พิษว่าจ้าง
หมอเถื่อน
ตร.ยื่นขอ
หมายจับ
สาวแสบ

สบส.สั่งปิดคลินิก ‘พิมรี่พาย’เป็นเวลา 30 วัน เซ่นปมหมอเถื่อน แถมตรวจพบผิดอีกหลายจุดระบุเปลี่ยนแปลงพื้นที่ใช้สอยโดยไม่ได้รับอนุญาต และโฆษณาผิดกฎหมาย ชี้ความผิดหลักอยู่ที่แพทย์ผู้ดำเนินการสถานพยาบาล ด้านตำรวจเร่งล่าตัวหญิงสาวแอบอ้างใบประกอบวิชาชีพแพทย์ผู้อื่น ขอศาลอาญาออกหมายจับสัปดาห์หน้า เบื้องต้นโดน 4 ข้อหา รอสอบปากคำลูกค้า

เมื่อวันที่ 18 ธ.ค. นายสาธิต ปิตุเตชะ รมช.สาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าการตรวจสอบ อิสคิวท์ คลินิกเวชกรรม สาขาห้วยขวาง ที่มีน.ส.พิมรดาภรณ์ เบญจวัฒนะพัชร์ หรือพิมรี่พาย เป็นหุ้นส่วน กรณีมีหญิงสาวใช้ใบประกอบวิชาชีพแพทย์หญิงผู้อื่นมาสมัครเป็นแพทย์ผู้ให้บริการว่า เมื่อวันที่ 17 ธ.ค. เจ้าหน้าที่กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) ได้ตรวจสอบคลินิกดังกล่าวแล้ว โดยระหว่างนี้สบส.สั่งปิดให้บริการเฉพาะสาขานี้ชั่วคราวเป็นเวลา 30 วัน ส่วนของเจ้าของสถานพยาบาลมีโทษตามกฎหมายสถานพยาบาล ส่วนที่ปิดเพียงสาขาเดียว เนื่องจากต้องดูจากเหตุที่เกิด ซึ่งยังพบแค่สาขาเดียว

ด้านนพ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีสบส. กล่าวว่า กำลังออกคำสั่งในการสั่งปิดสถานพยาบาลชั่วคราว 30 วัน อธิบายได้คือตามแนวทางหากพบสถานพยาบาลที่มีแพทย์ที่ไม่มีใบประกอบวิชาชีพ หรือหมอเถื่อนเข้ามาทำงาน ถือว่าไม่ปลอดภัยต่อประชาชน จึงต้องสั่งปิดชั่วคราว เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงให้เกิดการปรับปรุงและระมัดระวังมากขึ้น ขณะนี้ที่ผิดแน่นอน คือหมอที่แอบอ้างตัว ซึ่ง เจ้าพนักงานสอบสวนกำลังออกหมายจับอยู่

เมื่อถามว่า เจ้าของคลินิกระบุว่า แพทย์จริงที่ประจำคลินิก เป็นผู้รับสมัครงานจากหมอเถื่อน ความผิดจะตกแก่ใคร นพ.ธเรศกล่าวว่า ตามกฎหมายนั้น คลินิกประกอบด้วย 1.ผู้รับอนุญาต คล้ายเป็นเจ้าของกิจการ ที่จะเป็นบุคคลทั่วไปหรือบริษัท และ 2.ผู้ดำเนินการสถานพยาบาล คือ แพทย์ในคลินิกที่มีใบประกอบวิชาชีพแพทย์ตามแต่ละสาขา คล้ายผู้จัดการทางการแพทย์ มีหน้าที่จัดหาผู้ให้บริการที่ถูกต้อง แต่ปรากฏว่ามีหมอเถื่อนในคลินิก

เบื้องต้นจึงมีโทษจากการไม่จัดผู้ให้บริการให้เป็นไปตามมาตรฐาน ความผิดตาม พ.ร.บ.สถานพยาบาล พ.ศ.2541 ฐานปล่อยปละละเลยให้บุคคลอื่น ซึ่งมิใช่ผู้ประกอบวิชาชีพทำการประกอบวิชาชีพในสถานพยาบาล ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ส่วนกรณีว่าจะมีส่วนรู้เห็นหรือไม่ ต้องรอให้เจ้าพนักงานสอบสวนดำเนินการต่อไป

“เบื้องต้นความผิดหลักอยู่ที่ผู้ดำเนินการ ส่วนภาพรวมถือว่าสถานพยาบาลไม่ปลอดภัย พบหมอเถื่อนเข้ามาทำงาน ตามหลักจึงต้องปิดปรับปรุง 30 วัน ส่วนเจ้าของคลินิกตาม พ.ร.บ.สถานพยาบาล ยังไม่พบความผิด การสั่งปิดสถานพยาบาล เป็นการลงโทษเจ้าของตามโทษการปกครองแล้ว” นพ.ธเรศกล่าวและว่า นอกจากนี้จากการตรวจสอบยังพบความผิดในด้านอื่นๆ เช่น คลินิกมีการเปลี่ยนแปลงพื้นที่ใช้สอยโดยไม่ได้รับอนุญาต การโฆษณาผิดกฎหมาย และการไม่แจ้งรายชื่อของแพทย์ผู้ให้บริการกับผู้อนุญาต ซึ่งจะมีการรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

วันเดียวกัน พ.ต.อ.เนติ วงษ์กุหลาบ ผกก.4 บก.ปคบ. เปิดเผยถึงความคืบหน้ากรณี ดังกล่าวว่า หลังพิมรี่พายเข้าแจ้งความให้ดำเนินคดี กับน.ส.อาลินดา (สงวนนามสกุล) อยู่ในขั้นตอนของการติดตามผู้เข้ารับบริการอีก 2-3 คน มาสอบปากคำ และรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ เพื่อขอศาลอาญาออกหมายจับผู้หญิงที่แอบอ้างดังกล่าวภายในสัปดาห์หน้า

เบื้องต้นแจ้ง 4 ข้อหา ประกอบด้วย 1.ฉ้อโกง แสดงตัวเป็นบุคคลอื่น 2.แสดงให้ผู้อื่นเข้าใจว่าตนเป็นผู้มีความรู้ความชำนาญในการประกอบวิชาชีพเวชกรรมสาขาต่างๆ 3.ประกอบวิชาชีพเวชกรรมโดยไม่มีใบอนุญาต และ 4.ผู้ใดทำให้เสียหาย เอาไปเสีย ซึ่งเอกสารใดของผู้อื่นในประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น ส่วนการติดตามตัวเบื้องต้นทราบว่ายังอยู่ในประเทศ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน