‘ไผ่ ดาวดิน-ไมค์’
ศาลนัดชี้ 24ธค.

ศาลนัดฟังคำสั่งให้ประกันตัวหรือไม่ ‘อานนท์-กวิ้น-ไผ่-ไมค์’ แกนนำราษฎร วันศุกร์ 24 ธ.ค.ทนายเสนอขอใช้เงื่อนไขเดียวกับ ‘รุ้ง-ปนัสยา’ ติดกำไลข้อเท้า อยู่บ้าน 24 ชั่วโมง ยกเว้นไปสอบ ไปพบแพทย์ ไม่กระทำการใดๆ เสื่อมเสียต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ส่วนศาลอาญากรุงเทพใต้สั่งจำคุก ‘โจเฟซ’ 1 เดือน ปรับ 250 บาท รอการลงโทษ 6 เดือน ฐานละเมิดอำนาจศาล กรณีกรีดแขนในห้องพิจารณาคดี

เมื่อวันที่ 17 ธ.ค. ที่ศาลอาญา ศาลไต่สวนคำร้องขอปล่อยชั่วคราวนายอานนท์ นำภา, นายพริษฐ์ หรือเพนกวิน ชิวารักษ์, นายจตุภัทร์ หรือไผ่ บุญภัทรรักษา และนายภาณุพงศ์ หรือไมค์ จาดนอก เเกนนำราษฎร จำเลยคดีมาตรา 112 ต่อมานายกฤษฎางค์ นุตจรัส ทนายความจำเลย เปิดเผยว่าศาลให้อัยการโจทก์ทำคำแถลงคัดค้านภายในวันพุธที่ 22 ธ.ค. และนัดฟังคำสั่งว่าจะได้หรือไม่ได้ประกันตัวในวันศุกร์ที่ 24 ธ.ค.

นายกฤษฎางค์กล่าวต่อว่าคิดว่าเป็นโอกาสที่เราจะพิสูจน์ได้ว่ากรณีนี้เราไม่ได้กระทำอะไรผิดเงื่อนไข และเสนอต่อศาลว่าถ้าจะกำหนดแบบเดียวกับ น.ส.ปนัสยา หรือรุ้ง สิทธิจิรวัฒนกุล ที่ได้รับการปล่อยชั่วคราว แต่ต้องอยู่บ้านตลอด 24 ชั่วโมง ยกเว้นเดินทางไปสอบ ไปหาแพทย์ และไม่ไปกระทำการใดๆ เป็นการเสื่อมเสียต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ รวมไปถึงไม่เดินทางออกนอกราชอาณาจักรหากไม่ได้รับอนุญาต และมารายงานตัวต่อศาลทุกครั้งตามที่กำหนดนัด ทางเราก็รับได้ การติดกำไลอิเล็กทรอนิกส์ หรืออีเอ็ม หรือให้กักขังไว้ที่บ้านตลอดเวลา คิดว่าเรารับได้ เพราะต้องการขอออกไปเรียนหนังสือ

ขณะเดียวกัน ที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ ศาลไต่สวนคดีละเมิดอำนาจศาล ตามที่ผอ.สำนักอำนวยการประจำศาลอาญากรุงเทพใต้ ผู้กล่าวหา ตั้งเรื่องดำเนินคดีนายกฤษพล หรือโจเฟซ ศิริกิตติกุล กรณีใช้คัตเตอร์กรีดแขนในห้องพิจารณาคดีของศาลอาญากรุงเทพใต้ เมื่อวันที่ 11 ต.ค.2564 เพื่อเรียกร้องให้ปล่อยชั่วคราวผู้ต้องหา และจำเลยคดีมาตรา 112

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังศาลไต่สวนผู้ถูกกล่าวหาแล้ว จึงมีคำสั่งว่าพิเคราะห์รายงานเจ้าหน้าที่ของผู้กล่าวหา และคําให้การรับสารภาพของผู้ถูกกล่าวหาแล้วข้อเท็จจริงรับฟังได้เป็นยุติว่า ผู้ถูกกล่าวหานำมีดคัตเตอร์ขนาดเล็กเข้ามาในบริเวณศาล แล้วกรีดแขนตนเองในห้องพิจารณาคดี ในขณะที่ศาลกำลังพิจารณาคดี การกระทำของผู้ถูกกล่าวหาจึงเป็นการประพฤติตนไม่เรียบร้อยในบริเวณศาลมีความผิดฐานละเมิดอำนาจศาล

คำสั่งศาลระบุอีกว่าแต่เนื่องจากผู้ถูกกล่าวหาแถลงว่าการกระทำของตนมิได้มีเจตนามุ่งทำร้ายชีวิต ร่างกาย ทรัพย์สิน เสรีภาพของผู้อื่นแต่อย่างใด เพียงแต่ต้องการแสดงออกถึงสัญลักษณ์บางประการตามข้อเรียกร้องเท่านั้น ศาลจึงเห็นควรเปิดโอกาสให้ผู้ถูกกล่าวหา เพื่อแก้ไขกลับตนเป็นคนดีต่อไป ให้จําคุกผู้ถูกกล่าวหามีกำหนด 2 เดือน และปรับ 500 บาท ผู้ถูกกล่าวหาให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การไต่สวน จึงลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุกผู้ถูกกล่าวหามีกำหนด 1 เดือน และปรับ 250 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 6 เดือน และศาลกําชับผู้ถูกกล่าวหาด้วยว่าให้พึงระมัดระวัง และไม่ประพฤติปฏิบัติดังกรณีเช่นนั้นอีก

ลุ้นศาลปล่อย4แกนนำราษฎร

เมื่อวันที่ 17 ธ.ค. ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก นายกฤษฎางค์ นุตจรัส ทนายความประจำศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน เปิดเผยหลังไต่กรณีปล่อยตัวชั่วคราว จำเลยทั้ง 4 คน คือนายอานนท์ นำภา, นายพริษฐ์ ชิวารักษ์, นายจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา และนายภาณุพงศ์ จาดนอก ว่า ตอนเช้าไต่สวนนายอานนท์ กับ นายพริษฐ์ ตอนบ่ายนายจตุภัทร์ และนายภาณุพงศ์ หรือไมค์ ก็ให้อัยการโจทก์ทำคำแถลงคัดค้านภายในวันพุธที่ 22 ธ.ค.นี้ และนัดฟังคำสั่งว่าจะได้หรือไม่ได้ประกันตัวในวันศุกร์ที่ 24 ธ.ค.นี้

นายกฤษฎางค์กล่าวต่อว่า ซึ่งวันนี้นัดไต่สวนคดีของนายพริษฐ์ 6 สำนวน ส่วนนายอานนท์ 7 สำนวน นายจตุภัทร์ 3 สำนวน ไมค์ 2 สำนวน แต่อย่างไรก็ตามจำเลยแต่ละคนยังมีคดีที่ไม่ได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวอีกไม่เท่ากัน ขณะนี้อยู่ระหว่างดุลพินิจศาลในความเห็นตนก็คิดว่าเป็นโอกาสที่เราจะพิสูจน์ได้ว่า เคสนี้เราไม่ได้กระทำอะไรผิดเงื่อนไขและเราก็เสนอต่อศาลว่า ถ้าจะกำหนดแบบเดียวกับ น.ส.ปนัสยา หรือ รุ้ง สิทธิจิรวัฒนกุล ที่ได้รับการปล่อยชั่วคราวแต่ต้องอยู่บ้านตลอด 24 ช.ม. ยกเว้นเดินทางไปสอบ ไปหาหมอ และไม่ไปกระทำการใดๆ เป็นการเสื่อมเสียต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ รวมไปถึงการไม่เดินทางออกนอกราชอาณาจักรหากไม่ได้รับอนุญาต และมารายงานตัวต่อศาลทุกครั้งตามที่กำหนดนัดทางเราก็รับได้ การติดกำไลอีเอ็ม หรือให้กักขังไว้ที่บ้านตลอดเวลาคิดว่าเรารับได้ เพราะต้องการขอออกไปเรียนหนังสือ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน