พปชร.คึกขอคิวป้อมลงพื้นที่
พรรคเล็กจี้ปธ.วิปรัฐมีน้ำใจ
รถบรรทุกฮือบุกกรุง16พย.
บี้ตรึงดีเซลลิตร25บาท-1ปี

โหรส.ว.วันชัย ทำนายดวงการเมืองเปิดฉากแล้ว พรรครัฐบาลส่อทางใครทางมัน เด็กพปชร.ชวนหัวหน้าพรรคบุกใต้อีก ขอเปิดสาขาพรรคที่นครศรีฯ-สงขลา-สุราษฎร์ธานี ปชป.-ประชาชาติไม่หวั่น‘บิ๊กป้อม’ รุกหนัก ลั่นประชาชนเป็นผู้ตัดสิน วิปรัฐบาลจากพรรคเล็กแนะ ‘นิโรธ’ ปรับท่าที ให้มีน้ำใจต่อกัน อย่ายึดประโยชน์พรรคตัวเองเป็นที่ตั้ง เพื่อไทยจับตาประชุมร่วมรัฐสภา 9 พ.ย.จะล่มหรือไม่ล่ม ‘เรืองไกร’ ร้องกกต.สอบ ‘หมอเลี้ยบ’ นั่งผอ.พรรค เพื่อไทยขัดกฎหมายพรรคการเมืองหรือไม่ กลุ่มรถบรรทุกนัดบุกกรุง 16 พ.ย. จี้รัฐบาลตรึงดีเซลลิตรละ 25 บาทนาน 1 ปี รัฐบาลเปิดเงื่อนไขลดค่าตั๋ว บขส. 20% พาณิชย์ยันจ่ายประกันข้าวงวดแรก 9 พ.ย.

‘บิ๊กตู่’จ่อเปิดงานมหกรรมวิทย์

เมื่อวันที่ 7 พ.ย. ที่ทำเนียบรัฐบาล น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจํา สํานักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลขอเชิญประชาชน นักเรียน นักศึกษา ชม “มหกรรมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ” ประจำปี 2564 กิจกรรมทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งปี จัดระหว่างวันที่ 9-19 พ.ย.2564 ที่อิมแพ็ค เมืองทองธานี เพื่อเผยแพร่ผลงานวิจัยและพัฒนา ความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในประเทศและนานาชาติ โดยเฉพาะผลงานวิจัยจากมหาวิทยาลัยและสถาบันวิจัยของประเทศ

มหกรรมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ” ประจำปี 2564 จัดขึ้นภายใต้แนวคิด “ศิลปะ วิทยาศาสตร์ และเศรษฐกิจสร้างสรรค์ จัดขึ้นในรูปแบบไฮบริดอีเวนต์ เพื่อให้สอดคล้องกับมาตรการป้องกันการแพร่ะระบาดของโรคโควิด-19 โดยผสมผสานระหว่างการเข้าชมงานในฮอลล์ หรือเลือกรับชมจากที่บ้านก็ได้

ซึ่งพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม จะเป็นประธานในพิธีเปิดวันที่ 10 พ.ย. พร้อมมอบรางวัล PM Award ให้แก่ครูอาจารย์และนักเรียนที่มีผลงานด้านวิทยาศาสตร์ดีเด่น เพื่อเป็นการเชิดชูและให้กำลังใจบุคลากรด้านวิทยาศาสตร์ของไทย ประชาชนเข้าชมงานได้ฟรี ตั้งแต่วันที่ 9-19 พ.ย. ลงทะเบียนจองสิทธิ์เข้าชมงานล่วงหน้า ได้ที่ www.thailandnstfair.com หรือรับชมผ่านช่องทางออนไลน์ได้ที่ www.facebook.com/nstfairTH

ส.ว.วันชัยทำนายพรรครบ.ส่อแตก

นายวันชัย สอนศิริ สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) โพสต์เพจเฟซบุ๊กพยากรณ์ความเคลื่อนไหวของพรรคการเมืองจากดวงดาวว่า ตามหลักโหราศาสตร์ วันจันทร์ที่ 8 พ.ย. ดาวพฤหัสฯ เคลื่อนตัวออกจากราศีมังกรไปอยู่ในราศีกุมภ์ ซึ่งมีดาวเสาร์จรมาอยู่ในราศีมังกร ทำให้ดาวเสาร์และดาวพฤหัสฯแยกออกจากกัน ถือว่าเป็นปฐมบทอย่างสำคัญในบ้านเมือง เรื่องของผู้มีอำนาจที่พิพาทกันระหว่างดาวเสาร์กับดาวพฤหัสฯก็ถูกขจัดออกไป แยกราศีที่ดำรงคงอยู่กันชัดเจน ดีกับชั่ว ดำกับขาว แยกออกจากกัน ไม่ขมุกขมัวเหมือนก่อนเก่า ใครดีใครชั่วยืนกันคนละมุม

เรื่องพระสงฆ์องค์เจ้า คุณธรรมศีลธรรมก็จะเข้าที่เข้าทาง สงบสยบด้วยดาวพฤหัสฯ เรื่องพส.ก็จะไม่วอแวแต่อย่างใด เรื่องของ ผู้มีอำนาจกับผู้ที่จ้องจะล้มรัฐบาลก็ยืนกันคนละมุมอย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด ดาวพฤหัสฯอยู่มุมหนึ่ง ดาวเสาร์ก็อยู่อีกมุมหนึ่ง ดูเอาก็แล้วกันว่าพรรคร่วมรัฐบาลใครจะเป็นดาวพฤหัสฯหรือดาวเสาร์ ราศีมังกรกับราศีกุมภ์ใครจะมีฐานที่มั่นคงแข็งแรงกว่ากัน

นับแต่วันที่ 8 พ.ย. ตามดวงดาวจะเป็นการแยกฐานที่มั่นกันชัดเจน ต่างฝ่ายต่างจองกฐินกันไว้ จะสงบสยบกันอยู่สักระยะหนึ่ง หลังจากนั้นไม่เกิน 1 พรรษา แต่ละฐานเมื่อตั้งมั่นแล้วจะไม่มีใครยอมใคร อาจถึงขั้นทางใครทางมัน ฐานที่ตั้งของใครก็ของมัน สรรพกำลังของทุกฐานต้องกลับไปอยู่ที่ตั้งเพื่อวางกำลังกันใหม่ เพียงแต่ว่าดาวเสาร์กับดาวพฤหัสใครจะแข็งแรงกว่ากัน แต่ยืนยันตามดวงดาวว่าทุกคนต้องกลับบ้านเก่า อาจถึงคราวเลือกตั้งใหม่เสียแล้วกระมัง จะยุบสภาหรือเปล่าดวงดาวไม่ได้บอกไว้

‘อนุมัติ อาหมัด’เตรียมซบพปชร.

รายงานจากพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เปิดเผยว่า จากการลงพื้นที่จ.สงขลาของพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ เมื่อวันที่ 6 พ.ย. โดยมีนายอนุมัติ อาหมัด อดีตส.ว.ที่ลาออกจากส.ว.มีผลเมื่อวันที่ 3 พ.ย. มาต้อนรับ ซึ่งมีรายงานว่านายอนุมัติ อาจเข้ามาช่วยทำพื้นที่เลือกตั้งภาคใต้ โดยเฉพาะภาคใต้ตอนล่าง เช่น พัทลุง สงขลา ปัตตานี สตูล ยะลา และนราธิวาส เนื่องจากมีฐานคะแนนในพื้นที่ โดยเฉพาะ จ.สงขลา และ 3 จังหวัดชายแดนใต้

ก่อนหน้านั้นนายอนุมัติ เคยลงสมัครเลือกตั้งส.ว.สงขลา ปี 2557 ได้รับเลือกด้วยคะแนนสูงสุด หลังการรัฐประหารวันที่ 22 พ.ค.2557 ได้รับการแต่งตั้งเป็นสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ก่อนลาออกช่วงต้นเดือนมี.ค.2562 มาช่วยพรรคพลังประชารัฐภาคใต้ตอนล่างในการเลือกตั้ง กระทั่งได้รับการแต่งตั้งเป็นส.ว.ในเดือน พ.ค.2562 และลาออกเมื่อ 3 พ.ย.ที่ผ่านมา คาดว่าเตรียมสมัครสมาชิกพรรคพลังประชารัฐเร็วๆนี้

ลูกพรรคชวน‘บิ๊กป้อม’รุกใต้อีก

นายสายัณห์ ยุติธรรม ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคพลังประชารัฐให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่พล.อ.ประวิตรลงพื้นที่จ.นราธิวาส เปิดสาขาพรรคภาคใต้ เมื่อวันที่ 6 พ.ย.ว่า ถือเป็นเรื่องดีที่มีสมาชิกพรรคไปต้อนรับอย่างคึกคัก และเร็วๆ นี้คาดว่าจะเชิญ พล.อ.ประวิตร ลงภาคใต้เปิดสาขาพรรคอีก 2-3 จุด เช่น จ.นครศรีธรรมราช สงขลาและสุราษฎร์ธานี เพื่อให้ประชาชนมั่นใจว่าพรรคพลังประชารัฐจะดูแลประชาชนในพื้นที่อย่างดี

ผู้สื่อข่าวถามว่าคิดว่าพล.อ.ประยุทธ์จะยังอยู่กับพรรคพลังประชารัฐหรือไม่ เพราะอาจเบื่อกับปัญหาในพรรคา นายสายัณห์กล่าวว่า สถานการณ์ในพรรคขณะนี้ไม่มีปัญหาแล้ว ทุกอย่างจบหมดแล้ว และไม่คิดว่าพล.อ.ประยุทธ์จะถอดใจหรือเบื่อกับปัญหาที่เกิดขึ้นในพรรค เพราะนายกฯ สร้างมากับมือ คงไม่เบื่อง่ายๆ และขณะนี้ภายในพรรคก็มีความเข้มแข็งอยู่

ต่อข้อถามว่าหากนายกฯ ไม่เอาพรรคพลังประชารัฐจะเป็นปัญหากับพรรคหรือไม่ นายสายัณห์กล่าวว่า ค่อยคิดกันอีกที แต่วันนี้หัวหน้าพรรค เลขาธิการพรรค และพรรคยืนยันที่จะเสนอชื่อพล.อ.ประยุทธ์ เป็น นายกฯ ของพรรค

ปชป.ไม่หวั่นประกาศยึดนราฯ

นายเจะอามิง โตะตาหยง อดีตส.ส.นราธิวาส ว่าที่ผู้สมัครส.ส.นราธิวาส พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวถึงกรณีพล.อ.ประวิตรประกาศจะกวาดที่นั่งส.ส.นราธิวาสทั้งหมด ว่า ไม่ได้หวั่นไหว เพราะการเลือกตั้ง ส.ส.ไม่ง่ายอย่างที่คิด ไม่ใช่เหมือนปอกกล้วยเข้าปาก เพราะการเลือกตั้งขึ้นอยู่กับประชาชน ไม่ใช่ใครจะมาสั่งการได้ เราเคารพ ให้เกียรติ เจ้าของสิทธิ และเสียงคือประชาชน ที่เป็นผู้ตัดสินใจ ไม่ใช่ใคร จะมาสั่งการได้

“เสียงประชาชน ต้องใหญ่ในแผ่นดิน ที่จะเลือกใคร เป็นตัวแทนของตัวเอง ประชาชนมีความชาญฉลาดพอที่จะตัดสินใจเองได้ การมาประกาศลักษณะอย่างนี้ยิ่งมาในพื้นที่มาก ยิ่งทำให้คะแนนคู่ต่อสู้ทางการเมืองจะยิ่งดีขึ้นกว่าเดิม อันนี้ต้องขอบคุณ เชื่อว่านักการเมืองที่ไม่ให้เกียรติประชาชนย่อมได้รับบทเรียนผ่านกระบวนการเลือกตั้ง ในอนาคตอย่างแน่นอน” นายเจะอามิงกล่าว

ปช.มั่นใจครองใจ3จว.ชายแดน

ด้านนายซูการ์โน มะทา ส.ส.ยะลา พรรคประชาชาติ (ปช.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีพรรคพลังประชารัฐเจาะฐานพื้นที่ภาคใต้หนักมากในช่วงนี้ และล่าสุดลงพื้นที่จ.นราธิวาส ประกาศจะยึดพื้นที่นราธิวาสทั้ง 5 เขตเลือกตั้งว่า คิดว่าต้องพูดบนพื้นฐานของข้อเท็จจริงว่าจะเอาอะไรมาชูเพื่อกวาด ส.ส.ยกจังหวัด แต่พรรคประชาชาติไม่ได้รู้สึกวิตกกังวลอะไร เพราะยังเชื่อมั่นว่าประชาชนในพื้นที่ 3 จังหวัดใช้แดนภาคใต้จะยังฝากความหวังไว้กับพรรคประชาชาติ เพราะเป็นพรรคที่ได้ส.ส.มากที่สุดใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งการตัดสินใจเป็นเรื่องของพี่น้องประชาชน

ผู้สื่อข่าวถามว่า พรรคประชาชาติจะดูแลพื้นที่เพื่อรักษาฐานที่มั่นอย่างไร นายซูการ์โน่ กล่าวว่า ส.ส.พรรคประชาชาติไม่เคยทิ้งพื้นที่ เราดูแลพื้นที่ตลอด เชื่อมั่นว่าเราติดต่อกับพี่น้องประชาชนและยึดโยงกับพี่น้องประชาชนได้มากที่สุด ในการทำหน้าที่พรรคร่วมฝ่ายค้านก็ทำหน้าที่เป็นตัวแทนของพี่น้องประชาชนอย่างแท้จริง เชื่อว่าพี่น้องใน 3 จังหวัดภายแดนภาคใต้ก็ยอมรับกับการทำหน้าที่ในสภาของพรรคประชาชาติทั้งหมด ดังนั้น เราไม่หนักใจที่พรรคพลังประชารัฐประกาศเช่นนั้น เพราะสุดท้ายอยู่ที่พี่น้องประชาชนจะเป็นผู้ตัดสินใจ

‘จุรินทร์’ออนทัวร์ กทม.

ที่ชุมชนริมคลองบางบัว เขตหลักสี่ กรุงเทพฯ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายที่อยู่อาศัยแห่งชาติ ร่วมกับ พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ หรือผู้การแต้ม นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรค นายอนันตชาติ บัวสุวรรณ ผู้สมัคร ส.ก.เขตจตุจักร น.ส.กัญณัฐฐ์ เฉลิมการนนท์ ผู้สมัคร ส.ก.เขตบางเขน และนายธราธพ ชาตรี ผู้สมัคร ส.ก.เขตหลักสี่ และคณะลงพื้นที่ชุมชนริมคลองบางบัว เขตหลักสี่ เพื่อมอบ “ถุงน้ำใจ ปชป.” บรรเทาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน พร้อมติดตามโครงการบ้านมั่นคง ซึ่งเป็นโครงการพัฒนาที่อยู่อาศัยชุมชนริมคลองที่ก่อสร้างเสร็จเพิ่มเติม ตามนโยบายการแก้ไขปัญหาการรุกลำน้ำสาธารณะ

นายจุรินทร์ให้สัมภาษณ์ว่า สำหรับพื้นที่กรุงเทพฯ นั้น พรรคประชาธิปัตย์จะทำงานหนัก และมุ่งมั่นตั้งใจเดินหน้าต่อไปเพื่อ เข้ามามีส่วนในการรับใช้ ดูแลพี่น้องในชุมชนต่างๆ ทั่วกรุงเทพฯ ตนได้นำมูลนิธิ ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช นำถุงน้ำใจ และ พล.ต.ต.วิชัย ได้จัดถุงน้ำใจเพิ่มเติมมาอีกจำนวนมาก

“พรรคประชาธิปัตย์จะมุ่งเน้นในการแสวงหาเลือดใหม่ คนรุ่นใหม่ เข้ามาร่วมทีมกับพรรค เพื่อที่จะได้เสนอตัวรับใช้พี่น้องชาวกรุงเทพฯ อย่างมีคุณภาพ มีศักยภาพต่อไป หวังว่าชาวกรุงเทพฯ จะให้การตอบรับพรรคประชาธิปัตย์มากยิ่งขึ้นเป็นลำดับ” นายจุรินทร์กล่าว

พทท.แนะ‘นิโรธ’ปรับท่าที

นายโกวิทย์ พวงงาม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังท้องถิ่นไท (พทท.) กรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร (วิปรัฐบาล) กล่าวว่า ในวันที่ 8 พ.ย.วิปรัฐบาล นัดหารือครั้งแรกที่ทำเนียบรัฐบาล และมีนายนิโรธ สุนทรเลขา ส.ส.นครสวรรค์ พรรค พลังประชารัฐ ประธานวิปรัฐบาลคนใหม่เริ่มทำหน้าที่

ตนมีความกังวลต่อบทบาทการทำหน้าที่ของประธานวิปรัฐบาล ที่ก่อนหน้านี้จะพบการตอบโต้กับฝ่ายค้าน ซึ่งตนเข้าใจว่าเป็นบทบาทในฐานะส.ส.พรรคแกนนำรัฐบาล ดังนั้นเมื่อนายนิโรธ เข้ารับตำแหน่งประธานวิปรัฐบาลแล้ว ควรปรับท่าที เพื่อให้การทำงานร่วมกันในสภา สามารถเดินหน้า เพื่อประคับประคองสภาไม่ให้ล่ม ซึ่งจะส่งผลต่อรัฐบาลด้วย

“บทบาทของประธานวิปรัฐบาล คือ ต้องประสานงานในสภา เพื่อประคับประคองงานสภาให้ลุล่วงราบรื่น โดยเฉพาะต้องขอความร่วมมือจากฝ่ายค้านให้ร่วมแสดงตนเป็นองค์ประชุม ขณะเดียวกันต้องควบคุมเสียงของพรรคร่วมรัฐบาลให้เป็นเอกภาพ ผมจึงฝากให้กำลังใจและขอเรียกร้องด้วยว่าให้พูดคุยกับพรรคร่วมรัฐบาล และมีน้ำใจกับพรรคร่วมรัฐบาลให้มากขึ้น เพื่อขับเคลื่อนการทำงานที่เป็นประโยชน์กับประชาชนทุกฝ่าย ไม่ใช่เอาผลประโยชน์ของพรรคเป็นตัวตั้ง” นาย โกวิทย์กล่าว

‘สุทิน’หวั่นปธ.วิปรัฐเอาไม่อยู่

ด้านนายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย (พท.) ประธานวิปฝ่ายค้าน กล่าวว่า เข้าใจว่าพรรครัฐบาลคงพิจารณาเลือกคนของเขาที่ดีที่สุด เก่งที่สุดแล้วเพื่อเข้ามาทำหน้าที่ประธานวิปรัฐบาล แต่ตนมองว่าวันนี้รัฐบาลยังมีปัญหาใหญ่ๆ ที่พร้อมจะบานปลายรออยู่ข้างหน้า ขณะที่หลายฝ่ายก็มองนายนิโรธด้วยความเป็นห่วง ดังนั้นใครที่เข้ามาเป็นประธานวิปรัฐบาลในช่วงนี้เหนื่อยแน่ๆ ยิ่งอยู่ในช่วงใกล้เข้าสู่โหมดการเลือกตั้ง ยิ่งจะเหนื่อยขึ้นอีกหลายเท่า

“ขอให้กำลังใจและหวังว่าจะสามารถทำงานร่วมกันได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะในช่วงการประชุมสภาสมัยประชุมนี้ ซึ่งจะมีกฎหมายสำคัญๆ เข้าสู่การพิจารณาของสภาหลายฉบับ ไม่รู้ว่าคนในพรรคพลังประชารัฐ รวมทั้งพรรคร่วมรัฐบาล จะยอมรับในตัวนายนิโรธสักกี่มากน้อย เชื่อว่าด้วยองค์ประกอบต่างๆ สภาอยู่ในภาวะสุ่มเสี่ยงล่มตลอดแน่ๆ หวั่นใจว่านายนิโรธจะเอาไม่อยู่” นายสุทินกล่าว

ไม่โปร่งใส – นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย, นายจิรพงษ์ ทรงวัชราภรณ์ ส.ส.นนทบุรี, น.ส.ชนก จันทาทอง ส.ส.หนองคาย แถลงกรณีความไม่โปร่งใสจัดซื้อวิทยุสื่อสารดิจิตอลระยะที่ 1-3 มูลค่า 13,262,463,700 บาท ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่พรรคเพื่อไทย เมื่อวันที่ 7 พ.ย.

‘เสี่ยโจ้’ จับตาประชุมร่วมรัฐสภา

ที่พรรคเพื่อไทย นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ขอแสดงความยินดีและต้องให้โอกาสนายนิโรธ ทำงาน ถือว่าเป็นผู้มีอาวุโสทางการเมือง เพราะเป็น ส.ส.มาตั้งแต่ปี 2544 เช่นเดียวกับตน ในสมัยประชุมนี้เป็นสมัยประชุมที่มีความยากลำบาก เพราะมีความขัดแย้งกันเองภายในพรรคพลังประชารัฐ ขณะเดียวกันในสมัยประชุมนี้จะมีกฎหมายสำคัญเข้าหลายฉบับ เช่น พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง ซึ่งคาดว่าจะเข้าสภาเดือนธ.ค.

รวมถึงการประชุมร่วมรัฐสภาวันที่ 9 พ.ย. จะพิจารณา ร่างพ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ ขอให้จับตาว่าอาจมีโอกาสที่องค์ประชุมล่ม เพราะร่างดังกล่าวล่มไปก่อนปิดสมัยประชุมครั้งที่ผ่านมา เนื่องจากส.ส.ซีกรัฐบาลขาดประชุมเยอะ ขณะเดียวกันการประชุมวันแรกในสมัยประชุมนี้ ก็มีสัญญาณที่ไม่ดีเพราะองค์ประชุมล่มตั้งแต่วันแรก จึงถือเป็นความท้าทายของประธานวิปรัฐบาลคนใหม่ ที่ต้องประสานงานกับทั้ง ส.ว. ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาลและฝ่ายค้าน

จี้ถามนายกฯ-แถลงกู้แล้วไม่ทำ

นายยุทธพงศ์กล่าวว่า กรณี พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2565 ประกาศใช้มาแล้วเป็นเวลา 1 เดือน 1 สัปดาห์ ขณะที่นายกฯ บอกจะกู้เงินตามมาตรา 22 ของพ.ร.บ.บริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ.2548 จำนวน 91,705 ล้านบาท เพื่อเอามาเพิ่มในส่วนของรายจ่ายเพื่อการลงทุน แบ่งไปตามกระทรวงต่างๆ 8 กระทรวงด้วยกัน ให้สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะพิจารณาโครงการรายจ่ายลงทุนจากเงินกู้ดังกล่าว ปรากฏว่าจนถึงขณะนี้ ไม่มีเงินกู้

คำถามคือเหตุใดสิ่งที่นายกฯ แถลงต่อสภากลับไม่ทำ และที่ไม่มีเงินกู้ ที่กู้ไม่ได้เพราะชนเพดานหรืออย่างไร เรื่องนี้ส่งผล กระทบต่อภาวะเศรษฐกิจ ถามว่าความ น่าเชื่อถืออยู่ตรงไหน ตนในฐานะเป็นกรรมาธิการ (กมธ.) งบประมาณปี 2565 จะยื่นหนังสือสอบถามนายกฯ ว่า สิ่งที่ท่านได้แถลงต่อสภา เหตุใดท่านไม่ทำ พร้อมทั้งจะถามเรื่องนี้ต่อรมว.คลังด้วย

แฉพิรุธจัดซื้อวิทยุสื่อสารของตร.

นายยุทธพงศ์กล่าวถึงการจัดซื้อจัดจ้างของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ในการ จัดซื้อวิทยุสื่อสารดิจิตอลระยะที่ 1-3 ว่า โครงการนี้แบ่งออกเป็น 3 ระยะ เป็นเงิน 13,262,463,700 บาท คือระยะที่ 1 งบ 3,408 ล้านบาท เป็นการจัดหาลูกข่าย 15,000 เครื่อง เพื่อแจกจ่ายตำรวจสายงานปราบปราม สายงานควบคุมฝูงชน และศูนย์รับแจ้งเหตุ 191 ระยะที่ 2 งบ 4,340 ล้านบาท เป็นการติดตั้งขยายพื้นที่การใช้งานไปยังหัวเมืองใหญ่ทั่วประเทศ และระยะที่ 3 งบ 5,514 ล้านบาท

ขณะนี้ตร.ยังทำไม่ได้ เพราะระยะที่ 1 และ 2 มีปัญหา คือไม่มีเงินค่าสาธารณูปโภค เช่น ค่าเช่าที่ ค่าน้ำ ค่าไฟ ส่วนระยะที่ 3 ตร.จะโอนไปให้หน่วยงานที่อยู่ในกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) เป็นผู้ดำเนินการ ตรงนี้เป็นเรื่องผิดปกติ ทางตร.จัดซื้อจัดจ้างราคาเครื่องละ 7.3 หมื่นบาท ด้วยวิธีพิเศษทั้งหมด ไม่มีการนำเข้าระบบประมูล

นอกจากนี้ต้องมีสถานีติดตั้งเพื่อกระจายสัญญาณ โดยในระยะที่ 1 ติดตั้งไป 170 สถานี มีการซื้อ 15,000 เครื่องในพื้นที่ กทม.เป็นส่วนใหญ่ ระยะที่ 2 ซื้อ 43,040 เครื่อง กระจายไปตามหัวเมืองต่างๆ พอถึงระยะที่ 3 ตร..จะไม่ทำแล้วเพราะไปไม่รอด แต่จะโอนไปให้หน่วยงานในดีอีเอสแทน

“เรื่องนี้เป็นการใช้งบประมาณจำนวนมาก และไม่คุ้มค่า และเพื่อติดตามเรื่องนี้ผมจะส่งเรื่องไปให้นายไชยา พรหมา ประธานกมธ.ศึกษาการจัดทำและติดตามการบริหารงบประมาณฯ เพื่อนำเรื่องนี้มาตรวจสอบถึงความไม่โปร่งใส และความไม่คุ้มค่าในการใช้งบประมาณ” นายยุทธพงศ์กล่าว

ซัดกลับ‘ราเมศ’โจมตีจำนำข้าว

น.ส.ตรีชฎา ศรีธาดา รองโฆษกพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์กรณีที่นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์โจมตีโครงการรับจำนำข้าวว่า นายราเมศไม่ใช่ชาวนาจึงคิดเข้าข้างตัวเองว่าโครงการประกันรายได้ดีกว่าโครงการจำนำข้าว พรรคประชาธิปัตย์ได้ทั้งเก้าอี้รมว.พาณิชย์และรมว.เกษตรและสหกรณ์ แต่ราคาปุ๋ย น้ำมัน ยากำจัดวัชพืช แพงเท่าตัว ส่วนราคาข้าวกิโลกรัมละ 5-6 บาท ขณะที่ยุคจำนำข้าว ขายข้าวได้กิโลกรัมละ 12-20 บาท ชาวนาต้องการโครงการจำนำข้าว เพราะยกระดับชีวิตมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น มีรถมีบ้านมีเงินเก็บ ต่างจากยุคนี้ขายบ้านขายรถขายทุกอย่าง หนี้สินล้นพ้นตัว

ส่วนคดีจำนำข้าว ศาลปกครองกลางเห็นว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ในฐานะนายกฯ และประธานคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) ขณะนั้น ไม่ได้กระทำการจงใจหรือปล่อยปละละเลยให้เกิดการทุจริต หรือเพิกเฉยไม่ระงับยับยั้งความเสียหายในโครงการรับจำนำข้าว จนเป็นเหตุให้ราชการเสียหาย จึงให้เพิกถอนการบังคับคดี ไม่ต้องชดใช้ค่าเสียหาย ที่สำคัญน.ส.ยิ่งลักษณ์ ต่อสู้ตามกระบวนการกฎหมายมาโดยตลอด ไม่เคยหนีคดี แต่หนีความอยุติธรรม จึงอยากให้นายราเมศ หยุดวาทกรรมเดิมๆ ก่อนที่พรรคประชาธิปัตย์จะกลายเป็นพรรคต่ำสิบ

“อย่ามัวแต่ประดิษฐ์วาทกรรม ขนาดอุดมการณ์ประชาธิปัตย์ ข้อ 4 ที่เขียนไว้นานถึง 75 ปี ที่ระบุว่าพรรคประชาธิปัตย์จะไม่สนับสนุนระบบและวิธีแห่งเผด็จการ ไม่ว่าจะเป็นระบบและวิธีการของรัฐบาลใดๆ แต่ยังยิ้ม ไปร่วมจับมือเป็นรัฐบาล จนลืมคำมั่นสัญญาตอนปราศรัยหาเสียง ที่ประกาศ ไม่สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯ แต่กลับยกมือให้พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯ วันนี้พวกท่านกลืนน้ำลายตัวเอง ยิ้มมีความสุขบนตำแหน่งรัฐมนตรี จนไม่มีอะไรหลงเหลือให้ประชาชนเชื่อถือและศรัทธาได้อีก” น.ส.ตรีชฎากล่าว

‘เรืองไกร’ร้องกกต.สอบ‘หมอเลี้ยบ’

นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ เปิดเผยว่า การประชุมใหญ่พรรคเพื่อไทยที่ จ.ขอนแก่นเมื่อวันที่ 28 ต.ค. ซึ่งมีนพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี เป็น ผอ.พรรคเพื่อไทยขึ้นเวทีปราศรัยด้วยนั้น ตนได้ตรวจสอบพบว่า นพ.สุรพงษ์เคยต้องคำพิพากษาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง คดีความผิดเกี่ยวกับหน้าที่ราชการมาแล้ว 2 คดี คือ คดีหมายเลขแดงที่ อม.91/2559 วันที่ 4 ส.ค.2559 ซึ่งศาลพิพากษาว่ามีความผิดตามป.อาญา มาตรา 157 ให้จำคุก 1 ปี แต่รอการลงโทษไว้ 1 ปี และคดีหมายเลขแดงที่ อม.107/2559 วันที่ 25 ส.ค.2559 ซึ่งศาลพิพากษาว่ามีความผิดตามป.อาญา มาตรา 157 ให้จำคุก 1 ปี

ตามข้อบังคับพรรคเพื่อไทยข้อ 12 บุคคลที่ห้ามสมัครเป็นสมาชิก เช่น (9) บุคคลที่เคยได้รับโทษจำคุกและพ้นโทษมายังไม่ถึงสิบปี หรือ (12) เคยต้อง คำพิพากษาอันถึงที่สุดว่ากระทำผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ ดังนั้นการปรากฏ ตัวและปราศรัยเกี่ยวกับนโยบายของ นพ.สุรพงษ์บนเวทีประชุมใหญ่พรรคเพื่อไทย ซึ่งเป็นกิจกรรมทางการเมือง และ เมื่อวันที่ 28 ต.ค.และวันที่ 3 พ.ย. ใน เฟซบุ๊กพรรคเพื่อไทยได้ลงบทความ ของนพ.สุรพงษ์ไว้ อันทำให้เข้าใจได้ว่า นพ.สุรพงษ์ยังคงเป็นผอ.พรรคเพื่อไทย ต่อมาจนถึงปัจจุบัน

จึงเป็นเหตุอันควรสงสัยว่า นพ.สุรพงษ์เป็นผอ.พรรคหรือสมาชิกพรรคเพื่อไทยได้หรือไม่ ถ้าไม่ได้ จะมีการฝ่าฝืน พ.ร.ป. พรรคการเมือง มาตรา 28 และมาตรา 29 หรือไม่ ถ้ามีการฝ่าฝืนจะถือเป็นเหตุแห่งการยุบพรรคเพื่อไทย และเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของคณะกรรมการบริหารพรรคทั้งชุดเดิมและชุดใหม่ตามมาตรา 92 หรือไม่ และ กกต.ต้องดำเนินคดีอาญาตามมาตรา 108 หรือไม่ ซึ่งวันที่ 8 พ.ย. เวลา 10.00.น. ตนจะไปร้องให้ กกต.ตรวจสอบต่อไป

เบรก‘ก้าวหน้า’ล่าชื่อเลิก ม.112

น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ ประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี และอดีตรองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ ให้สัมภาษณ์ ถึงกรณีที่ “คณะก้าวหน้า” ที่มีนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ เป็นประธาน และนายปิยบุตร แสงกนกกุล เป็นเลขาธิการ ได้รณรงค์ให้ประชาชนลงชื่อในเว็บไซต์ เพื่อเรียกร้องให้มีการยกเลิกประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ว่า การยกเลิกมาตรา 112 จะเป็นการฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญ จึงน่าแปลกใจนายปิยบุตร ซึ่งอ้างว่าเชี่ยวชาญกฎหมายรัฐธรรมนูญ จะขาดความรู้ในเรื่องนี้ นาย ปิยบุตรอย่าทำตัวให้สังคมสงสัยว่ารู้ทั้งรู้กฎหมายอยู่เต็มอก แต่ต้องการโหนกระแสเสียงผู้กระทำผิด มาตรา 112 หาเสียงให้พรรคพวกตนเองในช่วงที่จะมีการเลือกตั้งท้องถิ่นอย่างนั้นหรือ

ความผิดตามมาตรา 112 เป็นบทบัญญัติความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร มาตรานี้จึงเป็นเรื่องการปกป้องคุ้มครองความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร ตามที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญซึ่งมีหลักการและความสำคัญในการปกป้องคุ้มครอง แตกต่างจากความผิดฐานหมิ่นประมาท-ดูหมิ่นที่กฎหมายมุ่งคุ้มครองสิทธิในชื่อเสียงและเกียรติของคนทั่วไป และเป็นความผิดต่อส่วนตัว จึงไม่สามารถยกเลิกมาตรานี้ได้

ขู่ไม่หยุด-ระวังไม่มีแผ่นดินอยู่

ด้านนายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การกระทำของนายธนาธร และนายปิยบุตร เป็นการกระทำที่แสดงออกชัดเจนขึ้นทุกวันว่าเป็นปฏิปักษ์ต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ทั้งที่ผลสำรวจออกมาชัดเจนว่าประชาชนคนไทยส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยกับการที่จะยกเลิก หรือแก้ไขมาตรา 112 รวมถึงไม่เห็นด้วยกับการกระทำของบุคคลหรือกลุ่มบุคคลใดก็ตามที่จะดึงเอาสถาบันพระมหากษัตริย์ลงมายุ่งเกี่ยวทางการเมือง

ขอเตือนว่าหากคณะก้าวหน้ายังไม่หยุดพฤติกรรมแบบนี้ ประชาชนคนไทยคงจะ ไม่ทนอีกต่อไป จะได้ร่วมกันลงชื่อเพื่อ ขับไล่คณะก้าวหน้าให้พ้นประเทศไทย เพราะอยู่ไปก็ไร้ประโยชน์ต่อแผ่นดินไทย มีแต่จะสร้างความขัดแย้งให้กับประเทศอย่างต่อเนื่อง คณะก้าวหน้า เวลานี้ควรจะเปลี่ยนชื่อใหม่ได้แล้ว เป็นคณะก้าวลงเหว ทั้งนายธนาธรและนายปิยบุตร ระวังไม่มีแผ่นดินจะอยู่ เพราะคิดการใหญ่ เกินกว่าคนไทยจะรับได้ ถ้ายังไม่หยุด ก็เก็บเสื้อผ้า รอได้เลย อีกไม่นานคนไทยจะออกมาลงชื่อขับไล่ ทั้งสองให้พ้นแผ่นดินไทย

พลังชลประชุมใหญ่สิ้นปีนี้

นายสุระ เตชะทัต เลขาธิการพรรค พลังชล เปิดว่า พรรคพลังชล ยังคงดำเนินกิจกรรมทางการเมืองตามปกติ และเตรียมจัดประชุมใหญ่ของพรรคให้เป็นไปตามกรอบกฎหมายกกต.โดยเร็ว คาดว่าก่อน สิ้นปี 2564 และยืนยันว่า พรรคพลังชล จะไม่ไปควบรวมกับใคร จะส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งในนามพรรคพลังชลเองอย่างแน่นอน ส่วนจะส่งผู้สมัครกี่เขต กี่คน คงต้องรอความชัดเจนจากพ.ร.บ.เลือกตั้งก่อน ทั้งเรื่องการแบ่งเขตเลือกตั้ง การคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ

เมื่อเวลา 08.00 น. พรรคประชาธิปไตยใหม่ จัดประชุมใหญ่สามัญประจำปี เพื่อเลือกหัวหน้า และกรรมการบริหารพรรคใหม่ ที่หอประชุมเทศบาลเมืองคูคต ต.คูคต อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี มีสมาชิกเข้ามาประชุม 260 คน โดยนายสุรทิน พิจารณ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ได้รับเลือกตั้งจากสมาชิกพรรคให้เป็นหัวหน้าพรรคอีก 1 สมัย

นายสุรทินกล่าวว่า การเลือกตั้งครั้ง ต่อไป พรรคประชาธิปไตยใหม่ตั้งเป้าได้ส.ส. 25 คน โดยยืนนโยบายพรรคคือต้องเป็นรัฐบาลเท่านั้น เพื่อตอบสนองข้อเรียกร้องของประชาชนได้ และจะไม่ยุบพรรคไปร่วมกับพรรคอื่น

กลุ่มรถบรรทุกนัดบุกกรุง 16 พ.ย.

ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้า กรณี กลุ่มผู้ประกอบการรถบรรทุกขนส่งสินค้า ทั่วประเทศ ออกมาเคลื่อนไหวเรียกร้องให้รัฐบาลช่วยพยุงราคาน้ำมันดีเซลจากลิตรละ 30 บาท ให้ลดลงเหลือ 25 บาท เป็นะเวลา 1 ปี เพื่อช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของ ผู้ประกอบการรถบรรทุกขนส่งทั่วประเทศ เนื่องจากได้รับผลกระทบจากการระบาดของโควิด-19 แล้วยังต้องมาแบกรับภาระราคาน้ำมันที่แพงซ้ำเติมอีก แต่รัฐบาลยังยืนยันว่าจะคงราคาน้ำมันดีเซลลิตรละ 30 บาทเหมือนเดิม ทำให้กลุ่มผู้ประกอบการนัดกันหยุดเดินรถ 20% ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย.เป็นต้นไปนั้น

ล่าสุดวันที่ 7 พ.ย. นายธนะสันติ์ กุลเภศรานนท์ รองเลขาธิการสมาคมขนส่งสินค้าภาคอีสาน เปิดเผยว่า การเรียกร้องของกลุ่มผู้ประกอบการที่ผ่านมา จนถึงขณะนี้ยังไม่ได้มีความชัดเจนจากรัฐบาลว่าจะช่วยเหลืออะไรเลย แถมยังมีข่าวว่าจะปรับเพดานราคาน้ำมันดีเซลขึ้นไปอีกเป็นลิตรละ 34 บาทด้วย แสดงให้เห็นว่ารัฐบาลไม่มีความจริงใจที่จะช่วยแก้ปัญหาความเดือดร้อนของพวกเราเลย

ดังนั้น ในวันที่ 16 พ.ย. เครือข่าย ผู้ประกอบการรถบรรทุกขนส่งสินค้า ทั่วประเทศ จะนัดรวมตัวกันเคลื่อนขบวนรถมาจากทุกสารทิศ เข้าสู่กรุงเทพฯ เป็นรอบที่ 2 แน่นอน มั่นใจว่าจะมีรถบรรทุกร่วมขบวนมากกว่ารอบแรก เพราะทุกคนต้องการแสดงพลังเพื่อให้รัฐบาลเห็นว่าเราเดือดร้อนกันมากแค่ไหน แต่ถ้ารัฐบาลยังยืนยันว่าจะไม่ปรับลดภาษีน้ำมันดีเซลเหลือลิตรละ 25 บาท พวกเราจะพร้อมใจกันขึ้นราคาค่าขนส่งเพื่อให้เหมาะสมกับราคาน้ำมัน แม้ว่าจะไม่อยากทำ แต่ก็ต้องทำ เพราะหากยังยึดราคาเดิมเราจะอยู่กันไม่ได้

เปิดเงื่อนไขลดตั๋วบขส.20%

น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตามที่สถานการณ์ราคาน้ำมันในตลาดโลกปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง ราคาอาหารสดบางชนิดในท้องตลาดก็ปรับตัวเพิ่มขึ้น พล.อ.ประยุทธ์ได้มอบหมายทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการดูแลกลไกราคาสินค้าต่างๆ ให้พิจารณาดำเนินแนวทางเพื่อดูแลค่าครองชีพของประชาชนในระยะนี้ ดูแลความสามารถในการใช้จ่ายของประชาชนให้ต่อเนื่องในช่วงการฟื้นฟูเศรษฐกิจจากโควิด-19 ซึ่งขณะนี้หลายหน่วยงานได้ให้นโยบายหน่วยงานภายใต้การดูแลออกมาตรการเพื่อช่วยเหลือประชาชนแล้ว

โดยในส่วนของนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม ได้ให้นโยบายหน่วยงานสังกัดกระทรวงคมนาคมหาแนวทางช่วยลดค่าใช้จ่ายให้กับประชาชน ซึ่งล่าสุดบริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) ได้ขยายเวลาโครงการ “บขส.วิถีใหม่ห่างไกล Covid-19 ฉีดวัคซีน 2 เข็ม ลด 20 เปอร์เซ็นต์” จนถึงวันที่ 30 พ.ย.2564

โดย บสข. จะให้ส่วนลด 20 เปอร์เซ็นต์ สำหรับค่าโดยสาร (ไม่รวมค่าธรรมเนียม) ให้กับผู้ฉีดวัคซีนป้องกัน โควิด-19 ครบ 2 เข็ม และเข้าร่วมโครงการคนละครึ่ง โดยชำระค่าโดยสาร บขส. ผ่านแอพพลิเคชั่นเป๋าตังได้ที่ช่องจำหน่ายตั๋วของ บขส. ทั่วประเทศ แต่สิทธิ์ดังกล่าวไม่สามารถใช้กับการจองตั๋วล่วงหน้าได้

พาณิชย์จัดโมบายลดราคา

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ ให้สัมภาษณ์ ถึงวัตถุดิบมีราคาสูงขึ้น ส่งผลให้ร้านอาหารตามสั่งเพิ่มราคาว่า สำหรับผักมีราคาแพงขึ้นจริงช่วง 1-2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งกระทรวงพาณิชย์ไม่ได้นิ่งนอนใจ ได้สั่งการและเข้าไปดำเนินการตรวจตราดูแลด้วยตัวเอง

โดยสาเหตุที่ผักมีราคาแพงขึ้นในช่วงนี้ เนื่องจากพื้นที่ภาคกลางที่เป็นแหล่งผลิตใหญ่มีปัญหาน้ำท่วมทำให้เกิดความเสียหายมาก คาดว่าหลังจากน้ำลดแล้ว เกษตรกรจะหันไปเร่งปลูก และจะมีผักป้อนตลาดภายในเวลาไม่นาน

ระหว่างนี้จะใช้วิธีจัด Mobile พาณิชย์…ลดราคา! ผัก ช่วยประชาชน ซึ่งได้เปิดตัวไปแล้วเมื่อวันที่ 3 พ.ย.ในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล โดยจัดรถโมบาย 50 คัน ออกตระเวนทุกชุมชน และถ้าจังหวัดใดที่พาณิชย์จังหวัด ทีมเซลส์แมนจังหวัดสำรวจแล้วพบว่ามีความจำเป็นก็สามารถจัดได้เลย กระทรวงพาณิชย์พร้อมจะเข้าไปช่วยสนับสนุน

จ่ายประกันข้าวงวดแรก 9 พ.ย.

นายจุรินทร์กล่าวว่า สำหรับโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวตนขอย้ำ ขณะนี้ผ่าน ครม.แล้ว และโอนเงินส่วนต่างงวดแรกให้ในวันที่ 9 พ.ย.นี้ โดยตนกำชับกรมการค้าภายในและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธ.ก.ส.โอนเงินส่วนต่างทันที จากนั้นจะเป็นงวดทุกสัปดาห์ เกษตรกรผู้ปลูกข้าวรายใดแจ้งแล้วว่าจะเก็บเกี่ยวช่วงเวลานี้ จะโอนวันที่ 9 พ.ย. ถัดไปจะเป็นไปตามที่ได้แจ้งไว้ว่าจะเก็บเกี่ยวเมื่อไหร่

ส่วนราคาปาล์มที่สูงขึ้นในวันนี้ไม่ได้สูงด้วยความบังเอิญ เราประกันรายได้ปาล์มกิโลกรัมละ 4 บาท แต่วันนี้ปาล์มแตะ 9-10 บาทแล้ว ซึ่งราคาปาล์มที่ดีขึ้นด้วยเหตุผล 3 ข้อ จากการบริหารจัดการ 1.ส่งเสริมให้เอาน้ำมันปาล์มไปผสมดีเซลทำเป็น B5 B7 B20 เป็นต้น 2.กระทรวงพาณิชย์ออกประกาศห้ามนำเข้าน้ำมันปาล์มจากประเทศเพื่อนบ้านทางบกเพราะการนำเข้าทางบกก่อให้เกิดการลักลอบนำเข้าและน้ำมันปาล์มจากประเทศเพื่อนบ้านไหลมารวมกันอยู่ในประเทศไทยทำให้กดราคาปาล์มในประเทศ

3.การเร่งรัดการส่งออก ประสบความสำเร็จมากในการเปิดตลาดน้ำมันปาล์มอินเดียทำให้ปี 63 สามารถส่งออกน้ำมันปาล์มไปอินเดียได้ 2,600 ล้านบาท แต่ 9 เดือนแรกปีนี้ส่งออกไปแล้ว 14,000 ล้านบาท เพิ่มสูงขึ้นมากจากการเปิดตลาด เป็นบวกถึง 438% และหากราคาตกก็ยังมีส่วนต่างจากโครงการประกันรายได้เข้ามาช่วยเกษตรกรชาวสวนปาล์ม ซึ่งขณะนี้พอใจและดีใจที่เราเข้าไปช่วยทำให้ราคาดีขึ้น

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน