แถลงย้ำจุดยืน
ปกป้อง‘ปชต.’
ตร.กินแกงอีก
ทิ้งสนามหลวง
โดนยิง-เจ็บ3
วุ่นหน้านิติเวช

ม็อบแกงตร. เปลี่ยนแผนไม่ชุมนุมอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย มาแยกปทุมวันแทน ก่อนออกเดินไปยื่นหนังสือที่สถานทูตเยอรมัน ยืนยันสาเหตุชุมนุมเพื่อปกป้องประชาธิปไตย ก่อนยุติชุมนุม หวิดเดือด จู่ๆ ตร.เปิดฉาก ยิงกระสุนยางใส่ บริเวณหน้าสถาบันนิติเวชฯ เผยมีคนถูกกระสุนปริศนาบาดเจ็บ 2 ราย รอง โฆษก ตร.แจง อยู่ระหว่างพิสูจน์ทราบ

ตรึงสนามหลวงกลางดึก

เมื่อวันที่ 14 พ.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศ ก่อนเวลาชุมนุมใหญ่ ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ของกลุ่มราษฎรและกลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์ และการชุมนุม พร้อมด้วยแนวร่วมกลุ่ม ประชาธิปไตยอื่นๆ ที่ไม่เห็นด้วยกับคำวินิจฉัย ศาลรัฐธรรมนูญ นำโดย น.ส.ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล หรือ รุ้ง แกนนำกลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม พร้อมด้วย แนวร่วมราษฎร นายธัชพงศ์ แกดำ หรือ บอย, นายกรกช แสงเย็นพันธ์ หรือ ปอ กลุ่มฟื้นฟูประชาธิปไตย (DRG), น.ส.กตัญญู หมื่นคำเรืองหรือ ป่าน กลุ่มทะลุฟ้า ตัวแทนจากคณะรณรงค์ เพื่อรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน (ครช.), กลุ่มศาลายา เพื่อประชาธิปไตย และ กลุ่ม Supporter Thailand (SPT) ที่นัดหมายรวมพลปกป้องประชาธิปไตย เวลา 15.00 น. ก่อนจะเดินขบวนไปยังสนามหลวง

โดยเวลา 22.00 น. คืนวันที่ 13 พ.ย. ที่ท้องสนามหลวง ถนนราชดำเนินกลาง แขวงพระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร กทม. เจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารได้ประสานนำรถโฟล์กลิฟต์วางตู้คอนเทนเนอร์ขวางเป็นแนวยาวของสถานที่เตรียมรับมือกับกลุ่มผู้ชุมนุม ขณะเดียวกันยังมีการนำตู้คอนเทนเนอร์มาตั้งขวางเป็นแนวยาวไว้ที่บริเวณด้านหลังศาลพระแม่ธรณีบีบมวยผม ยาวไปถึงฝั่งมหาวิทยาลัย ธรรมศาสตร์ โดยตำรวจกระจายกำลังเพื่อเฝ้าสังเกตการณ์ตามพื้นที่บริเวณโดยรอบ

พร้อมกันนี้ที่ถนนมหาราช (ช่วงตลาดท่าพระจันทร์) แขวงพระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร กทม. ยังมีรถบรรทุกขนตู้คอนเทนเนอร์ขนาดใหญ่เตรียมลำเลียง ใช้ขวางเส้นทางการจราจรทั้งฝั่งขาเข้า-ขาออก อีกด้วย

คุมเข้มอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย

ต่อมาเวลา 11.40 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้นำแผงเหล็กมากั้นปิดการจราจร ฝั่งขาเข้าถนนราชดำเนินใน บริเวณช่วงแยกผ่านพิภพ เวลา 11.20 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมฝูงชนนำรถฉีดน้ำแรงดันสูง ควบคุมฝูงชนหรือ รถจีโน่ จำนวน 2 คัน พร้อมรถน้ำ 2 คัน มาจอดอยู่บริเวณหน้าศาลฎีกา ขณะที่บริเวณโดยรอบด้านอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย พบมวลชนคนเสี้อแดงรวมกลุ่มรอร่วมกิจกรรม ในพื้นที่ ประมาณ 15-20 คน

เวลา 13.30 น. ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศบริเวณเเยกคอกวัว เจ้าหน้าที่ตำรวจวางกำลังตั้งแนวกั้นแผงเหล็กกั้น ห้ามรถผ่านเข้าในอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย โดยตำรวจสน.ชนะ สงคราม และสน.สำราญราษฎร์ วางกำลังโดยรอบเพื่อคัดกรองประชานที่จะผ่าน พื้นที่ไม่ให้มวลชนที่จะเดินทางมาชุมนุมเข้าพื้นที่

ส่วนบริเวณแยกวันชาติ มีเจ้าหน้าที่ตำรวจตั้งแนวกั้นแผงเหล็ก เพื่อไม่ให้มวลชนเข้า พื้นที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ในฝั่งแยกวันชาติ เพื่อให้เข้าออกเพียง 2 ช่องทางเพื่อเป็นการป้องกันระวังเหตุมือที่สาม พร้อมวางกำลัง เจ้าหน้าที่ตำรวจเฝ้าระวังสถานการณ์ ขณะที่ด้านสะพานช้างโรงสี-สะพานมอญ เจ้าหน้าที่ตั้งแนวกั้นตู้คอนเทนเนอร์ ป้องกันมวลชน เข้าพื้นที่ ถนนราชินี มีกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจตั้งด่านตรวจยานพาหนะ ผ่านเข้าพื้นที่ เข้มงวด โดยในแต่ละจุดจะมีกำลังสำหรับพร้อมอาวุธทางยุทธวิธี โล่ ปืนยิงกระสุนยาง ปืนพกประจำกาย ประจำแต่ละจุดด้วย

ตร.เตือนอย่าทำผิดกม.

ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ต.จิรสันต์ แก้วแสงเอก รองผบช.น. โฆษกบช.น. เปิดเผยว่า สถานการณ์การชุมนุมในวันนี้ มีการชุมนุมจำนวน 4 จุด ได้แก่ กลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม กลุ่มทะลุฟ้า และกลุ่มแนวร่วมหลายกลุ่ม จะรวมตัวบริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เวลา 15.00 น.

คาดว่าจะมีการเคลื่อนตัวไปที่บริเวณท้องสนามหลวง กลุ่มศิลปินเพลงเพื่อราษฎรชุมนุมบริเวณหน้าเรือนจำกลางคลองเปรม เวลา 17.00 น. และกลุ่มพลเมืองโต้กลับ ชุมนุมบริเวณหน้าศาลฎีกา เวลา 17.30 น. และกลุ่มเยาวรุ่นทะลุแก๊ส นัดชุมนุมแยกดินแดง อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เวลา 17.30 น.

นอกจากนี้วันที่ 15 พ.ย. กลุ่มแท็กซี่ รักประชาธิปไตย บริเวณธ.ออมสินสำนักงานใหญ่ เวลา 05.00 น. พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผบช.น. ได้จัดเตรียมกำลังพลและยุทโธปกรณ์ เพื่อเข้าดำเนินการรักษาความสงบเรียบร้อย ไว้แล้ว โดยเน้นย้ำให้ปฏิบัติภายใต้กรอบกฎหมาย และคำนึงถึงความปลอดภัยของประชาชนเป็นหลัก

ส่วนการชุมนุมเมื่อวันที่ 13 พ.ย.ที่ผ่านมา ไม่มีความวุ่นวายเกิดขึ้นแต่อย่างใด ทั้งนี้ตั้งแต่เดือนก.ค.63 ที่ผ่านมา ดำเนินคดีทั้งหมด 783 คดี สอบสวนสั่งฟ้อง 385 คดี คงเหลือคดี 398 คดี

ส่วนกรณีศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยว่า การชุมนุมดังกล่าวเป็นการล้มล้างระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขนั้น พล.ต.ต.จิรสันต์กล่าวว่าขอให้ระมัดระวังไม่ให้เกิดการกระทำดังกล่าว ผู้ใช้โซเชี่ยลมีเดียให้เด็กเยาวชนเข้าร่วมการชุมนุม ขอให้ผู้ปกครองสอดส่องดูแล ขอให้ไม่ให้กระทำผิดตามแนวทางคำวินิจฉัยดังกล่าว หากมีการบิดเบือนข้อมูลก็จะมีการรวบรวมพยานหลักฐานดำเนินคดี ส่วนหากมีการใช้แก๊สน้ำตาและกระสุนยางนั้น หากอยู่ในกรอบก็ไม่มีการใช้อาวุธดังกล่าว ดูตามสถานการณ์หากมีการรื้อสิ่งกีดขวางมีการใช้ความรุนแรงก็ต้องมีการพิจารณา หากกลุ่มผู้ชุมนุมอยู่ตามแนวที่กำหนด

ม็อบเลี่ยงปะทะ-ไปปทุมวัน

ต่อมา 13.45 น. เพจแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุมประกาศเปลี่ยนสถานที่นัดชุมนุม เป็นแยกปทุมวัน โดยให้เหตุผลว่า เนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจปิดเส้นทางเข้าออกอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยทุกเส้นทาง ทำให้มวลชนที่มารวมตัวกันเมื่อทราบการเปลี่ยนสถานที่นัดหมาย ก็ได้ตั้งแถวเคลื่อนขบวนด้วยรถ และเดินเท้าออกจากพื้นที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ไปตามถนนหลานหลวง เพื่อไปยังแยกปทุมวัน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าภายหลังประกาศย้ายสถานที่ชุมนุมไปยังแยกปทุมวัน ผู้ชุมนุมจำนวนหนึ่งที่มารออยู่ได้เดินทางไปยังจุดนัดหมายใหม่ มีทั้งที่ส่วนรวมตัวเดินเท้า ขี่รถจักรยานยนต์ และอาศัยรถกระบะรวมกันไป โดยใช้เส้นทางข้ามสะพานผ่านฟ้าลีลาศ เข้าสู่ถนนหลานหลวง ผ่านตลาดโบ๊เบ๊และมหานาค ระหว่างเดินขบวนมีการเชิญชวนพ่อค้าแม่ขาย 2 ข้างทาง รีบเก็บร้านไปร่วมชุมนุม หรือนำสินค้าไปขาย ที่สี่แยกปทุมวัน ทั้งนี้ มีชายชราอายุเกือบ 100 ปี เปิดเผยว่ายืนยันว่าจะร่วมเดินไปกับขบวนม็อบด้วย

เวลา 14.39 น. บรรยากาศบริเวณหอศิลป์ แยกปทุมวัน ประชาชนทยอยมารวมตัว กันอย่างต่อเนื่อง โดยตั้งแผงขายของบริเวณหน้าหอศิลป์ เป็นสินค้าเกี่ยวกับสัญลักษณ์ประชาธิปไตย อาทิ สติ๊กเกอร์ ผ้าคาดศีรษะ รวมถึงหน้ากากกันแก๊สน้ำตา ฯลฯ รวมทั้ง ทำกิจกรรมเล่นดนตรี สร้างความบันเทิงให้กับ ผู้ชุมนุม

ล้นปทุมวัน – ผู้ชุมนุมจำนวนมากทำกิจกรรมหน้าหอศิลป์กทม. สี่แยกปทุมวัน ยืนยันเรียกร้องประชาธิปไตย หลังต้องย้ายจุดชุมนุมมาจากอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เพราะจนท.ตั้งตู้คอนเทนเนอร์ปิดเส้นทาง จากนั้นเคลื่อนขบวนไปยังสถานทูตเยอรมัน เมื่อวันที่ 14 พ.ย.

ลงถนนปิดแยกปทุมวัน

ต่อมาเวลา 15.00 น. กลุ่มผู้ชุมนุมเริ่มเคลื่อนย้ายลงมาบนผิวการจราจร ใต้สะพานลอย หอศิลป์ ทำให้การจราจรบริเวณแยกปุทมวันถูกปิดโดยปริยาย โดยนายเอกชัย หงส์กังวานและนายชินวัตร จันทร์กระจ่าง หรือ ไบรท์ แกนนำราษฎรนนทบุรี เดินทางมาเข้าร่วมชุมนุม ขณะเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ปทุมวัน เดินเท้าเข้ามาอ่านประกาศให้ผู้ชุมนุมเปิดการจราจร โดยผู้ชุมนุมต่างชู 3 นิ้ว เปล่งเสียงพร้อมเพรียง ว่า “ออกไป ออกไป ออกไป” พร้อมเดินต้อนเจ้าหน้าที่กลับไปทางหน้าห้างสรรพสินค้า MBK ตัวแทนการ์ดเข้าเจราเพื่อลดการปะทะระหว่างเจ้าหน้าที่ตำรวจและผู้ชุมนุม

แนวร่วมปชต.ร่อนแถลงการณ์

ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศเมื่อเวลา 15.36 น. นางวรวรรณ แซ่อั้ง หรือป้าเป้า กล่าวว่า ตนถูกแจ้งข้อหาประมาณ 12-13 หมาย เกือบ 40 คดี ไม่รู้จะเอาคดีอะไรมาจับอีก ยังมาบอกว่าตนล้มล้างฯ

ต่อมาเวลา 15.45 น. มีการเผยแพร่แถลงการณ์ของแนวร่วมประชาธิปไตยต่อสื่อมวลชน ใจความตอนหนึ่งว่า ประเทศไทยเรากำลังเดินถอยหลัง เต็มไปด้วยความวุ่นวาย อำนาจที่เพิ่มขึ้นในช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้กำลังพาประเทศไทยออกห่างจากการปกครองในระบอบประชาธิปไตย ประชาชนเป็นเพียงผู้อยู่อาศัย กำหนดให้ประชาชนมีเพียงสิทธิเลือกตั้ง แต่อำนาจในการปกครอง อำนาจในการกำหนดทิศทางและอนาคตของประเทศทั้งหมด กลับไม่ได้อยู่ในมือของประชาชน นี่คือการต่อสู้เพื่อยืนยันว่าประเทศนี้ต้องปกครอง โดยระบอบที่คนทุกคนเสมอหน้าเท่าเทียมกัน เพื่อปกป้องระบอบประชาธิปไตย

ต่อมา เวลา 15.52 น. มีการหย่อนหุ่นฟางจำลองจำนวน 8 ตัวลงมาจากสกายวอล์กแยกปทุมวัน ต่อมาผู้ชุมนุมนำศาลพระภูมิ 2 หลัง มาตั้งกลางม็อบ จากนั้นพ่นสีและทุบทำลาย ก่อนจุดไฟเผาและนำหุ่นฟางทั้งหมดโยนเข้ากองไฟ ขณะที่ นายกฤษณะ ไก่แก้ว หรือ ฟรอยด์ สมาชิกเครือข่ายรามคำแหงเพื่อประชาธิปไตย กล่าวผ่านรถขยายเสียงสื่อถึงประชาชนว่า จำเป็นอย่างมากที่เราต้องออกมายืนยันในระบอบการปกครองประชาธิปไตย “สายลมแห่งการเปลี่ยนแปลงพัดมาแล้ว คุณไม่สามารถหยุดยั้งได้ ” นายกฤษณะกล่าว

วุ่นแยกราชเทวี

ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศเมื่อเวลา 16.13 น. เกิดเหตุชุลมุนเล็กน้อยเมื่อมีเสียงดังคล้ายประทัดบริเวณแยกราชเทวี 4 ครั้ง ผู้ชุมุนมบริเวณใกล้เคียงวิ่งหนี นายธัชพงศ์ แกดำ หรือบอย กล่าวผ่านรถขยายเสียงว่า ขอให้พี่น้องประชาชนไปรวมตัวกลางแยกปทุมวัน บริเวณจุดแขวนหุ่นจำลอง จากนั้นกล่าวย้ำผู้ชุมนุมว่า ตอนนี้มีเหตุเกิดขึ้น ไม่ต้องไปตามเกมตำรวจ รายงานข่าวแจ้งว่า มีการจับกุมผู้ชุมนุมไม่ทราบจำนวนด้วย ขณะที่ ผู้ชุมนุมบริเวณสะพานหัวช้างตะโกนบอกให้สื่อหยุดไลฟ์ และขอความร่วมมือไม่ถ่ายภาพติดใบหน้าผู้ชุมนุมด้วย

ถึงเลือด – ตำรวจคฝ.ปะทะกลุ่ม ผู้ชุมนุมที่พยายาม รื้อรั้วลวดหนามที่จนท.วางขวางไว้บริเวณแยกเฉลิมเผ่า ขณะเคลื่อนขบวนไปยังสถานทูตเยอรมัน มีผู้ชุมนุมถูกยิงที่หน้าอกเลือดอาบ ได้รับบาดเจ็บ 1 ราย

เคลื่อนไปสถานทูตเยอรมัน

ต่อมาแกนนำประกาศเคลื่อนขบวนเดินไปสถานทูตเยอรมันประจำประเทศไทย กลุ่มผู้ชุมนุมเริ่มเดินมาตามถนนพระราม 1 ขณะที่บนสกายวอล์กตำรวจปิดกั้นทางขึ้นลง ห้ามผู้ชุมนุมลงมารวมกัน กระทั่งผู้ชุมนุมเดินทางมาถึงแยกเฉลิมเผ่า ก็พบกับแนวตั้งของตำรวจควบคุมฝูงชนที่กั้นถนนไม่ยอมให้กลุ่มผู้ชุมนุมผ่านมา โดยพ.ต.อ.พันษา อมราพิทักษ์ ผกก.สน.ปทุมวัน ใช้เครื่องกระจายเสียงประกาศ ให้ผู้ชุมนุมเปิดทางจราจร แต่กลุ่มผู้ชุมนุม ไม่ยอมและโห่ไล่ตลอดเวลา ก่อนจะเคลื่อนแนวการ์ดเข้าประจันหน้ากับเจ้าหน้าที่ซึ่งเตรียม พร้อมทั้งโล่กระบองและรถจีโน่ บรรยากาศเป็นไปด้วยความตึงเครียด

ปะทะเดือด – ตำรวจคฝ.ปะทะกลุ่มผู้ชุมนุมที่พยายามรื้อรั้วลวดหนาม ที่จนท.วางขวางไว้บริเวณแยกเฉลิมเผ่า ปทุมวัน ขณะเคลื่อนขบวนไปยังสถานทูตเยอรมัน ทำให้มีผู้บาดเจ็บ 3 ราย หนึ่งในนั้นถูกกระสุนยิงทะลุปอดอาการสาหัส เมื่อวันที่ 14 พ.ย.

ปะทะตร.ยิงกระสุนยาง

กลุ่มการ์ดผู้ชุมนุมเริ่มรื้อแผงกั้นรุกคืบ เข้าประชิดแนวเจ้าหน้าที่ โดยเจ้าหน้าที่ได้ประกาศเตือนให้หยุดการใช้ความรุนแรงต่อเจ้าหน้าที่ แต่กลุ่มผู้ชุมนุมยังรุกคืบกดดัน ต่อเนื่อง โดยกลุ่มการ์ดได้ดูแลไม่ให้มีผู้ใช้ความรุนแรง ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ถอยร่น ไปถึงบริเวณประะตูด้านสถาบันนิติเวชฯ ถนนอังรีดูนังต์ แต่จู่ๆ เกิดความวุ่นวายขึ้น เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจเปิดฉากยิงกระสุนยางจำนวนหลายนัดใส่ผู้ชุมนุมที่เดินกดดันมา โดยไม่ทราบสาเหตุ มีผู้ได้รับบาดเจ็บถูกกระสุน ปริศนาบริเวณนี้ 1 รายเป็นชายถูกเข้าบริเวณหน้าอก เจ้าหน้าที่รีบนำส่งร.พ. มีผู้ชุมนุม ต่างตะโกนด่าเจ้าหน้าที่ ตำรวจซึ่งถอยเข้าไปในรั้วสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ขณะที่การ์ด ผู้ชุมนุมพยายามให้ผู้ชุมนุมเดินทางต่อไปสถานทูตเยอรมัน ที่ถนนสาทร

ตัวแทนยื่นหนังสือในสถานทูต

ต่อมา เมื่อเวลา 18.10 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กลุ่มของมวลชนเดินเท้าตั้งแต่สี่แยกปทุมวัน มาถึงสถานทูตเยอรมัน โดยใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง ก็มาถึงด้านหน้าสถานทูต ขณะที่ด้านหน้าสถานทูตมีกำลังตำรวจตั้งแนวสกัดกั้น ที่บริเวณหน้าประตูสถานทูต บรรยากาศเป็นไป ด้วยความเรียบร้อย ไม่มีการปะทะหรือเหตุชุลมุนแต่อย่างใด ส่วนสภาพการจราจรที่ถนนสาทรใต้ฝั่งขาออก หน้าสถานทูตเยอรมัน มีกลุ่มผู้ชุมนุมกระจายอยู่ทั่วบริเวณ จากนั้นแกนนำอ่านแถลงการณ์ ถึงข้อเรียกร้อง ดังกล่าว โดยแสดงจุดยืนเรียกร้องประชาธิปไตย ยืนยัน การทำกิจกรรมในวันนี้เพื่อปกป้องประชาธิปไตย

หลังจากอ่านแถลงการณ์เสร็จสิ้น มวลชนส่งตัวแทน 3 คน เข้ายื่นหนังสือต่อเจ้าหน้าที่ของสถานทูต และชี้แจงถึงเหตุการปะทะกันกับทางตำรวจที่แยกเฉลิมเผ่าก่อนที่จะเดินทางมาถึง ซึ่งมีผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัส 1 ราย และหลังจากที่ตัวแทนได้เข้ายื่นหนังสือแล้ว ก็ออกมาแถลงข่าวกับทางสื่อมวลชนทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ ก่อนที่จะประกาศ ยุติการชุมนุม และขอความร่วมมือให้ทุกคนแยกย้ายเดินทางกลับบ้านทันที ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ต่อมาเกิดเสียงดังคล้ายประทัด ดังขึ้น 2 ครั้ง บริเวณสะพานไทย-เบลเยี่ยม แยกวิทยุ โดยมีชายวัยรุ่นได้รับบาดเจ็บ 1 ราย

ต่อมาเฟซบุ๊กศาลายาเพื่อประชาธิปไตยโพสต์ว่า ตัวแทนจากสถานทูตได้ส่งความห่วงใยมาเนื้อความโดยสรุปว่า เป็นห่วงความปลอดภัยของประชาชนที่ออกมาร่วมชุมนุม เรื่องแถลงการณ์วันนี้จะส่งตรงถึงมือเอกอัคร ราชทูตประจำสถานทูตเยอรมันคืนนี้ และเพิ่งได้รู้เรื่องที่มีผู้ชุมนุมบาดเจ็บจากการเข้าร่วมการชุมนุม และจะส่งเรื่องนี้ให้เอกอัครราชทูตประจำสถานทูตเยอรมันภายในคืนนี้โดยเร็วที่สุด และจะติดตามการชุมนุมในประเทศไทย

ยื่นสถานทูต – กลุ่มมวลชนจำนวนมากเดินเท้าจากแยกปทุมวันถึงสถานทูตเยอรมัน ถนนสาทรใต้ จากนั้นตัวแทน 3 คนได้รับอนุญาตให้เข้ายื่นหนังสือแสดงจุดยืนปกป้องประชาธิปไตย เมื่อช่วงค่ำวันที่ 14 พ.ย.

ตร.เผยผู้ชุมนุมบาดเจ็บ 3 ราย

ด้าน พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษก ตร. ชี้แจงกรณีมีผู้ได้รับบาดเจ็บจากกรณี การร่วมชุมนุม ว่าเมื่อเวลา 17.00 น เมื่อกลุ่มผู้ชุมนุมเคลื่อนตัวมาถึงบริเวณถนนอังรีดูนังต์ หน้าสถาบันนิติเวชวิทยา โรงพยาบาลตำรวจ เกิดเหตุมีเสียงดังคล้ายวัตถุระเบิดขึ้น ได้รับรายงานมีผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวน 2 ราย ขณะนี้ รักษาตัวที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์โดยขณะนี้กำลังพิสูจน์ทราบถึงสาเหตุดังกล่าว

เวลา 18.40 น เมื่อกลุ่มผู้ชุมนุมเคลื่อนตัวมาถึงบริเวณแยกถนนวิทยุ เกิดเหตุมีเสียงดังคล้ายวัตถุระเบิดขึ้น ได้รับรายงานมีผู้ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย จำนวน 1 ราย โดยขณะนี้กำลังพิสูจน์ทราบถึงสาเหตุดังกล่าว ทังนี้ หากทราบรายละเอียดเพิ่มเติมจะรายงาน ให้ทราบอีกครั้ง และขอประชาสัมพันธ์ให้ติดตามข่าวสารจากทางราชการอย่างใกล้ชิด

ขณะที่ตร.รายงานชื่อผู้บาดเจ็บ ประกอบด้วยนายอภิญโญ ศรีกร่างทอง บาดเจ็บที่ปอดกำลังผ่าตัด นายอลงกต สงฆ์พัฒน์แก้ว บาดเจ็บที่หัวไหล่ซ้ายกับสีข้างด้านซ้าย และนายอนันต์ เกิดม่วง (ยังไม่แจ้งอาการบาดเจ็บ)

หมอทศพรเผยถูกยิง 2 ราย

ด้าน นพ.ทศพร เสรีรักษ์ เผยว่า ทราบข่าวมีคนเจ็บรีบวิ่งไปดู เห็นที่ลิ้นปี่มีแผลและ เลือดออกรีบช่วยกดไว้ทำแผล ผู้บาดเจ็บเป็นผู้ชายอายุ 23 ปีแล้วก็เอาขึ้นรถพยาบาลไปส่งโรงพยาบาลจุฬาฯ หมอที่โรงพยาบาลจุฬาฯ ก็ได้ใส่ท่อที่ปอดทั้งสองข้าง เข้าใจว่ากระสุนทะลุปอดทั้ง 2 ข้าง เวลากระสุนทะลุปอด มันก็จะทำให้มีเลือดออกแล้วก็ลมรั่วออกมา นอกปอด กดปอดให้หายใจไม่ได้ ระหว่างทาง ที่น้องไปโรงพยาบาลแล้วก็เหนื่อยหอบไปตลอดทาง แต่ตอนนี้ก็ดีขึ้นแล้วแล้วก็นอนอยู่โรงพยาบาล

ส่วนอีกคนนึงก็เป็นผู้ชายอายุประมาณ 30 ก็โดนยิงเข้าที่ใต้ไหปลาร้าอันนี้ไม่แน่ใจว่าโดนปอดหรือเปล่าแต่ตอนนี้น้องก็ปลอดภัยดีทั้งสองคนรู้ตัวดียังนอนอยู่โรงพยาบาล ส่วนหัวกระสุนสามารถระบุหรือไม่ ต้องให้โรงพยาบาลจุฬาฯ ส่งหัวกระสุนให้ตำรวจ เชื่อว่าทางนิติเวชจุฬาฯ ก็คงจะต้องชันสูตรว่าเป็นกระสุนอะไร

จริงๆ ผู้เดินขบวนไม่ได้ใช้ความรุนแรงอะไรเลยก็เดินไปด้วยความสงบแทบจะรุนแรง ที่เกิดเหตุคือการตัดรั้วเหล็กให้พ้นทางเท่านั้นเอง อย่างอื่นก็ไม่มีอะไร ตำรวจไม่ควรจะใช้ความรุนแรงอย่างเด็ดขาด

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน