บิ๊กป้อมนัดด่วน-ถกรื้อพปชร.
ธรรมนัสนิ่ง-ข่าวปลดพ้นเลขา
‘ตู่’ปัดตอบ-เล็งเสียบหัวหน้า

จับตาเพื่อไทยประชุมใหญ่ 28 ต.ค. ปรับโฉมใหม่ ดัน ‘หมอชลน่าน’ นั่งหัวหน้าพรรค ‘หมอเลี้ยบ’ สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี เป็นผอ.พรรค‘ประยุทธ์’ ปัดตอบเล็งนั่งหัวหน้าพลังประชารัฐ ‘ป้อม’ รับเตรียมรื้อโครงสร้างพรรค แต่ไม่รู้ ไม่เคยได้ยิน ‘ตู่’ จะมานั่งหัวหน้าพรรค อึกอักปรับ ‘ธรรมนัส’ พ้นเลขาฯ พรรค นัดถกด่วนกรรมการบริหารพรรคพรุ่งนี้ เผยมีเซ็นลาออกแล้ว 8 คน ด้าน ‘ธรรมนัส’ เมินถูกบีบ ‘วิรัช’โวยข่าวเต้าย้ายกลับเพื่อไทย ‘อนุสรณ์’ สวนกลับปมร้องยุบเพื่อไทย ชี้กรณีนายกฯ ปิดห้องคุย 6 รมต.พปชร. ชัดเจนกว่าเยอะ ‘พรพิมล’ ควง ‘สมบัติ รัตโน’ อดีตส.ส.อุบลฯ ซบภูมิใจไทย

‘ตู่’ปัดตอบเล็งนั่งหน.พปชร.

เมื่อเวลา 12.20 น. วันที่ 26 ต.ค. ที่ตึกภักดีบดินทร์ ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ปฏิเสธจะตอบคำถามถึงกระแสข่าวการปรับโครงสร้างพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) และจะไปนั่งเป็นหัวหน้าพรรคเอง โดยพล.อ. ประยุทธ์ไม่ได้ตอบคำถามดังกล่าว แค่หันมายกมือทักทายสื่อมวลชน ก่อนเข้าร่วมประชุมสุดยอดอาเซียน-สาธารณรัฐเกาหลี ผ่านระบบการประชุมทางไกลไปทันที

โต้ก้าวก่ายพปชร.

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวกรณีหลังประชุมครม.เย็นวันที่ 25 ต.ค. พล.อ.ประยุทธ์ได้หารือร่วมกับ 6 รัฐมนตรีของพรรคพปชร. จนคาดเดากันไปต่างๆ นานานั้น ยืนยันว่าการหารือดังกล่าวเป็นการหารือเรื่องการทำงาน การบริหารราชการแผ่นดิน รวมถึงการแก้ปัญหาต่างๆ ยืนยันไม่ได้เกี่ยวการเมือง นายกฯ ทำหน้าที่บริหารราชการประเทศ ไม่ก้าวก่ายการทำงานของพรรคพปชร. การเมืองเป็นเรื่องของหัวหน้าพรรค

นายกฯ เป็นบุคคลภายนอกพรรค ไม่ได้เป็นสมาชิกพรรค การกระทำการใดๆ เกี่ยวกับการเมืองนายกฯ ไม่สามารถทำได้ และตลอดระยะเวลาที่ผ่านมานายกฯ ระมัดระวังเรื่องนี้มาโดยตลอด

ป้อมรับเล็งปรับกก.บห.พรรค

ที่กระทรวงแรงงาน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรค พปชร. ให้สัมภาษณ์ถึงการปรับโครงสร้างพรรคว่า “ยังๆ กำลังคิดอยู่”

เมื่อถามถึงกระแสข่าวได้คุยกับพล.อ. ประยุทธ์ถึงการปรับโครงสร้างพรรค พล.อ. ประวิตรกล่าวว่า “ก็ตอบไปแล้ว” เมื่อถามย้ำว่ามีแนวโน้มที่พล.อ.ประยุทธ์จะมาเป็นหัวหน้าพปชร.หรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า “ไม่รู้ ไม่ได้มาพูดกับผม” เมื่อถามว่า ไม่ได้มาพูดเรื่องนี้ใช่หรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า “คุยกันแล้ว แต่ไม่เห็นพูดเรื่องนี้กับผม”

กั๊กตอบเขี่ย‘ธรรมนัส’

เมื่อถามถึงข่าว 6 รัฐมนตรีของพปชร. เข้าพบนายกรัฐมนตรีช่วงเย็น 25 ต.ค.ที่ผ่านมา เพื่อพูดคุยกันถึงการปรับโครงสร้างพรรค พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า “ไม่รู้ สื่อรู้ก็บอกมา”

เมื่อถามว่าถึงเวลาต้องปรับเปลี่ยนตัวเลขาธิการพรรคใช่หรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า “ไม่รู้ ยังไม่รู้” เมื่อถามว่าเย็นวันนี้จะมีการประชุมคณะกรรมการสรรหาผู้สมัครของพรรค พล.อ.ประวิตรย้อนว่าจะคุยเรื่องอะไร เมื่อสื่อมวลชนตอบว่าคุยเรื่องภายในพรรค พล.อ.ประวิตรอุทานว่า “เฮอะ” แล้วส่ายหัวเดินจากที่แถลงข่าวทันที

เสี่ยเฮ้งกั๊กเสียบเก้าอี้เลขาฯ พรรค

ด้านนายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน ในฐานะกก.บห.พรรคพปชร.กล่าวถึงการปรับโครงสร้างกก.บห.พรรคจะสร้างความเข้มแข็งให้พรรคได้หรือไม่ว่า เชื่อมั่นพล.อ.ประวิตรมีแนวนโยบายและยุทธศาสตร์พรรคเพื่อเตรียมเลือกตั้ง ผ่านมาแล้ว 2 ปี จากวาระ 4 ปี เปรียบเสมือนเดินลงภูเขาจึงต้องเตรียมการตลอดเวลา เมื่อถามว่าพปชร.กำลังจะแตกหรือไม่ นายสุชาติกล่าวว่า ทุกคนรักและศรัทธาในหัวหน้าพรรค การปรับเปลี่ยนภายในพปชร.ทุกครั้งก็ดีขึ้นมาตลอดปรับเปลี่ยนเพื่อหาจุดสมดุล ถ้าครั้งนี้ปรับเปลี่ยนอีกก็คงไม่เกิดกระแสการวัดพลัง

ส่วนกรณีนายกฯ เรียก 6 รัฐมนตรีพูดคุยเมื่อ 25 ต.ค.ที่ผ่านมา จะปรับร.อ.ธรรมนัสออกจากเลขาฯ พรรคหรือไม่นั้น นายกฯ ไม่ได้เป็นสมาชิกพรรค จึงไม่ได้เกี่ยวพันกับเรื่องการเมืองและพรรค จึงไม่ได้พูดเรื่องนี้ แต่พูดถึงงานที่เกี่ยวพันกับกระทรวงแรงงาน เมื่อถามถึงการปิดห้องคุยกับพล.อ.ประวิตรหลังจบภารกิจที่กระทรวงแรงงาน นายสุชาติยิ้มก่อนกล่าวว่า พล.อ.ประวิตรชื่นชมทักษะคนพิการที่ร่วมโครงการกับกระทรวงแรงงาน เมื่อถามว่าไม่ได้พูดการเมืองหรือให้มาช่วยงานอื่นในพรรค นายสุชาติหัวเราะและกล่าวว่า “ผมก็อยู่กับท่านอยู่แล้ว” เมื่อถามว่าจะได้รับความวางใจให้เป็นเลขาธิการพรรคหรือไม่ นายสุชาติกล่าวว่า ถึงตอนนั้นค่อยว่ากัน

โฆษกยันปรับใหม่เร็วๆ นี้

น.ส.พัชรินทร์ ซำศิริพงษ์ โฆษกพปชร. กล่าวถึงกระแสข่าวการปรับโครงสร้างพรรคว่า เป็นเรื่องที่กำลังพิจารณาอยู่ ขณะนี้กก.บห.พรรคมีการหารือร่วมกันอย่างถี่ถ้วน และ จะปรับโครงสร้างพรรคในเร็วๆ เพื่อให้การทำงานของส.ส.และสมาชิกของพรรคเป็นไปตามยุทธศาสตร์และแนวนโยบายของพรรค ส่วนความชัดเจนจะปรับเปลี่ยนตำแหน่งใดหรือไม่นั้น ขอให้รอกก.บห.พรรคพิจารณาแล้วเสร็จก่อน

ป้อมนัดกก.บห.ประชุม 28 ต.ค.

วันเดียวกัน เจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์ของพรรค พปชร. ได้แจ้งข้อความผ่านไลน์แจ้งข่าวของพรรค ว่า พล.อ.ประวิตรได้นัดประชุม กก.บห.พรรคในวันพฤหัสบดีที่ 28 ต.ค. เวลา 13.30 น. พร้อมระบุว่า “หัวหน้าพรรคมีความเป็นห่วงในกระแสข่าวต่างๆ ที่คลาดเคลื่อนในขณะนี้ จึงเรียกประชุมกรรมการบริหารพรรค เพื่อทำความเข้าใจที่ตรงกัน ส่วนสถานที่ประชุมคาดว่าจะแจ้งความชัดเจนอีกที”

วิรัชเตือนแก้ไขยิ่งวุ่นวาย

ที่รัฐสภา นายวิรัช รัตนเศรษฐ รองหัวหน้า พปชร. กล่าวถึงกระแสข่าวพปชร.จะให้ กก.บห.พรรคลาออกเพื่อเลือกชุดใหม่ ว่า ยังไม่มีการสั่งการใดๆ จากหัวหน้าพรรค และเลขาฯ เป็นเพียงการวิเคราะห์วิจารณ์กันเฉยๆ การปรับเปลี่ยน กก.บห.พรรคอยู่กับหัวหน้าพรรค เลขาธิการพรรค และ กก.บห.พรรค เมื่อถามว่าเสียงของกก.บห.พรรคที่จะลาออก มีมากกว่าที่ไม่ลาออก ใช่หรือไม่ นายวิรัชกล่าวว่า พูดไม่ได้ หากพูดไปแล้วพูดผิดนิดเดียวก็จะมาต่อว่ากันอีก

เมื่อถามว่ามีการพูดถึงขั้นจะเปลี่ยนตัวเลขาฯ พรรคเป็นนายสุชาติ นายวิรัชกล่าวว่า คงไม่ถึงขนาดนั้นเพราะยังไม่มีข่าวอะไรเลย เมื่อถามว่า แรงกระเพื่อมเกิดจากความ ไม่พอใจกรณีทำโพลประเมินส.ส.หรือไม่ นายวิรัชกล่าวว่า ต้องยอมรับความจริง พปชร.เกิดจากการหล่อหลอมของสมาชิกหลายส่วน กว่าจะรวมกันติดได้ก็ต้องผ่านเลือกตั้งหลายครั้ง เดี๋ยวก็จะดีขึ้นเอง ฉะนั้นวันนี้ตนคงพูดอะไรมากไปกว่านี้ไม่ได้ ถ้าตรงนี้แก้ไขแล้วเดินได้ดีก็ควรแก้ไข แต่ถ้าแก้ไขแล้วยิ่งวุ่นวายก็ไม่ควรแก้ไข เมื่อถามว่าหมายถึงการปรับเปลี่ยนกก.บห.พรรค นายวิรัชกล่าวว่า ไม่ใช่ อาจเปลี่ยนอย่างอื่นก็ได้

ชี้ข่าวเต้า-ย้ายกลับพท.

เมื่อถามว่า พปชร.จะมีบางกลุ่มแตกออกไปหรือไม่ นายวิรัชกล่าวว่า ถ้าเป็นสภาพแบบนี้และใกล้เปิดประชุมสภาสมัยสามัญ อะไรที่เป็นความขัดแย้งถ้างดได้ก็ดี ส่วนที่พูดถึงตนว่าอนาคตจะย้ายไปพรรคเพื่อไทยนั้น ขอบอกคนที่เต้าข่าวตนอยู่ตรงนี้ดีที่สุด อยู่กับพล.อ.ประวิตร ดีที่สุดแล้ว ยืนยันไม่ได้มีความคิดเลย

เมื่อถามว่าจะมีการประชุมพรรคเพื่อเคลียร์ปัญหาที่เกิดขึ้นหรือไม่ นายวิรัชกล่าวว่า ถ้าเผื่อมีประเด็นต่างๆ เหล่านี้ก็ต้องหารือกันในช่วงสัปดาห์นี้ และถ้าจะให้เพิ่มเติมคือ เสียงของ 6 รัฐมนตรีที่ไปพบนายกฯ เมื่อ 25 ต.ค. ก็ไม่ใช่เสียงส่วนใหญ่ ถ้ามีการประชุมพรรคทั้ง 6 คนก็ควรมาชี้แจงต่อที่ประชุม

ธรรมนัสดอดคุยป้อม

รายงานข่าวจาก พปชร.เผยความเคลื่อนไหวหลัง 6 รัฐมนตรีของพรรคเข้าพบนายกฯ พร้อมพูดคุยกับ 3 ป. และ พล.อ.ประวิตร ยอมรับจะปรับโครงสร้างพรรค ล่าสุดเวลา 14.00 น. ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เดินทางเข้าพบพล.อ.ประวิตร ที่มูลนิธิป่ารอยต่อฯ หลังกลับจากไปพักผ่อนกับครอบครัวตั้งแต่ 24 ต.ค. ที่เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี ขณะเดียวกัน แกนนำพรรคส่วนหนึ่งเดินทางไปที่มูลนิธิ เช่นกัน เพื่อพูดคุยกับพล.อ.ประวิตร โดยยกเลิกการประชุมคณะกรรมการสรรหาผู้สมัครส.ส. ในเวลา 16.00 น.ไปก่อน

ล็อบบี้วุ่น-ป้อมนัดถก 28 ตค.

ส่วนการยื่นใบลาออกของกก.บห. ที่กำหนดเริ่ม 26 ต.ค.นั้น มีความเคลื่อนไหวแล้วแต่ยังไม่ถึงกึ่งหนึ่งตามข้อกำหนด โดยตลอดวันนี้ กลุ่มที่เห็นด้วยให้ปรับเปลี่ยน ได้โทร.ล็อบบี้ กก.บห.พรรครายบุคคลให้เซ็นลาออก ซึ่งเซ็นชื่อเรียบร้อยแล้วเกือบกึ่งหนึ่ง ส่วนใหญ่เป็นรัฐมนตรีที่เข้าพบนายกฯ ขณะที่กลุ่มของร.อ.ธรรมนัส และนายวิรัช โทร.ล็อบบี้ยับยั้งเช่นกัน ทำให้กก.บห.พรรคสับสน และจะรอฟังพล.อ.ประวิตร คนเดียว

กระทั่งช่วงเย็น พล.อ.ประวิตรได้โทร.หา กก.บห.พรรคทุกคน อย่าเพิ่งลาออก ให้ไปพูดคุยวันที่ 28 ต.ค.นี้ ยังไม่มีการลาออกอะไรทั้งนั้น และยังนัดกก.บห.พรรคและส.ส.บางคน เข้าไปพบที่มูลนิธิป่ารอยต่อฯ ช่วงบ่าย 27 ต.ค.

ส่วนกลุ่มที่เรียกร้องจะให้ปรับโครงสร้างพรรค รวมถึงตำแหน่งเลขาฯ พรรค ได้นัด พูดคุยกันก่อนจะประชุม 28 ต.ค. ที่ทำการ พปชร. ถ.รัชดาภิเษก หากมีการปรับโครงสร้างพรรคและนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงได้สำเร็จ มีแนวโน้มที่นายสันติ พร้อมพัฒน์ จะได้เป็นเลขาฯพรรค หลังมีชื่อชิงมา 2 รอบแล้ว

เซ็นลาออกแล้ว 8 คน

สำหรับกก.บห.พรรคที่เซ็นใบลาออกแล้ว 8 คน ได้แก่ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.อุตสาหกรรม นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม นายอนุชา นาคาศัย รมต.ประจำสำนักนายกฯ นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน นายอิทธิพล คุณปลื้ม รมว.วัฒนธรรม นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง นายสรวุฒิ เนื่องจำนงค์ ส.ส.ชลบุรี ส่วนกก.บห.พรรคจำนวนหนึ่งที่ไม่ใช่สายตรง ร.อ.ธรรมนัส อยู่ระหว่างตัดสินใจ และบางส่วนรอสัญญาณที่ชัดเจนจากพล.อ.ประวิตร

ธรรมนัสเมินถูกบีบ

ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาฯ พปชร. กล่าวถึงข่าวอาจถูกปรับพ้นเลขาฯพรรค ว่า เพิ่งทราบข่าว ยังไม่ได้พูดคุยกับพล.อ.ประวิตร เพิ่งกลับจากต่างจังหวัด ต้องปล่อยให้เป็นเรื่องของหัวหน้าและกก.บห.พรรคตัดสินใจ และรอการประชุม 28 ต.ค. เพื่อชี้แจงถึงกระแสข่าวต่างๆ ที่เกิดขึ้นให้เกิดความชัดเจน ตนจะเข้าร่วมประชุมด้วย เมื่อถามว่าข่าวที่ออกมารู้สึกบั่นทอนหรือไม่ ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า ไม่บั่นทอนอะไร และจะไม่ดำเนินการตอบโต้ ให้เป็นเรื่องที่พรรคต้องตัดสินใจ

2 นักร้องยื่นกกต.ยุบเพื่อไทย

เวลา 10.00 น. ที่สำนักงาน กกต. นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิก พปชร. ยื่นต่อกกต.ขอให้พิจารณายุบพรรคเพื่อไทย (พท.) กรณีมีคลิปภาพและเสียงปรากฏ ระหว่างนายเกรียง กัลป์ตินันท์ ส.ส.อุบลฯ วิดีโอคอลกับนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ โดยอ้างเข้าข่ายฝ่าฝืน พ.ร.ป.พรรคการเมือง มาตรา 28 หรือไม่ และเป็นเหตุให้ต้องยื่นศาลรัฐธรรมนูญยุบพรรค พร้อมระบุ นายเกรียงให้สัมภาษณ์ยอมรับข้อเท็จจริงปรากฏตามคลิป มีการพูดถึงแคนดิเดตนายกฯ ด้วย และค้นข้อมูลเพิ่มเติมพบเฟซบุ๊ก ชื่อ “ธรณ์ ศศิวิมล” โพสต์ภาพงานเลี้ยงระบุ “ส.ส.พรรคเพื่อไทยครึ่งร้อย ร่วมงานเลี้ยงสังสรรค์

ซึ่งไฮไลต์อยู่ที่การวิดีโอคอลเข้ามาของทักษิณ เสียดายไม่ได้นั่งอยู่ในงาน แต่รู้ว่าหลังพูดจบ ส.ส.ครึ่งร้อยที่อยู่ในงานหัวใจพองโตขึ้นสามเท่า” อีกประเด็นคือ การประชุมพรรคนำลายมือชื่อที่สื่อระบุเป็นของนายทักษิณเขียนว่า “พรรคเพื่อไทย” หรือคำว่า “พรุ่งนี้เพื่อไทย” มาใช้ในเฟซบุ๊กพรรคและเฟซบุ๊กสมาชิกพรรค

จากนั้นเวลา 10.30 น. นายสนธิญา สวัสดี ที่ปรึกษากมธ.กฎหมายฯ สภาผู้แทนราษฎร เข้ายื่นต่อ กกต.ให้ยุบ พท.กรณีคลิปวิดีโอคอลจากนายทักษิณ เช่นกัน กล่าวหาขัดพ.ร.ป.พรรคการเมือง มาตรา 28 และมาตรา 29 ครอบงำ และมาตรา 74 (1) ให้ กกต.ตรวจสอบสัญชาติของนายทักษิณ เท่าที่ทราบถือไม่ต่ำกว่า 3 สัญชาติ อยากให้รัฐตรวจสอบว่า นายทักษิณยังถือสัญชาติไทยอยู่หรือไม่ หรือกรณีถือสัญชาติมอนเตเนโกรบังคับว่าจะถือสัญชาติอื่นได้ด้วยหรือไม่

พท.จี้ร้องตู่ครอบงำ‘พปชร.’

นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองหัวหน้าพรรค พท. กล่าวกรณี พล.อ.ประยุทธ์ ถกลับ 6 รัฐมนตรี พปชร. ว่า พล.อ.ประยุทธ์ เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับพรรค ต้องระวังการถูกกล่าวหาควบคุม ครอบงำ หรือชี้นำกิจกรรมทางการเมืองของพรรค ต้องระวางโทษจำคุก 5 ถึง 10 ปี และเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งใดๆ “การวางแผนสั่งการรื้อโครงสร้างพรรคพลังประชารัฐ โดยให้กรรมการบริหารพรรคลาออกเกินครึ่ง เพื่อล้างไพ่กันใหม่ หมิ่นเหม่ที่ พล.อ.ประยุทธ์ อาจถูกร้องว่าเป็นคนนอกที่เข้าควบคุมครอบงำ หรือชี้นำกิจกรรมทางการเมืองของพรรคพลังประชารัฐหรือไม่ นักร้องยุบพรรคทั้งหลายอย่าเลือกปฏิบัติจ้องยื่นร้องยุบแต่พรรคอื่น กรณีของพล.อ.ประยุทธ์ ที่อาจเข้าข่ายมากกว่าต้องยื่นยุบพรรคด้วย”

‘พรพิมล’สมัครเข้าภท.แล้ว

เวลา 09.30 น. ที่พรรคภูมิใจไทย (ภท.) น.ส.พรพิมล ธรรมสาร ส.ส.ปทุมธานี ที่พรรค พท. มีมติขับออก พร้อมนายสมบัติ รัตโน อดีต ส.ส.อุบลฯ พท. เข้าสมัครเป็นสมาชิกพรรค ภท.เรียบร้อยแล้ว โดยมีนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และรมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรค และนายศุภชัย ใจสมุทร นายทะเบียนพรรค ต้อนรับ

น.ส.พรพิมลให้สัมภาษณ์ว่าการสมัครเข้าเป็นสมาชิกภท. ตัดสินใจมาสักระยะแล้ว ไม่มีอะไรซับซ้อน เพราะตนไม่ได้ร่วมกิจกรรมกับ พท.มาสักพักแล้ว นโยบายของทุกพรรคคงเน้นไปที่การทำให้ประชาชนมีความสุข อยู่ดี กินดี ไม่แตกต่างกัน แต่ต้องดูว่าพรรคไหนจะทำให้นโยบายสำเร็จได้ ซึ่ง ภท.เป็นพรรครัฐบาลก็น่าจะดำเนินการตามนโยบายสำเร็จได้เร็ว การตัดสินใจคือเลือกอยู่แบบสบายใจ มาอยู่บ้านหลังไม่ใหญ่มากแต่อบอุ่น

พท.ดัน‘ชลน่าน’หน.พรรค

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมใหญ่สามัญของพรรค พท. ในวันที่ 28 ต.ค. นอกจากมีวาระการขับเคลื่อนพรรคภายใต้แคมเปญ “พรุ่งนี้เพื่อไทย: เพื่อชีวิตใหม่ของประชาชน” แล้ว ยังมีการเลือกตั้งกก.บห.พรรคชุดใหม่ และกรรมการสรรหาชุดใหม่ด้วย ซึ่งจะมีการเปลี่ยนตัวหัวหน้าพรรคจาก นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส.เชียงใหม่ เป็น นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน และจะมีการเลือกตั้งกก.บห.พรรคเข้าไปใหม่บางส่วน เช่น รองหัวหน้าพรรค

เนื่องจากช่วงเวลาที่ผ่านมามี กก.บห.พรรคลาออก ทำให้โควตากรรมการสรรหาในส่วนของ กก.บห.พรรคขาดไปด้วย จึงถือโอกาสนี้เขย่าโครงสร้าง เพื่อให้เกิดการทำงานร่วมกันของสมาชิกพรรคทุกภาค โดยการดึงสมาชิกจากภาคต่างๆ มาเป็น กก.บห.พรรค เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานให้เข้มข้นขึ้น และเตรียมรับศึกเลือกตั้งที่จะมาถึง

‘หมอเลี้ยบ’นั่งผอ.พรรค

ขณะที่ตำแหน่งอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นเลขาธิการพรรค โฆษกพรรค นายทะเบียนพรรค หรือเหรัญญิกพรรค จะไม่มีการเปลี่ยนแปลง เพราะจะปรับจำนวน กก.บห.พรรค ไม่ให้มีมากเกินจำเป็น เพื่อกันอุบัติเหตุทางการเมืองที่อาจเกิดขึ้นด้วย นอกจากนี้ ยังมีการตั้ง นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี แกนนำกลุ่มแคร์ เป็น ผอ.พรรค แทนนายทนุศักดิ์ เล็กอุทัย ที่ออกไปรักษาตัว แต่การประชุมใหญ่ครั้งนี้จะยังไม่มีการเปิดตัวแคนดิเดตนายกฯ ของพรรค

ถกอาเซียน – พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ร่วมประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 39 ผ่านระบบการประชุมทางไกลของนายกรัฐมนตรี ที่ตึกภักดีบดินทร์ ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 26 ต.ค.

ตู่ถกอาเซียน-เรียกร้องช่วยเมียนมา

เวลา 08.00 น. วันที่ 26 ต.ค. ที่ตึกภักดีบดินทร์ ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและรมว.กลาโหม เข้าร่วมและกล่าวถ้อยแถลงในการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 38 ผ่านการประชุมทางไกล ซึ่งรวบการประชุมครั้งที่ 38 และ 39 มาไว้วันเดียวกัน เนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 โดยมีบรูไนเป็นเจ้าภาพ ระหว่าง 26-28 ต.ค.

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า การประชุมสุดยอดอาเซียนครั้งที่ 38 ที่ประชุมมีประเด็นหลักที่หยิบยกขึ้นหารือ ได้แก่ การต่อสู้กับโควิด-19 ขอเสนอประเด็นที่อาเซียนควรให้ความสำคัญ 3 ประการ 1.ต้องดำเนินการตามข้อริเริ่มในกรอบอาเซียนเพื่อแก้โควิด-19 ให้มีประสิทธิภาพ 2.ควรเริ่มเปิดภูมิภาคและส่งเสริมการเดินทางไปมาหาสู่กันอย่างปลอดภัย ซึ่งไทยเริ่มเปิดประเทศ 1 พ.ย.นี้ 3.โควิด-19 และภัยธรรมชาติอื่นๆ สะท้อนจุดอ่อนการพัฒนาที่เน้นผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ โดยละเลยสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติ ต้องปรับกระบวนทัศน์การใช้ชีวิตทุกด้าน ทำให้การฟื้นฟูและพัฒนาอาเซียนเป็นไปอย่างยั่งยืนสอดคล้องโมเดลเศรษฐกิจ BCG ที่ไทยทำอยู่

เวลา 10.00 น. นายกฯ กล่าวถ้อยแถลงในการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 39 ช่วงหนึ่งกล่าวถึงสถานการณ์ในเมียนมาว่า เป็นความท้าทายของอาเซียน เชื่อว่าผู้นำอาเซียนให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของอาเซียน และจะช่วยกันธำรงหลักการนี้ไว้ ด้วยการช่วยให้สมาชิกครอบครัวอาเซียนอยู่ร่วมกันพร้อมหน้าครบถ้วนเหมือนดังที่เคยเป็น มิใช่เช่นในวันนี้ และหวังว่าเมียนมาจะไว้ใจการช่วยเหลือให้บรรลุสันติภาพและความสมานฉันท์ กลับคืนสู่กระบวนการประชาธิปไตย

เวลา 12.30 น. พล.อ.ประยุทธ์กล่าวถ้อยแถลงในการประชุมสุดยอดอาเซียน-สาธารณรัฐเกาหลี ครั้งที่ 22 และมีการหารือเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างกัน และความร่วมมือด้านสาธารณสุขเพื่อผลิตวัคซีนโควิด-19 และความมุ่งหวังการสร้างสันติภาพบนคาบสมุทรเกาหลี จากนั้นเวลา 14.00 น. นายกฯกล่าวถ้อยแถลงในการประชุมสุดยอดอาเซียน-จีน ครั้งที่ 24 ว่า ไทยสนับสนุนการพัฒนาของจีนในฐานะมหาอำนาจที่มีความรับผิดชอบ และมุ่งหวังให้จีนมีบทบาทนำในความร่วมมือกับนานาประเทศ รวมทั้งอาเซียนและกลุ่มประเทศกำลังพัฒนา และตนจะเข้าร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียน-จีน สมัยพิเศษ ปลายพ.ย.นี้ และหวังจะได้ต้อนรับประธานาธิบดีสีจิ้นผิงที่ไทยในการประชุมเอเปกปี 2565 ด้วย

ช่วยคนพิการ – พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ตรวจเยี่ยม ‘โครงการจ้างงานคนพิการเชิงสังคม’ และเป็นสักขีพยานการ ลงนามระหว่างภาครัฐ-เอกชน โดยมีนายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน ให้การต้อนรับ ที่กระทรวงแรงงาน เมื่อวันที่ 26 ต.ค.

‘รมต.เฮ้ง’ลุยจ้างงานคนพิการ

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 26 ต.ค. ที่กระทรวงแรงงาน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานพิธี “โครงการจ้างงานคนพิการเชิงสังคม” มีนายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน ต้อนรับ โดยเป็นสักขีพยานในการลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) ระหว่างภาครัฐและเอกชน และมอบใบประกาศเกียรติคุณให้แก่ภาคเอกชน 7 แห่ง ที่เข้าร่วมโครงการ

พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า รัฐบาลมีนโยบายให้ความสำคัญต่อการยกระดับคุณภาพชีวิตของคนพิการให้ดีขึ้น โดยทำบันทึกข้อตกลงความร่วมมือโครงการบูรณาการเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตกลุ่มเปราะบาง รายครัวเรือน ระหว่าง 12 กระทรวง 1 หน่วยงาน เป็นการสร้างแรงจูงใจให้กับทุกภาคส่วนจ้างงานคนพิการ หรือผู้ดูแลคนพิการแทนการส่งเงินเข้ากองทุนส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ

โดยกรมการจัดหางาน จะทำหน้าที่ให้บริการจัดหางานในประเทศ แก่ประชาชนกลุ่มเปราะบาง ให้มีงานทำและมีรายได้เหมาะสม เพียงพอสำหรับการดำรงชีวิต พัฒนาฝีมือแรงงานให้แก่ครอบครัวเปราะบาง และผู้ที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ให้มีความรู้ ความสามารถในการประกอบอาชีพ สอดคล้องกับความต้องการตลาดแรงงาน ถือเป็นอีกหนึ่งแนวทาง ที่จะรองรับนโยบาย ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลังของรัฐบาล ทั้งนี้ให้กระทรวงแรงงานเร่งขับเคลื่อนโครงการให้บรรลุเป้าหมาย นำไปสู่ผลสัมฤทธิ์ ในการลดความเหลื่อมล้ำและสร้างความเสมอภาคให้ได้อย่างยั่งยืนสำหรับคนพิการ

นายสุชาติกล่าวว่า กระทรวงแรงงานขานรับนโยบายรัฐบาลและเร่งดำเนินการสนับสนุนการจ้างงานเพื่อช่วยเหลือกลุ่มเปราะบางที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 และการสนับสนุนให้คนพิการมีงานทำตามศักยภาพ และความต้องการทำงาน โดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง

จากความร่วมมือของสถานประกอบการภาคเอกชนทั่วประเทศ ยืนยันการจับคู่ พร้อมทำงานแล้ว 568 อัตรา จากเป้าหมาย 1,000 อัตรา แบ่งเป็นจากสถานประกอบการทั้ง 7 แห่งที่ร่วมทำ MOU 329 อัตรา และสถานประกอบการเอกชนอื่นๆ ทั่วประเทศที่ให้ตำแหน่ง รวม 239 อัตรา ทั้งหมดจะทำสัญญาจ้างภายใน 31 ธ.ค. 2564 และเริ่มปฏิบัติงานในวันที่ 1 ม.ค. 2565 วิธีนี้คนพิการจะมีงานทำ มีอาชีพ มีรายได้ สามารถรับประโยชน์ได้โดยตรง

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน