เตือนคลัสเตอร์‘หมูกระทะ’
ไทยพบโอมิครอนแล้ว14
ฝรั่งเศสบริจาคไฟเซอร์

ศบค.แนะตรวจ ATK ก่อนฉลองปีใหม่ที่บ้านเพื่อความปลอดภัยห่วงคลัสเตอร์หมูกระทะระบาดช่วงปีใหม่เนื่องจากใช้เตาเดียวกันนั่งกินด้วยกันนานๆรวมทั้งคลัสเตอร์ตลาดสด ร้านอาหาร เผยไทยฉีดวัคซีนแล้ว 98 ล้านโดส พบป่วยโอมิครอน 14 ราย มาจากต่างประเทศทั้งหมด ยืนยันแล้ว 9 ติดเชื้อรายวันอีก 3,370 เสียชีวิตเพิ่ม 29 มีสาวท้องที่ชลบุรีด้วย เผยยังไม่ได้ฉีดวัคซีน คุกอุดรธานีวุ่น พบติดเชื้อรอบสอง 240 คน พิษณุโลกปิดตลาดสดโคกมะตูม 3 วัน ‘บิ๊กตู่’ ลงใต้ แนะรีบฉีดวัคซีน ลดติดเชื้อรุนแรง ลดตาย ด้านฝรั่งเศสบริจาคไฟเซอร์ให้ไทย 4 แสนโดสมาถึงม.ค.65

ติดเชื้อเพิ่ม 3,370-ตายอีก 29

เมื่อเวลา 12.30 น. วันที่ 15 ธ.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล พญ.สุมนี วัชรสินธุ์ ผอ.สำนักสื่อสารความเสี่ยงและพัฒนาพฤติกรรมสุขภาพ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ในฐานะผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) แถลงว่า พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 3,370 ราย เป็นการติดเชื้อในประเทศ 3,239 ราย มาจากระบบเฝ้าระวังและระบบบริการ 3,161 ราย มาจากการค้นหาเชิงรุก 78 ราย มาจากเรือนจำ 111 ราย เป็นผู้เดินทางมาจากต่างประเทศ 20 ราย

หายป่วยเพิ่มขึ้น 4,557 ราย อยู่ระหว่างรักษา 46,315 ราย อาการหนัก 1,018 ราย ใส่เครื่องช่วยหายใจ 277 ราย เสียชีวิตเพิ่มขึ้น 29 ราย ในจำนวนนี้ไม่ได้รับวัคซีนถึง 21 ราย ผู้เสียชีวิตเป็นชาย 6 ราย และหญิง 23 ราย คนไทย 28 ราย เมียนมา 1 ราย

เป็นผู้เสียชีวิตที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป 23 ราย มีโรคเรื้อรัง 5 ราย เป็นหญิงตั้งครรภ์ 1 ราย จ.ชลบุรี อายุ 43 ปี มีโรคประจำตัวเบาหวาน และไม่ได้รับวัคซีน ซึ่งกลุ่มหญิงตั้งครรภ์ยังฉีดวัคซีนได้น้อยที่สุด โดยกว่าครึ่งหนึ่งหญิงตั้งครรภ์ที่รับเชื้อจะเสียชีวิตพร้อมบุตร ขอให้สามี ญาติพี่น้อง ถ้ามีคนในครอบครัวตั้งครรภ์มากกว่า 12 สัปดาห์ให้ชวนมาฉีดวัคซีน เพื่อความปลอดภัยทั้งแม่และลูก จากการสอบสวนเกือบทั้งหมดติดเชื้อจากคนในครอบครัว

ดังนั้นนอกจากรณรงค์ผู้สูงอายุไปรับวัคซีน คนอาศัยร่วมกันต้องเคร่งมาตรการ สวมหน้ากาก ล้างมือบ่อยๆ แยกกันรับประทานอาหาร ส่วนผู้เสียชีวิตวันนี้กระจายทุกภาค มากสุดคือนครศรีธรรมราช 4 ราย

ขณะนี้มียอดผู้ติดเชื้อสะสมยืนยันตั้งแต่ปี 2563 จำนวน 2,178,276 ราย มียอดหายป่วยสะสมตั้งแต่ปี 2563 จำนวน 2,110,107 ราย มียอดผู้เสียชีวิตสะสมตั้งแต่ปี 2563 จำนวน 21,260 ราย ขณะที่สถานการณ์โลกมีผู้ติดเชื้อสะสม 271,725,553 ราย ผู้เสียชีวิตสะสม 5,336,773 ราย

สำหรับ 10 จังหวัดที่มีผู้ติดเชื้อมากที่สุดได้แก่กทม. 583 ราย ชลบุรี 172 ราย นครศรีธรรมราช 150 ราย สมุทรปราการ 140 ราย สงขลา 135 ราย ปัตตานี 117 ราย สุราษฎร์ธานี 97 ราย เชียงใหม่ 89 ราย ปราจีนบุรี 76 ราย และตรัง 71 ราย

ห่วงคลัสเตอร์หมูกระทะ

ส่วนคลัสเตอร์ใหม่ยังมีในหลายจังหวัด ประกอบด้วย คลัสเตอร์โรงงาน พบที่ปราจีนบุรี ระยอง ขอนแก่น คลัสเตอร์ตลาด พบที่จันทบุรี สระแก้ว ลพบุรี คลัสเตอร์ค่ายทหาร ประจวบคีรีขันธ์ คลัสเตอร์งานศพที่ นราธิวาส ขอนแก่น และคลัสเตอร์ร้านอาหารที่กทม.และสุราษฎร์ธานี

“ศบค.ห่วงใยการติดเชื้อเป็นกลุ่มก้อนอาจพบมากขึ้นในช่วงเทศกาลหยุดยาวนี้ได้ กลุ่มที่ต้องเฝ้าระวังมากขึ้น คือตลาดและร้านอาหาร โดยเฉพาะร้านอาหารที่รายงาน ต่อเนื่อง คือหมูกระทะ มาจากปัจจัยเสี่ยง รับประทานกระทะเดียวกันและใช้เวลานาน ทำให้เสี่ยงติดเชื้อมากขึ้น ส่วนตลาดวันหยุดมีการจับจ่ายใช้สอยที่ตลาดมากขึ้น ขอให้เคร่งมาตรการ COVID Free Setting โดยพ่อค้า แม่ค้า ลูกจ้าง พนักงาน ควรรับการฉีดวัคซีนให้ครบโดส จัดสถานที่ไม่ให้แออัด โปร่งโล่ง อากาศถ่ายเทดี เคร่งครัดมาตรการส่วนบุคคล ใส่หน้ากากตลอดเวลา ล้างมือบ่อยๆ เสร็จแล้วกลับบ้านทันที” พญ.สุมนีกล่าว

พญ.สุมนี กล่าวต่อว่า สำหรับสถานการณ์การแพร่ระบาดเชื้อโอมิครอนทั่วโลกขณะนี้กระจายตัวไป 70 ประเทศ และที่มีการระบาดหนักเกิดขึ้นใน 3 ประเทศ ประกอบด้วย อังกฤษ เดนมาร์ก นอร์เวย์ ขณะที่ในประเทศไทยขณะนี้พบผู้ติดเชื้อโอมิครอนแล้ว 11 ราย จำนวนนี้รอการยืนยันถอดรหัสพันธุกรรมอยู่ 3 ราย อย่างไรก็ตามสายพันธุ์หลักที่แพร่ในไทยตอนนี้ยังเป็นเดลตา 99.58%

ส่วนยอดผู้ได้รับวัคซีนของประเทศไทยเมื่อวันที่ 14 ธ.ค. เพิ่มเติม 393,116 โดส รวมยอดฉีดวัคซีนสะสมตั้งแต่วันที่ 28 ก.พ.ทั้งสิ้น 98,046,970 โดส สำหรับการเดินทางเข้าประเทศไทยในช่วงวันที่ 1-30 พ.ย.มีทั้งสิ้น 133,061 คน ขณะวันที่ 1-14 ธ.ค.มีทั้งสิ้น 103,263 คน โดย 5 อันดับประเทศที่เข้ามามากที่สุดในเดือนธ.ค.ได้แก่ เยอรมนี สหราชอาณาจักร รัสเซีย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) สหรัฐอเมริกา เป็นที่น่าสังเกตว่าประเทศที่เดินทางเข้ามาอันดับ 1 เปลี่ยนจากสหรัฐอเมริกา คาดว่าสาเหตุมาจากการแพร่ระบาดของโอมิครอน

กทม.เปิด 4 จุดฉีดเข็ม 3

พญ.สุมนี กล่าวอีกว่า จากการรณรงค์กลุ่ม 607 ไปฉีดวัคซีนเพิ่มขึ้น เพื่อลดการป่วยหนักและเสียชีวิต ผลการวิเคราะห์ช่วงส.ค.-พ.ย. โดยกรมควบคุมโรค พบว่ายิ่งมีความครอบคลุมการฉีดวัคซีนมากเท่าไร ยิ่งลดอัตราการป่วยและตายมากขึ้นเท่านั้น โดยช่วงส.ค.ความครอบคลุมวัคซีนในผู้สูงอายุและโรคประจำตัวอยู่ที่ 44.5% อัตราป่วยหนัก 2.79% เสียชีวิต 0.99% พอเดือนพ.ย.ความครอบคลุมวัคซีนเพิ่มขึ้นเป็น 71.9% ลดอัตราป่วยหนักเหลือ 1.52% และเสียชีวิต 0.37% ดังนั้นการฉีดวัคซีนทำให้ลดโอกาสป่วยหนักและ เสียชีวิตอย่างชัดเจน

“ถ้าผู้สูงอายุ มีโรคประจำตัวยังไม่ได้รับวัคซีนให้ลูกหลานพาไปฉีด ตอนนี้วัคซีนมีเพียงพอและหลายยี่ห้อ ขอให้มารับให้มากที่สุด คนที่รับครบโดสไปแล้ว มีมติผู้เชี่ยวชาญและศบค.อนุมัติมาฉีดเข็มกระตุ้น เนื่องด้วยคนฉีดก่อนหน้านี้ภูมิคุ้มกันน่าจะลดลง และมีการระบาดของเชื้อกลายพันธุ์มากขึ้น” พญ.สุมนีกล่าว

พญ.สุมนีกล่าวต่อว่า มติของคณะอนุกรรมการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรคเมื่อ วันที่ 9 ธ.ค. และศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุข (อีโอซี) ให้ฉีดเข็มกระตุ้นเพิ่มอีก 2 สูตร คือถ้าได้แอสตร้าเซนเนก้า 2 เข็ม ให้กระตุ้นด้วยไฟเซอร์หรือ โมเดอร์นา ระยะห่างจากเข็ม 2 คือ 3 เดือนขึ้นไป ส่วนคนรับสูตรไขว้ ซิโนแวคหรือ ซิโนฟาร์ม ตามด้วยแอสตร้าฯ สามารถกระตุ้นด้วยไฟเซอร์หรือโมเดอร์นาหลังฉีดเข้มสองครบ 3 เดือนขึ้นไปเช่นกัน ส่วนการฉีดเข็มกระตุ้นที่ไหน ถ้าเป็นต่างจังหวัด ติดต่อรับเข็มกระตุ้นจากสถานพยาบาลใกล้บ้านหรือที่ไปฉีดวัคซีนเข็มสองได้เลย

ส่วนคนอยู่ใน กทม.ติดต่อเข้ารับดังนี้ 1.ร.พ.สังกัด กทม. 11 แห่ง เช่น ร.พ.เจริญกรุงประชารักษ์ ร.พ. ตากสิน ร.พ. กลาง ร.พ.คลองสามวา จองผ่านแอพพลิเคชั่น QueQ 2.ศูนย์บริการสาธารณสุข 6 แห่ง นัดหมายผ่านแอพพลิเคชั่น QueQ เช่นกัน 3.ศูนย์ฉีดวัคซีนกรุงเทพกีฬาเวสน์ 2 ไทย-ญี่ปุ่น สามารถวอล์กอินได้เลย และ4.ศูนย์ฉีดวัคซีนกลางบางซื่อ ลงทะเบียนจองคิวผ่านเครือข่ายโทรศัพท์มือถือ

แนะจัดฉลองที่บ้าน-ตรวจ ATK

ผู้ช่วยโฆษกศบค. กล่าวด้วยว่า การดำเนินงานพื้นที่สีฟ้านำร่องท่องเที่ยว เราอยู่ในช่วงเปิดประเทศระยะที่ 2 คือ วันที่ 1-31 ธ.ค. 2564 ศบค.มีมติเพิ่มพื้นที่สีฟ้าอีก 9 จังหวัด รวมเป็น 26 จังหวัด โดยมี 4 จังหวัดเป็นสีฟ้าทั้งจังหวัด คือชลบุรี กาญจนบุรี นนทบุรี และปทุมธานี ส่วนที่เหลือสีฟ้าเฉพาะอำเภอที่ระบุไว้ การผ่อนคลายมาตรการล่าสุดมีผลวันที่ 16 ธ.ค. มีการปรับระดับพื้นที่เหลือ 3 สี คือสีส้มควบคุม 39 จังหวัด สีเหลืองเฝ้าระวังสูง 24 จังหวัด และสีฟ้า 8 จังหวัด ใช้มาตรการเดียวกับพื้นที่เฝ้าระวังสีเขียว แม้จะผ่อนคลายมาตรการและมีผลบังคับใช้พรุ่งนี้ ทุกพื้นที่ ยังต้องเน้นมาตรการป้องกันควบคุมโรค ทั้งป้องกันตนเองสูงสุดตลอดเวลา จัดสถานที่ให้บริการ COVID Free Setting ใช้มาตรการที่มีรายละเอียดตามพ.ร.ก.ฉุกเฉิน ฉบับที่ 37

ทั้งนี้ ที่ประชุมให้จัดงานปีใหม่ในคืนสิ้นปี วันที่ 31 ธ.ค. บริโภคสุราไม่เกิน 0.100 น. เฉพาะร้านที่เปิดโล่งอากาศถ่ายเทสะดวก และมีมาตรการความปลอดภัย จัดให้สถานที่จัดงานทำ COVID Free Setting ถ้าผู้ร่วมมากกว่า 1 พันคนขึ้นไป ผู้ร่วมงานและจัดงานต้องมีผล ATK เป็นลบอย่างน้อย 72 ชั่วโมงและรับวัคซีนครบ ส่วนมาตรการพื้นที่สถานที่จัดงาน ต้องโล่งแจ้ง ไม่แออัด การเข้างานต้องจองคิวล่วงหน้า กำหนดโซนที่นั่งในงาน เว้นระยะห่างไม่น้อยกว่า 1 เมตรเข้าออกงานจุดเดียว ระยะห่างและระหว่างเวทีและผู้ชมอย่างน้อย 5 เมตร หากร่วมงานน้อยกว่า 1 พันคน การจัดสถานที่รูปแบบเดียวกันกับมากกว่า 1 พันคน ผู้ให้บริการต้องรับวัคซีนครบ มีผล ATK 72 ชั่วโมง แต่ผู้ร่วมงานมีแค่ผลรับวัคซีนครบได้

“การจัดงานเฉลิมฉลองพบมีการจัดงานเลี้ยงสังสรรค์ในครอบครัวด้วย แม้จัดกิจกรรมที่คนจำนวนมาน้อย แต่หากมีการกินเลี้ยงกินดื่มสังสรรค์ต้องระวัง เพราะการแพร่ระบาดส่วนใหญ่ยังเป็นกลุ่มก้อนเล็กๆ คนในครอบครัว รู้จักกัน เพื่อนร่วมงาน หากรับวัคซีนครบและก่อนทำกิจกรรมงานเลี้ยงสังสรรค์ ถ้าสุ่มตรวจ ATK ผลลบด้วยก็จะจัดงานปลอดภัยมากขึ้น ขอความร่วมมือประชาชนทุกคน สื่อมวลชน ร่วมเป็นหูเป็นตา ถ้ามีกิจกรรมใดๆ เกิดความเสี่ยง เช่น แออัดมาก ผู้ร่วมงานไม่สวมหน้ากาก ให้รายงานศูนย์รับเรื่องสายด่วน 1111 ได้เลย ศบค.อยากให้งานปีใหม่คนไทยมีความสุขที่มาพร้อมความปลอดภัย ไม่อยากให้เกิดการติดเชื้อเป็นคัลสเตอร์ปีใหม่ ซึ่งลอยกระทงที่ผ่านมาก็ผ่านมาได้ โดยขอให้เคร่งครัดมาตรการส่วนบุคคลตลอดเวลา”

‘โอมิครอน’ลามแล้ว 70 ประเทศ

พญ.สุมนี กล่าวต่อว่า สถานการณ์โควิดสายพันธุ์โอมิครอนกระจายไปมากกว่า 70 ประเทศทั่วโลก แพร่กระจายอย่างรวดเร็วใน 3 ประเทศ คืออังกฤษ เดนมาร์ก และนอร์เวย์ เมื่อวันที่ 14 ธ.ค. รายงานพบรายแรกที่ติดเชื้อโอมิครอนในประเทศจีน ซึ่งเดินทางมาจากต่างประเทศ ส่วนสหรัฐอเมริกามีการกระจายของโอมิครอนกว่า 35 รัฐ ยังมีมาตรการจำกัดการเดินทางจาก 8 ประเทศเสี่ยงแอฟริกา สำหรับประเทศที่จำกัดการเดินทางผู้มาจากแอฟริกา ได้แก่ อิสราเอล โมร็อกโก ส่วนญี่ปุ่นยังไม่รับนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าประเทศ

ส่วนการรับผู้เดินทางเข้าประเทศไทย ช่วงพ.ย.มีเข้ามา 1.3 แสนกว่าคน ส่วนวันที่ 1-14 ธ.ค. เข้ามา 1.03 แสนกว่าคน ถือว่ามีปริมาณเพิ่มขึ้นทุกวัน ส่วนใหญ่ 80% เป็นรูปแบบ Test&Go และ 15% มาในรูปแบบแซนด์ บ็อกซ์ ที่เหลือเป็นระบบกักตัว โดย 5 อันดับแรกที่เข้ามาในช่วง 2 สัปดาห์ คือเยอรมนี อังกฤษ รัสเซีย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และสหรัฐอเมริกา แต่ถ้าเทียบกับพ.ย. อันดับหนึ่งที่เข้ามาคือ สหรัฐอเมริกา คาดว่าที่มาน้อยลงมาจากการแพร่ระบาดของประเทศต้นทาง คือสหรัฐ ทำให้มีนักท่องเที่ยวเข้ามาน้อยลง

สำหรับอัตราการติดเชื้อของผู้เดินทางเข้ามาประเทศเมื่อเทียบพ.ย. กับ 2 สัปดาห์ของธ.ค. จะเห็นว่ามีการติดเชื้อเพิ่มขึ้นจากทั้ง 3 กลุ่มการเดินทางเล็กน้อย โดยช่วง พ.ย.ระบบ Test&Go อัตราติดเชื้อ 0.08% ธ.ค.ขึ้นมาเป็น 0.12%, แซนด์บ็อกซ์ พ.ย.ติดเชื้อ 0.21% ตอนนี้เป็น 0.23% และแบบกักตัว พ.ย.ติดเชื้อ 0.81% ตอนนี้เป็น 2.16% เมื่อวานนี้เข้าประเทศ 7,857 ราย ติดเชื้อ 18 ราย คิดเป็น 0.18% ถือว่าอยู่ในอัตราที่ต่ำมาก

“ผู้ติดเชื้อโอมิครอนในประเทศไทย จากรายงานของกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ มีรายงาน 11 ราย โดย 3 รายอยู่ระหว่างการตรวจยืนยันถอดรหัสพันธุกรรม สถานการณ์สายพันธุ์โควิดของไทย 99.58% ยังเป็นเดลตา มีโอมิครอน 0.23% อัลฟา 0.17% แม้จะเป็นสายพันธุ์ไหนก็ตาม ก็ป้องกันการติดเชื้อด้วยมาตรการส่วนบุคคล อยู่ห่าง ล้างมือบ่อยๆ สวมหน้ากากตลอดเวลา ไม่ควรอยู่ในสถานที่แออัด”

ไทยพบโอมิครอนแล้ว 14

ด้านนพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กล่าวถึงการตรวจเชื้อโควิด “โอมิครอน” ในงานเสวนาวิชาการออนไลน์ “เปิดข้อมูล(ไม่)ลับกับสถาบันวัคซีนแห่งชาติ” ว่า ก่อนหน้านี้เราเคยจะลดการตรวจ RT-PCR โดยจะให้ตรวจเฉพาะ ATK เฉพาะกลุ่มเดินทางเข้ามาแบบ Test&Go แต่เมื่อมีโอมิครอนเข้ามา จึงคงมาตรการตรวจ RT-PCR ตามเดิม อย่างไรก็ตาม การตรวจ โควิดปัจจุบันมีแล็บ 465 แห่งทั่วประเทศ ที่ให้การรับรองมาตรฐาน แต่ไม่ใช่ทุกแห่งตรวจสายพันธุ์ได้ ขณะนี้มีศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ 15 แห่งทั่วประเทศ และที่ส่วนกลาง รวมทั้งมหาวิทยาลัยบางแห่ง ถือว่าครอบคลุมมากพอสมควร เนื่องจากเรามีการตรวจมาตั้งแต่เริ่มระบาด

“ล่าสุดกรมวิทย์มีการตรวจเพิ่มเติม ข้อมูลวันที่ 15 ธ.ค.2564 พบเข้าข่ายโอมิครอนรวม 14 ราย ยืนยันด้วยวิธีถอดรหัสพันธุกรรมทั้งตัวแล้ว 9 ราย ทั้งนี้การตรวจหาสายพันธุ์ในผู้ติดเชื้อจะสุ่มตรวจจากคนไข้อาการหนัก ชายแดน ผู้เดินทางจากต่างประเทศทุกราย เกิดคลัสเตอร์แปลกๆ และไม่รู้สาเหตุ เป็นต้น โดยตรวจสัปดาห์ละเป็นพัน ถ้ามีเข้ามาก็จะเจอ อย่างไรก็ตาม

ปัจจุบันสายพันธุ์ที่พบส่วนใหญ่ในไทยยังเป็นเดลตา การตรวจพบโอมิครอนยังมาจากต่างประเทศ แต่วันใดวันหนึ่งก็อาจมีการติดในประเทศ ซึ่งเรามีการเตรียมรับมือ เพราะทุกประเทศเจอกันหมด สิ่งสำคัญคือต้องเจอเร็ว และสกัดได้เร็วก็จะไม่มีปัญหา”

‘บิ๊กตู่’ลงใต้-แนะรีบฉีดวัคซีน

เมื่อเวลา 10.00 น. ที่อาคาร ศอ.บต. ต.สะเตง อ.เมือง จ.ยะลา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและรมว.กลาโหม เดินทางไปตรวจและติดตามงานด้านความมั่นคงและการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยกล่าวช่วงหนึ่งว่า วันนี้มีสิ่งเดียวที่แก้ปัญหาได้และเปิดทุกอย่างได้คือการฉีดวัคซีน ใครยังไม่ฉีดยกมือขึ้น โดยวันนี้ต้องฉีดครบ 2 เข็มถึงเวลาต้องไปฉีด อย่ากลัวโอมิครอน ไม่รู้จะมาอีกกี่เชื้อ

วันที่ 14 ธ.ค.ตนได้คุยกับผู้แทน แอสตร้าเซนเนก้า ยืนยันว่าถ้าทุกคนฉีดวัคซีนจะลดความเสี่ยงในความรุนแรงและการสูญเสียชีวิต เป็นหลักการที่ทุกบริษัทคิดเช่นนี้หมด ส่วนเรื่องการแพร่ระบาดและการ กระจายโรคยึดมาตรการป้องกัน ถ้าทำได้ทุกครอบครัวจะปลอดภัย ไม่ว่าจะโอมิครอน หรืออะไรก็ตาม

“แต่อยากให้ระมัดระวังในประเพณีต่างๆ ของพี่น้องชาวมุสลิม เพราะบางครั้งเห็นว่าเอาหน้ากากไปไว้ใต้คางและพูดคุยกันตลอด โดยเฉพาะในร้านน้ำชา แล้วจะใส่กันไปทำไมแบบนี้ ถ้าจะบอกว่าใส่แล้วหายใจไม่ออกแล้วติดเชื้อโควิดจะทำกันอย่างไร อย่างผมใส่หน้ากากพูดก็เหนื่อยมาก พูดทั้งวัน บางเวลาต้องหันหลังแอบไปเปิดเพราะไม่ไหว แต่พวกท่านไปคุยกันที่ร้านน้ำชา 3 เวลา เดี๋ยวก็ติดกันไปหมด ขอให้ระวังกันอย่างที่สุด” นายกฯ พูดกับสาธิตการใส่หน้ากากผิดวิธี

ห่วงคลัสเตอร์คุก-งานศพ-ทอดกฐิน

ด้านนายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ยังคงพอใจสถานการณ์การติดเชื้อโควิด-19 ในประเทศไทย ถึงแม้ว่าจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มสูงขึ้นจากเมื่อวานเล็กน้อย แต่ภาพรวมการระบาดมีแนวโน้มลดลงอย่างช้าๆ พร้อมสั่งการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด สำหรับการติดเชื้อสายพันธุ์โอมิครอนยังพบเฉพาะผู้เดินทางมาจากต่างประเทศ

โดยวันนี้พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ 3,370 ราย แยกเป็นทั่วไป 3,259 ราย และจากเรือนจำที่ต้องขัง 111 ราย ผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้น 29 ราย ผู้ที่กำลังรักษาตัว 46,315 ราย และมียอดผู้ที่หายป่วยกลับบ้านแล้ว 4,557 ราย ยอดผู้ป่วยยืนยันสะสมแล้วจำนวน 2,149,413 ราย จำนวนผู้ที่หายป่วยสะสมตั้งแต่ 1 เม.ย. 64 จำนวน 2,083,275 ราย

ขณะที่รายงานภาพรวมการฉีดวัคซีนโควิด-19 สรุปจำนวนผู้ที่ได้รับได้รับวัคซีนสะสม ตั้งแต่ 28 ก.พ.- 13 ธ.ค.2564 รวม 97,653,854 โดส ใน 77 จังหวัด แบ่งเป็นผู้ได้รับวัคซีนเข็มที่ 1 สะสม 49,980,431 ราย ผู้ได้รับวัคซีนเข็มที่ 2 สะสม 43,461,981 ราย และผู้ได้รับวัคซีนเข็มที่ 3 สะสม 4,211,442 ราย

นายธนกร กล่าวต่อว่า การติดเชื้อในต่างจังหวัดมีแนวโน้มลดลง โดยเฉพาะจังหวัดที่มีพื้นที่ติดบริเวณชายแดน พบว่าจ.ยะลา และนราธิวาส การติดเชื้อมีแนวโน้มลดลงอย่างชัดเจน คาดว่าภายใน 3 สัปดาห์ สถานการณ์จะดีใกล้เคียงจังหวัดอื่น จ.สงขลายังต้องเฝ้าดูสถานการณ์อีกประมาณ 1-2 สัปดาห์ สำหรับจ.ปัตตานีการติดเชื้อยังไม่ลดลงอย่างชัดเจน ขณะที่จังหวัดที่ยังคงต้องเฝ้าระวัง ได้แก่นครศรีธรรมราช เชียงใหม่ ระยอง ตาก จันทบุรี ขอนแก่น โดยเฉพาะการระบาดในคลัสเตอร์ต่างๆ ทั้งสถานศึกษา เรือนจำ แคมป์คนงาน ตลาด งานกฐิน งานศพ และงานรื่นเริง หรืองานที่มีคนรวมตัวกันจำนวนมาก

“นายกรัฐมนตรีพอใจภาพรวมโควิด-19 ในประเทศไทย หลังมีการติดเชื้อลดลงเร็วกว่าที่คาดการณ์ โดยเฉพาะหลังจากไทยดำเนินนโยบายเปิดประเทศ มีการตรวจพบการติดเชื้อที่เป็นเพียงการแพร่ระบาดขนาดเล็ก และยังไม่พบการแพร่ระบาดที่เป็นคลัสเตอร์ใหญ่ นับเป็นสัญญาณที่ดีในการปรับมาตรการด้านความปลอดภัยในการจัดงานช่วงเทศกาลปีใหม่ นายกรัฐมนตรียังฝากย้ำกับพี่น้องประชาชนต้องปฏิบัติตามมาตรการป้องกันควบคุมโรคที่สาธารณสุขกำหนด (COVID Free Setting) อย่างเคร่งครัด ที่สำคัญควรลงทะเบียนหมอชนะทุกครั้ง หากมีการติดเชื้อจะสามารถติดตามตัวมารักษาได้อย่างทันท่วงที” นายธนกร กล่าว

แนะสูตรฉีดเข็ม 3 กลุ่มเปราะบาง

นพ.วีรวัฒน์ มโนสุทธิ รองผอ.สถาบันบำราศนราดูร กล่าวถึงความจำเป็นการเร่งสร้างภูมิคุ้มกันโควิด-19 ในกลุ่มเปราะบาง ภายในงานเสวนาออนไลน์ “เปิดข้อมูล (ไม่) ลับ กับสถาบันวัคซีนแห่งชาติ” ตอน เผยทุกข้อมูลเรื่องวัคซีนโควิด 19 รับมืออย่างไรเมื่อไวรัสสายพันธุ์ใหม่มาเยือน จัดโดยสถาบันวัคซีนแห่งชาติ ร่วมกับองค์การอนามัยโลกว่า กลุ่มเปราะบาง ได้แก่ ผู้สูงอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป โรคประจำตัว 7 กลุ่มโรค และหญิงตั้งครรภ์

ส่วนกลุ่มที่มีภาวะภูมิคุ้มกันอ่อน แอได้แก่ผู้ป่วยมะเร็ง ผู้ปลูกถ่ายอวัยวะ ผู้ป่วยเอชไอวีที่ไม่ได้รักษาด้วยยาต้านไวรัส ผู้มี โรคร่วมหลายโรค และผู้ป่วยกลุ่มโรคภูมิแพ้ตนเอง (SLE) ซึ่งมีข้อจำกัดสร้างภูมิคุ้มกันได้น้อยกว่าคนปกติและผู้ป่วยบางกลุ่มได้รับยากดภูมิคุ้มกัน ทำให้ไม่สามารถสร้างภูมิคุ้มกันได้อย่างเต็มที่ ทำให้ประสิทธิผลของวัคซีน โควิดน้อยกว่าคนปกติ

“มีการศึกษาการให้วัคซีนเสริม (Additional dose) ในผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง หลายการศึกษา พบว่าผู้ป่วยมีการสร้างภูมิคุ้มกันโรคดีขึ้น ซึ่งต่างจากการให้เข็มกระตุ้นหรือบูสเตอร์โดสในคนทั่วไป โดยเข็มเสริมจะเป็นเข็ม 3 ที่เร็วขึ้น จาก 3-6 เดือน อาจจะเป็น 1 เดือน ทำให้ภูมิต้านทานดีขึ้นกว่าที่จะรอเข็มกระตุ้นเหมือนปกติ” นพ.วีรวัฒน์กล่าว

คำแนะนำของราชวิทยาลัยอายุรแพทย์แห่งประเทศไทยที่ออกมาเมื่อเร็วๆ นี้ ในการให้วัคซีนโควิด-19 เข็มที่ 3 ในผู้ป่วยที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ ได้แก่ผู้ป่วยปลูกถ่ายอวัยวะ และผู้ป่วยโรคข้ออักเสบหรือแพ้ภูมิตนเองที่ได้รับยากดภูมิคุ้มกัน โดยที่ผู้ป่วยที่มีภูมิคุ้มกันต่ำมีความเสี่ยงต่อการเกิดโควิด-19 ที่รุนแรงและ เสียชีวิต รวมทั้งมีการตอบสนองต่อวัคซีน โควิด-19 ได้ไม่ดี แม้จะได้รับวัคซีนครบ 2 เข็มแล้ว ผู้ป่วยที่มีภูมิคุ้มกันต่ำที่ได้รับวัคซีนสูตรต่างๆ ครบ 2 เข็มแล้ว ควรพิจารณาให้วัคซีนชนิด mRNA ในขนาดปกติเพิ่มเติม

โดยแนวทางการฉีดวัคซีนโควิด-19 ในกลุ่มเปราะบางของประเทศไทย ประกอบด้วย 1.กรณีรับซิโนแวคหรือซิโนฟาร์ม 2 เข็ม สูตรแนะนำ คือ mRNA จำนวน 3 เข็ม ห่างกัน 1 เดือน เริ่มหลังได้รับวัคซีนเข็มสุดท้าย 1 เดือน

2.กรณีรับแอสตร้าเซนเนก้า ไฟเซอร์ หรือโมเดอร์นา 2 เข็ม สูตรแนะนำ คือ mRNA จำนวน 2 เข็ม ห่างกัน 1 เดือน โดยเริ่มหลังได้รับวัคซีนเข็มสุดท้าย 1 เดือน

3.สูตรไขว้ คือซิโนแวคหรือซิโนฟาร์ม ตามด้วยแอสตร้าเซนเนก้า, ซิโนแวคหรือซิโนฟาร์ม ตามด้วย mRNA, แอสตร้าเซนเนก้า ตามด้วย mRNA สูตรแนะนำ คือ mRNA จำนวน 2 เข็ม ห่างกัน 1 เดือน โดยเริ่มหลังได้รับวัคซีนเข็มสุดท้าย 1 เดือน

ส่วนผู้ป่วยที่มีภูมิคุ้มกันต่ำและเคยเป็น โควิด ข้อพิจารณาให้วัคซีนชนิด mRNA คือ 1.เป็นโควิดหลังรับวัคซีนซิโนแวคหรือซิโนฟาร์ม 2 เข็ม คำแนะนำ วัคซีน mRNA จำนวน 2 เข็ม ห่างกัน 1 เดือน โดยเริ่มหลังการติดเชื้อ 1 เดือน 2.เป็นโควิดหลังรับวัคซีนแอส ตร้าเซนเนก้า ไฟเซอร์ หรือโมเดอร์นา ครบ 2 เข็ม แนะนำวัคซีน mRNA 1 เข็ม หลังการติดเชื้อ 1 เดือน และ 3.เป็นโควิดหลังรับวัคซีนสูตรไขว้ คือ ซิโนแวค หรือซิโนฟาร์ม ตามด้วยแอสตร้าเซนเนก้า, ซิโนแวค หรือซิโนฟาร์ม ตามด้วย mRNA, แอสตร้าเซนเนก้าตามด้วย mRNA แนะนำวัคซีน mRNA 1 เข็ม ฉีดหลังการติดเชื้อ 1 เดือน

โดยผู้ป่วยที่เข้าข่ายสามารถสอบถามรายละเอียดจากแพทย์ ผู้ให้การรักษาในการรับวัคซีนโควิด-19 ซึ่งราชวิทยาลัยอายุรแพทย์ฯ ประสานกรมควบคุมโรคจัดสรรวัคซีนให้เฉพาะกลุ่มนี้แล้ว

ไฟเซอร์2โดสสู้โอมิครอน 30%

ด้านพญ.สุเนตร ชื่นกิจมงคล รองผอ. สถาบันวัคซีนแห่งชาติ กล่าวว่า ข้อมูลรายงานการระบาดโอมิครอนในแอฟริกาใต้ พบประสิทธิผลวัคซีนไฟเซอร์ 2 โดส ป้องกันการติดเชื้อเดลตาได้ 80% โอมิครอน 30% ป้องกันอาการรุนแรงและการป่วยที่ต้องเข้ารักษาในร.พ.ต่อเชื้อเดลตาได้ 93% โอมิครอน 70% คนที่เคยติดเชื้อมาก่อนมีโอกาสติดซ้ำ เนื่องจากภูมิที่เกิดจากการติดเชื้อลดลง รัฐบาลแอฟริกาใต้มีการรณรงค์ให้ประชาชนรับวัคซีนอย่างครอบคลุม รวมถึงรับเข็มกระตุ้น ในส่วนขององค์การอนามัยโลกมีคำแนะนำให้ประชาชนที่ฉีดวัคซีนชนิดเชื้อตาย และกลุ่ม ที่มีภูมิคุ้มกันอ่อนแอควรเข้ารับการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้น

เตือนภัยเอกสารรับรองวัคซีนปลอม

พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เตือนภัยเอกสารรับรองวัคซีนปลอมตรวจพบการประกาศรับทำเอกสารปลอมบนสื่อสังคมออนไลน์ว่าปัจจุบันซึ่งยังคงอยู่ในช่วงการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 แต่ทางรัฐบาลมีมาตรการผ่อนคลายต่างๆ เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว ทั้งนี้ก็ยังคงมีมาตรการต่างๆ ในการ

เดินทางหรือใช้บริการต่างๆ เพื่อป้องกันและควบคุมการระบาดของโรคโควิด-19 ไม่ว่าจะเป็นการต้องมีการฉีดวัคซีนพาสปอร์ตเพื่อใช้ประกอบการเดินทางไปยังพื้นที่อื่นๆ หรือการต้องมีเอกสารรับรองการฉีดวัคซีนหรือจะต้องมีผลตรวจ ATK เพื่อเข้ารับบริการต่างๆ แต่ก็ยังคงมีเหล่ามิจฉาชีพอาศัยช่องว่างดังกล่าวในการกระทำความผิด โดยการทำเอกสารรับรองปลอมต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการฉีดวัคซีน ซึ่งมีการตรวจพบเมื่อวันที่ 14 ธ.ค.64 และถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างมากบนสื่อสังคมออนไลน์ โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ระหว่างดำเนินการตรวจสอบหาตัวผู้กระทำความผิด เพื่อจะนำตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

พ.ต.อ.กฤษณะกล่าวต่อว่า การกระทำในลักษณะดังกล่าวเป็นความผิดฐานปลอมเอกสารทั้งฉบับ ปลอมแปลงส่วนใดส่วนหนึ่ง แก้ไขข้อความจากเอกสารที่แท้จริงหรือแม้กระทั่งการประทับตราปลอม ลงลายมือชื่อปลอม มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 6,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และหากเป็นการปลอมเอกสารสิทธิหรือเอกสารราชการ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 6 เดือน ถึง 5 ปี และปรับตั้งแต่ 10,000 – 100,000 บาท อีกทั้งหากผู้ใดมีเจตนาที่จะนำไปใช้หรืออ้างเอกสารอันเกิดจากการกระทำความผิดดังกล่าวในประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชนต้องระวางโทษดังที่บัญญัติในมาตรานั้นๆ หรือกฎหมายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง

“ขอฝากประชาสัมพันธ์ไปยังประชาชน รวมถึงผู้ประกอบการ ร้านค้า หรือธุรกิจต่างๆ ให้เพิ่มมาตรการความเข้มงวดในการตรวจสอบเอกสารรับรองที่เกี่ยวกับการฉีดวัคซีนเพื่อใช้ประกอบสำหรับกิจกรรม กิจการต่างๆ หรือใช้สำหรับการเดินทางด้วยเครื่องบินทั้งภายในและต่างประเทศ โดยสามารถตรวจสอบหรืออ้างอิงจากแอพพลิเคชั่นหมอพร้อมเป็นหลักและให้ตรวจสอบ QR Code ที่อยู่บนเอกสารให้ชัดเจนว่ามีความสอดคล้องกับข้อมูลในแอพพลิเคชั่นหมอพร้อมหรือไม่

และขอให้ประชาชนลงทะเบียนทำเอกสารตามระบบและช่องทางต่างๆ ที่ภาครัฐกำหนด เพื่อให้ได้รับเอกสารที่ถูกต้องของทางราชการ นอกจากนี้หากประชาชนหากพบเบาะแสหรือการกระทำความผิดต่างๆ สามารถแจ้งไปยัง Call Center สำนักงานตำรวจแห่งชาติ หมายเลขโทรศัพท์ 191 หรือ 1599 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง”

‘พัทยา’วอนปลดล็อกบาร์เบียร์

วันเดียวกัน ที่ศาลาว่าการเมืองพัทยา จ.ชลบุรี ผู้ประกอบการเมืองวพัทยา นำโดยนายบุญอนันต์ พัฒนสิน นายกสมาคมนักธุรกิจและการท่องเที่ยวเมืองพัทยา และตัวแทนสมาคมองค์กรต่างๆ ในพัทยารวมตัวเข้าพบ นายวุฒิศักดิ์ สิงหเดโช นายอำเภอบางละมุง จ.ชลบุรี นายสนธยา คุณปลื้ม นายกเมืองพัทยา พ.ต.อ.กุลชาต กุลชัย ผกก.สภ.เมืองพัทยา

โดยผู้ประกอบการขอให้หน่วยงานได้เสนอไปยังศบค.ในการขอผ่อนผันในเรื่องบาร์เบียร์ และการเปิดสถานบันเทิงในช่วงก่อนถึงเทศกาลปีใหม่ ซึ่งจะมีนักท่องเที่ยวเดินทางมาพักผ่อนจำนวนมาก นอกจากนี้การผ่อนผันเรื่อง SHA PLUS ซึ่งการขออนุญาตนั้นมีขั้นตอนและเวลาในการขอ ซึ่งเรื่องดังกล่าวมีทางหน่วยงานได้รับเรื่องไปเพื่อประสานไปยังททท.เพื่อตั้งโต๊ะรับลงทะเบียนให้ ส่วนเรื่องการผ่อนผันนั้น ทางหน่วยงานได้รับเรื่องเพื่อจะดำเนินการเสนอศบค.ในจังหวัดเป็นขั้นตอนต่อไป

นายวุฒิศักดิ์ เปิดเผยหลังการประชุมว่า ในส่วนของอ.บางละมุงคงยังต้องมอบหมายให้เจ้าหน้าที่ออกตรวจ โดยมีปลัดอำเภอ ถ้าพบผู้ประกอบการไม่ปฏิบัติตามกฎ ยังฝ่าฝืน เบื้องต้นจะตักเตือน หากตักเตือนแล้วยัง ฝ่าฝืนทางอำเภอก็จะบังคับใช้กฎหมาย ซึ่ง ผู้ประกอบการที่ฝ่าฝืนในพื้นที่บางละมุงพบว่ามีการฝ่าฝืนน้อยมาก เพราะผู้ประกอบการส่วนใหญ่ให้ความร่วมมืออย่างดี

“ขอความร่วมมือกับผู้ประกอบการในการให้ลูกค้านั่งที่ร้าน โดยต้องเว้นระยะห่าง หากผู้ประกอบการฝ่าฝืนครั้งแรกทางอำเภอก็จะเข้าไปตักเตือน แต่ถ้าเกิดขึ้นเป็นครั้งที่ 2 ทางอำเภอจำเป็นต้องใช้กฎหมายเข้าจับกุม หาก ผู้ประกอบการไม่เคร่งครัดอาจจะส่งผลให้พื้นที่อำเภอบางละมุงต้องมีมาตรการที่เข้มงวดขึ้น อยากขอความร่วมมือไปยังผู้ประกอบการให้จัดระยะห่างให้กับลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการ ไม่ให้แออัดกันมากจนเกินไป เพื่อลดการแพร่ระบาดของโควิด 19”

ด้านนายบุญอนันต์กล่าวว่า วันนี้ประชุมหลายฝ่าย ทั้งอำเภอบางละมุง เมืองพัทยา และเจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.เมืองพัทยา ซึ่งทางสมาคมจะระบุรายละเอียดว่าร้านอาหารที่ขายได้ สถานบริการแบบไหนที่ขายได้ โดยเปิดขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้ถึงเวลา 23.00 น. และต้องเคลียร์ลูกค้าออกจากร้านไม่เกินเที่ยงคืน ซึ่งผู้ประกอบการฝ่าฝืนเจ้าหน้าที่จะต้องบังคับใช้กฎหมาย หากผู้ประกอบการร้านไหนที่ฝ่าฝืน เจ้าหน้าที่จะสั่งปิด

วันนี้มีตัวแทนจากหลายองค์กร เช่น สมาคมนักธุรกิจ สมาคมสถานบันเทิง สมาคมผู้ประกอบการร้านอาหาร เป็นต้น ซึ่งเจ้าหน้าที่แจ้งให้กับ ผู้ประกอบการทุกคนได้รับฟัง ส่วนปัญหาที่พบก็ยังคงเป็นเปิดเกินเวลาที่ภาครัฐได้กำหนดไว้ คือ 23.00 น. ซึ่งผู้ประกอบการส่วนใหญ่ยังปฏิบัติตามกฎหมาย แต่ก็มีบางรายที่ยังฝ่าฝืน เปิดเกินเวลา อยากให้ผู้ประกอบการร้านอาหารต่างๆ ปฏิบัติตามมาตรการอย่างเคร่งครัด

ฝรั่งเศสบริจาคไฟเซอร์ 4 แสนโดส

ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม ในฐานะโฆษกรองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า เมื่อเวลา 15.00 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ให้การต้อนรับการเยี่ยมคารวะของนายตีแยรี มาตู เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐฝรั่งเศส พร้อมคณะในโอกาสเข้ารับหน้าที่ โดยทั้งสองฝ่ายได้กล่าวถึงความสัมพันธ์ที่แนบแน่นระหว่างสองประเทศที่มีมายาวนาน และหารือร่วมกันในการยกระดับความสัมพันธ์สู่การเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ในอนาคต

ด้านพล.อ.ประวิตรกล่าวแสดงความยินดี นายตีแยรี มาตู ในโอกาสเข้ารับตำแหน่ง พร้อมขอบคุณฝรั่งเศสที่บริจาควัคซีนให้ไทย 400,000 โดส ซึ่งจะส่งถึงไทยไม่เกินเดือนม.ค.65 และยินดีที่ฝรั่งเศสให้ความสนใจภูมิภาคเอเชีย โดยกำหนดยุทธศาสตร์อินโดแปซิฟิกฝรั่งเศส และมุ่งมั่นจัดทำโรดแม็ป ร่วมกัน โดยไทยพร้อมให้ความร่วมมือ เพื่อยกระดับความสัมพันธ์สู่การเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ต่อไป

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าฝรั่งเศส บริจาควัคซีนไฟเซอร์ 4 แสนโดส

โคราชเร่งตาม15คนเสี่ยงสูง

นายแพทย์สมบัติ วัฒนะ รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนครราชสีมา เปิดเผยว่า พบผู้ป่วยรายใหม่ 50 ราย ทั้งหมดเป็นการ ติดเชื้อในพื้นที่ ป่วยสะสม 33,664 ราย รักษาหาย 32,720 ราย ยังรักษาอยู่ 677 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 2 ราย เป็นชายอายุ 59 ปี ต.ในเมือง อ.เมือง และชายอายุ 35 ปี ต.สุรนารี อ.เมือง เสียชีวิตสะสม 267 ราย ส่วนการติดเชื้อในเรือนจำกลางนครราชสีมาและทัณฑ สถานหญิง อ.สีคิ้ว ไม่พบผู้ป่วยรายใหม่ป็นเวลา 18 วัน รวมป่วยสะสม 2,452 ราย และทั้งหมดรักษาหายแล้ว

ส่วนการเฝ้าระวัง และควบคุมการแพร่ระบาดคลัสเตอร์โรงงานคัดแยกขยะ ต.โพธิ์กลาง อ.เมือง ไทม์ไลน์ วันที่ 7 ธ.ค. หญิงชาวกัมพูชา อายุ 32 ปี ลูกจ้างของหจก.เกรียงไกรก้าวหน้า ตั้งอยู่บ้านหนองพวงน้อย หมู่ที่ 3 ต.โพธิ์กลาง อ.เมือง ผู้รับเหมาของบริษัท ทีพีไอ โพลีนจํากัด (มหาชน) ได้รับสัมปทานให้คัดแยกขยะมูลฝอยในสถานที่กำจัดขยะเทศบาลนครนครราชสีมา จากนั้นขนย้ายขยะวันละ 300 ตัน ไปส่งโรงปูนทีพีไอ อ.มวกเหล็ก จ.สระบุรี โดยหญิงคนดังกล่าวทำหน้าที่คัดแยกขยะ มีอาการไข้ ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยร่างกาย ลิ้นไม่รู้รส ไปตรวจและรักษาที่โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา ผลยืนยันติดเชื้อ

สอบสวนโรคก่อนหน้านี้มีพนักงานรักษาความปลอดภัย (รปภ.) ของโรงงาน พักอาศัยในชุมชนริมทางรถไฟหลังจวนผวจ.นครราช สีมา มีอาการป่วยได้กักตัวอยู่ที่บ้าน แต่ไม่ได้แจ้งข้อมูลให้หน่วยงานรับผิดชอบทราบ ทีมสอบสวนโรคจึงค้นหาผู้สัมผัสเสี่ยงสูง พบติดเชื้อ 3 ราย เป็นเสมียน, ลูกชายของเสมียน และเพื่อนร่วมงานชายชาวพม่า

ต่อมาพบ ผู้ป่วยเป็นพ่อของเสมียนผู้ป่วย ทำหน้าที่ขับรถขนขยะและผู้พักอาศัยร่วมบ้านทั้งผู้ป่วย ติดเตียง ลูกหลานเป็นนักเรียนโรงเรียน เสนานุเคราะห์และโรงเรียนบ้านหนองพลวง ต.โพธิ์กลาง ซึ่งเป็นโรงเรียนประถมศึกษาในพื้นที่ เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.)หนองพลวงมะนาว ประสานทางโรงเรียนให้ดำเนินมาตรการสาธารณสุข เนื่องจากนักเรียนทั้ง 2 รายไปเรียนตามปกติ

จากนั้นพบผู้ป่วยเป็นลูกจ้างหจก.เกรียงไกรก้าวหน้า 4 ราย ผู้ป่วยในชุมชนบ่อขยะ 14 ราย รวมป่วยสะสม 18 ราย ผู้สัมผัสเสี่ยงสูง 52 ราย มีเจ้าหน้าที่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยี สุรนารี (มทส.) ประจำศูนย์กำจัดขยะ 2 ราย เพื่อนนักเรียน ร.ร.เสนานุเคราะห์ 17 ราย ลูกจ้างหจก.เกรียงไกรก้าวหน้าและเพื่อนบ้าน

เจ้าหน้าที่กลุ่มงานควบคุมโรคติดต่อไม่ได้รับความร่วมมือจากนายจ้าง โดยพยายามติดต่อทางโทรศัพท์หลายครั้งและโรงงานปิดทำการจึงแจ้งผ่านเสมียนผู้ป่วยให้นายจ้างทำความสะอาดและกักตัวผู้สัมผัสเสี่ยง นอกจากนี้ประสานให้นำกลุ่มเสี่ยงสูง 15 ราย ประกอบด้วยพนักงานขับรถและลูกจ้างในโรงงานมาตรวจหาเชื้อ ปรากฏไม่ให้ความร่วมมืออีก คาดลูกจ้างส่วนหนึ่งเป็นบุคคลต่างด้าว นายจ้างเกรงจะมีความผิดทางกฎหมายและต้องรับภาระค่าใช้จ่ายการตรวจ รวมทั้งการรักษาอาการป่วย

ด้านนายชูศักดิ์ ชุนเกาะ รองผวจ.นครราชสีมา สั่งการให้เทศบาลนครนครราช สีมา ซึ่งเป็นนายจ้างประสานเจ้าของหจก.เกรียงไกรก้าวหน้าและติดตามกลุ่มเสี่ยงสูงมาตรวจหาเชื้อด่วน มิเช่นนั้นจะดำเนินการทางกฎหมาย

เชียงใหม่ยันไม่พบ‘โอมิครอน’

สำนักงานสาธารณสุขอำเภอสารภี จ.เชียงใหม่ แจ้งว่า พบผู้สัมผัสเสี่ยงสูงผู้ติดเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนที่บ้านหลังหนึ่งในพื้นที่หมู่ 5 ต.หนองผึ้ง อ.สารภี เบื้องต้นบ้านหลังดังกล่าวถูกกำหนดเป็นพื้นที่ควบคุมการเข้า-ออกระหว่างวันที่ 14-28 ธ.ค.64

ขณะที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ยืนยันจ.เชียงใหม่ยังไม่มีผู้ติดเชื้อโอมิครอน โดยระบุว่าผลการตรวจผู้สัมผัสเสี่ยงสูง ผู้ติดเชื้อโอมิครอน 4 ราย ที่ต.หนองผึ้ง อ.สารภี ด้วยวิธี RT-PCR ในวันที่ 14 ธ.ค.64 ไม่พบเชื้อ

พิจิตรป่วยลดเหลือ 3

นพ.วิศิษฎ์ อภิสิทธิ์วิทยา รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดพิจิตร เปิดเผยว่า มีผู้ติดเชื้อโควิดรายใหม่ 3 ราย เป็นผู้ติดเชื้อในจังหวัดทั้งหมด ที่อ.สากเหล็ก 2 ราย และอ.ทับคล้อ 1 ราย จำนวนผู้ติดเชื้อโควิดลดลง เหลือวันละไม่ถึง 10 ราย เป็นเรื่องน่ายินดีอย่างมาก ต้องขอขอบคุณจากทุกภาคส่วนประชาชนที่ให้ความร่วมมือทำตามมาตรการอย่างเคร่งคัด

ยอดผู้ป่วยสะสมระลอกเดือนเม.ย.2564 จำนวน 5,402 ราย รักษาหายกลับบ้านแล้ว 5,283 ราย อยู่ระหว่างรักษา 52 ราย เสียชีวิตสะสม 68 ราย ตรวจหาเชื้อผู้สัมผัสทั้งหมด 67,772 ราย ไม่พบเชื้อ 62,424 ราย รอผล 128 ราย ผู้ได้รับวัคซีนสะสม เข็ม 1 จำนวน 290,598 คน เข็ม 2 จำนวน 269,446 คน และเข็ม 3 จำนวน 19,647 คน

คุกอุดรฯติดโควิดรอบสอง 240

วันเดียวกัน เวลา 14.00 น. นายสยาม ศิริมงคล ผวจ.อุดรธานี, นายอุเทน หาแก้ว รองนายแพทย์สสจ.อุดรธานี ,นายภัทรพงศ์ หมวกสกุล ผบ.เรือนจำกลางอุดรธานี และพญ.สุรีรัตน์ วัชรสุวรรณเสรี อ ายุรแพทย์ ร.พ.อุดรธานี ร่วมแถลงสถานการณ์โควิด-19 พื้นที่อุดรธานีว่า วันนี้มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 30 ราย ผู้ติดเชื้อรายใหม่ยังพบเกิดในงานศพ งานสังสรรค์ งานบุญประเพณีที่มีการจัดเลี้ยงอาหาร และพบการติดเชื้อในวงพนัน รักษาหายกลับบ้าน 12 ราย รักษาอยู่ร.พ. 293 ราย เสียชีวิตสะสม 166 ราย ล่าสุดเรือนจำกลางอุดรธานี พบการติดเชื้อระลอกที่สอง 240 ราย

นายภัทรพงศ์ กล่าวว่า เรือนจำกลางอุดรฯ มีผู้ต้องขัง 4,558 คน เป็นชาย 3,988 คน และหญิง 567 คน การติดเชื้อเฉพาะแดนแรกรับ ในส่วนพื้นที่กักตัว 21 วัน และพื้นที่กันชนหลังกักตัว เมื่อวันที่ 13 ธ.ค.หลังจากรับแจ้ง พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในพื้นที่อ.กู่แก้ว จ.อุดรธานี เพิ่งออกจากแดนแรกรับเรือนจำกลางอุดรธานี จึงตรวจผู้ต้องขังทั้งหมดในแดนแรกรับ 783 ราย และร.พ.อุดรธานีมาตรวจ PCR ซ้ำอีกในวันที่ 14 ธ.ค. และ 15 ธ.ค. มียอดติดเชื้อ 240 ราย เป็นผู้ป่วยสีเขียว เข้ารักษาในร.พ.สนามเรือนจำ แยกไปรักษาที่ร.พ.อุดรธานี 1 ราย นักโทษใหม่จะถูกส่งไปเรือนจำจ.หนองบัวลำภู

ด้านนายอุเทน กล่าวว่า ในงานประจำปีทุ่งศรีเมือง ระหว่างวันที่ 1-12 ธ.ค.ที่ผ่านมามีผู้ประกอบการ-ผู้ค้า เข้ามาในงานกว่า 1,700 คน ทุกคนฉีดวัคซีนครบตามเกณฑ์ ตรวจหาชื้อด้วย ATK 3 รอบ รอบแรกก่อนงาน 1,700 คน รอบที่สอง กลางงาน 1,500 คน และรอบที่สาม ก่อนกลับบ้าน 600 คน จำนวนการตรวจที่ลดลง เกิดจากผู้มาเตรียมงาน และผู้เดินทางกลับไปก่อน ขณะผู้มาเที่ยวงานสูงถึง 430,000 คน มาตรการวัคซีน 1 เข็ม และไม่มีพื้นที่แออัด พบผู้ติดเชื้อมาเที่ยวงาน 3 คน แต่ไม่มีรายงานการติดเชื้อจากงาน ส่วนการฉีดวัคซีนเข็ม 3 ได้ปรับลดเวลาลงและเริ่มฉีดแล้ววันนี้

ส่วนกรณีมีการโพสต์รับทำใบรับรองฉีดวัคซีนในโลกโซเชี่ยล ยืนยันว่าเป็นการหลอกลวง โดยผู้เสียหายคือร.พ.ทุ่งฝน มีการไปแจ้งความไว้แล้ว โดยใบเอกสารดังกล่าว เป็นภาพถ่ายกระดาษ ไม่ได้ยืนยันว่า ถ่ายมาจากเอกสารจริงหรือเอกสารปลอมขึ้นมา เนื่องจากหลักฐานในการฉีดวัคซีนไม่สามารถซื้อขายได้ การได้มานั้น ผู้ที่ไปฉีดจะได้รับจากผู้ที่รับผิดชอบเท่านั้น ออกเอกสารยืนยันรับรองให้เท่านั้น หากใครถือใบเอกสารรับรองในการฉีดวัคซีน แต่ไม่ได้ฉีดถือว่าเป็นเอกสารเท็จ

“อยากเชิญชวนพี่ประชาชนหากใครไม่ได้ฉีดวัคซีน ให้ศึกษาดูให้ดี ในตอนนี้อุดรธานี มีวัคซีนหลากหลายให้เลือก หากใครฉีดวัคซีนไปแล้วช่วงสงกรานต์ ถือว่าเป็นระยะเวลาหนึ่งไปแล้ว ขณะมีแจ้งไปที่โรงพยาบาลต่างๆ ให้มีการฉีดวัคซีนในเข็มที่ 3 เป็นการกระตุ้นภูมิให้แข็งแรงมากขึ้น สามารถไปฉีดสถานพยาบาลหรือโรงพยาบาลใกล้บ้าน ได้เลย”

ลำปางติดเชื้ออีก 19

ส่วนจ.ลำปาง พบผู้ป่วยใหม่ 19 ราย เป็นผู้ติดเชื้อจากต่างจังหวัด 5 ราย ได้แก่จ.ระยอง 3 ราย และกทม. 2 ราย ติดเชื้อในจังหวัด 14 ราย ซึ่งเป็นผู้สัมผัสผู้ป่วยคลัสเตอร์ครอบครัวบ้านหนองยาง หมู่ 8 ต.ชมพู อ.เมืองลำปาง 3 ราย คลัสเตอร์ ม.2 ม.3 ม.11 ต.เสด็จ อ.เมืองลำปาง 1 ราย คลัสเตอร์บ้านสบเติ๋น หมู่ 2 ต.สบป้าด 6 ราย แยกเป็นอ.แม่เมาะ 5 ราย และ อ.เมืองลำปาง 1 ราย และเป็นผู้ป่วยติดเชื้อรายใหม่ 4 ราย แยกเป็นอ.เมืองลำปาง 2 ราย อ.เกาะคา 1 ราย และ อ.แจ้ห่ม 1 ราย อยู่ระหว่างสอบสวนโรค

พิษณุโลกปิดตลาด 3 วัน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ตลาดสดโคกมะตูม อ.เมือง จ.พิษณุโลก เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลพุทธชินราชพิษณุโลก และเจ้าหน้าที่สำนักสาธารณสุขเทศบาลนครพิษณุโลก ลงพื้นที่ตรวจเชิงรุก ATK เพื่อตรวจหาเชื้อโควิด-19 พ่อค้า แม่ค้า ผู้ประกอบการ ภายในตลาดสดโคกมะตูม หลังพบผู้ติดเชื้อคลัสเตอร์ตลาดสดโคกมะตูม 10 ราย พร้อมสั่งปิดตลาดสดโคกมะตูม 3 วัน คือ วันที่ 16-18 ธ.ค. 2564

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน