห็นไง ผมไม่เห็น ผมไม่เห็นมีใครต่อต้าน” ต่อข้อถามว่ามีภาพข่าวปรากฏว่ามีคนต่อต้าน รองนายกฯ กล่าวว่า “ก็ดูในข่าว แต่ผมไม่เห็น จึงตอบไม่ได้” ผู้สื่อข่าวถามอีกว่าแสดงว่าเป็นเรื่องปกติที่มีคนชอบและไม่ชอบ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า “ผมไม่รู้”

ต่อข้อถามว่ามีโอกาสจะเห็นพล.อ.ประวิตรลงพื้นที่พร้อมนายกฯ หรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ก็มีโอกาส ถ้าตนเดินตามทัน แต่ลงไปพร้อมกันทำไม แยกกันทำงานไม่ดีกว่าหรือ ผู้สื่อข่าวถามว่าหากพรรคพลังประชารัฐจะเสนอชื่อพล.อ. ประยุทธ์ เป็นแคนดิเดตนายกฯ ต้องสมัครเข้าเป็นสมาชิกพรรคหรือไม่ พล.อ. ประวิตรกล่าวว่า ไม่จำเป็น กฎหมายว่าอย่างไรก็ทำอย่างนั้น

ผู้สื่อข่าวถามว่าเตรียมความพร้อมเลือกตั้ง ส.ก. และผู้ว่าฯ กทม. อย่างไร พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า เตรียมไว้เรียบร้อยแล้ว ไม่จำเป็นต้องบอกสื่อ ต่อข้อถามว่าพรรคมีตัวผู้สมัครผู้ว่าฯกทม. แล้วหรือไม่ หรือส่งในนามอิสระ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ไม่รู้ เมื่อถามถึงการเรียกนายณรงค์ศักดิ์ โอสถธนากร ผู้ว่าฯ ปทุมธานี หรือผู้ว่าฯ หมูป่า เข้าพบ ที่มูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อ 5 จังหวัด พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ไม่ได้เชิญ เขามาหา แค่เข้ามาคุยหลังรับตำแหน่งผู้ว่าฯ ปทุมธานี

‘ธรรมนัส’โต้วัดพลัง‘พีระพันธุ์’

ที่วัดแจ้งศิริสัมพันธ์ จ.นนทบุรี ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.พะเยา เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ลงพื้นที่ให้กำลังใจและมอบถุงยังชีพให้ผู้ประสบภัยน้ำท่วม มีส.ส.และสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ อาทิ นางเจริญ เรี่ยวแรง ส.ส.นนทบุรี นายฉลอง เรี่ยวแรง นายทศพล เพ็งส้ม อดีตผู้สมัคร ส.ส.เขต 5 นนทบุรี นายจำลอง บัวสา รองนายกฯ อบจ.นนทบุรี ร่วมคณะ

ร.อ.ธรรมนัสกล่าวถึงกรณีที่พล.อ.ประวิตร แต่งตั้ง นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ที่ปรึกษานายกฯ เป็นที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐว่า ตนเคารพการตัดสินใจของพล.อ.ประวิตร และยืนยันว่าการลงพื้นที่ของตนเองในช่วงนี้ ไม่ใช่เป็นการวัดพลัง อยากให้ทำใจให้เป็น กลาง ตอนนี้ไม่ใช่เรื่องการเมืองแต่เป็นเรื่องการบ้าน ทั้งฝ่ายรัฐบาล ฝ่ายค้าน จนถึงภาคเอกชน ต้องระดมกำลังไปช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 และน้ำท่วม

ส่วนความพร้อมเลือกตั้งของทุกพรรค การเมืองในขณะนี้ เป็นธรรมชาติของการเมืองที่นักการเมืองจะเริ่มขยับเมื่อเข้าสู่ปีที่ 3 ทั้งหาบุคคลที่จะเป็นผู้สมัคร และสมาชิกของพรรค เป็นเรื่องแกนนำแต่ละจังหวัด ส่วนที่มีพรรคอื่นเปิดตัวแคนดิเดตนายกฯ ก็เป็นเรื่องของแต่ละพรรค สำหรับพรรคพลังประชารัฐจะส่งใครตนไม่สามารถตัดสินใจได้ เพราะเป็นการตัดสินใจของสมาชิก กรรมการบริหารพรรค จากนั้นจะนำเสนอหัวหน้าพรรค เราต้องทำตามระบบต่อไป

ปชป.เปิดตัว‘เมธี ลาบานูน’

ที่จ.นราธิวาส นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) พร้อม ด้วยนายนิพนธ์ บุญญามณี รมช.มหาดไทย รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ลงพื้นที่ อ.สุไหงโก-ลก

นายจุรินทร์กล่าวว่า แคมเปญ “เลือดใหม่ไหลเข้า เลือดเก่าไหลกลับ” ยังเดินหน้าและประสบความสำเร็จโดยต่อเนื่อง จึงเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.นราธิวาส ประกอบด้วย นายเมธี อรุณ นักร้องดังวงลาบานูน นายเจะอามิง โตะตาหยง อดีตผู้สมัครส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรครวมพลังประชาชาติไทย ที่กลับเข้าพรรคอีกครั้ง และนายกูอาเซ็ม กูจินามิง อดีตส.ส. พร้อมมอบเสื้อแจ๊กเกตตราสัญลักษณ์พรรคให้กับว่าที่ผู้สมัคร

นายจุรินทร์กล่าวว่า วันนี้ เมธี ลาบานูน ตัดสินใจเข้าร่วมอุดมการณ์กับพรรค ในฐานะคนรุ่นใหม่ ถือเป็นเลือดใหม่ ซึ่งการก้าวมาสู่วงการเมืองครั้งนี้ไม่ใช่ไม่มีการเตรียมการ ที่ผ่านมาทำกิจกรรมเพื่อสังคมในนามจิตอาสา องค์กรแห่งความรักมาหลายปีต่อเนื่อง เพื่อช่วยเหลือสังคม ทั้งด้านการศึกษาและกลุ่มเยาวชน ที่สำคัญยังเป็นอาจารย์สอนรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยหาดใหญ่ เป็นเวลากว่า 4 ปี การก้าวเข้ามาสู่พรรค เพื่อลงสมัครรับเลือกตั้งจึงถือว่าเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสม และเชื่อว่าจะได้รับการต้อนรับจากชาวนราธิวาส และคนไทยทั้งประเทศอย่างอบอุ่น

ส่วนนายเจะอามิง ตัวแทนของเลือดเก่าไหลกลับ เป็นผู้ร่วมอุดมการณ์กับพรรคมายาวนาน เพียงแต่การเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมาได้ลาออกจากพรรค และไปสมัครในนามพรรคอื่น ครั้งนี้ได้ตัดสินใจชัดเจนว่าจะขอเป็นเลือดเก่าไหลกลับพรรค เพื่อร่วมกันสร้างพรรคให้เติบโตต่อไปโดยเฉพาะในพื้นที่นราธิวาส และจังหวัดชายแดนภาคใต้

นายจุรินทร์กล่าวว่า ตามรัฐธรรมนูญใหม่ ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้จะแบ่งเป็น 12 เขต ได้แก่ นราธิวาส 5 เขต ปัตตานี 4 เขต และยะลา 3 เขต ซึ่งพรรคให้ความสำคัญ และเตรียมสรรหาผู้สมัครที่ดีที่สุดเพื่อเป็นทางเลือกให้กับประชาชนในพื้นที่ เชื่อมั่นว่าทั้งหมดจะช่วยขับเคลื่อนพรรคต่อไป

ปูห่วงใย – น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ มอบหมายร.ท.ปรีชาพล พงษ์พานิช อดีตหัวหน้าพรรคไทยรักษาชาติ และน.ส.ชยิกา วงศ์นภาจันทร์ หลานสาว เป็นตัวแทนมอบสิ่งของช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยจ.สิงห์บุรี เมื่อวันที่ 15 ต.ค.

‘ปู’ ช่วยน้ำท่วมสิงห์บุรี-พิจิตร

วันเดียวกัน พรรคเพื่อไทย (พท.) นำโดยนายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรค นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม รองหัวหน้าพรรค นาย จิรวัฒน์ ศิริพาณิชย์ ส.ส.มหาสารคาม รองเลขาธิการพรรค นายกิตติศักดิ์ คณาสวัสดิ์ ส.ส.มหาสารคาม น.ส.อรุณี กาสยานนท์ โฆษกพรรค ลงพื้นที่มอบถุงยังชีพกว่า 400 ชุดให้กับพี่น้องประชาชนผู้ประสบภัยน้ำท่วมที่อ.โกสุมพิสัย และอ.เมือง จ.มหาสารคาม

ด้านน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ ส่งตัวแทนมอบสิ่งของช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่ต.บางกระบือ อ.เมือง จ.สิงห์บุรี และบ้านน้ำตาล อ.อินทร์บุรี จ.สิงห์บุรี นำโดย ร.ท.ปรีชาพล พงษ์พานิช อดีตหัวหน้าพรรคไทยรักษาชาติ (ทษช.) น.ส.ชยิกา วงศ์นภาจันทร์ หลานสาวและอดีตนายทะเบียนพรรคไทยรักษาชาติ นายวิม รุ่งวัฒนจินดา อดีตรองเลขาธิการพรรคไทยรักษาชาติ และยังมีตัวแทนไปที่จังหวัดพิจิตรด้วย

ร.ท.ปรีชาพล กล่าวว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ได้ฝากให้กำลังใจพี่น้องประชาชนผู้ประสบภัยน้ำท่วมทุกครอบครัว เชื่อว่าทุกอย่างจะผ่านพ้นไปโดยเร็ว อยากฝากถึงรัฐบาลเรื่องการเยียวยาหลัง น้ำท่วม ขอให้ทั่วถึงและเป็นธรรมต่อพี่น้องประชาชนที่เดือดร้อน โดยเฉพาะเกษตรกรที่จะต้องขาดรายได้ไปตลอดทั้งปี เพราะพืชผลทางการเกษตรได้รับความเสียหาย

ด้านนายวิม กล่าวว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ได้โทร.มาสอบถามถึงสถานการณ์น้ำท่วม หลังจากมีข่าวว่าหลายจังหวัดถูกน้ำท่วม จนทำให้พี่น้องประชาชนต้องกลายเป็นผู้ประสบภัย โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลาง ภาคอีสาน ที่ปีนี้ภาคอีสานกลายเป็นพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาน้ำท่วมมากที่สุด น.ส.ยิ่งลักษณ์คิดว่าเบื้องต้นเพื่อลดปัญหาความเดือดร้อนของผู้ประสบภัยก่อน จึงให้ทีมงานช่วยกันจัด “ถุงน้ำใจ จาก ยิ่งลักษณ์“ เพื่อนำมามอบให้กับประชาชนในพื้นที่ประสบภัย ที่หน่วยงานรัฐยังไม่เข้ามาช่วยเหลือ หรือบางพื้นที่ที่อาจถูกมองข้ามไป นอกจากจ.สิงห์บุรี และพิจิตรที่ทีมงานดำเนินการในวันนี้แล้ว วันต่อไปๆ จะนำถุงน้ำใจจากยิ่งลักษณ์ ไปมอบให้กับประชาชนผู้ประสบภัยในพื้นที่อื่นๆ ต่อไป เช่น จันทบุรี และพื้นที่ในภาคอีสาน

‘ศรัณย์วุฒิ’ซัดถูกปีศาจพท.กดขี่

เมื่อเวลา 10.00 น. ที่รัฐสภา นายศรัณย์วุฒิ ศรัณย์เกตุ ส.ส.อุตรดิตถ์ ที่ถูกพรรคเพื่อไทยขับออกจากสมาชิกพรรค เนื่องจากทำหน้าที่ขัดมติพรรคหลายครั้ง แถลงว่าการทำหน้าที่ของตนที่ผ่านมาเป็นเรื่องเอกสิทธิ์ส.ส. วันนี้ตนนำเทพเจ้ากวนอูมาด้วย เนื่องจากเป็นเทพเจ้าแห่งความซื่อสัตย์ กล้าหาญ เสียสละชีวิตในการต่อสู้ ตนยึดแนวเทพเจ้ากวนอู จะเป็นงูเห่าได้อย่างไร ที่บอกว่าตนไปกินกล้วย ถ้าตนไม่ได้กิน ขอให้คนที่บอกมีอันเป็นไป แต่ถ้าตนกินก็ขอให้ตนมีอันเป็นไป

ยืนยันว่าไม่ได้มีปัญหากับพรรคเพื่อไทย นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ และคุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพชร ที่ตนเคารพรัก แต่ตนมีปัญหาถูกกดดันของอสุรกายร้ายปีศาจในห้องแอร์ของพรรค ตนไม่ใช่คนเดียวที่ถูกกดขี่ แต่เพื่อนส.ส.ที่ไม่ก้มหัวให้ก็จะถูกกดขี่ ตนเจ็บปวดจากการถูกปิดกั้นการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล และข้อมูลที่ตนให้แก่พรรคก็หลุดไปฝ่ายตรงข้าม นี่คือปีศาจร้ายของเพื่อไทยที่ทำเช่นนั้น ตนทราบภายหลังว่ามีการเอาข้อมูลไปหาผลประโยชน์ทางการเมืองเพื่อหวังร่วมรัฐบาล นี่คือพฤติกรรมของปีศาจร้ายที่ตนเรียกว่า “กลุ่มขี้รังแค”

ผู้สื่อข่าวถามว่าปีศาจร้ายคือกรรมการบริหารพรรค (กก.บห.) หรือไม่ นายศรัณย์วุฒิกล่าวว่า บางคนเป็น บางคนไม่เป็น แต่ตัวย่อคือ พ. ช่วงที่ยึดอำนาจหนีไปอยู่กับชัยฟันเหล็กที่มาเก๊า เป็นตัวแทนนายทุน ใช้อำนาจกดขี่ ที่เจ็บปวดคือคนในพรรคก็ทำตัวเป็นลิ่วล้อ แต่ตนคงไม่ฟ้องร้องพรรคเพื่อไทยเพราะร่วมทุกข์ร่วมสุขกับพรรคนี้มา ตนไม่ได้ต่อสู้กับพรรค หรือนายทักษิณ ตนรักเคารพทุกคน

จ่อซบพรรคพลังธรรมใหม่

นายศรัณย์วุฒิกล่าวว่า ส่วนพรรคที่ตนจะไปอยู่นั้น มีคนสงสัยว่าตนไปอยู่กับพรรคพลังประชารัฐหรือไม่ วันนี้ขอประกาศว่าอยู่กับฝ่ายประชาธิปไตย ต่อสู้กับเผด็จการมาขนาดนี้จะไปอยู่กับพลังประชารัฐได้อย่างไร ตนจะไม่ไปอยู่กับเผด็จการ วันนี้ทั้งสองขั้วเกือบ ทุกพรรคต้องการตนกันหมด แต่ตนจะฟังเสียงของประชาชนโดยเฉพาะเสียงคนอุตรดิตถ์ แนะนำให้อยู่กับฝั่งประชาธิปไตย ตอนนี้พรรคที่อยู่ในการเจรจาคือ พรรคเสรีรวมไทย (สร.) พรรคพลังธรรมใหม่ (พธม.) และพรรคพลังปวงชนไทย (พลท.) ภายใน 2 สัปดาห์นี้จะประกาศชัดว่าจะไปร่วมงานกับพรรคไหน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากนายศรัณย์วุฒิแถลงข่าวเสร็จ นพ.ระวี มาศฉมาดล หัวหน้าพรรคพลังธรรมใหม่ได้เดินเข้าไปจับมือและโอบกอด

นพ.ระวีกล่าวว่า การที่นายศรัณย์วุฒิมาอยู่พรรคเรา ทุกคนทราบอยู่แล้วว่าพรรคนี้ไม่มีเงิน จึงอยากชี้แจงว่านายศรัณย์วุฒิเข้ามาด้วยอุดมการณ์ที่จะมาสร้างพรรคที่ดีที่สุดให้กับประเทศ ไม่ได้มาด้วยสินจ้างเงินซื้อตัวใดๆ นายศรัณย์วุฒิกับพรรคพลังธรรมใหม่น่าจะมาช่วยกันทุกอย่างเพื่อผลประโยชน์ของประเทศ

เมื่อถามว่าแน่ใจแล้วใช่หรือไม่ที่จะอยู่พรรคพลังธรรมใหม่ นายศรัณย์วุฒิตอบว่า เราคุยกันในหลักการว่าตอนนี้ร่วมกัน แต่องค์ประกอบในการร่วมต้องวางโครงสร้างและเงื่อนไข รวมถึงวิธีการดำเนินงานร่วมกันอย่างมีระบบ และนพ.ระวียินดีที่จะรวบรวมพรรคต่างๆ ให้มาอยู่ร่วมกัน

พลังปวงชนไทยก็พร้อมรับ

นายนิคม บุญวิเศษ หัวหน้าพรรคพลังปวงชนไทยให้สัมภาษณ์ว่า ตนเพิ่งฟังการแถลงข่าวของนายศรัณย์วุฒิในเรื่องที่ว่าจะมีการจับมือกันระหว่างพรรคเล็กนั้น ตนขอปฏิเสธเพราะไม่เคยมีการพูดคุยกันถึงการจับมือระหว่างพรรคเล็กและพรรคพลังธรรมใหม่ก็อยู่คนละฟากฝั่งกันอย่างชัดเจน อุดมการณ์ของตน และนพ.ระวีก็ไม่ตรงกันเท่าไหร่ อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่าตนและนายศรัณย์วุฒิสนิทกันจริง เพราะก่อนหน้านี้ตนชื่นชมการอภิปรายของนายศรัณย์วุฒิ

ก่อนการแถลงข่าวตนและนายศรัณย์วุฒิไม่เคยพูดคุยเรื่องการย้ายเข้ามาสังกัดพรรคตน แต่ที่ผ่านมานายศรัณย์วุฒิเคยเปรยกับตนว่าหากมีการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง หรือท่านไม่ได้อยู่พรรคเพื่อไทยแล้ว จะขอไปอยู่พรรคพลังปวงชนไทย ซึ่งตนบอกว่ายินดีเพราะรู้สึกว่าไม่อยากให้นายศรัณย์วุฒิซึ่งเป็นคนที่มีความสามารถคนหนึ่งในฝ่ายประชาธิปไตยไปอยู่กับพรรคฝ่ายตรงข้าม ท่านเองก็ยืนยันกับตนอย่างหนักแน่นว่าจะไม่อยู่กับฝ่ายเผด็จการแน่ๆ แต่จนถึงขณะนี้นายศรัณย์วุฒิยังไม่ได้มาพูดคุยกับตนเรื่องการขอย้ายมาเข้าพรรคพลังปวงชนไทย

ชทพ.-ภท.ทำร่างกม.เลือกตั้งเสร็จ

นายนิกร จำนง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีการแก้ไขพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. ว่า ขณะนี้พรรคชาติไทยพัฒนา และพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ได้ยกร่างแล้วเสร็จแล้ว มีเนื้อหาที่แก้ไข ไม่เกิน 10 มาตรา โดยแก้ไขรายละเอียดให้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญฉบับแก้ไขเท่านั้น

“การเสนอแก้ไขกฎหมายลูกนั้น เชื่อว่าจะใช้เวลาพอสมควร เพราะร่างกฎหมายลูก มีสถานะเป็นกฎหมายการเงิน เมื่อพรรคการเมืองเสนอให้ประธานรัฐสภาแล้ว ประธานรัฐสภาต้องส่งให้นายกฯ อนุมัติก่อน และเมื่อนายกฯ อนุมัติแล้ว จึงจะเข้าสู่กระบวนการพิจารณาวาระแรก และต้องจัดการรับฟังความเห็นด้วย” นายนิกรกล่าว

ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ระบุว่ายังไม่มีความเร่งด่วนที่จะแก้ไขพ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง นายนิกรกล่าวว่า ความเห็นตนคือ มีความจำเป็นต้องแก้ไข เพราะมีเนื้อหาที่ขัดแย้งกับร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญว่าด้วยระบบเลือกตั้ง โดยเฉพาะมาตรา 51(2) ที่กำหนดเนื้อหาต่อการส่ง ส.ส.บัญชีรายชื่อที่กำหนดให้มี 150 คน ทั้งที่ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับที่รัฐสภาเห็นชอบ กำหนดให้มี 100 คน นอกจากนั้น ยังมีเนื้อหาที่สร้างปัญหาต่อการปฏิบัติในเรื่องการทำไพรมารีโหวตด้วย3

วันเดียวกัน พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่าโดยที่สภาผู้แทนราษฎรได้กำหนดวันเริ่มสมัยประชุมสามัญประจำปีครั้งที่สองในวันที่ 1 พ.ย. ตามความในมาตรา 121 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 121 มาตรา 122 และมาตรา 175 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชกฤษฎีกาเรียกประชุมรัฐสภาสมัยประชุมสามัญประจำปีครั้งที่สอง ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย. 64

‘เฮ้ง’ชงครม.รักษาจ้างงานฟื้นศก.

วันที่ 15 ต.ค. นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน เปิดเผยว่าจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ผ่านมา ส่งผลกระทบต่อภาคธุรกิจท่องเที่ยวและบริการ แต่ในขณะเดียวกันภาคการส่งออกของประเทศยังสามารถเดินหน้าต่อไปได้ด้วยมาตรการเยียวยาต่างๆ ของรัฐบาลและกระทรวงแรงงานทำให้รักษาระดับการจ้างงานช่วยพยุงเศรษฐกิจให้ขับเคลื่อนต่อไปได้ แม้ว่ากระแสสังคมหลายฝ่ายจะกังวลว่าผลกระทบจากโควิดจะทำให้มีคนตกงานเป็นจำนวนมาก แต่ฐานข้อมูลที่กระทรวงแรงงานมีอยู่ไม่ได้บ่งชี้ว่าสถานการณ์การว่างงานน่าเป็นห่วงอย่างที่คิด

เมื่อมาดูตัวเลขของสำนักงานประกันสังคมตั้งแต่เดือนม.ค-ก.ย. มีผู้ประกันตนขอรับประโยชน์ทดแทนกรณีว่างงานเพียง 665,129 รายเท่านั้น แต่ขณะเดียวกันมีผู้ประกันตนเข้าสู่ระบบประกันสังคมมากถึง 778,125 คน เห็นได้ว่ามีผู้ประกันตนเข้าสู่ระบบมากกว่าออกสูงถึง 112,996 ราย ขณะเดียวกันสอดคล้องกับตัวเลขดัชนีชี้วัดสัญญาณเตือนภัยการว่างงานของกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน สถานการณ์การว่างงานไม่น่าเป็นห่วงอย่างที่คิด

กระทรวงแรงงานไม่ได้นิ่งนอนใจมีมาตรการต่างๆ ในการส่งเสริมการจ้างงาน โดยจะมีโครงการส่งเสริมและรักษาระดับการจ้างงานในธุรกิจเอสเอ็มอี โดยโครงการดังกล่าว นายจ้างจะต้องรักษาระดับการจ้างงานไม่ต่ำกว่าร้อยละ 95 กรณีที่มีการจ้างงานเพิ่มขึ้นจาก ยอดการจ้างงาน ณ วันเริ่มโครงการจะได้รับเงินอุดหนุนตามจำนวนการจ้างงานจริง เป้าหมายดำเนินการในสถานประกอบการจำนวน 394,621 แห่ง ลูกจ้างสัญชาติไทย จำนวน 4,034,590 คน ทั้งนี้ กระทรวงแรงงานจะนำเสนอครม.พิจารณาให้ความเห็นชอบในวันอังคารที่ 19 ต.ค.นี้

“โครงการส่งเสริมและรักษาระดับการจ้างงานในธุรกิจเอสเอ็มอีจะช่วยให้นายจ้าง ผู้ประกอบการรายย่อย และลูกจ้างได้รับประโยชน์จากมาตรการรักษาระดับการจ้างงานของรัฐบาล โดยกระทรวงแรงงาน เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมจากผลกระทบโควิด-19 รวมทั้งการเตรียมความพร้อมตามนโยบายการเปิดประเทศใน 120 วันตามนโยบายรัฐบาลอีกด้วย” นายสุชาติกล่าวในท้ายสุด

 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน