ต้นสังกัดแจ้งรัฐบาล
ชงศบค.ลดจว.แดงเข้ม
1.2หมื่นรร.พร้อมเปิด
พย.เร่งฉีด23ล.โดส
เชียงใหม่-สงขลาหนัก

‘ลิซ่า แบล็กพิงก์’ ศิลปินเคป๊อป ระดับโลก ยกเลิกมาเคานต์ดาวน์ไทยแล้ว บริษัทต้นสังกัดเกาหลีแถลงมีคิวงานแล้ว แม้รัฐบาลไทยลงทุนจ้าง 100 ล้านหวังช่วยฉุดท่องเที่ยว สร้างภาพลักษณ์ไทย นายกฯ ฉีดไฟเซอร์บูสต์เข็ม 3 แล้ว เตรียมพร้อมถกเวทียูเอ็น ที่สกอตแลนด์ ระบุเสียใจ เล็งหาศิลปินที่มีชื่อเสียงมาแทน สั่งจัดวัฒนธรรม 5 ภาคโชว์ อนุทินเร่งฉีด 23 ล้านโดสให้ได้ในพ.ย. ยอดป่วยโควิดยังพุ่ง 9,658 ราย ตาย 84 ยันติดเชื้อขาลง ป่วยปอดอักเสบลด อนุมัติวัคซีนพาสปอร์ตดิจิตอล ศธ.เดินหน้าเปิดเทอม 2 ‘ตรีนุช’ แจง 1.2 หมื่นโรงเรียนขอเปิดการเรียนการสอนแบบออนไซต์ ชงศบค.ถกวันนี้ ลดจังหวัดแดงเข้ม จากเดิมมี 23 จังหวัดให้เหลือเพียง 7 จังหวัด นราธิวาส ปัตตานี ยะลา สงขลา นครศรีธรรมราช จันทบุรี และตาก

โควิดเพิ่มอีก 9,658-ตาย 84

เมื่อวันที่ 28 ต.ค. ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) รายงานสถานการณ์โควิด-19 ประจำวันว่า พบผู้ติดเชื้อใหม่ 9,658 ราย สะสม 1,884,973 ราย หายป่วย 8,526 ราย สะสม 1,766,823 ราย เสียชีวิต 84 ราย สะสม 19,006 ราย อยู่ระหว่างการรักษา 99,144 ราย อยู่ในร.พ. 44,691 ราย ร.พ.สนามและอื่นๆ 54,453 ราย มีอาการหนัก 2,281 ราย และใส่เครื่องช่วยหายใจ 526 ราย ภาพรวมผู้ติดเชื้อวันนี้มาจาก 67 จังหวัดรวมกันสูงสุด 5,980 ราย คิดเป็น 63% 4 จังหวัดชายแดนใต้ 1,869 ราย คิดเป็น 20% กทม.และปริมณฑล 1,580 ราย คิดเป็น 17% ส่วนเรือนจำพบ 218 ราย และเดินทางมาจากต่างประเทศมี 11 ราย ได้แก่ ลาว 4 ราย รัสเซีย 3 ราย กัมพูชา 2 ราย เบลเยียม และเมียนมา ประเทศละ 1 ราย

ผู้เสียชีวิต 84 ราย มาจาก 34 จังหวัด ได้แก่ นครศรีธรรมราช 11 ราย, กทม. 8 ราย, ปัตตานี 6 ราย, สมุทรปราการ ระยอง จังหวัดละ 5 ราย, เชียงใหม่ 4 ราย, ปทุมธานี ตาก ยะลา สระบุรี กาญจนบุรี ฉะเชิงเทรา จังหวัดละ 3 ราย, พังงา กระบี่ นครนายก ประจวบ คีรีขันธ์ ชลบุรี จังหวัดละ 2 ราย และ นครปฐม สมุทรสาคร ขอนแก่น ร้อยเอ็ด นครราชสีมา อุดรธานี เชียงราย เพชรบูรณ์ สุโขทัย ชัยนาท ภูเก็ต ชุมพร นราธิวาส สตูล อ่างทอง ราชบุรี และสระแก้ว จังหวัดละ 1 ราย เป็นชาย 48 ราย หญิง 36 ราย อายุ 27-99 ปี ค่ากลางอายุ 67.5 ปี โดยเป็นผู้สูงอายุ 60 ปีและมีโรคประจำตัวรวมกัน 87% ไม่มีโรคเรื้อรัง 13% เสียชีวิตนอกร.พ. 2 ราย ที่ยะลา อายุ 83 ปี และ 88 ปี มีประวัติโรคหลอดเลือดสมอง

จังหวัดที่ติดเชื้อเกิน 100 รายมี 25 จังหวัด โดย 10 อันดับที่ติดเชื้อสูงสุด ได้แก่ 1.กทม. 845 ราย สะสม 397,222 ราย 2.สงขลา 677 ราย สะสม 45,458 ราย 3.นครศรีธรรมราช 612 ราย สะสม 28,115 ราย 4.ยะลา 496 ราย สะสม 39,691 ราย 5.ชลบุรี 375 ราย สะสม 100,159 ราย 6.ปัตตานี 369 ราย สะสม 35,130 ราย 7.สมุทรปราการ 356 ราย สะสม 121,691 ราย 8.เชียงใหม่ 356 ราย สะสม 15,143 ราย 9.นราธิวาส 327 ราย สะสม 35,444 ราย และ 10.ประจวบคีรีขันธ์ 280 ราย สะสม 14,753 ราย

สำหรับ 15 จังหวัดที่เหลือ ได้แก่ ระยอง 273 ราย, จันทบุรี 220 ราย, ตรัง 215 ราย, ขอนแก่น 195 ราย, สุราษฎร์ธานี 177 ราย, ตราด 174 ราย, พัทลุง 152 ราย, กาฬสินธุ์ 142 ราย, ตาก 139 ราย, สระแก้ว 135 ราย, พระนครศรีอยุธยา 132 ราย, สมุทรสาคร 130 ราย, เพชรบุรี 130 ราย, ฉะเชิงเทรา 109 ราย และอุดรธานี 109 ราย

ฉีดวัคซีนแล้ว 72.8 ล้านโดส








Advertisement

ขณะที่ติดเชื้อต่ำกว่า 29 ราย มี 18 จังหวัด ได้แก่ ชัยภูมิ 19 ราย, ลำพูน 18 ราย, สมุทรสงคราม 16 ราย, ระนอง 16 ราย, หนองบัวลำภู 15 ราย, สิงห์บุรี 14 ราย, อำนาจเจริญ 12 ราย, พะเยา 9 ราย, ยโสธร 9 ราย, เลย 9 ราย, สกลนคร 9 ราย, ลำปาง 8 ราย, อุทัยธานี 5 ราย, บึงกาฬ 5 ราย, แม่ฮ่องสอน 4 ราย, แพร่ 3 ราย, นครพนม 2 ราย ส่วนน่านไม่พบผู้ติดเชื้อ

สำหรับการฉีดวัคซีนโควิด-19 วันที่ 27 ต.ค. ฉีดเพิ่มขึ้น 762,954 โดส สะสม 72,812,483 โดส แบ่งเป็น เข็มแรก 41,075,152 ราย คิดเป็น 57% ของประชากร เข็มสอง 29,469,487 ราย คิดเป็น 40.9% ของประชากร และเข็มสาม 2,267,844 ราย คิดเป็น 3.1% ของประชากร

ชงปรับแดงเข้มเหลือ 7 จว.

รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาล แจ้งว่า ในการประชุมศบค.ชุดใหญ่ ในวันที่ 29 ต.ค. ที่มีนายกรัฐมนตรี ในฐานะผอ.ศบค. เป็นประธานการประชุม ทางศปก.ศบค. เตรียมเสนอ ปรับลดความเข้มข้นของมาตรการลงเพื่อให้เกิดความผ่อนคลายมากยิ่งขึ้นเพื่อรองรับการเปิดประเทศในวันที่ 1 พ.ย.นี้ โดยเสนอขอปรับโซนสีพื้นที่จังหวัดจากสีแดงเข้ม ที่เดิมมี 23 จังหวัดให้เหลือเพียง 7 จังหวัด ประกอบด้วย 4 จังหวัดชายแดนภาคใต้ คือ นราธิวาส ปัตตานี ยะลา สงขลา, นครศรีธรรมราช จันทบุรี และตาก โดยยังคงมาตรการเดิมของพื้นที่สีแดงเข้ม และไม่ปรับเรื่องเวลาการออกนอกเคหสถานในเวลากลางคืน (เคอร์ฟิว)

สำหรับศบค. ส่วนหน้าได้เตรียมรายงานความคืบหน้าสถานการณ์การแพร่ระบาดในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ และเตรียมเสนอ 5 แนวทาง ได้แก่ การป้องกัน การควบคุม การรักษา การเยียวยา และการเตรียมความพร้อมเข้าสู่มาตรการผ่อนคลาย และยืนยันว่า พื้นที่ศบค. ส่วนหน้ามีวัคซีนเพียงพอ เหลือเพียงแต่ขั้นตอนของกระบวนการที่เจ้าหน้าที่จะเข้าฉีดวัคซีนให้กับประชาชนเท่านั้น

‘ตู่’บูสต์ไฟเซอร์-บินถกตปท.

ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาลว่า วันเดียวกัน ก่อนที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม จะปฏิบัติภารกิจตามวาระ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และรมว.สาธารณสุข นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) พร้อมเจ้าหน้าที่จาก ร.พ.บำราศนราดูร สธ.นำวัคซีนไฟเซอร์ ซึ่งเป็นบูสเตอร์วัคซีนเข็ม 3 มาฉีดให้กับ พล.อ.ประยุทธ์ บนตึกไทยคู่ฟ้า โดย นพ.เกียรติภูมิเป็นผู้ฉีดให้ จากก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 16 มี.ค. นายกฯ ฉีดวัคซีนแอส ตร้าเซนเนก้าเข็มที่หนึ่ง จากนั้น 24 พ.ค. ฉีดแอสตร้าฯ เข็มที่สอง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การรับบูสเตอร์วัคซีนไฟเซอร์ของนายกฯ เข็มสามครั้งนี้ เพื่อเตรียมการก่อนเดินทางไปร่วมประชุมสุดยอด ด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของสหประชาชาติครั้งที่ 26 ที่เมืองกลาสโกว์ ประเทศสกอตแลนด์

นายอนุทินให้สัมภาษณ์ว่า นพ.เกียรติภูมิเป็นผู้ฉีดวัคซีนให้นายกฯ ซึ่งนายกฯ ไม่มีอาการผิดปกติอะไร เป็นการฉีดตามกำหนด หลังจากฉีดแอสตร้าฯ 2 เข็ม ครบ 6 เดือน และนายกฯ ต้องเดินทางไปต่างประเทศด้วย เมื่อถามว่านายกฯ ถือเป็นคนแรกๆ ที่ฉีด แอสตร้าฯ 2 เข็ม และบูสต์ด้วยไฟเซอร์เป็นเข็มสามใช่หรือไม่ นายอนุทินกล่าวยอมรับว่าถือเป็นคนแรกๆ แต่ทั้งนี้จะมีบุคลากรทางการแพทย์ที่ได้รับการฉีดวัคซีนไฟเซอร์ด้วย

ได้อีก 1.5 ล้านโดสฉีดน.ร.

ด้าน นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค (คร.) สธ. กล่าวว่า วัคซีนไฟเซอร์ได้จัดส่งถึงประเทศไทยตามกำหนดเมื่อวันที่ 27 ต.ค. อีก 1,538,550 โดส ภาพรวมขณะนี้ได้ส่งมอบแล้ว 8 ล้านโดส คือ ก.ย. 2 ล้านโดส และ ต.ค.อีก 6 ล้านโดส ยังไม่รวมกับการบริจาคจากสหรัฐอเมริกาอีก 1.5 ล้านโดส ซึ่งวัคซีนที่มาถึงล่าสุดนี้ มุ่งเน้นไปที่กลุ่มนักเรียน โดยผู้ปกครองสามารถแจ้งความประสงค์ให้บุตรหลานเข้ารับการฉีดวัคซีนไฟเซอร์ได้ตามความสมัครใจ ซึ่งขณะนี้มีนักเรียนอายุ 12 ปีขึ้นไป แสดงความประสงค์ในการฉีดวัคซีนทั่วประเทศ 4.3 ล้านราย ขอยืนยันว่าวัคซีนมีจำนวนเพียงพอแน่นอน เนื่องจากมีการจัดสรรวัคซีนให้กับกลุ่มนี้จำนวน 5.7 ล้านโดส แยกเป็นเข็มที่ 1 จำนวน 4.3 ล้านโดส และเข็มที่ 2 จำนวน 1.4 ล้านโดส โดยฉีดวัคซีนเข็มที่ 1 แล้วกว่า 2 ล้านโดส

สำหรับผลข้างเคียง พบรายงานการเกิดกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ/เยื่อหุ้มหัวใจอักเสบ น้อยกว่า 10 ราย ทุกรายมีอาการไม่รุนแรงและรักษาหายเป็นปกติเกือบทั้งหมด ซึ่งเกิดขึ้นได้น้อยกว่าในต่างประเทศ

‘บลิงก์’เซ็ง‘ลิซ่า’มาไม่ได้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีนายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา เตรียมใช้งบประมาณ 100 ล้านบาท จ้าง น.ส.ลลิษา มโนบาล หรือลิซ่า แบล็กพิงก์ และอันเดรอา โบเชลลี นักร้องโอเปร่าชาวอิตาลี มาร่วมงานเคานต์ดาวน์ที่ จ.ภูเก็ต โดยจะเสนอเรื่องเข้าที่ประชุม ครม.อย่างเป็นทางการนอกสถานที่ (ครม.สัญจร) ที่ จ.กระบี่ ในเดือนพ.ย. โดยงานดังกล่าวจะมีภาคเอกชนมาร่วมเป็นสปอนเซอร์

ล่าสุดวันเดียวกัน วายจี เอ็นเตอร์เทนเมนต์ บริษัทต้นสังกัดของลิซ่า ออกแถลงว่า เนื่องจากมีการรายงานข่าวว่า ลิซ่า ลลิษา มโนบาล ซึ่งเป็นศิลปินในสังกัดของบริษัท จะเข้าร่วมงานเคานต์ดาวน์ฉลองปีใหม่ที่ประเทศไทย ทาง วายจี เอ็นเตอร์เทนเมนต์ ขอเรียนชี้แจงว่า รู้สึกขอบคุณและเป็นเกียรติอย่างสูงที่ได้รับการติดต่อให้ศิลปินในสังกัดเข้าร่วมงานเคานต์ดาวน์ฉลองปีใหม่ที่ประเทศไทย แต่บริษัทต้องขอแจ้งให้ทราบว่าลิซ่าไม่สามารถร่วมงานได้ ด้วยตารางงานที่ถูกกำหนดไว้แล้ว ทางบริษัทจึงเรียนแจ้งเพื่อความเข้าใจที่ตรงกัน ขอบคุณที่ติดตามผลงานของศิลปินเป็นอย่างดีมาโดยตลอด

ต่อมานายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ททท. สำนักงานโซล ได้รับแจ้งจากต้นสังกัดของลิซ่า แบล็กพิงก์ ว่า ลิซ่าไม่สามารถมาร่วมงานเคานต์ดาวน์ที่เมืองไทยได้ ททท.เคารพการตัดสินใจดังกล่าว และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้มีโอกาสทำงานร่วมกันในอนาคตต่อไป อย่างไรก็ตาม ททท.จะเดินหน้าตาม นโยบายของรัฐบาล รับเปิดประเทศ โดยจัดกิจกรรม Reopen Thailand : Culture & Tourism Festival ในพื้นที่นำร่องการท่องเที่ยว (พื้นที่สีฟ้า) และพื้นที่อื่นๆ ทั่วประเทศ โดยพิจารณาจากความพร้อมด้านสถานการณ์ในพื้นที่เป็นหลัก ได้แก่ ความครอบคลุมการได้รับวัคซีน และมีจำนวนผู้ติดเชื้อต่ำ บนพื้นฐานมาตรการควบคุมโรค เพื่อสร้างพื้นที่ปลอดภัยเพื่อการท่องเที่ยว

สำหรับ Reopen Thailand : Culture & Tourism Festival เป็นการรวมพลังครั้งยิ่งใหญ่ของศิลปินพื้นบ้าน ศิลปินสาขาต่างๆ ทุกสังกัดทุกแนวเพลง ไปพร้อมๆ กับการ ส่งเสริมการท่องเที่ยว ไม่ว่าจะเป็นสถานที่ท่องเที่ยว อาหารถิ่น เพื่อสร้างความสุขให้กับคนไทยหลังต้องเผชิญกับวิกฤตโควิดมาเกือบสองปี ปลดล็อกการท่องเที่ยวในประเทศ รักษาสมดุลระหว่างสาธารณสุขและเศรษฐกิจ เป็นกลไกช่วยให้กลับมาดำเนินชีวิตได้ตามปกติ ตอบโจทย์การเปิดประเทศ และสนับสนุนการพลิกฟื้นเศรษฐกิจต่อไป

ตู่ก็เสียใจ-จี้โชว์วัฒนธรรม 5ภาค

พล.อ.ประยุทธ์ นายกฯ กล่าวว่า เขาติดภารกิจล่วงหน้า ซึ่งได้มีการประสานกันมาโดยตลอด ก็ไม่เป็นไร ยอมรับว่าเสียใจและผิดหวังเหมือนกัน แต่ก็เห็นใจเพราะเป็นเรื่องธุรกิจ คนเตรียมจองมาดูเยอะ เพราะกำลังฮิต ถ้าไม่ฮิตคนเขาก็คงไม่จองซึ่งตนได้สั่งการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปแล้วทั้งในส่วนรมว.การท่องเที่ยวและกีฬา ให้หารือกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ว่าอันไหนที่จัดได้เราก็จะจัด ในส่วนของต่างประเทศเราก็จะจัดต่อไป แต่ต้องหาคนที่มีชื่อเสียงและเป็นที่รู้จัก หรือคนที่เป็นสัญลักษณ์ เพราะต้องการให้มีนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศเข้ามา

“ในส่วนที่เหลือผมได้ให้นโยบายว่าให้มีการแสดง 5 ภาคเข้าไปด้วยที่เป็นวัฒนธรรม วันนี้เรามีศักยภาพในเรื่องของวัฒนธรรม ซึ่งเป็นอำนาจด้านหนึ่งเช่นกันนอกจากเรื่องความมั่นคงและเศรษฐกิจ เราก็ยังมีด้านวัฒนธรรม จึงต้องนำพาประเทศไปในด้านนี้ ทั้งวัฒนธรรม พหุวัฒนธรรม และศิลปวัฒนธรรมของเราที่มีมากมาย ซึ่งคนเขาก็ยอมรับเราอยู่แล้ว

พ.ย.เร่งฉีดให้ได้ 23 ล้านโดส

วันเดียวกัน นายอนุทิน รองนายกฯ และรมว.สธ. กล่าวเปิดการประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ ว่า สถานการณ์โรคโควิด-19 ในประเทศไทย แนวโน้มลดลงต่อเนื่องมาหลายสัปดาห์ ทั้งการติดเชื้อ ผู้ป่วยอาการหนัก และผู้เสียชีวิต โดยการระบาดพื้นที่ชายแดนใต้ได้จัดส่งวัคซีนไปควบคุมการระบาด ขณะนี้น่าจะควบคุมได้ระดับหนึ่ง เนื่องจากได้รับความร่วมมือทุกภาคส่วน ส่วนพื้นที่ต้องจับตาพิเศษ คือ จังหวัดใหญ่อย่าง นครศรีธรรมราช พื้นที่การท่องเที่ยว เชียงใหม่ ตาก จันทบุรี ระยอง และขอนแก่น รวมถึงเรือนจำ

ทั้งนี้ ประเทศไทยฉีดวัคซีนโควิด 19 สะสม 72 ล้านโดส ถือว่าเร่งทำการฉีดให้สอดคล้องกับจำนวนวัคซีนที่ได้รับมา และเป็นไปตามความคาดหมายที่จะฉีดประชากรได้ตามที่คาดการณ์ไว้ มั่นใจว่าภายในสิ้น พ.ย.หรือไม่เกินกลาง ธ.ค.นี้ น่าจะได้ครบกลุ่มเป้าหมาย 100 ล้านโดส ส่วนกลุ่มครู บุคลากรทางการศึกษาได้รับวัคซีน 7.6 แสนคน คิดเป็น 85% และนักเรียนรับแล้วมากกว่า 2 ล้านคน คิดเป็น 58% โดยมีการเร่งรัดการฉีดและวางแผนจัดสรรวัคซีนให้ได้รับเพิ่มเติมกลุ่มที่ยังไม่ได้รับเลยและยังไม่ได้เข็มสอง เพื่อวางแผนเปิดภาคเรียนเดือน พ.ย.

สำหรับช่วงเดือนพ.ย.ประเทศไทยมีแผนจัดหาวัคซีนรองรับการเปิดประเทศและเปิดเรียน โดยจะมีการจัดส่งวัคซีน 23 ล้านโดส คือ แอสตร้าฯ 13 ล้านโดส และไฟเซอร์ 10 ล้านโดส โดยเป้าหมายฉีดในแซนด์บ็อกซ์ต้องครอบคลุม 70% เพิ่มความครอบคลุมกลุ่ม 608 ผู้ฉีดซิโนแวค ครบ 2 เข็ม และแอสตร้าเซนเนก้าครบ 2 เข็ม จะเริ่มดำเนินการฉีด พ.ย.นี้เช่นกัน

ส่วนการเปิดประเทศตามนโยบายรัฐบาลวันที่ 1 พ.ย.นี้เป็นต้นไป เราจะกำหนดพื้นที่นำร่องท่องเที่ยว 17 จังหวัด ผู้เดินทางไม่ต้องกักตัว โดยมีมาตรการควบคุมการระบาดอย่างเคร่งครัด โดยเปิดรับนักท่องเที่ยวจากกลุ่มประเทศเสี่ยงต่ำ 45 ประเทศ 1 เขตบริหารพิเศษ

อนุมัติวัคซีนพาสปอร์ตดิจิตอล

นพ.โอภาสแถลงว่า ที่ประชุมมีมติเห็นชอบ 3 เรื่อง คือ 1.ร่างประกาศคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ เรื่องการออกหนังสือรับรองการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค กรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด-19 ซึ่งเป็นการปรับปรุงเพื่อเพิ่มรูปแบบการออกหนังสือรับรองแบบอิเล็กทรอนิกส์หรือดิจิตอล และให้กระบวนการออกหนังสือรับรองง่ายขึ้น โดยคร. เข้าถึงข้อมูลจากผู้รวบรวมข้อมูลทั้งใน MOPH IC และหมอพร้อม ขณะที่ประชาชนขอหนังสือรับรองรูปแบบเอกสารและอิเล็กทรอนิกส์ง่ายยิ่งขึ้น เมื่อออกประกาศแล้วในราชกิจจานุเบกษา จะมีผลบังคับใช้ในวันถัดไป คาดว่ารูปแบบดิจิตอลนี้จะเริ่มได้ในภายในเดือนพ.ย.

2.เห็นชอบกรอบการดำเนินงานรองรับการเปิดประเทศและการระบาดของโรคโควิด 19 ปี พ.ศ. 2565 ด้านสาธารณสุข 4 เป้าหมาย คือ สร้างเชื่อมั่นประชาชน สร้างความมั่นคงทางสาธารณสุข ฟื้นฟูเศรษฐกิจประเทศ และการใช้ชีวิตแบบนิวนอร์มัล ผ่าน 5 กลยุทธ์ และ 6 ตัวชี้วัด โดยจะแจ้งคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดและคณะกรรมการโรคติดต่อกรุงเทพมหานครจัดทำแผน และ 3.เห็นชอบตามคณะกรรมการวิชาการเสนอ คือ ลดวันกักตัวผู้สัมผัสเสี่ยงสูงกรณีเดินทางโดยเครื่องบิน จาก 14 วัน เหลือ 10 วัน และเปลี่ยนนิยามผู้สัมผัสเสี่ยงสูงใหม่ จากเดิมกำหนด ผู้โดยสาร 2 แถวหน้าหลังและแถวเดียวกับ ผู้ติดเชื้อ แต่ที่ผ่านมาการติดเชื้อในเครื่องบินต่ำมาก หากป้องกันควบคุมโรคดี ใส่หน้ากากตลอดเวลา ส่วนใหญ่พบการติดเชื้อในแถวเดียวกันมากกว่า จึงเปลี่ยนนิยามผู้สัมผัสเสี่ยงสูงเฉพาะผู้ที่นั่งติดกันซ้ายขวาของผู้ติดเชื้อและไม่สวมหน้ากากนานกว่า 5 นาที

ศธ.ยันพร้อมเปิดเทอม 2

ที่กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รมว.ศธ. เป็นประธานแถลงข่าว “ความพร้อมเปิดเรียนภาคที่ 2 ปีการศึกษา 2564 ของสถานศึกษาในสังกัด ศธ. วันที่ 1 พฤศจิกายน” โดยมีผู้บริหารระดับสูง ศธ. นพ.โอภาส อธิบดีคร. และนพ.สราวุฒิ บุญสุข รองอธิบดีกรมอนามัย เข้าร่วม

น.ส.ตรีนุชกล่าวว่า ศธ.ออกประกาศ ศธ. เรื่อง หลักเกณฑ์การเปิดโรงเรียนหรือสถาบันการศึกษา ตามข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 (ฉบับที่ 34 ) เพื่อกำกับดูแลและเพิ่มความเชื่อมั่นให้แก่นักเรียน ครู และประชาชนทั่วไป ว่า โรงเรียนและสถาบันการศึกษา สามารถดำเนินกิจกรรมได้ตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด ตามแนวการเปิดภาคเรียนที่ 2/2546 ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19

น.ส.ตรีนุชกล่าวต่อว่า การเปิดเรียนแบบ ออนไซต์ โรงเรียน หรือ สถานศึกษาต้องผ่านการประเมินความพร้อมผ่าน Thai Stop Covid Plus (TSC+) และรายงานการติดตามการประเมินผลผ่าน MOECOVID โดยถือปฏิบัติอย่างเข้มข้น ต่อเนื่อง, ครูและบุคลากร ในพื้นที่ควบคุมสูงสุด (สีแดง) หรือ พื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด (สีแดงเข้ม) ต้องได้รับการฉีดวัคซีนครบ 2 เข็ม ร้อยละ 85 ขึ้นไป สำหรับครูและบุคลากรในพื้นที่อื่นๆ ต้องได้รับวัคซีนเข็มที่ 1 ร้อยละ 85 ขึ้นไป ส่วนนักเรียนไม่มีกำหนด แต่ ศธ.ได้รณรงค์ทำความเข้าใจให้นักเรียนเข้ารับการฉีดวัคซีนมากที่สุด เพื่อความปลอดภัยของนักเรียนและผู้ปกครองเอง

1.2หมื่นร.ร.ขอเปิดออนไซต์

“ขณะนี้สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) กำลังสำรวจจำนวนโรงเรียน ว่า ในภาคเรียนที่ 2/2564 นี้จะใช้รูปแบบใด โดยพบว่ามีทั้งขอเปิดแบบออนไซต์ 100% กว่า 12,000 แห่ง มีบางแห่งขอใช้รูปแบบผสมผสาน และมีบางพื้นที่ที่คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดยังไม่ให้เปิดแบบ ออนไซต์ ในวันที่ 1 พ.ย. แต่ให้เลื่อนไปเปิดวันที่ 15 พ.ย. แทน อย่างไรก็ตามจะปิดเทอม 2/2564 พร้อมกันในวันที่ 1 เม.ย.2565 สำหรับสถานศึกษาในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) ทั้งของรัฐและเอกชน ทั้งสิ้น 869 แห่ง ตอบแบบสอบถามมา 832 แห่ง พบว่า ส่วนใหญ่ 531 แห่ง ขอใช้รูปแบบผสมผสานคือ มีทั้ง ออนไซต์ และออนไลน์ รองลงมา 192 แห่ง ขอใช้รูปแบบ ออนไลน์ 100% และจำนวน 109 แห่งขอใช้ ออนไซต์ 100%

เชียงใหม่ป่วยขาขึ้นอีก

ส่วนสถานการณ์โรคโควิด-19 ในพื้นที่ต่างๆ คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดเชียงใหม่ รายงานว่า พบผู้ติดเชื้อใหม่เพิ่ม 403 ราย จากในจังหวัด 391 ราย และอีก 12 รายจากต่างจังหวัด มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม 1 ราย ทำให้มีผู้เสียชีวิตสะสม 55 ราย

ด้านคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (มช.) เผยแพร่สาร ลงนามโดย ศาสตราจารย์ (ผู้เชี่ยวชาญพิเศษ) นพ.บรรณกิจ โลจนาภิวัฒน์ คณบดีคณะแพทยศาสตร์ มช. ระบุว่า ปัจจุบันสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในจ.เชียงใหม่มีความรุนแรงมากขึ้น พบว่ามีผู้ป่วยใหม่เพิ่มขึ้นวันละ 300 ราย ถึง 400 ราย และพบคลัสเตอร์ใหม่ทุกวัน ทั้งนี้ตามสถิติทางการแพทย์ผู้ป่วยที่พบใหม่จะมีประมาณร้อยละ 20 ของผู้ป่วยทั้งหมดจะมีอาการปานกลางถึงอาการรุนแรง โดยในส่วนนี้มีผู้ป่วยจำนวนหนึ่ง หรือร้อยละ 5 ต้องได้รับการรักษาในหอผู้ป่วยหนัก (ไอซียู)

แม้ขณะนี้ จังหวัดเชียงใหม่ได้ทำระบบ คอมมูนิตี้ ไอโซเลชั่น รวมถึง ร.พ.มหาราชนครเชียงใหม่ คณะแพทยศาสตร์ รมช.ได้เริ่มทำระบบ โฮม ไอโซเลชั่น แต่ระบบสาธารณสุขของจังหวัด มีเพียง 2 ร.พ. ที่สามารถรับผู้ป่วยหนักสีแดง คือ ร.พ.มหาราชนครเชียงใหม่ และร.พ.นครพิงค์ จากสถานการณ์ในช่วงตั้งแต่ 1 ต.ค.ที่ผ่านมา พบว่ามีผู้ป่วยใหม่เพิ่มขึ้นจำนวนมากกว่า 6,000 ราย ทำให้มีผู้ป่วยหนักใน ไอซียู ร.พ.มหาราชนครเชียงใหม่ ทั้ง ไอซียู ตึกนิมมานเหมินทร์ ตึก ไอซียู ร.พ.ประสาท และหอผู้ป่วยรวม ร.พ.สงฆ์แห่งร.พ.มหาราชฯ มีจำนวนเพิ่มขึ้นเกือบเต็มศักยภาพ

แพทย์มช.ห่วงไอซียูล้นทุกร.พ.

บุคลากรทางการแพทย์ในจ.เชียงใหม่ทุกท่าน รวมถึงบุคลากรของคณะแพทยศาสตร์ มช.มีความห่วงใยต่อสถานการณ์การแพร่ระบาดในขณะนี้เป็นอย่างยิ่งและกำลังทำงานกันอย่างเต็มศักยภาพ ขอให้ประชาชนชาวเชียงใหม่ทราบข้อมูล และตระหนักถึงสภาวะของโรคว่าขณะนี้ความรุนแรงระดับสูง และการแพร่กระจายการติดเชื้อส่วนใหญ่ เกิดในผู้ที่ไม่มีอาการ และเกิดในครอบครัวและชุมชนเป็นหลัก โดยเฉพาะช่วงนี้ และในเดือนพ.ย. ที่จะเปิดรับการท่องเที่ยว ขอเชิญชวนทุกท่านมารับวัคซีนให้ได้มากที่สุด

ด้านนพ.รังสฤษฎ์ กาญจนะวณิชย์ หรือ หมอหม่อง อาจารย์แพทย์โรคหัวใจ ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ มช. โพสต์ข้อความตั้งคำถามผ่านทางเฟซบุ๊ก Rungsrit Kanjanavanit ว่าตั้งแต่ผู้ว่าฯ คนนี้ เข้ามา จำนวนเคสก็พุ่งขึ้นสูง แซงนำทุกจังหวัดในภาคเหนือ โดยที่ไม่มีมาตรการในการควบคุมโรคเพิ่มเติมแต่อย่างใด มุ่งหน้าจะเปิดเมืองอย่างเดียว หากเทียบกับการระบาดก่อนหน้านี้ รอบนี้ หนักกว่าทุกครั้งมาก

เมืองคอนป่วยอีก 470

ด้าน จ.นครศรีธรรมราช พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ใน 22 อำเภอ จำนวน 470 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 3 ราย ส่วนคลัสเตอร์ภายในเรือนจำกลางนครศรีธรรมราชเริ่มคลี่คลาย ซึ่งล่าสุดมีผู้ต้องขังติดเชื้อเพิ่มแค่ 1 ราย รวมผู้ต้องขังแดน 6 ติดเชื้อแล้วกว่า 420 ราย ขณะเจ้าหน้าที่ได้วางมาตรการเข้มเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดอย่างเข้มงวด

ขณะที่ สสจ.ภูเก็ต รายงานว่า พบผู้ติดเชื้อใหม่ 80 ราย แยกเป็นจากในภูเก็ต 75 ราย ต่างประเทศ 1 ราย และแซนด์บ็อกซ์ 4 ราย

สงขลายังหนักพบเพิ่ม 677

ส่วน สสจ.สงขลา เปิดเผยว่า พบผู้ป่วยเพิ่มขึ้น 677 คน ไม่มีผู้เสียชีวิต ผู้ติดเชื้อในกลุ่มผู้สัมผัสผู้ป่วยยืนยันในพื้นที่มากที่สุดกว่า 400 คนทุกวัน ในพื้นที่ของ อ.จะนะ, เทพา, รัตภูมิ, หาดใหญ่, นาทวี, เมือง, สิงหนคร และสะบ้าย้อย จากคลัสเตอร์เก่า เช่น กลุ่มค้นหาเชิงรุกในชุมชน กลุ่มสัมผัสเสี่ยงงสูงในตลาด ร้านค้า บริษัทและโรงงาน และจากกลุ่มผู้เดินทางมาจากต่างจังหวัดชายแดนภาคใต้

ปัตตานีเลื่อนเปิดเทอม

ที่ห้องประชุมที่ว่าการอำเภอโคกโพธิ์ จ.ปัตตานี ว่าที่ ร.ต.ตระกูล โทธรรม รองผวจ.ปัตตานี เป็นประธานการประชุมบูรณาการการแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของโรค โควิด-19 โดยที่ประชุมและคณะกรรมการควบคุมโรคติดต่อจังหวัดขอให้เลื่อนการเปิดเทอม 2 ออกไปก่อน เนื่องจากสถานการณ์โรคในจังหวัดยังมีผู้ติดเชื้อจำนวนมาก ซึ่งคาดว่าน่าจะเปิดได้เร็วสุดประมาณวันที่ 1 ธ.ค.

นพ.อนุรักษ์ สารภาพ นพ.สสจ.ปัตตานี กล่าวว่า เตรียมรับมือไว้ 2 ประเด็นคือ 1 การตรวจเชิงรุก และเปิดร.พ.สนามเพิ่ม และจากการประชุมของคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด การยังเปิดภาคเรียนในวันที่ 1 พ.ย.ได้ เพราะยังฉีดวัคซีนให้ครู และนักเรียนไม่ครอบคลุม

น้ำท่วม-โรงพักโคราชยังพุ่ง

ที่จ.นครราชสีมา พันจ่าโททวี พิมพ์อุบล นายอำเภอโนนสูง จ.นครราชสีมา พร้อมคณะกรรมการศูนย์ปฏิบัติการควบคุมโรคอำเภอ (ศปก.อ.) โนนสูง ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมและมอบถุงยังชีพให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานดูแลและควบคุมการเข้าออกในพื้นที่บ้านดอนแฝก หมู่ที่ 8 และบ้านดอนแฝกพัฒนา หมู่ที่ 15 ต.พลสงคราม อ.โนนสูง หลังพบเด็กและเยาวชน อายุ 9-15 ปี ลงไปเล่นน้ำคลองอีสานเขียวท้ายหมู่บ้าน อ่างเก็บน้ำลำเชียงไกร อ.โนนไทย ติดเชื้อจากครอบครัว จากคลัสเตอร์หญิงอายุ 53 ปี รวมผู้ป่วยสะสม 56 รายแล้ว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน