นิด้าโพลชี้พท.มาแรง
ยังครองใจชาวอีสาน

กลุ่มราษฎรแถลงข่าวจัดม็อบใหญ่วันที่ 31 ต.ค.นี้ พร้อมรวบรวมชื่อประชาชนยื่นกฎหมายเลิกมาตรา 112 ด้านนิด้าโพลเผย เพื่อไทยยังครองใจชาวอีสานหนุนเลือกตั้งสมัยหน้า โฆษก พท.โต้ ‘ทักษิณ’ ครอบงำพรรค ลั่นยุบสภาปุ๊บ เปิดตัวแคนดิ เดตนายกฯ ทันที ชี้ประชาชนเลือกนโยบาย-ความเป็นมืออาชีพ ปัดปลุกกระแสพา ‘โทนี่’ กลับไทย พปชร.เตือนส.ส.อย่าตีโพยตีพาย เผยเหตุทำโพล ส.ส.ทิ้งพื้นที่ ทำเรตติ้งตก ไม่ใช่ตัดเกรด ส่วนภูมิใจไทยเมินหยั่งกระแสนิยม มั่นใจทุกคนทำงานเต็มที่ ‘อู๊ดด้า’ คึกเดินสายเปิดตัว ‘สุกฤษณ์-ปัณรสี’ ชิงส.ส.โคราช ยันไร้ปัญหาแย่งกันลง ใช้มติพรรคตัดสิน เรืองไกรจ่อร้องกกต. ยุบเพื่อไทย ปมคลิปทักษิณ

นิด้าโพลชี้พท.ยังครองใจอีสาน

เมื่อวันที่ 24 ต.ค. ศูนย์สำรวจความคิดเห็น “นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหาร ศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลสำรวจ เรื่อง “วันวานไทยรักไทย…วันนี้เพื่อไทยในอีสาน” สำรวจระหว่างวันที่ 18-20 ต.ค. จากประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป และมีสิทธิเลือกตั้งในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กระจายทุกระดับการศึกษา อาชีพ และรายได้ รวมทั้งสิ้น 1,320 หน่วยตัวอย่าง โดยถามถึงการเคยเลือกพรรคไทยรักไทย หรือพรรคพลังประชาชน หรือพรรคเพื่อไทย ตั้งแต่มีสิทธิเลือกตั้ง พบว่า ร้อยละ 81.14 ระบุเคยเลือกพรรคไทยรักไทย หรือพรรคพลังประชาชน หรือพรรคเพื่อไทย ร้อยละ 12.65 ระบุไม่เคยเลือกทั้ง 3 พรรค ร้อยละ 4.24 ระบุยังไม่เคยไปเลือกตั้งเลย และร้อยละ 1.97 ระบุไม่ตอบ/ไม่สนใจ

สำหรับการลงคะแนนเลือกพรรคเพื่อไทยในการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา (เฉพาะผู้ที่เคยเลือกพรรคไทยรักไทย หรือพรรคพลังประชาชน หรือพรรคเพื่อไทย) พบว่า ร้อยละ 70.59 ระบุเลือกพรรคเพื่อไทย ร้อยละ 29.41 ไม่ได้เลือกพรรคเพื่อไทย ซึ่งในจำนวนผู้ที่ไม่ได้เลือกพรรคเพื่อไทย ร้อยละ 30.49 ระบุไม่ตอบ/ไม่สนใจ ร้อยละ 19.05 ระบุเลือกพรรคพลังประชารัฐและไม่ได้ไปเลือกตั้ง ในสัดส่วนที่เท่ากัน ร้อยละ 15.87 ระบุเลือกพรรคอนาคตใหม่ ร้อยละ 6.98 ระบุเลือกพรรคภูมิใจไทย ร้อยละ 4.13 ไปลงคะแนน ไม่เลือกใคร (โหวตโน) ร้อยละ 1.90 ระบุเลือกพรรคเสรีรวมไทยและพรรคประชาธิปัตย์ ในสัดส่วนที่เท่ากัน และร้อยละ 0.63 ระบุว่า เลือกพรรคเศรษฐกิจใหม่

ส่วนการลงคะแนนเสียงเลือกพรรคเพื่อไทยในการเลือกตั้งครั้งหน้า ร้อยละ 48.33 ระบุจะเลือกพรรคเพื่อไทย ร้อยละ 37.12 ระบุยังไม่แน่ใจ ร้อยละ 12.35 ระบุจะไม่เลือกพรรคเพื่อไทย ร้อยละ 0.91 ระบุจะไปลงคะแนน ไม่เลือกใคร (โหวตโน) ร้อยละ 0.76 ระบุไม่ตอบ/ไม่สนใจ และร้อยละ 0.53 ระบุจะไม่ไปเลือกตั้ง

เพื่อไทยแนะ‘บิ๊กตู่’ฟัง‘โทนี่’

ที่พรรคเพื่อไทย น.ส.อรุณี กาสยานนท์ โฆษกพรรคเพื่อไทย (พท.) แถลงถึงสถานการณ์ค่าครองชีพที่สูงขึ้นว่า นอกจากราคาน้ำมันที่ปรับขึ้นราคาแล้ว ค่ารถไฟฟ้า ค่าทางด่วน และค่าไฟ ก็เตรียมปรับขึ้นด้วย เห็นได้ว่าค่าครองชีพปรับเพิ่มขึ้นทุกอย่าง ซึ่งเป็นการซ้ำเติมความทุกข์ของประชาชน รัฐบาลไม่ดูแล ทำเป็นทองไม่รู้ร้อนนิ่งเฉย สร้างมายาคติหลอกประชาชนด้วยการออกมาตรการค่าครองชีพต่างๆ แจกปลาประชาชน แต่ไม่สอนให้ประชาชนหาปลา แบบนี้ใช้เงินเท่าไรก็ไม่เพียงพอ

ต้นเหตุคือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและรมว.กลาโหม บริหารประเทศล้มเหลวแต่ยังดึงดัน ซึ่งทางออกเรื่องนี้คือ รัฐบาลควรเอากองทุนน้ำมันต่างๆ มาชดเชยราคาน้ำมันดีเซล และนำงบประมาณ 5.4 หมื่นล้านบาท มาออกมาตรการช่วยลดค่าครองชีพ

โฆษก พท. กล่าวว่า หากพล.อ.ประยุทธ์ คิดไม่ออก ขอให้เปิดใจฟังข้อเสนอแนะของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ หรือโทนี่ ในการออกมาตรการรับมือปัญหาต่างๆ เพราะหากพล.อ.ประยุทธ์ ยิ่งอยู่นาน ความจนของคนไทยจะยิ่งเพิ่มขึ้น เกิดความเหลื่อมล้ำอย่างเห็นได้ชัด รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ เป็นรัฐบาลขาขึ้น คือราคาสินค้าแพงขึ้นทุกอย่าง แต่คุณภาพชีวิตประชาชนตกต่ำลง

อุบผลโพลเช็กเรตติ้งพรรค

เมื่อถามถึงการทำโพลตรวจสอบคะแนน นิยมส.ส.ของพรรคหรือไม่ น.ส.อรุณี กล่าวว่า โพลตรวจสอบความนิยมของพรรคในพื้นที่นั้น พท.ทำมาตลอดอยู่แล้ว แต่ไม่ได้เผยแพร่ข้อมูลเหล่านี้เพราะเป็นการเตรียมความพร้อมจัดทัพสู้ศึกเลือกตั้ง

“สิ่งที่พรรคทำคือ เตรียมความพร้อมไว้เสมอและการสำรวจเป็นสิ่งหนึ่งที่ทำให้ตัดสินใจได้อย่างแม่นยำในการกำหนดนโยบายและกำหนดตัวผู้ลงสมัครแข่งขัน และผลโพลเป็นอย่างไรขอไม่เปิดเผย เนื่องจากเราทำการบ้านเพื่อให้ยุทธศาสตร์ของเราแหลมคมจึงไม่จำเป็นต้องเปิดเผยความนิยมกับใคร ถ้าเรามั่นใจในความนิยมของตนเอง

ปัด‘ทักษิณ’ครอบงำพรรค

น.ส.อรุณี กล่าวกรณีพท.ยังไม่ประกาศแคนดิเดตบุคคลที่จะเป็นนายกฯว่า บุคคลที่เราจะเปิดตัว เป็นที่รู้จักและประชาชนยอมรับได้อยู่แล้ว จึงไม่จำเป็นต้องเปิดเร็ว ไม่ต้องรีบโปรโมต ซึ่งพรรคเน้นเรื่องนโยบาย สร้างคุณภาพชีวติประชาชนให้ดีขึ้น ดังนั้น ประชาชนจึงเลือกนโยบายของเรา ส่วนแคนดิเดตนายกฯ เป็นตัวเสริม การเปิดในจังหวะที่เหมาะสม จึงเป็นการหัวเราะทีหลัง ดังกว่า

เมื่อถามว่ามีกระแสว่าหากเลือกพท. นายทักษิณจะได้กลับประเทศ น.ส.อรุณี กล่าวว่า เป็นเพลงที่แต่งขึ้นตั้งแต่ปี 2554 ไม่ได้ทำเพลงใหม่ และเป็นการเผยแพร่ของกลุ่มแคร์ ซึ่งเป็นกลุ่มของภาคประชาชน ไม่มีอะไรเชื่อมโยงกับพรรค ทั้งนี้ ฝ่ายกฎหมายของพรรคได้ศึกษาแล้วไม่มีผลกระทบใดๆ ต่อการครอบงำพรรค

‘ตู่’ ล้มเหลว – นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม และรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย แถลงข่าวปัญหารถไฟฟ้าสายสีเขียว, ราคาข้าวตกต่ำ และผลกระทบด้านเศรษฐกิจจากอุทกภัย แต่ไร้การเยียวยาจากภาครัฐ ที่พรรคเพื่อไทย กทม. เมื่อวันที่ 24 ต.ค.

ยุบสภาปุ๊บ-เปิดแคนดิเดตนายกฯ

ด้านนายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส. มหาสารคาม และรองหัวหน้า พท. กล่าวถึงการเปิดตัวแคนดิเดตนายกฯ ว่า ผู้บริหารพรรคเห็นว่ายังมีเวลา เอาไว้ใกล้กว่านี้ค่อยประกาศ เมื่อปี 54 เราเปิดตัวน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ 49 วัน ก่อนเลือกตั้ง ซึ่งเราก็ชนะ เป็นพรรคใหญ่อันดับ 1 ของประเทศ เรามั่นใจเรื่องฐานเสียงและขณะนี้เรามีหัวหน้าพรรคคือ นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส.เชียงใหม่ ทำหน้าที่ผู้นำฝ่ายค้านในสภา แต่ถ้ายุบสภาให้มีการเลือกตั้งเมื่อใด เราจะเปิดตัวแคนดิเดตนายกฯ ซึ่งเรามีอยู่แล้ว แต่ยังไม่เปิดตัว

เมื่อถามว่ากังวลหรือไม่หากมีการนำเรื่องของนายทักษิณ ไปฟ้องร้องว่าครอบงำพรรค นายยุทธพงศ์กล่าวว่า ไม่กังวล เพราะพรรคไม่มีใครครอบงำได้ เนื่องจากมีความเป็นประชาธิปไตย สมาชิกพรรคแสดงความเห็นที่อิสระ แต่เรามีกรรมการบริหารพรรค (กก.บห.) ข้อบังคับพรรค และกฎหมายพรรคการเมือง ซึ่งในการเสนอชื่อแคนดิเดต นายกฯ เราก็มีกระบวนในพรรค ใครอยากเสนอใคร เป็นความเห็นส่วนตัว แต่สุดท้ายอยู่ที่กระบวนการขั้นตอนของพรรค และภายใต้กฎหมายพรรคการเมือง ซึ่งนายทักษิณไม่ได้มาครอบงำชี้นำพรรค

ภท.ปัดทำโพลหยั่งกระแส

นายณัฏฐ์ชนน ศรีก่อเกื้อ ส.ส.สงขลา ในฐานะรองโฆษกพรรคภูมิใจไทย(ภท.) กล่าวถึงการทำโพลสำรวจคะแนนความนิยมของแต่ละพรรคว่า เป็นเรื่องยุทธศาสตร์ของแต่ละพรรค แต่ภท.ไม่มีการทำโพลในเรื่องนี้ เพราะนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรค และแกนนำพรรคทุกคน ได้กำชับให้ส.ส.ทุกคนลงพื้นที่ช่วยเหลือประชาชนอย่างต่อเนื่อง ภายใต้แนวคิดว่า ประชาชนคือคนในครอบครัว ดังนั้น ความเดือดร้อนทุกเรื่องของประชาชน ต้องได้รับการแก้ไขอย่างเร็วที่สุด

นอกจากนี้ ยังกำชับให้ ส.ส.ทำงานเสมือนว่า การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในสัปดาห์หน้า ทำให้ส.ส.พรรคทุกคนทำงานในสภาและในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง มีผลงานเป็นที่ประจักษ์ ซึ่งพรรคสามารถประเมินได้จากผลการทำงานที่ออกมา โดยไม่ต้องทำโพลหยั่งกระแสใดๆ พร้อมชี้ให้เห็นข้อดีของพรรคว่า มีความเป็นเอกภาพ ไม่มีความขัดแย้งภายใน ทำให้การทำงานจึงขับเคลื่อนไปในทิศทางเดียวกัน

พปชร.ยันโพลไม่ใช่ตัดเกรดสส.

นายไผ่ ลิกค์ ส.ส.กำแพงเพชร ในฐานะรองเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ให้สัมภาษณ์ถึงส.ส.บางคนของพรรคไม่พอใจเรื่องที่พรรคทำโพลว่า ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.พะเยา ในฐานะเลขาธิการพรรค พูดแล้วว่า การทำโพลเป็นดำริของพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ในฐานะหัวหน้าพรรค และทุกพรรคทำโพลเป็นเรื่องปกติ ไม่มีอะไร อย่าเพิ่งตีโพยตีพายกันเลย ส่วนข้อข้องใจว่ามอบหมายใคร หรือหน่วยงานใด ทำโพลและมีความเชื่อถือได้หรือไม่นั้น ให้รอดูผลที่ออกมาก่อนดีกว่า ถ้าไม่ใช่ ค่อยออกมาพูดกัน

และยืนยันว่าการทำโพลของพรรคไม่ใช่เพื่อตัดเกรด ส.ส. แต่เพื่อดูว่ามีอะไรดีหรือไม่ดี หรือต้องปรับปรุงแก้ไขอะไรบ้าง ทั้งนี้เรื่องทำโพลคุยกันมานานแล้ว จึงไม่กังวลว่าจะถูกโยงทำให้เกิดความขัดแย้งในพรรค

เผยสส.ใต้ห่างพื้นที่-หวั่นเรตติ้งตก

รายงานข่าวจากพปชร.แจ้งว่า ในการจัดทำโพลประเมินการทำงานส.ส. โดยพบว่าส.ส.ภาคใต้ส่วนหนึ่งไม่ผ่านเกณฑ์ และยังต้องปรับปรุงการทำงานนั้น สืบเนื่องจากการประชุมระดับหัวหน้าภาค 10 ภาค ที่มีพล.อ.ประวิตรเป็นประธาน ในช่วงต้นเดือนต.ค.ที่ผ่านมาซึ่งมีแกนนำพรรคบางส่วนร่วมด้วย โดยช่วงหนึ่งมีการหยิบยกการทำงาน ของส.ส.ในพื้นที่ภาคใต้มาพูดค่อนข้างมาก ซึ่งแกนนำบางคนระบุมีเสียงสะท้อนถึงการลงพื้นที่ของส.ส.บางคนเพิ่งมาลงพื้นที่ก่อนช่วงโควิดระบาดไม่นาน ในขณะที่คนอื่นลงพื้นที่ต่อเนื่อง

โดยพล.อ.ประวิตรปรารภว่า “รักจะเป็นนักการเมือง แต่ไม่รักที่จะทำพื้นที่ ไม่ทำงานในสภาแล้วจะเป็นไปทำไม” จึงเสนอให้ประเมินการทำงานของส.ส.เพื่อส่งสัญญาณว่าจะต้องปรับปรุงการทำงาน ลบจุดอ่อนของตัวเอง หากยังนิ่งเฉย ขณะที่พรรคต่างๆ เร่งทำพื้นที่เตรียมพร้อมอยู่ตลอด อาจมีผลต่อความนิยมของประชาชนที่มีต่อพปชร.ในการเลือกตั้งในครั้งหน้าได้

มีรายงานว่าช่วงต้นเดือนพ.ย.นี้ พล.อ. ประวิตรมีภารกิจลงพื้นที่ปฏิบัติงานที่ภาคใต้ เบื้องต้นมีการเสนอพื้นที่ อ.เทพา จ.สงขลา และจุดอื่น 2-3 จุด เพื่อพิจารณาตัดสินใจอีกครั้ง

จ่อถกฝ่ายเลือกตั้งเคาะกม.ลูก

นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้า พปชร. ในฐานะประธานฝ่ายกฎหมายและข้อบังคับพรรค กล่าวถึงการแก้ไขเพิ่มเติมพ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส. และการแก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมืองว่า หลังเปิดสมัยประชุมสภา วันที่ 1 พ.ย.นี้ ฝ่ายกฎหมายของพรรค จะหารือกับฝ่ายเลือกตั้งและผู้ดูแลการเลือกตั้งของพรรค เพื่อรับฟังความเห็น รวมถึงข้อเสนอต่อการแก้ไข พ.ร.ป.ทั้ง 2 ฉบับ ส่วนการยื่นร่างแก้ไขนั้น คาดว่าจะเกิดขึ้นหลังจากร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม ว่าด้วยระบบเลือกตั้ง มีผลบังคับใช้เมื่อประกาศในราชกิจจานุเบกษา ทั้งนี้ ตามที่นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ระบุคือจะมีเวลา 90 วันนับจากวันที่ทูลเกล้าฯ คือ วันที่ 4 ต.ค. และจะครบเวลาในวันที่ 2 ม.ค.2565

นายไพบูลย์กล่าวด้วยว่า เชื่อว่าการพิจารณาร่างกฎหมายลูกของรัฐสภายังมีเวลา หากทำไม่ทันในสมัยการประชุมหน้า ที่จะครบกำหนดเดือน ก.พ. 2565 สามารถขอเปิดวิสามัญพิจารณาได้ หรือรอเปิดสมัยประชุมครั้งถัดไปในปลายเดือนพ.ค. ส่วนการรับฟังความเห็นขององค์กรที่เกี่ยวข้อง ทั้งกกต. และศาลรัฐธรรมนูญ หลังรัฐสภาทำเนื้อหาเสร็จ มีรายละเอียดเพียงเนื้อหาที่ไม่เป็นปัญหาต่อการทำงานของ กกต.เท่านั้น และศาลรัฐธรรมนูญมีหน้าที่พิจารณาถ้อยคำที่ขัดหรือแย้งกับรัฐธรรมนูญเท่านั้น จึงมองว่าสิ่งที่จะทำให้กระบวนการทำกฎหมายช้าหรือเร็ว ขึ้นอยู่กับการพิจารณาวาระที่ 2 ชั้นกรรมาธิการ

ไพบูลย์ไม่เอาระบบเอ็มเอ็มพี

ส่วนรายละเอียดของข้อเสนอแต่ละพรรคที่จะเสนอแก้กฎหมายลูกนั้น นายไพบูลย์กล่าวว่า ในส่วนของพรรคภูมิใจไทยที่รวมกับพรรคชาติไทยพัฒนา กำหนดการคำนวณส.ส.บัญชีรายชื่อ ให้ใช้เศษคะแนนคำนวณนั้น เบื้องต้นในหลักการการคำนวณสอดคล้องกัน คือ นำคะแนนรวมทั้งประเทศ หารด้วย จำนวน ส.ส.บัญชีรายชื่อ 100 คน เพื่อหาคะแนน ส.ส.พึงมี ส่วนจะให้มีพรรคปัดเศษ หรือคิดเศษคะแนนไม่ถือเป็นสาระสำคัญ ดังนั้น สามารถรับหลักการและพิจารณาวาระที่ 2 ได้ แต่ข้อเสนอของพรรคก้าวไกล ที่จะใช้ระบบ MMP ถือว่าขัดกับรัฐธรรมนูญ เชื่อว่าส.ส.ของพรรคพลังประชารัฐ พรรคเพื่อไทย และพรรคประชาธิปัตย์จะไม่สนับสนุน และตนจะไม่รับหลักการ

ชี้คลิปหลุดทักษิณส่อผิดกม.

นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพปชร. เปิดเผยว่า ตนถอดคำพูดจากภาพและเสียงระหว่างนายเกรียง กัลป์ตินันท์ รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย วิดีโอคอลกับนายทักษิณ ชินวัตร พบว่ามีเหตุที่ต้องขอให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ตรวจสอบข้อเท็จจริงตามคลิป ดังกล่าวเข้าข่ายฝ่าฝืนพ.ร.ป. พรรคการเมือง มาตรา 28 ห้ามมิให้พรรคยินยอมหรือกระทำการใดอันทำให้บุคคลอื่นซึ่งมิใช่สมาชิกกระทำการอันเป็นการควบคุม ครอบงำ หรือชี้นำ กิจกรรมของพรรคการเมืองในลักษณะที่ทำให้พรรคการเมืองหรือสมาชิกขาดความอิสระ

ทั้งนี้ ไม่ว่าโดยทางตรงหรือโดยทางอ้อม” หรือไม่ โดยประกอบกับการพิจารณาเพิ่มเติมจากบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ มาตรา 45 คำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญที่ 5/2563 ข้อบังคับพรรคเพื่อไทย คำวินิจฉัยและหนังสือ กกต.ต่างๆ และมาตรฐานทางจริยธรรม

นายเรืองไกรกล่าวว่า ข้อความในคลิปที่นายเกรียง ถามนายทักษิณ เช่น เรื่องหัวหน้าพรรคคนใหม่ นายเกรียง บอกว่าสิ้นเดือนจะไปพบเจ้านาย ส่วนอดีตนายกฯ บอกว่ามีหลายแนวทางอยู่ รับรองว่าแต่ละแนวทางส.ส.ที่คิดจะออก เพราะรับตังค์เขามาแล้วต้องเอาตังค์ไปคืน และที่บอกว่าโดยเฉพาะพวกเราที่ยังอยู่กว่า 136 คน แข็งแรงทุกคน แล้วสามารถขยายเส้น ขยายเขต ในจังหวัดใกล้เคียงกันได้อีก ล้วนเป็นการสนทนาที่มีนัยทางการเมือง นายเกรียง ยอมรับข้อเท็จจริงต่อสื่อไปแล้ว จึงอาจมีลักษณะเข้าข่ายดำเนินกิจกรรมของพรรค

ร้องกกต.ยุบเพื่อไทย

นายเรืองไกรกล่าวว่า ต่อมายังนำลายมือชื่อที่สื่อระบุว่าเป็นของนายทักษิณ ที่เขียนคำว่า “พรรคเพื่อไทย” หรือคำว่า “พรุ่งนี้เพื่อไทย” มาใช้ในเฟซบุ๊กของพรรคและเฟซบุ๊กของสมาชิกพรรค ซึ่งข้อความน่าจะเป็นการโฆษณาประชาสัมพันธ์กิจกรรมของพรรค รวมทั้งน่าจะนำลายมือดังกล่าวไปใช้ในการประชุมพรรคเพื่อไทย ในวันที่ 28 ต.ค.นี้

กรณีดังกล่าวถ้าเทียบเคียงกับคำวินิจฉัย กกต. ที่ 20/2564 กรณีหัวหน้าสาขาและสมาชิกพรรคเพื่ออนาคตไทย ฝ่าฝืน พ.ร.ป.พรรคการเมือง มาตรา 30 ซึ่งกกต. มีคำสั่งให้ดำเนินคดีไปแล้ว จึงควรตรวจสอบให้เป็นไปตามมาตรฐานในแนวทางที่ กกต.เคยปฏิบัติ ดังนั้น ตนจะยื่นหนังสือถึงกกต. ในวันที่ 26 ต.ค. เวลา 10.00 น. เพื่อตรวจสอบว่าเข้าข่ายฝ่าฝืน พ.ร.ป.พรรคการเมือง มาตรา 28 หรือไม่ และมีเหตุจะร้องศาลรัฐธรรมนูญให้มีคำสั่งยุบพรรคเพื่อไทยหรือไม่ และตัดสิทธิ กก.บห.หรือไม่

ปชป.เปิดตัว‘สุกฤษณ์-ปัณรสี’

ที่ อ.สีคิ้ว จ.นครราชสีมา นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกฯ และรมว.พาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) พร้อมด้วยนายนิพนธ์ บุญญามณี รมช.มหาดไทย และ คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช รมช.ศึกษาธิการ ในฐานะรองหัวหน้าพรรค ร่วมลงพื้นที่ในกิจกรรม “จุรินทร์ ออนทัวร์อีสาน ทอดกฐินสามัคคี” ที่วัดถ้ำเขาจันทร์แดง ต.หนองหญ้าขาว อ.สีคิ้ว พร้อมเปิดตัวว่าที่ผู้สมัครส.ส.นครราชสีมา 2 คน คือ นายสุกฤษณ์ วัชรมาลีกุล นักธุรกิจชาวสีคิ้ว และอดีตนักฟุตบอลทีมชาติไทย ซึ่งจะลงชิงพื้นที่กับนายประเสริฐ จันทรรวงทอง ส.ส. นครราชสีมา และเลขาธิการ พท. และ น.ส.ปัณรสี ครุฑขุนทด ลูกสาวนายจำลอง ครุฑขุนทด อดีตรมช.ศึกษาธิการ

นายจุรินทร์กล่าวว่า นายสุกฤษณ์ได้ทำงานกับพรรคมาระยะหนึ่งและเห็นว่ามีความตั้งใจ อยากทำงานเพื่อประชาชนและทำงานการเมืองต่อเนื่อง เข้าถึงประชาชนได้อย่างดี จึงมั่นใจว่านายสุกฤษณ์มีศักยภาพ มีความพร้อมเป็นตัวแทนของพรรคได้ สำหรับการเตรียมผู้สมัครส.ส.นครราชสีมาขณะนี้มีไม่น้อยกว่า 10 คนที่แจ้งความจำนงลงสมัคร

ลั่นพร้อมชิงสนามโคราช

นายจุรินทร์กล่าวต่อว่า เมื่อมีการแก้ไขเป็นบัตรเลือกตั้ง 2 ใบ และเพิ่มเขตจาก 350 เขต เป็น 400 เขต พรรคก็ไม่มีปัญหา พร้อมหาตัวผู้สมัคร ความจริงผู้สมัครเดิมก็ยืนพื้นอยู่แล้ว แต่เขตไหนที่เรามีผู้สมัครหน้าใหม่ที่มีศักยภาพมากกว่าก็ได้คุยกันแล้ว ซึ่งผู้สมัครคนเก่าของเราก็พร้อมหลีกทางให้ และหน้าใหม่มีทั้งคนรุ่นใหม่ อดีตส.ส.ของพรรค และมีทั้งอดีตส.ส.พรรคอื่นที่สนใจลงสมัครในนามปชป. ทุกคนล้วนมีศักยภาพที่พรรคคัดสรรแล้วว่าสู้การเลือกตั้งครั้งหน้าได้

“ถือว่าในจ.นครราชสีมา ผมมั่นใจว่าเรามีความพร้อมมากกว่าหลายยุคสมัยที่ผ่านมา ทุกคนพร้อมสู้ ขณะนี้หลายท่านก็เดินหน้าอยู่แล้ว เพียงแต่ยังไม่ได้ประกาศตัว โดยจะประกาศเมื่อถึงเวลาที่เหมาะสมต่อไป” หัวหน้าปชป.กล่าว

เมื่อถามว่าในแต่ละพื้นที่จะพูดคุยกับสมาชิกพรรคเกี่ยวกับตัวผู้สมัครเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาตามมาอย่างไรบ้าง ต้องทำไพรมารี่หรือไม่ นายจุรินทร์กล่าวว่า จะมีไพรมารี่หรือไม่มีก็ขึ้นอยู่กับกฎหมายใหม่ที่ต้องออกตามรัฐธรรมนูญ ซึ่งถือเป็นกฎหมายลูก แต่ขั้นตอนการเปิดตัวผู้สมัครนั้นเป็นดุลพินิจ เบื้องต้นของผู้บริหารพรรค สุดท้ายต้องเข้าสู่กระบวนการตามกฎหมาย และข้อบังคับพรรค

ย้ำใช้มติพรรคชี้ขาดส่งผู้สมัคร

ส่วนที่มีอดีตส.ส.ไม่พอใจเรื่องการส่งตัว ผู้สมัครเป็นเพราะกระแสปชป.ดีขึ้นหรือไม่ นายจุรินทร์กล่าวว่า เราประเมินตัวเองอยู่เหมือนกัน และจากการประชุมส.ส.ภาคใต้เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา รวมทั้งในการพูดคุยระหว่างผู้บริหารพรรค มีการประเมินว่าพรรคน่าจะอยู่ในสถานการณ์ที่ดีขึ้นกว่าปีที่ผ่านมา

ฉะนั้น เป็นธรรมดา เมื่อพรรคดีขึ้น ผู้สนใจจะลงสมัครในนามพรรคก็มีมากขึ้น หรือบางเขตอาจมีเกินกว่า 1 คนขอลงส.ส.ในพื้นที่ แต่พรรคมีประสบการณ์ในการพิจารณาอยู่แล้ว เขตไหนมีผู้สมัครหรือมีผู้เหมาะสมเกิน 1 คนก็ใช้มติพรรคเป็นตัวตัดสิน และพรรคก็ผ่านประสบการณ์นี้มายาวนานอยู่แล้ว ไม่มีปัญหา

“หลายยุคสมัยมีผู้แสดงความจำนงเกิน 1 คนก็ต้องแข่งกัน บางครั้งอาจต้องไปแสดงวิสัยทัศน์ในที่ประชุมกรรมการบริหารพรรคด้วยซ้ำว่าใครเหมาะหรือไม่เหมาะอย่างไร สุดท้ายมติพรรคก็ตัดสิน เมื่อตัดสินแล้วทุกคนต้องยอมรับ เพราะนี่คือวิถีประชาธิปไตยของพรรค ไม่อย่างนั้นเราอยู่ไม่ได้มายาว นานมั่นคงยั่งยืนมาจนถึงวันนี้” นายจุรินทร์กล่าว

นัดชุมนุม – คณะราษฎรและกลุ่มทะลุฟ้าแถลงข่าว การชุมนุมในวันที่ 31 ต.ค.นี้ ในนามกลุ่มราษฎรประสงค์ ระบุเตรียมปักหมุดและเวทีเบิ้ม พร้อมบิ๊กเซอร์ไพรส์จากเรือนจำ ที่หน้าศาลฎีกาเมื่อ วันที่ 24 ต.ค.

ราษฎรจัดม็อบใหญ่-ล่าชื่อเลิก112

เมื่อเวลา 16.30 น. วันที่ 24 ต.ค. ที่หน้าศาลฎีกา ถนนราชดำเนิน กลุ่มราษฎรและกลุ่มทะลุฟ้า แถลงข่าวจัดกิจกรรมในวันที่ 31 ต.ค. ในนามราษฎรประสงค์ยกเลิก 112 โดยมีนายสมยศ พฤกษาเกษมสุข น.ส.ภัสราวลี ธนกิจวิบูลย์ผล หรือมายด์ น.ส.ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล หรือรุ้ง นายธนัตถ์ ธนากิจอำนวย หรือไฮโซลูกนัท และตัวแทนกลุ่มแรงงาน ร่วมอ่านแถลงการณ์เชิญชวนประชาชนร่วมกันรณรงค์ให้ยกเลิกมาตรา 112 เพื่อสร้างบรรทัดฐานสิทธิเสรีภาพตามหลักประชาธิปไตยสากล

โดยกลุ่มราษฎรจะใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญ ทำกิจกรรมเข้าชื่อเสนอกฎหมายไม่น้อยกว่า 10,000 รายชื่อ เพื่อเสนอร่างกฎหมายยกเลิกประมาลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ต่อสภาผู้แทนราษฎร โดยวันที่ 31 ต.ค.นี้จะเป็นวันเริ่มต้นก้าวแรกของการรณรงค์เพื่อยกเลิก 112

น.ส.ปนัสยา กล่าวว่า ในวันที่ 31 ต.ค.ตั้งแต่ 16.00-22.00 น. ที่แยกราชประสงค์ จะมีการจัดกิจกรรมทั้งการล่ารายชื่อ จัดเวทีปราศรัย สารจากในคุก และมีบิ๊กเซอร์ไพรส์ ซึ่งเป็นการรวมกลุ่มทำกิจกรรมของหลายเครือข่าย ยอมรับว่าเป็นห่วงจะเกิดสถานการณ์ก่อนการจัดชุมนุมวันที่ 31 ต.ค. แต่จะพยายามจัดให้ได้เพื่อให้เดินหน้ากิจกรรมอื่นๆ ต่อได้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เวลา 17.20 น. มีเหตุวุ่นวายเกิดขึ้นเล็กน้อย เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจสน.ชนะสงคราม นำรถยกมาในพื้นที่บริเวณที่ผู้ชุมนุมได้จอดรถริมฟุตปาธ คล้ายยกรถของกลุ่มผู้ชุมนุม สร้างความไม่พอใจให้กับผู้ชุมนุมโห่ไล่ ขณะที่ตำรวจเองพยายามทำความเข้าใจ เพื่อไม่ให้กระทบผิวจราจรในภาพรวม ก่อนออกจากพื้นที่ไป

จากนั้นเวลา 17.30 น. ทางกลุ่มเริ่มทำกิจกรรมยืน 112 นาที ร่วมกับกลุ่มพลเมืองโต้กลับ เพื่อทวงสิทธิการประกันตัว คืนความยุติธรรมให้เพื่อนของเราในเรือนจำ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน