ในคดีแต่งครอปท็อป
กมธ.สภาตั้งคณะสอบ
ยิงม็อบ14พย.บาดเจ็บ
โวยคฝ.ผิดหลักสากล
ตร.โต้ไม่มีกระสุนจริง

ศาลไม่ให้ประกันตัว ‘รุ้ง-ปนัสยา’ แกนนำ น.ศ. หลังอัยการฟ้องเอาผิดคดี 112 ชุมนุมแต่งชุด ‘ครอปท็อป’ ต้องกลับเข้าเรือนจำอีกครั้ง ถูกฟ้องทั้งหมด 5 คน มี ‘เพนกวิน-เบนจา-ไมค์’ เป็นจำเลยร่วมด้วย ขณะที่กรรมาธิการ สภาฯ ส่งคณะทำงานลุยสอบเหตุยิงม็อบ 14 พ.ย. บาดเจ็บ 3 ราย ชี้จนท.ไม่ทำตามหลักกฎหมาย ยิงระยะประชิด ไม่อดทนอดกลั้น ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความโกรธเกลียดชัง ด้านบช.น.แจงใช้แต่โล่กับกระสุนยาง ไม่มีกระสุนจริง

เมื่อวันที่ 15 พ.ย. ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล พล.ต.ต.จิรสันต์ แก้วแสงเอก รองผบช.น. ในฐานะโฆษกบช.น. แถลงว่าการชุมนุมเมื่อวันที่ 14 พ.ย.ที่ผ่านมา กลุ่มทะลุแก๊สร่วมกับแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม ตั้งแต่ 15.00 น. เคลื่อนไปแยกปทุมวัน ผกก.สน.ปทุมวันเจรจาให้เปิดการจราจร แต่ยังคงปิดการจราจร เผาหุ่นกลางแยกปทุมวัน เดินไปสถานทูตเยอรมนี ทำลายเครื่องกีดขวาง ปาก้อนอิฐใส่ตำรวจบาดเจ็บ 2 ราย ขว้างปาวัตถุระเบิด ตำรวจจึงใช้กระสุนยาง มีผู้ชุมนุมบาดเจ็บ 2 ราย เมื่อผู้ชุมนุมยื่นหนังสือตัวแทนสถานทูตแล้ว มีการชุมนุมถนนวิทยุ และใช้วัตถุคล้ายระเบิดขว้างปาบริเวณดังกล่าว ผบ.ตร.สั่งการให้บช.น.รวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อพิสูจน์ทราบการกระทำผิดอย่างเคร่งครัด

พล.ต.ต.จิรสันต์กล่าวว่ายืนยันเจ้าหน้าที่ไม่มีการใช้กระสุนจริงแต่อย่างใด ใช้โล่อุปกรณ์ป้องกันและกระสุนยาง เนื่องจากใช้ความรุนแรงกับเจ้าหน้าที่ก่อน เป็นเหตุอันตราย เจ้าหน้าที่มีความจำเป็นต้องใช้กระสุนยางระงับเหตุ และจากการชุมนุมดังกล่าวเบื้องต้นมีความผิด พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และพ.ร.บ.โรคติดต่อ ส่วนจะมีความผิดข้อหาหมิ่นศาล เนื่องจากมีการเผาหุ่นนั้น พนักงานสอบสวนสน.ปทุมวัน จะรวบรวมพยานหลักฐาน รวมทั้งตรวจสอบเพิ่มเติมกรณีทำให้เสียทรัพย์ที่แยกสารสินและสถานทูตเยอรมนี

ขณะที่พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกตำรวจ กล่าวว่ากรณีกลุ่มผู้ชุมนุมหมอบลงกับพื้น น่าสนใจว่าผู้นำไปแชร์ในโลกออนไลน์ และบอกว่ามีความเสี่ยง หรือความรุนแรงเกิดขึ้น จึงต้องตรวจสอบกรณีดังกล่าว เนื่องจากการแชร์ภาพ หรือให้ข้อมูลบิดเบือนว่าถูกยิงด้วยกระสุนจริง ขอให้รอผลการตรวจสอบว่าสาเหตุเกิดจากอะไร หากพบกระทำความผิด จะต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย

ที่พรรคเพื่อไทย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย แถลงว่าพรรคร่วมฝ่ายค้านห่วงเรื่องการใช้ความรุนแรง โดยเฉพาะเหตุการณ์ชุมนุมเมื่อคืนวันที่ 14 พ.ย. มีผู้บาดเจ็บจากอาวุธปืน เราขอตำหนิการใช้ความรุนแรง ขอเรียกร้องให้ทุกฝ่ายใช้เวทีสภาพูดคุยกัน โดยจะส่งเรื่องให้คณะกรรมาธิการ (กมธ.) ที่เกี่ยวข้อง อาทิ กมธ.ป้องกันและปราบปรามการทุจริตฯ และกมธ.พัฒนาการเมือง เข้าไปศึกษาและตรวจสอบข้อเท็จจริงทั้งหมด

ส่วนนายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล กล่าวว่ารัฐบาลและตำรวจจะต้องเร่งกระตือรือร้นสืบสวนข้อเท็จจริง นำคนที่กระทำความผิดใช้กระสุนจริงยิงผู้ชุมนุมมาเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมอย่างเร็วที่สุด เพื่อไม่ทำให้กระบวนการยุติธรรมถูกวิจารณ์จนเข้าสู่ภาวะวิกฤต จึงอยากให้ทำเรื่องนี้ให้กระจ่าง ไม่ใช่กระตือรือร้นที่จะปราบปรามการแสดงออกของประชาชน เอาแต่ป้ายสีประชาชนว่าเป็นขบวนการล้มล้างการปกครอง

ขณะที่นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ส.ส.กทม. พรรคก้าวไกล ในฐานะประธานกมธ.การพัฒนาการเมือง การสื่อสารมวลชน และการมีส่วนร่วมของประชาชน สภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่าจากการติดตามอย่างใกล้ชิด ทำให้เห็นแนวโน้มที่รุนแรงมากขึ้นของสถานการณ์ โดยเฉพาะฝั่งเจ้าหน้าที่รัฐไม่ได้มาด้วยความอดทนอดกลั้น หรือเพื่อระงับยับยั้งเหตุตามลำดับขั้นตอน แต่ดูเหมือนจะมาด้วยการบ่มเพาะความโกรธและเกลียดชัง เหมือนกำลังมองผู้ชุมนุมเป็นอริราชศัตรู การหล่อเลี้ยงอารมณ์ให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติการอย่างไร้วุฒิภาวะเช่นนี้เป็นสิ่งอันตราย

นายณัฐชากล่าวว่าที่ผ่านมา กมธ.ตั้งคณะทำงาน 2 ชุด คือคณะทำงานติดตามสถานการณ์การชุมนุม นางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะกมธ. เป็นประธานคณะทำงาน เมื่อวันที่ 14 พ.ย. อยู่ในพื้นที่ติดตามสถานการณ์ด้วย พบว่าใช้มาตรการรุนแรงต่อผู้ชุมนุมทันทีตั้งแต่เริ่มต้น ไม่รับฟังหรือทำความเข้าใจ เพื่อพยายามไม่ให้มีเหตุรุนแรงเกิดขึ้น ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บรุนแรงจากการยิงด้วยกระสุนที่ยังไม่ทราบชนิดว่าเป็นกระสุนยาง หรือกระสุนจริง แต่สิ่งที่ระบุได้คือรูปแบบการยิงไม่เป็นไปตามหลักกฎหมาย ยิงในระยะกระชั้นชิดใส่ผู้ชุมนุม แนวปฏิบัติลักษณะนี้คือภาพสะท้อนตัวตนที่ชัดเจนของการปกครองที่มีผู้นำหลงอำนาจ

ประธานกมธ.การพัฒนาการเมืองฯ กล่าวอีกว่าอีกชุดคือคณะทำงานค้นหาความจริงจากเหตุความรุนแรงในพื้นที่ชุมนุม กรณีแรกคือการหาความจริงเหตุใช้กระสุนจริงยิงใส่ ผู้ชุมนุมหน้าสน.ดินแดง ทำให้มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต คณะทำงานของเราใช้ข้อมูลจากกล้องวงจรปิด 54 ตัว ชี้ให้เห็นกลุ่มผู้ต้องสงสัยได้ และพบว่าอาจมีความเกี่ยวพันกับเจ้าหน้าที่ ผลจากรายงานนี้กดดันทำให้ตำรวจขยับติดตามคดี

นายณัฐชากล่าวว่าสำหรับเหตุรุนแรงเมื่อวันที่ 14 พ.ย. มีผู้ชุมนุมถูกยิงอย่างน้อย 3 ราย บางรายสาหัส และยังไม่ทราบว่าเป็นกระสุนยาง หรือกระสุนจริง กมธ.จะใช้คณะทำงานทั้ง 2 ชุด ติดตามสถานการณ์และหาข้อเท็จจริง เพื่อรายงานให้กมธ.ได้ทำหน้าที่เพื่อปกป้องสิทธิเสรีภาพของประชาชน จากนี้คงต้องติดตามดูกันต่อว่า ระหว่างกมธ.กับตำรวจ ใครจะหาความจริงคลายข้อกังขาให้สังคมได้ ที่พูดเช่นนี้ไม่ใช่การแข่งขัน แต่อยากกระตุ้นให้ตำรวจทำงานอยู่ได้บนความเชื่อมั่นศรัทธาของประชาชน

เข้าคุกอีก – ‘รุ้ง’ น.ส.ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล มาขึ้นศาลอาญากรุงเทพใต้ ในคดีมาตรา 112 ที่ถูกฟ้องร่วมกับเพนกวิน, เบนจา อะปัญ, ไมค์และอีก 2 คน ใส่ชุดครอปท็อปไปเดินห้าง ซึ่งศาลมีคำสั่งไม่ให้ประกันตัว เมื่อวันที่ 15 พ.ย.

วันเดียวกัน ที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ ศาลสอบคำให้การคดีที่พนักงานอัยการคดีอาญากรุงเทพใต้ 4 เป็นโจทก์ฟ้องนายพริษฐ์ หรือเพนกวิน ชิวารักษ์ น.ส.ปนัสยา หรือรุ้ง สิทธิจิรวัฒนกุล น.ส.เบนจา อะปัญ นายภวัต หิรัณย์ภณ และนายภาณุพงศ์ หรือไมค์ จาดนอก ร่วมกันเป็นจำเลยที่ 1-5 ในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112

อัยการโจทก์ฟ้องความผิดสรุปว่า เมื่อวันที่ 18-20 ธ.ค.2563 นายพริษฐ์ และน.ส.ปนัสยา จำเลยที่ 1-2 โพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊กเชิญชวนให้ประชาชนมาร่วมกิจกรรมสวมเสื้อผ้าครอปท็อป ชุดเสื้อกล้ามเอวลอย แล้วไปเดินที่ห้างสรรพสินค้าสยามพารากอน เขตปทุมวัน เมื่อวันที่ 20 ธ.ค.2563 โดยวันดังกล่าวจำเลยทั้งห้าสวมชุดเสื้อกล้ามเอวลอย เขียนข้อความที่แขนและเอว มีแนวร่วมและผู้ชุมนุมจำนวนมาก ก่อนที่สน.ปทุมวันแจ้งข้อหาดำเนินคดี

โดยชั้นสอบสวนพวกจำเลยให้การปฏิเสธต่อสู้คดี ศาลประทับฟ้องคดีไว้พิจารณา และอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว น.ส.เบนจา และนายภวัต จำเลยที่ 3-4 หลักทรัพย์คนละ 200,000 บาท ในวันนี้จำเลยมาศาล จากนั้นศาลสอบคำให้การเเล้วจำเลยให้การปฏิเสธ ศาลจึงนัดคุ้มครองสิทธิ 26 พ.ย.2564 นัดสอบถามทำความเข้าใจ และนัดตรวจพยานหลักฐานวันที่ 24 ม.ค.2565

ต่อมาศาลพิจารณาคำร้องปล่อยตัวชั่วคราว น.ส.ปนัสยา จำเลยที่ 2 ในชั้นพิจารณาคดี และมีคำสั่งยกคำร้อง เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ควบคุมตัวไปทัณฑสถานหญิงกลาง

นายกฤษฎางค์ นุตจรัส ทนายความ กล่าวว่าศาลให้เหตุผลว่าพิเคราะห์เเล้วจำเลยที่ 2 ภายหลังถูกฟ้องคดีนี้เเล้วก็ได้เคยกระทำความผิดตามลักษณะเดียวกับที่ถูกฟ้องมา เเละจำเลยที่ 2 ยังถูกดำเนินคดีในลักษณะเดียวกันที่ ศาลอาญา จึงเกรงว่าถ้าปล่อยไปจะไปกระทำความผิดในลักษณะเดียวกันอีก จึงให้ยกคำร้อง

ขณะเดียวกัน ศาลอาญากรุงเทพใต้ยังไต่สวนคำร้องขอคัดค้านการฝากขัง น.ส.เบนจา ในคดีที่พนักงานสอบสวน สน.ทองหล่อ ยื่นคำร้องฝากขังข้อหาตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 จากกรณีชุมนุมคาร์ม็อบเมื่อวันที่ 10 ส.ค.2564 โดยศาลไต่สวนแล้วมี คำสั่งอนุญาตให้ฝากขังต่อไปอีก 7 วัน

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน