ชุมนุมล้นราชประสงค์
เผาดช.เหยื่อปืนดินแดง
รำลึก15ปี‘ลุงนวมทอง’

ม็อบราษฎรแน่นราชประสงค์ ชุมนุมเรียกร้องยกเลิกกฎหมาย 112 รุ้งปนัสยาอ่านแถลงการณ์จี้ปล่อยตัวนักโทษการเมือง พร้อมกรีดแขนประท้วงด้านแม่เพนกวินร่วมด้วย รุ้งปนัสยาเชื่อม็อบจุดติดอีก ขณะที่รองโฆษกตร. ชี้กฎหมายยังห้ามชุมนุม แจงอนุญาตตำรวจในเครื่องแบบพกปืนเข้าม็อบเพื่อระงับเหตุวุ่นวายได้ เผาแล้ว วาฤทธิ์ หนุ่ม 15 เหยื่อปืนดินแดง กลุ่มทะลุแก๊สร่วมอาลัย วนรอบเมรุชู 3 นิ้ว ขณะที่ทั้งนปช. คณะก้าวหน้า ร่วมรำลึก 15 ปี ลุงนวมทองผูกคอตายต้านรัฐประหาร

เผาแล้ว – พิธีเผาศพนายวาฤทธิ์ สมน้อย อายุ 15 ปี เหยื่อกระสุนปริศนา ระหว่างการชุมนุมบริเวณหน้า สน.ดินแดง รักษาตัวนาน 2 เดือนก่อนสิ้นใจ ที่วัดน้อยสุวรรณนาราม ต.แพรกษาใหม่ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ โดยมีพ.ต.อ.ทวี สอดส่อง ส.ส.พรรคประชาชาติ กลุ่มคนเสื้อแดง และกลุ่มทะลุแก๊สมาร่วมงาน เมื่อ 31 ต.ค.

เมื่อเวลา 09.00 น.วันที่ 31 ต.ค. ที่วัดน้อยสุวรรณนาราม หรือวัดคลองเก้า ต.แพรกษาใหม่ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ มีพิธีฌาปนกิจ นายวาฤทธิ์ สมน้อย อายุ 15 ปี ที่ถูกกระสุนปริศนายิงเข้าที่ลำคอ ต้องเข้ารักษาตัวนานกว่า 2 เดือนในโรงพยาบาล ก่อนจะเสียชีวิต ในขณะที่ไปร่วมชุมนุมทางการเมืองที่สาม เหลี่ยมดินแดง เมื่อกลางส.ค.ที่ผ่านมา นั้น

โดยพิธีฌาปนกิจ มี พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง ส.ส.พรรคประชาชาติ นายวรชัย เหมะ อดีตส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย นพ.ทศพร เสรีรักษ์ พร้อมด้วย ส.ส.พรรคก้าวไกล กลุ่มคนเสื้อแดง และกลุ่มวัยรุ่นทะลุแก๊ส มาร่วมงาน ประมาณ 500 คน

โดยผู้ร่วมพิธีเคลื่อนย้ายศพลงจากศาลา 3 นำศพวนรอบเมรุ พร้อมชู 3 นิ้วไปจนครบสามรอบ จากนั้นนำศพนายวาฤทธิ์ ขึ้นไปทำพิธีฌาปนกิจ ขณะที่น.ส.นิภาพร สมน้อย มารดา ร้องไห้อย่างหนัก ต้องนำตัวลงมานั่งพักด้านล่าง เพราะไม่สามารถทนดูศพของลูกชายได้

ที่อนุสรณ์นวมทอง ไพรวัลย์ ใต้สะพานลอยหน้าสำนักงานใหญ่หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ ในวาระครบรอบ 15 ปี การเสียชีวิตของนายนวมทอง ไพรวัลย์ หรือลุงนวมทอง ที่ขับรถแท็กซี่ชนรถถังเพื่อประท้วงการทำรัฐประหาร ของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) ที่ลานพระบรมรูปทรงม้า จนได้รับบาดเจ็บ เมื่อ 19 กันยายน 2549 ก่อนผูกคอกับราวสะพานลอยบริเวณ ถ.วิภาวดีรังสิต หน้าสำนักงานหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ ในวันที่ 31 ต.ค. 2549 พร้อมเขียนจดหมายลาตาย ระบุว่า ต้องการลบคำสบประมาทที่ว่าไม่มีใครมีอุดมการณ์มากขนาดยอมพลีชีพได้”

รำลึก15ปี – แกนนำนปช. พร้อมนักการเมืองร่วมวางพวงหรีด ทำบุญอุทิศครบรอบ 15 ปีนายนวมทอง ไพรวัลย์ หรือลุงนวมทอง นักต่อสู้รัฐประหาร ที่เสียชีวิตเมื่อปี 2549 บริเวณสะพานลอย ถนน วิภาวดีฯ เมื่อ 31 ต.ค.

โดยงานวันนี้ มีนางธิดา ถาวรเศรษฐ์ นพ.เหวง โตจิราการ นายพิพัฒน์ชัย ไพบูลย์ นายวรชัย เหมะ นางสาวพรรณิการ์ วานิช พร้อมแกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตย ต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) โดยกลุ่ม ผู้ชุมนุมมีการทำกิจกรรม ถวายสังฆทาน วางพวงหรีด ดอกไม้ สงบ สันติ ปราศจากอาวุธ ไม่ปราศจากความเป็นมนุษย์ มีการวางพวงหรีด และดอกกุหลาบ บริเวณหน้าอนุสรณ์ของ “ลุงนวมทอง” เพื่อเป็นการรำลึกถึงวีรกรรมดังกล่าว พร้อมกันนี้ยังมีการเล่นดนตรีด้วย

ที่บช.น. พล.ต.ต.จิรสันต์ แก้วแสงเอก รองผบช.น.ฐานะโฆษก บช.น.พร้อมด้วย พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษก ตร. แถลงเกี่ยวกับสถานการณ์การชุมนุมในหลายพื้นที่ นอกจากนี้ยังมีการจัดกิจกรรมทางการเมืองควบคู่กันไป จำนวน 7 จังหวัด สำหรับในกรุงเทพฯ มีการจัดกิจกรรม 3 จุด หน้าไทยรัฐ แยกราชประสงค์ หน้าเรือนจำและกลุ่มทะลุแก๊ส

รองผบช.น.เปิดเผยว่า สำหรับกิจกรรมที่บริเวณแยกราชประสงค์นั้นจะเริ่มตั้งแต่เวลา 16.00 น. และไม่เคลื่อนที่ไปยังจุดที่อื่น ซึ่งทางตำรวจนครบาลจัดเตรียมแผนและยุทธวิธีโดยกำชับให้ตำรวจปฏิบัติภายใต้กรอบของกฎหมาย โดยกิจกรรมอาจจะกระทบต่อการจราจร จึงขอให้ประชาชนหลีกเลี่ยงเส้นทางใกล้เคียงกับแยกราชประสงค์

สำหรับในส่วนการชุมนุมนั้นไม่มีการอนุญาต อนุญาตไม่ได้ การชุมนุมถือเป็นความเสี่ยงและผิดกฎหมาย ในเรื่องของการปฏิบัติของทางเจ้าหน้าที่ได้แจ้งทำการห้ามอยู่แล้ว และจะมีการบังคับใช้กฎหมายตามสถานการณ์ ยอมรับว่ากังวลที่แยกราชประสงค์มากที่สุด เพราะจุดนี้มีการชุมนุมของหลายกลุ่ม จึงจัดชุดสืบสวนหาข่าว เพื่อประสานการทำงานอย่างรอบด้านไม่ให้เกิดเหตุอันตรายในพื้นที่

ส่วนของการปฏิบัติการวันที่ 30 ต.ค.ที่ผ่านมา ตำรวจสามารถเข้าตรวจสอบและยึดวัตถุระเบิดแสวงเครื่อง 1 ลูกบริเวณลาน จอดรถใต้ทางด่วนดินแดงซอยต้นโพธิ์ ใกล้แฟลตดินแดง และยึดวัตถุคล้ายระเบิดได้อีก ที่บริเวณใกล้สถานีตำรวจนครบาลดินแดง และอีกจุดที่ใกล้สถานีรถไฟไฟฟ้าสีแดง บางเขน โดยเจ้าหน้าที่ได้เข้าเก็บกู้ไว้เป็นที่เรียบร้อย

เมื่อเวลา 14.40 น. ที่แยกราชประสงค์ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากที่กลุ่มราษฎรนัดชุมนุมใหญ่ภายใต้ชื่อกิจกรรม “ราษฎรประสงค์ยกเลิก112” ตั้งแต่เวลา16.00- 21.00 น. เพื่อแสดงจุดยืนและเรียกร้องให้ยกเลิกกฎหมายมาตรา 112 โดยจะมีกิจกรรมเวทีปราศรัยใหญ่ของกลุ่มแกนนำเคลื่อนไหว เรียกร้องประชาธิปไตย รวมถึงการตั้งโต๊ะ ล่ารายชื่อจากประชาชนเพื่อให้ยกเลิกกฎหมายมาตรา 112 โดยตั้งเป้าไม่น้อยกว่า 10,000 รายชื่อ

บรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก ผู้ชุมนุมเริ่มทยอยเข้ามาบริเวณพื้นที่จัดการชุมนุม ส่วนใหญ่แต่งกายด้วยเสื้อผ้าสีแดงและสีเข้ม โดยริมถนนฝั่งศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์และฝั่ง บิ๊กซีมีการตั้งบูธของกลุ่มต่างๆ มากมาย มีพ่อค้าแม่ค้าตั้งแผงขายอาหารและสินค้ายาวตลอดเส้นทาง โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจจากสน.ลุมพินี และการ์ดวีโว่ที่สวมปลอกแขนสีเขียวมาคอยอำนวยความสะดวกในการจราจรและดูแลความเรียบร้อย รวมถึงมีหน่วยพยาบาลอาสาสวมเสื้อกั๊กสีฟ้ามาคอยดูแลผู้ชุมนุมด้วยเช่นกัน

จากนั้นเวลา 15.00 น. มีการนำแผงเหล็กมากั้นถนนทั้งสองฝั่งเพื่อปิดการจราจรเรียบร้อยแล้ว โดยฝั่งบิ๊กซีกลุ่มเฟมินิสต์ปลดแอกได้นำธงสีรุ้งมาปูบนพื้นถนน พร้อมกับตั้งเครื่องดนตรีและวางป้ายผ้าสีขาวระบุข้อความ เช่น ยกเลิก 112 โดยแกนนำกลุ่มเฟมินิสต์ระบุว่า บูธเฟมินิสต์ปลดแอกสื่อถึงอาชีพที่ถูกลืม ไม่ว่าจะเป็นอาชีพหมอลำ นักดนตรีต่างๆ ที่รัฐบาลไม่เคยเยียวพวกเขาเลย

ทั้งนี้ บูธเฟมินิสต์ฯ จะมีการแสดง เช่น หมอลำ นางโชว์ ให้ได้รับชมกัน ก่อนจะเริ่มทำการแสดงอย่างสนุกสนาน โดยมีผู้ชุมนุมบางส่วนให้ความสนใจมายืนดูและถ่ายภาพ ใกล้กันกับบูธเฟมินิสต์ฯ กลุ่มแอมเนสตี้มีการตั้งบูธเปิดให้ลงชื่อเพื่อเรียกร้องปล่อยตัวแกนนำที่ยังถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำ โดยในวันที่ 1 พ.ย. เวลา 10.00 น. กลุ่มแอมเนสตี้จะเดินทางไปยังทำเนียบรัฐบาลเพื่อยื่นรายชื่อดังกล่าวให้กับตัวแทนรัฐบาล

ถัดไปคือบูธของไอลอว์ มีการเปิดจำหน่ายหนังสือและของที่ระลึกต่างๆ และมีกิจกรรมให้ความรู้ถึงปัญหามาตรา 112 รวมถึงชวนคนที่เคยโดนคดีมาตรา 112 มาพูดคุย และมีการตั้งโต๊ะเปิดให้ประชาชนเข้าชื่อเสนอยกเลิกกฎหมายอาญามาตรา 112

นอกจากนี้ยังมีการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์อีกมากมาย เช่น การตั้งอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยจำลองบนกลางถนน มีผู้ชุมนุมสวมโซ่ตรวนถือป้ายระบุข้อความปล่อยเพื่อนเรา ขณะที่ทางฝั่งเซ็นทรัลเวิล์ดก็มีการจัดแสดงอาร์ตแกลลอรี่ โดยตั้งป้ายคัตเอาต์ที่วาดเป็นรูปต่างๆ และมีภาพที่วางบนพื้น มีการตั้งเวทีใหญ่สำหรับปราศรัยเรื่องกฎหมายมาตรา 112 ที่จะเริ่มในเวลา 16.00 น.เป็นต้นไป

ต่อมาเวลา 15.40 น. น.ส.ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล หรือรุ้ง นักเคลื่อนไหวทางการเมือง เดินทางมาถึงแยกราชประชงค์ และได้ให้สัมภาษณ์ด้วยว่า คาดหวังว่าคนจะมาร่วมชุมนุมเยอะ วันนี้เป็นวันแรกที่เราเปิดโต๊ะล่ารายชื่อยกเลิกมาตรา 112 ซึ่งเราต้องการรายชื่ออย่างน้อย 10,000 รายชื่อ แต่หากได้มากกว่านั้นนั่นคือพลังของประชาชน โดยวันนี้มีข้อเรียกร้อง 2 ข้อ คือการยกเลิกมาตรา 112 และการให้สิทธิประกันตัวนักเคลื่อนไหวทางการเมือง

ทั้งนี้ ในวันที่ 1 พ.ย. ตนและกลุ่มแอมเนสตี้จะเดินทางไปยื่นหนังสือที่ทำเนียบรัฐบาล เกี่ยวกับข้อเรียกร้องหยุดดำเนินคดีอย่างไม่เป็นธรรมต่อผู้ที่มาใช้สิทธิชุมนุมอย่างสงบ ซึ่งตอนนี้รวบรวมรายชื่อได้มากกว่า 20,000 รายชื่อแล้ว โดยคาดหวังว่าจะเกิดการสั่นสะเทือนบ้างไม่มากก็น้อย แต่อย่างน้อยเราได้แสดงเจตจำนงกับประชาชนแล้วว่าพวกเราต้องการอะไร

เมื่อถามว่า มองภาพรวมในการชุมนุมอย่างไรบ้าง น.ส.ปนัสยากล่าวว่า วันนี้จะเป็นวันที่บอกว่าม็อบจุดติดขึ้นอีกครั้งแล้ว ที่ผ่านมาที่มีอาการแผ่วบ้างหรือคนมาน้อยบ้าง จากการพูดคุยกับผู้ชุมนุมพบว่าเป็นปัจจัยเรื่องข้อกังวลเรื่องโควิดและเศรษฐกิจที่พี่ๆ น้องๆ อาจไม่มีเงินพอจะเดินทางมาชุมนุมแล้ว อย่างไรก็ตาม ในที่ชุมนุมจะมีการตรวจคัดกรองโควิด โดยมีทางเข้าแค่ทางเดียว และจะเน้นย้ำให้สวมหน้ากากอนามัยและล้างมือตลอดเวลา

หากตำรวจจะบอกว่าเราจะมาแพร่เชื้อกัน คงต้องถามกลับว่าคุณมีหน้าที่ดูแลประชาชน ทำไมถึงไม่มาช่วยเราคัดกรอง ไม่เอาแอลกอฮอล์หรือชุดตรวจเอทีเคมาให้เรา ภาครัฐไม่ช่วยเรา ประชาชนช่วยกันเองมันก็ได้เท่านี้ หากต้องการให้มีมาตรการเพิ่มมากกว่านี้ก็ต้องมาช่วย ไม่ใช่จ้องแต่จะดำเนินคดีหรือสลายการชุมนุม

เมื่อถามว่า สถานะตอนนี้อยู่ในการปล่อยตัวชั่วคราว โดยศาลมีเงื่อนไขว่าห้ามร่วมกิจกรรมการชุมนุม น.ส.ปนัสยากล่าวว่า เงื่อนไขของศาลไม่ได้ห้ามชุมนุม แต่ห้ามเข้าสถานที่ชุมนุมที่ทำให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง ฉะนั้นการตีความมันกว้างมาก อะไรคือความวุ่นวาย แค่คนเยอะก็วุ่นวายหรือไม่

ม็อบใหญ่ – กลุ่มมวลชนจำนวนมากร่วมชุมนุมกลุ่มราษฎร เรียกร้องปล่อยตัวนักกิจกรรมทาง การเมือง มีการปราศรัย พร้อมตั้งโต๊ะลงชื่อเสนอแก้ไขกฎหมายมาตรา 112 บริเวณแยกราชประสงค์ กทม. เมื่อ 31 ต.ค.

ซึ่งการชุมนุมแต่ละครั้งเรามีการป้องกันและมีมาตรการทางการรักษาความปลอดภัยอย่างดี มีกำหนดการที่ชัดเจนว่าจะเลิกชุมนุมเมื่อไร ทั้งนี้ คิดเหมือนกันว่าวันที่ 3 พ.ย. ที่จะไต่สวนเรื่องถอนประกันตัว ตนอาจจะไม่รอด แต่อยู่ที่ว่าดุลพินิจของศาลด้วยว่าจะมองว่าการชุมนุมของประชาชนเป็นสิทธิเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญ 2560 หรือไม่ หรือการออก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน สหประชาชาติก็พูดแล้วว่าไม่สามารถเอาโควิดมาห้ามเสรีภาพการชุมนุมได้ แต่ที่ประเทศไทยยังไม่ทำตามทั้งที่เป็นหนึ่งในสมาชิก

นี่คือความผิดปกติอย่างแน่นอน ซึ่งประชาชนต้องช่วยกันพูดให้รัฐบาลรู้ว่าเราไม่ได้โง่ให้มาหลอกได้ และการขยายพ.ร.ก.ฉุกเฉินออกไปขนาดนี้ก็ไม่มีข้อแก้ตัวอะไรเลย นอกจากต้องการใช้เป็นเครื่องมือทางการเมือง

เมื่อถามว่ากังวลหรือไม่ว่าจะมีการสลายการชุมนุม น.ส.ปนัสยากล่าวว่า ไม่ค่อยกังวล เพราะบรรยากาศดูโอเคเลย และกิจกรรมของเราตั้งอยู่กับที่ และมีกำหนดการที่ชัดเจน หวังว่าจะไม่มีอะไร ขอความร่วมมือไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจด้วยว่า การสลายการชุมนุมไม่สามารถทำได้โดยไม่จำเป็น และไม่เคยมีความจำเป็นสักครั้งเดียว แต่คุณก็ทำอยู่

ที่หน้าโรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล กรุงเทพฯ พ.ต.อ.กฤษณะ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.) เปิดเผยถึงการตั้งข้อสังเกตว่าขณะนี้ตำรวจที่ทำหน้าที่ควบคุมฝูงชนได้ใส่เครื่องแบบสีกากีและพกอาวุธเข้ามาในพื้นที่การชุมนุม พ.ต.อ.กฤษณะกล่าวว่า นับแต่เดือนก.ค.ที่ผ่านมา หลังมีเหตุไม่สงบเรียบร้อยในหลายพื้นที่ บช.น.อาจมีการปรับเปลี่ยนยุทธวิธี โดยนำกำลังสายตรวจใส่เครื่องแบบกากีปกติ ทำให้สามารถพกอาวุธได้ตามปกติ ทั้งนี้ก็เพื่อป้องกันเหตุต่างๆ เช่นเดียวกับตำรวจจราจร

ขณะที่นางสุรีรัตน์ ชิวารักษ์ มารดาของนายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือเพนกวินมาร่วมกิจกรรมการชุมนุมของกลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม ที่แยกราชประสงค์ โดยเจ้าตัวเปิดเผยสั้นๆ ว่า ตอนนี้ตนมีคดีความอยู่ 2 คดี เป็นข้อหาฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน โดยตนอยากให้คนไทยมีสิทธิเสรีภาพในการพัฒนาอะไรใหม่ๆ สำหรับเพนกวินช่วงนี้ยังคงไม่สามารถเข้าไปเยี่ยมที่เรือนจำได้ จึงต้องสื่อสารผ่านทนายความ แต่ก็ไปนั่งเฝ้าทุกวัน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าช่วงประมาณ 17.30 น. เกิดฝนตกมาอย่างหนัก แต่เวทีการชุมนุมก็ยังดำเนินต่อไป และบางส่วนยังคงปักหลักอยู่หน้าเวที แต่บางส่วนก็หลบฝนไปยังอาคารข้างเคียง

ราษฎรพรึบ – กลุ่มมวลชนจำนวนมากร่วมชุมนุมกลุ่มราษฎร ปราศรัยเรียกร้องปล่อยตัวนักกิจกรรมทางการเมืองซึ่งถูกคุมขังในเรือนจำ พร้อมตั้งโต๊ะลงชื่อเสนอแก้ไขกฎหมายมาตรา 112 บริเวณแยกราชประสงค์ เมื่อ 31 ต.ค.

เวลา 18.20 น. น.ส.ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล หรือรุ้ง ร่วมกับตัวแทนจากกลุ่มต่างๆ อ่านแถลงการณ์คณะราษฎรยกเลิก 112 ความว่า ตั้งแต่ปี 2563 คณะราษฎร ประกาศข้อเรียกร้อง 3 ข้อ คือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และองคาพยพต้องลาออก,ร่างรัฐธรรมนูญใหม่ และปฏิรูปสถาบัน

ซึ่งจะนำไปสู่ประชาธิปไตยที่อำนาจสูงสุดเป็นของประชาชน ทุกคนเสมอภาคและเป็นเจ้าของประเทศร่วมกัน โดยข้อเสนอดังกล่าว มีความห่วงใยที่จะแก้ไขปัญหาบ้านเมือง รวมถึงเป็นการตั้งคำถามถึงการเชิดชูตัวบุคคล แต่ผู้ที่ออกมาเรียกร้องการแก้ไขดังกล่าว กลับถูกจับกุมคุมขังไม่ว่าจะเป็นนักเรียนนักศึกษา นักการเมือง แม่ค้าพยาบาลและราษฎร ปัญหาทางการเมืองดังกล่าวไม่สามารถเก็บไว้ได้อีกต่อไป เวลานี้ มีราษฎรถูกดำเนินคดีมากที่สุดในประวัติศาสตร์

โดยเฉพาะนายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือเพนกวิน ที่ถูกกล่าวหาด้วย ม.112 มากถึง 21 คดี ซึ่งเพนกวินยังคงถูกคุมขังในเรือนจำ กฎหมาย ม.112 เป็นกฎหมายล้าหลัง ทำลายการมีส่วนร่วมของประชาชน เป็นเครื่องมือรักษาอำนาจการปกครองของอภิสิทธิ์ชนมาอย่างยาวนาน จึงเป็นเรื่องสำคัญที่ประชาชนจำเป็นต้องร่วมแรงร่วมใจยกเลิกกฎหมายนี้

ทั้งนี้ คณะราษฎร มีข้อเรียกร้ององค์กรตุลาการ ดังนี้ 1.ให้สิทธิประกันตัวและปล่อยตัวผู้ต้องขังทุกคนออกจากเรือนจำ 2.แก้ไขกฎหมายอาญา เพื่อยกเลิก ม.112 โดยพวกเราจะต่อสู้เพื่อเสรีภาพ ภราดรภาพ ก่อนกรีดแขนตัวเองเป็นเลข 112 แล้วขีดฆ่าเป็นสัญลักษณ์เรียกร้องให้ยกเลิกมาตรา 112

ทั้งนี้การชุมนุมยุติในเวลา 20.30 น.

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน