ภท.ประชุมใหญ่คึกคัก
2พปชร.โผล่โชว์ตัว
พท.แฉสภาล่ม12หน

สวนดุสิตโพลสะท้อนคนกรุงเทพฯ เลือก ‘ชัชชาติ’ เป็นผู้ว่าฯ กทม. ทิ้งห่าง ‘ดร.เอ้’ เท่าตัว ภูมิใจไทยประชุมใหญ่คึกคักที่โคราช ‘อนุทิน’ ชูสโลแกน ‘พูดแล้วทำ’ ตีปี๊บยึดเมืองย่าโมตามรอยโมเดลบุรีรัมย์ เลขาฯพรรคดัน ‘เสี่ยหนู’ นั่งนายกฯ สมัยหน้า 2 ทายาท ส.ส.พลังประชารัฐอีสานโผล่เปิดตัว ‘นัจมุดดีน’ อดีตส.ส.ชายแดนใต้พรรคประชาชาติก็มาด้วย โฆษกรัฐบาลอัดฝ่ายค้านขู่เล่นเกมสภาล่มจนกว่าจะยุบสภา โหยหาอำนาจมากกว่าปกป้องประโยชน์ประชาชน เพื่อไทยแฉยุค ‘บิ๊กตู่2’ องค์ประชุมล่มแล้ว 12 ครั้ง จับตาประชุมรัฐสภา 21 ธ.ค. ถกร่างพ.ร.บ.ปรับโทษอาญาเป็นพินัย พบมีกฎหมายคุมม็อบ-ฟอกเงินด้วย

โฆษกรัฐขอม็อบรถบรรทุกเข้าใจ

เมื่อวันที่ 19 ธ.ค. นายธนกร วังบุญ คงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีสหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย ออกมาประกาศ อาจรวมกลุ่มกันยกระดับการเรียกร้องหยุดเดินรถขนส่ง 50% หรือ 2 แสนคันเร็วๆ นื้ เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลช่วยเหลือ ผู้ประกอบการรถบรรทุกซึ่งประสบปัญหาราคาน้ำมันที่สูงขณะนี้ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหมรับทราบและได้เร่งสั่งการให้กระทรวงพลังงานหาแนวทางช่วยเหลือเพิ่มเติมตลอดจนเปิดพื้นที่รับฟังเสียงสะท้อนจากผู้ได้รับผลกระทบให้ครอบคลุมทุกภาคส่วน

รัฐบาลเข้าใจปัญหาราคาน้ำมันที่ผันผวน ที่ผ่านมา กระทรวงพลังงานและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ตรึงราคาน้ำมันดีเซลไม่เกิน 30 บาทต่อลิตร เพื่อลดผล กระทบจากราคาพลังงาน ช่วยเหลือกลุ่ม ผู้ขับรถบรรทุกในระยะเร่งด่วน ส่วนในระยะกลางและระยะยาว ครม.อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาเปลี่ยนแปลงกรอบวงเงินกู้ จากเดิมที่กำหนดไว้ให้กู้ได้ไม่เกิน 2 หมื่นล้านบาท ขยายให้เป็น 3 หมื่นล้านบาท เพื่อรักษาเสถียรภาพกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ให้สามารถกู้ยืมเงินได้ตามความเห็นของกระทรวงการคลัง

รัฐบาลวอนกลุ่มผู้ขับรถบรรทุกให้เข้าใจถึงสภาวการณ์ของราคาน้ำมันในตลาดโลกด้วย ซึ่งเป็นไปตามกลไกตลาด ความต้องการและปริมาณการผลิตน้ำมันโลก จำเป็นต้องใช้เวลา นายกฯ ได้กำชับให้กระทรวงพลังงานและทุกส่วนที่เกี่ยวข้องรับฟังข้อเสนอเพื่อร่วมหาทางออกและมาตรการที่เหมาะสมกับทุกฝ่าย รวมทั้งดูแลราคาพลังงาน เพื่อลดผล กระทบต่อการใช้ชีวิตของประชาชนให้มากที่สุด ซึ่งหากมีการหยุดการเดินรถเกรงจะทำให้เกิดผลเสียในวงกว้าง กระทบต่อเศรษฐกิจไทยและบรรยากาศปีใหม่ ที่กำลังใช้จ่ายอย่างคึกคักอยู่ในขณะนี้

เผยก.อุตฯเตรียมของขวัญปีใหม่

นายธนกร เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ ติดตามข้อสั่งการที่ให้ทุกกระทรวงจัดของขวัญปีใหม่ 2565 ให้กับประชาชน โดยกระทรวงอุตสาหกรรม ได้เตรียมมอบของขวัญปีใหม่โดยการอำนวยความสะดวก ลดต้นทุนผู้ประกอบการ ,เสริมสภาพคล่องทางธุรกิจ ,ยกระดับผู้ประกอบการ และดูแลเกษตรกรและประชาชน เช่น โครงการเหมืองแร่ปลอดภัยห่วงใยประชาชนปีที่ 5 โดยจัดกิจกรรมดูแลสุขภาพของประชาชนโดยรอบสถานประกอบการ ติดตั้ง QR Code หน้าโรงงาน เป็นต้น

กระทรวงอุตสาหกรรมยังเตรียมจัดงานจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคราคาโรงงาน ช่วยลดค่าครองชีพช่วยเหลือประชาชน อาทิ สินค้าจากศรีไทยซุปเปอร์แวร์ ผู้ประกอบการโรงงานในนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ จ.ชลบุรี ผลิตภัณฑ์สมุนไพรไทย สินค้า SMEs และโอท็อป สินค้าชุมชนจากโครงการ Farm to Factory กำหนดจัดระหว่างวันที่ 23-24 ธ.ค. ที่บริเวณนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ จ.ชลบุรี และมหกรรมแสดงและจำหน่ายสินค้า DIPROM MOTOR OUTLET จำหน่ายรถยนต์ รถจักรยานยนต์ และเครื่องจักรกลการเกษตรในราคาพิเศษ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและลดภาระให้ผู้บริโภค โดยจะจัดที่ศูนย์วิจัยและพัฒนาวัสดุอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ จ.ลำปาง

“มาตรการของขวัญปีใหม่ เป็นของขวัญที่กระทรวงอุตสาหกรรม มอบให้ประชาชนตามข้อสั่งการของนายกฯ ที่ต้องการให้คนไทยกลับมามีรอยยิ้มและมีความสุขช่วงเทศกาลปีใหม่ การอำนวยความสะดวกลดภาระ และเพิ่มสภาพคล่องให้ประชาชนและผู้ประกอบการ โดยเฉพาะสินค้าราคาโรงงานและการจัดสินเชื่อ ให้กับเอสเอ็มอี ได้เข้าถึงแหล่งเงินทุนดอกเบี้ยต่ำ จะช่วยเสริมสภาพคล่อง รักษาการจ้างงานให้กิจการและสถานประกอบการสามารถดำเนินไปได้ในช่วงเทศกาล ปีใหม่ เพื่อสร้างมูลค่าหมุนเวียนทางเศรษฐกิจได้” นายธนกร กล่าว

อัดฝ่ายค้านเล่นเกมทำสภาล่ม

นายธนกรกล่าวถึงกรณีที่ฝ่ายค้านระบุว่าการประชุมสภาผู้แทนราษฎรล่มเมื่อ วันที่ 17 ธ.ค.เป็นเรื่องเกี่ยวกับเอกภาพของรัฐบาลว่า เรื่ององค์ประชุมควรถือเป็นความรับผิดชอบของทุกฝ่าย เพราะ ส.ส. เสมือนตัวแทนประชาชน แม้ว่าการขอตรวจสอบองค์ประชุม หรือการไม่แสดงตนจะเป็นสิทธิของฝ่ายค้าน แต่น่าสังเกตว่า ที่ผ่านมาหากฝ่ายค้านขอตรวจสอบองค์ประชุม หรือไม่แสดงตนนั้น จะเป็นการทำเพื่อตอบโต้รัฐบาล แต่เหตุสภาล่มล่าสุดนั้น อยู่ระหว่างการพิจารณาญัตติที่คณะกรรมาธิการ (กมธ.) พิจารณาเสร็จแล้ว ซึ่งมี ส.ส.เกือบทุกพรรคร่วมกันเสนอญัตติ จึงควรเป็นความรับผิดชอบของ ส.ส.ทั้งฝ่ายค้านและรัฐบาลที่ร่วมกันเป็นกมธ. ไม่ควรจะโยนว่าเป็นความรับผิดชอบของฝ่ายค้านหรือฝ่ายรัฐบาล

ส่วนการที่ฝ่ายค้านขู่เล่นเกมสภาล่ม ต่อไป โดยอ้างว่าเป็นการให้บทเรียนรัฐบาลจนกว่าจะยุบสภานั้น แสดงให้เห็นได้อย่างชัดเจนว่า ฝ่ายค้านโหยหาอำนาจมากกว่าการปกป้องประโยชน์ของประชาชนด้วยการตรวจสอบการบริหารประเทศของรัฐบาลผ่านกลไกรัฐสภาใช่หรือไม่

“เชื่อว่าจากนี้ไปคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร (วิปรัฐบาล) คงมีการหารือกับวิปฝ่ายค้านถึงแนวทางการทำหน้าที่ว่า อย่ามองอะไรเป็นเกมการเมืองไปหมด ยืนยันว่าเหตุสภาล่มที่เกิดขึ้นนั้น ไม่เกี่ยวกับเอกภาพของรัฐบาล แต่เป็นเพราะฝ่ายค้านจ้องแต่จะเล่นเกมการเมืองไปเสียหมดมากกว่า” นายธนกร กล่าว

สภาล่ม – นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม และรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย แถลงแฉเหตุการณ์สภาล่มหลายครั้งในรอบไม่กี่วัน ซึ่งมีสาเหตุหลักๆ จากความขัดแย้งภายในพรรคแกนนำรัฐบาล ที่พรรคเพื่อไทย เมื่อวันที่ 19 ธ.ค.

พท.ขุดยุค‘บิ๊กตู่ 2’ล่มแล้ว 12 ครั้ง

ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย แถลงว่า เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาสภาประชุม 3 วัน ล่มไปแล้ว 2 วัน ซึ่งตนได้ไปรวบรวมสถิติรัฐบาล ‘พล.อ. ประยุทธ์ 2’ สภาล่มมาแล้ว 12 ครั้ง เฉพาะในสมัยประชุมนี้ครั้งที่ 2/2564 ตั้งแต่เดือน พ.ย.2564 สภาล่มไปแล้ว 4 ครั้งคือใน วันที่ 3 พ.ย. วันที่ 17 พ.ย. วันที่ 15 ธ.ค.และวันที่ 17 ธ.ค.

เราสรุปสาเหตุที่สภาล่มบ่อย เป็นเพราะ นายกฯ ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง ไม่ได้เป็น ส.ส.จึงไม่สนใจงานสภา หนีกระทู้ถามสดด้วยวาจาตลอด ทั้งที่เป็นปัญหาความเดือดร้อนเร่งด่วนของประชาชน กลับมอบให้รัฐมนตรีมาตอบอย่างเดียว พอนายกฯไม่มาตอบ รัฐมนตรีก็ไม่มาร่วมประชุมสภาด้วย พอนายกฯ มอบให้รัฐมนตรีอื่นมาตอบ ก็ไม่มีรัฐมนตรีมาตอบเลย บางสัปดาห์ก็มาตอบเป็นบางกระทู้เท่านั้น ล่าสุดเมื่อวันที่ 17 ธ.ค.แทบจะไม่มีรัฐมนตรีมาร่วมเป็นองค์ประชุมเลย ที่สำคัญเป็นเพราะความขัดแย้งภายในพรรคพลังประชารัฐเอง เพราะวันที่ 17 ธ.ค. ไม่มี ส.ส.พรรคพลังประชารัฐมาร่วมประชุมถึง 19 คน

พรรคเพื่อไทยในฐานะที่มี ส.ส.มากที่สุด ขอเสนอทางออก ทั้งที่การรักษาองค์ประชุมต้องเป็นหน้าที่ของ ส.ส.ซีกรัฐบาลทั้งหมด คือ 1.เราพร้อมให้ความร่วมมือในการประชุมสภาอย่างเต็มที่ แต่พรรครัฐบาลต้องให้ความร่วมมือกับพรรคฝ่ายค้าน ต้องให้เกียรติเราด้วย อย่างเมื่อวันที่ 15 ธ.ค.สภามีมติไม่เห็นชอบการยกเลิกประกาศและคำสั่ง คสช.และหัวหน้า คสช.ที่ขัดหลักสิทธิมนุษยชนและหลักประชา ธิปไตย ซึ่งแปลกมาก เพราะตอน ส.ส.อภิปรายสนับสนุนเนื้อหากันหมด แต่พอโหวตกลับคว่ำร่างกฎหมายที่เป็นประโยชน์ของประชาชนโดยเฉพาะเรื่องสิทธิเสรีภาพ และ 2.นายกฯ ต้องมาร่วมประชุมสภา มาตอบกระทู้ถามสดด้วยตัวเอง เหมือนตอนที่น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ ก็มาตอบกระทู้ด้วยตัวเอง เช่นกัน

ขอบคุณ – น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ โพสต์ภาพและข้อความ ขอบคุณของฝากและของที่ระลึกจากเมืองไทย ในโอกาสนี้ขอส่งความรักและความปรารถนาดี กลับไปยังพี่น้องประชาชนและแฟนเพจทุกคน

‘ชลน่าน’ไม่เป็นองค์ประชุม

นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ในสัปดาห์นี้จะมีการประชุมร่วมรัฐสภาในวันที่ 21 ธ.ค. และมีการประชุมสภาในวันที่ 22-24 ธ.ค. ซึ่งพรรคร่วมฝ่ายค้านยืนยันที่จะคงไว้ในมาตรการเดิมอย่างเข้มข้น โดยเฉพาะในการประชุมสภาวันที่ 22-23 ธ.ค. พรรคร่วมฝ่ายค้านยืนยันจะไม่เป็นองค์ประชุมให้กับรัฐบาล โดยฝ่ายค้านจะลงชื่อเข้าประชุมครบทุกคนตามข้อบังคับการประชุม แต่เมื่อเข้าสู่วาระการพิจารณาและต้องลงมติ เราจะไม่ลงชื่อเป็นองค์ประชุม เพื่อตรวจสอบความพร้อมของ ส.ส.ซีกรัฐบาล ว่าพร้อมจะอยู่เป็นเสียงข้างมากหรือไม่ หากจำนวนสมาชิกซีกรัฐบาลครบ เราก็พร้อมปฏิบัติหน้าที่ร่วมกัน

ในส่วนของการประชุมวันที่ 24 ธ.ค.ซึ่งเป็นเรื่องของสภา โดยเฉพาะเรื่องรายงานผลการศึกษาเรื่องต่างๆ ทั้งของกมธ.สามัญและกมธ.วิสามัญ เช่น การบริหารจัดการน้ำทั้งระบบ เป็นต้น ฝ่ายค้านพร้อมให้ความร่วมมือในการพูดคุยเพื่อผลักดัน เพราะเราเสียดายผลการศึกษาต่างๆ ที่กมธ.ไปศึกษามา ซึ่งเรายอมให้ได้เท่านี้

จับตาถกร่างพ.ร.บ.ปรับเป็นพินัย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา ได้ทำหนังสือนัดประชุมร่วมรัฐสภาวันที่ 21 ธ.ค. เพื่อพิจารณาเรื่องในระเบียบวาระรวมทั้งสิ้น 6 เรื่องสำคัญที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) เป็นผู้เสนอ ได้แก่ 1.อนุสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยการป้องกันมลพิษจากเรือ ค.ศ.1973 ที่แก้ไขปรับปรุงโดยพิธีสาร ค.ศ.1978 ภาคผนวก 5 ว่าด้วยกฎข้อบังคับสำหรับการป้องกันมลพิษจากขยะบนเรือ 2.พิธีสารเพื่ออนุวัติข้อผูกพันชุดที่ 11 ของบริการขนส่งทางอากาศ ภายใต้กรอบความตกลงว่าด้วยบริการของอาเซียน

3.พิธีสารแก้ไขบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลแห่งอินโดนีเซีย มาเลเซีย และไทยว่าด้วยการขยายเส้นทางบิน 4.ร่างพ.ร.บ.การปฏิบัติราชการทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. …. , ร่าง พ.ร.บ.กำหนดระยะเวลาดำเนินงานในกระบวนการยุติธรรม พ.ศ. …. และ ร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยการปรับเป็นพินัย พ.ศ. ….

ทั้งนี้ต้องจับตาการพิจารณา ร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยการปรับเป็นพินัย พ.ศ. …. ที่สำคัญ คือ กำหนดความผิดลักษณะที่ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามกฎหมายที่ไม่ใช่ความผิดร้ายแรงและไม่กระทบต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชนอย่างร้ายแรง หรือไม่มีผลกระทบต่อส่วนรวมอย่างกว้างขวางให้เป็นความผิดทางพินัย ไม่ถือเป็นความผิดอาญา และกำหนดค่าปรับพินัยสำหรับผู้ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตาม โดยมีการเสนอ ให้ปรับลักษณะการ กระทำผิดในกฎหมายที่บังคับใช้ปัจจุบันกว่า 200 ฉบับ ให้เป็นโทษทางพินัยและไม่ให้บันทึกเป็นประวัติอาชญากรรม

มีกม.คุมม็อบ-ฟอกเงินด้วย

ร่างกฎหมายดังกล่าวกำหนดให้มีบัญชีแนบท้ายพ.ร.บ. เพื่อกำหนดตัวกฎหมายที่ต้องเปลี่ยนความผิดอาญาที่มีโทษปรับสถานเดียว ให้เป็นความผิดทางพินัยและให้ถืออัตราโทษปรับอาญาเป็นอัตราค่าปรับทางพินัย โดยตามบัญชีแนบท้าย ดังกล่าวมี พ.ร.บ.ทั้งสิ้น 176 ฉบับ อาทิ พ.ร.บ.การชุมนุมสาธารณะ พ.ศ.2558, พ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ พ.ศ.2562, พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ.2551, พ.ร.บ.ควบคุมยุทธภัณฑ์ พ.ศ.2530, พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ พ.ศ.2561, พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542, พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้ายและการแพร่ขยายอาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างสูง พ.ศ.2559 เป็นต้น พบว่ารวมกฎหมายที่ใช้คุมม็อบปัจจุบันด้วย

นอกจากนี้ กำหนดให้มีบัญชีแนบท้าย 2 กำหนดให้ พ.ร.บ. 33 ฉบับ ต้องตราเป็นพระราชกฤษฎีกา หากจะเปลี่ยนความผิดอาญาที่มีโทษปรับสถานเดียวเป็นทางพินัย และกำหนดบัญชีแนบท้าย 3 กำหนดให้ 3 กฎหมาย คือ กฎหมายป่าชุมชน พ.ศ.2562, กฎหมายเรือไทย พ.ศ.2481 และกฎหมายส่งเสริมวิสาหกิจเพื่อสังคม พ.ศ.2562 ที่กำหนดเป็นโทษทางปกครอง เป็นโทษตามพินัย เมื่อพ้น 360 วันที่พ.ร.บ.ว่าด้วยการปรับเป็นพินัย พ.ศ. …. บังคับใช้

ภท.ประชุมใหญ่คึก-คนดังแห่ซบ

เมื่อเวลา 13.10 น. ที่ลานอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี (ย่าโม) จ.นครราชสีมา นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) พร้อมคณะ มากราบไหว้สักการะและขอพรท้าวสุรนารี สิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมือง และมอบเสื้อยืดสีน้ำเงินพรรคภูมิใจไทยสกรีนข้อความ “พูดแล้วทำ” ให้นายสุรวุฒิ เชิดชัย อดีตนายกเทศมนตรีเทศบาลนคร (ทน.) นครราชสีมา ลูกชายเจ๊เกียวผู้บริหาร บริษัท เชิดชัย คอร์ปอเรชั่น จำกัด ด้วย

เวลา 13.30 น. พรรคภูมิใจไทย จัดประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2564 ที่ อินดอร์สเตเดียม (ชาติชายฮอลล์) จ.นครราชสีมา นำโดยนายอนุทิน นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม เลขาธิการพรรค พร้อมด้วยรัฐมนตรี ส.ส. และสมาชิกพรรคภูมิใจไทย โดยมีเข้าร่วมประชุมประมาณ 1,500 คน ท่ามกลางมาตรการป้องกันโควิด-19 อย่างเคร่งครัด ผู้ร่วมงานทุกคนต้องได้รับวัคซีนครบ 2 เข็ม และต้องได้รับการตรวจ ATK ไม่เกิน 72 ช.ม. ก่อนเข้าร่วมงาน

การประชุมครั้งนี้ยังมีนายพิทักษ์ชน ช่างเหลา บุตรชายนายเอกราช ช่างเหลา ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) น.ส.สุชาดา แทนทรัพย์ บุตรสาวนายสัมฤทธิ์ แทนทรัพย์ ส.ส.ชัยภูมิ พรรคพลังประชารัฐ นายนัจมุดดีน อูมา อดีต ส.ส.นราธิวาส พรรคประชาชาติ (ปช.) และนายธวัชชัย อนามพงษ์ อดีต ส.ส.จันทบุรี พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ร่วมประชุม ขณะเดียวกัน นายคารม พลพรกลาง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล (ก.ก.) ได้มาร่วมสังเกตการณ์ด้วย

นายพิทักษ์ชนให้สัมภาษณ์ว่า เป็นสมาชิกพรรคภูมิใจไทยมาสักระยะแล้ว ซึ่งการมาสมัคร เพราะมีอุดมการณ์เดียวกันกับพรรค

นายนัจมุดดีนเปิดเผยว่า วันนี้ตนได้สมัครเป็นสมาชิกพรรคภูมิใจไทยแล้ว การเลือกตั้งครั้งหน้า ตนจะอาสาลงสมัครรับเลือกตั้งพื้นที่เขต 3 จ.นราธิวาส มั่นใจว่าจะได้รับความไว้วางใจจากพี่น้องประชาชน

‘อนุทิน’ชูสโลแกน‘พูดแล้วทำ’

นายอนุทินกล่าวปราศรัยต่อสมาชิกพรรค ว่า วันนี้ที่ประชุมจะรับรองรายงานการประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2563 การเลือกตั้งกรรมการบริหารพรรค (เพิ่มเติม) และการตั้งกรรมการสรรหาผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. จำนวน 11 คน เพราะขณะนี้อยู่ในช่วงครึ่งหลังของรัฐสภาแล้ว จึงต้องมีการเตรียมการเลือกตั้ง ซึ่งอาจจะเกิดขึ้นในช่วงเวลาใดก็ได้ พรรคภูมิใจไทยพูดเสมอ ว่าพรรคพร้อมเลือกตั้งทุกวัน จากนี้ไม่เกิน 15 เดือนต้องมีความพร้อม ดังนั้น การคัดเลือกผู้สมัครถือว่าเป็นหน้าเป็นตา เป็นผู้แทนของพรรค

การแก้ไขรัฐธรรมนูญจะมีการเพิ่ม ส.ส.เขตอีก 50 เขต รวมเป็น 400 เขต และมี ส.ส.บัญชีรายชื่อ (ปาร์ตี้ลิสต์) 100 คน ซึ่งผู้สมัครทั้ง 500 คนจะต้องนำนโยบายของพรรคไปทำความเข้าใจสร้างความเชื่อถือศรัทธากับประชาชน เพื่อให้เกิดความมั่นใจว่าพรรคภูมิใจไทยจะเป็นพรรค ที่ นำนโยบายที่ประกาศไว้ไปปฏิบัติ สมกับคำพูดที่ว่าพรรคภูมิใจไทย “พูดแล้วทำ” เพื่อประโยชน์ของประชาชน และประเทศ

โวช่วยรบ.มั่นคง-ไม่แทงข้างหลัง

เราใช้เวลาเกือบ 3 ปี จากที่ได้รับความไว้วางใจเข้ามาเป็นส.ส. ได้มีโอกาสบริหารประเทศในฐานะพรรคร่วมรัฐบาล จุดเด่นของพรรค คือการเป็นเอกภาพมากที่สุด เป็นภาคีสมาชิกเคารพกติกา รัฐ ธรรมนูญ และความคิดเห็นซึ่งกัน และกัน มีความสามัคคีจนทำให้รัฐบาลชุดนี้มีความมั่นคง เป็นเสาค้ำระบบรัฐสภาให้มีความแข็งแกร่ง และมั่นใจว่าพรรค การเมืองในสารบบ ที่มีความเป็นเอกภาพ เป็นปึกแผ่น จงรักภักดี ซื่อสัตย์สุจริต ต่อประชาชนที่สุด

ทุกโพลจะต้องมีพรรคภูมิใจไทย เพราะเราพูดแล้วทำสิ่งที่ได้สัญญาไว้กับประชาชน ที่เราหาเสียงไว้ว่าทำได้เร็ว และทำได้เลยไม่ทำนโยบายที่เพ้อฝันเอาใจประชาชน นโยบายของพรรคถูกสร้างขึ้นจากการเอาปัญหาประชาชนเป็นตัวตั้ง นโยบายที่เคยประกาศไว้ เราทำเคร่งครัดไม่เคยเปลี่ยนแม้จะขัดใจใครก็ตาม แต่เราไม่พูดไปเรื่อยหรือดีแต่พูด เรารับผิดชอบคำพูดทุกเรื่อง และทำทุกเรื่องที่พูดให้เป็นจริงจับต้องได้ เช่น นโยบายกัญชาที่ถูกถอดออกจากบัญชียาเสพติด และการผลักดันกัญชง สิ่งเหล่านี้มุ่งหวังเพื่อให้ประชาชนมีรายได้

“ใครร่วมงานกับเราไม่ต้องเหลียวหลัง ไม่มีแทงข้างหลัง ถ้าอยู่กันดีก็อยู่กันไปเรื่อยๆ ใครไม่ดีก็อยู่เป็นรอบๆ จะให้พวกมากลากไปไม่ได้ พรรคมีความเป็นตัวของตัวเอง ไม่มีใครมาสั่งได้นอกจากประชาชน นายของพรรคภูมิใจไทยคือประชาชน พรรครักษาคำพูดเสมอ เชื่อว่านักการเมือง และพรรค ได้รับการยอมรับ และได้ความเชื่อถือจากประชาชน” นายอนุทินกล่าว

ตีปี๊บโคราชตามรอยโมเดลบุรีรัมย์

จากนั้น นายอนุทิน แถลงภายหลังเสร็จสิ้นการประชุมว่า พรรคภูมิใจไทยมีความสามัคคี และเป็นปึกแผ่น วันนี้เราได้แสดงความพร้อมว่าจะเข้าสู่สนามเลือกตั้งได้ตลอดเวลา การประชุมครั้งนี้นอกจากเราจะมีส.ส.มาร่วมประชุมแล้ว ยังมีผู้สมัครหน้าใหม่มาสังกัดพรรคด้วย ส่วนสาเหตุที่มาประชุมใหญ่ที่ จ.นครราชสีมา เพราะเป็นเมืองใหญ่ มีส.ส.มากเป็นอันดับ 2 ของประเทศ รองจากกทม. อีกทั้งเรามีฐานการเมืองในพื้นที่โคราชที่แข็งแกร่ง เมื่อได้เป็นรัฐบาลเราก็สร้างผลงาน และมีรัฐมนตรีที่มีพื้นเพเป็นชาวโคราช ส่วนตนก็มีบ้านพักอยู่ที่นี่ จึงอยากช่วยกันทำงานให้โคราชเจริญ

เมื่อเรามีโมเดลที่บุรีรัมย์แล้วก็อยากนำมาใช้ที่โคราชต่อไป และหวังว่าประชาชนชาวโคราชจะให้ส.ส.แก่พรรคภูมิใจไทยยกจังหวัด จากนั้น เราจะขยายโมเดลไปจังหวัดอื่นต่อไป เพื่อให้ได้ส.ส.ยกจังหวัดมากกว่าปัจจุบัน

ผู้สื่อข่าวถามถึง กรณีทายาทส.ส.พรรคพลังประชารัฐ และอดีตส.ส.จากพรรคการเมืองอื่นมาร่วมเป็นสมาชิก คาดว่ามาจากสาเหตุอะไร นายอนุทิน กล่าวว่า เป็นเพราะนโยบายที่มุ่งทำประโยชน์เพื่อประชาชน ทั้งในปัจจุบัน และอนาคต จึงทำให้คนรุ่นใหม่อยากมาขับเคลื่อนนโยบายกับเรา ซึ่งถือเป็นความสวยงามของประชาธิปไตย เพราะคนในครอบครัวเดียวกันไม่จำเป็นต้องอยู่พรรคเดียวกัน แต่นำจุดแข็งของแต่ละคนมาร่วมกันพัฒนาบ้านเมือง เชื่อว่าในอนาคตจะมีบุคลากรที่มีความรู้ ความสามารถ มาร่วมงานกับเราอีก

‘ศักดิ์สยาม’ยันหนุน‘เสี่ยหนู’นายกฯ

ต่อข้อถามว่า การเลือกตั้งครั้งหน้าพรรคจะกวาดเก้าอี้ ส.ส.ได้เท่าไหร่ นายอนุทิน กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับพี่น้องประชาชน ผู้สื่อข่าวถามว่า ตั้งเป้าจะเป็นแชมป์ในพื้นที่อีสานใต้หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า อย่าไปวางเป้าอะไรเลย เพราะตั้งแต่ตั้งพรรคก็ไม่ได้วางเป้าหมาย แต่ส.ส.พรรคภูมิใจไทยทำงานหนักทุกวัน และมั่นใจในศักยภาพ จึงเชื่อว่าประชาชนจะให้โอกาสเราต่อไป ชี้ไปคนไหนคนนั้นก็คือเป้าหมาย

ผู้สื่อข่าวถามว่า ความสัมพันธ์กับพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เป็นอย่างไร นายอนุทิน กล่าวว่า “ผม นายศักดิ์สยาม และนายกฯ ไลน์หากันทุกวัน” และกล่าวต่อว่า เราเป็นพรรคที่เคารพกติกา ในรัฐบาลเราเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของท่าน และในสภาเราก็เป็นพรรคร่วมรัฐบาล โดยมีส.ส.ที่มีความเป็นอิสระ มีเอกสิทธิ์ ทำทุกเรื่องที่เป็นประโยชน์ต่อบ้านเมือง เป็นแนวทางที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลง

เมื่อถามว่า หากหลังการเลือกตั้งมีการสลับขั้วทางการเมือง พรรคภูมิใจไทยมีจุดยืนอย่างไร นายอนุทิน กล่าวว่า อยู่ที่การตัดสินใจของประชาชน พรรคภูมิใจไทยไม่ได้เป็นขั้วอะไรกับใคร เรามั่นใจว่าเป็นพรรคที่ประคับประคองบ้านเมืองไม่ว่าจะอยู่ในสถานะใด และจะเป็นตัวแปรสำคัญที่จะได้รับความร่วมมือจากทุกฝ่าย ยืนยันว่า พรรคภูมิใจไทยจะเป็นผู้เลือก ที่จะร่วมรัฐบาลกับใคร ไม่ใช่ว่าเราจะไปร่วมกับใคร

เมื่อถามว่า พรรคภูมิใจไทยพร้อมชูนายอนุทิน เป็นนายกฯ ในการเลือกตั้งครั้งหน้าหรือไม่ นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม ในฐานะเลขาธิการพรรค ยืนยันว่า พรรคพร้อมเสนอนายอนุทิน เป็นนายกฯ แน่นอน และเชื่อว่าในการเลือกตั้งครั้งหน้า พรรคจะมีนโยบายเพิ่มมากขึ้น

ตั้ง 11 กรรมการเฟ้นผู้สมัครส.ส.

นายภราดร ปริศนานันทกุล ส.ส. อ่างทอง โฆษกพรรคภูมิใจไทย เปิดเผยว่า พรรคมีมติเลือกกรรมการบริหารพรรค เพิ่ม 1 คน คือ นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.การท่องเที่ยวและกีฬาเป็นรองหัวหน้าพรรค จากนั้น มีการเลือกตั้งคณะกรรมการสรรหาผู้สมัครรับเลือกตั้ง จำนวน 11 คน ประกอบด้วย 1.นายอนุทิน 2.นายศักดิ์สยาม 3.นายทรงศักดิ์ ทองศรี รองหัวหน้าพรรค 4.นายชาดา ไทยเศรษฐ์ รองหัวหน้าพรรค 5.นายพิพัฒน์ 6.นาย กฤษณะศักดิ์ ศิริภัณฑ์ หัวหน้าสาขาพรรค จ.พัทลุง

7.นายพิเชษฐ์ หาญจางสิทธิ์ หัวหน้าสาขาพรรค จ.ปทุมธานี 8.นายธีรพันธ์ ศรีคชไกร หัวหน้าสาขาพรรค จ.นครสวรรค์ 9.นายสนอง เทพอักษรณรงค์ หัวหน้าสาขาพรรค จ.บุรีรัมย์ 10.นายยิ่งยศ สมประสงค์ ตัวแทนพรรคภูมิใจไทยประจำ จ.อุทัยธานี เขตเลือกตั้งที่ 1 และ11.นายเทือง โกยรัมย์ ตัวแทนพรรคภูมิใจไทยประจำ จ.บุรีรัมย์ เขตเลือกตั้งที่ 5

‘จุรินทร์’สั่งลุยเลือกตั้ง 2 จว.

นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ราชกิจจานุเบกษาได้เผยแพร่ประกาศพระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกตั้งส.ส.ชุมพร เขต 1 แทนนายชุมพล จุลใส พรรคประชาธิปัตย์ และสงขลา เขต 6 แทนนายถาวร เสนเนียม พรรคประชาธิปัตย์ ที่ถูกศาลรัฐธรรมนูญสั่งพ้นจากส.ส.จากคดีขวางการเลือกตั้ง ปี 2556 ว่า นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรค ได้กำชับให้ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. และทุกคนที่ไปช่วยรณรงค์หาเสียงต้องปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด ยึดความสุจริตในการหาเสียง พร้อมทั้งชูนโยบายและ ผลงานที่เกิดขึ้นเป็นประจักษ์แล้วให้ประชาชนในพื้นที่ได้รับทราบ

“เชื่อว่าผลสำเร็จในการทำงานของพรรคที่ผ่านมาความโดนเด่น จะเป็นส่วนสำคัญเพื่อประกอบการตัดสินใจของพี่น้องชาวเขต 1 ชุมพร และในเขต 6 สงขลา สำหรับผมได้ตั้งทีมกฎหมายเฉพาะกิจ เพื่อช่วยเหลือร่วมทำงานประสานกับทีมงานทั้งสองเขต เนื่องจากเมื่อมีพระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกตั้งแล้ว เรื่องการปฏิบัติตนของผู้สมัครให้อยู่ภายใต้กรอบกฎหมายสำคัญที่สุด” นายราเมศ กล่าว

‘เดชอิศม์’ปรับกลยุทธ์รับศึกใหญ่

ด้านนายเดชอิศม์ ขาวทอง ส.ส.สงขลา รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ดูแลภาคใต้ กล่าวว่า เราได้วางแผนล่วงหน้าและเตรียมความพร้อมไว้แล้ว เพียงแต่ตอนแรกคิดว่าพรรคแกนนำรัฐบาลจะไม่ส่งผู้สมัครลงแข่งขัน เพราะเป็นมารยาททางการเมือง แต่เมื่อจะส่งผู้สมัครลงเลือกตั้ง เราก็พร้อมแข่งขันทั้ง 2 เขต 100 เปอร์เซ็นต์

ส่วนการเลือกตั้งระดับประเทศนั้น คิดว่าการเลือกตั้งน่าจะเร็วขึ้นกว่าปกติแล้ว น่าจะไม่ครบตามวาระ ดังนั้น หลังจากเลือกตั้งซ่อมส.ส.เสร็จเรียบร้อย ตนจะนัดประชุมร่วมกับส.ส.ภาคใต้ ผู้สมัครส.ส.และอดีตส.ส.เป็นประจำทุกเดือน เพื่อปรับกลยุทธ์ต่างๆ รวมทั้งนโยบายของพรรคในส่วนของภาคใต้ โดยจะช่วยกันระดมความคิดและออกแบบนโยบายให้ตรงกับความต้องการของประชาชนชาวใต้ และปรับวิธีการหาเสียง เนื่องจากปัจจุบันการเมืองมีความเปลี่ยนแปลงไปมาก จึงต้องปรับกลยุทธ์รวมทั้งบุคลิกภาพของ ผู้สมัครส.ส.ด้วย เชื่อว่าทุกอย่างจะดีขึ้นกว่าเดิมแน่นอน

ผู้สื่อข่าวถามว่า การเลือกตั้งซ่อมส.ส.ครั้งนี้จะทำให้เป็นผลงานครั้งแรกของการรับตำแหน่งได้หรือไม่ นายเดชอิศม์ ตั้งแต่นาทีแรกที่รับตำแหน่งต่อไปก็เป็นผลงานหมด ประกาศแล้วว่าจะต้องได้ 35 ที่นั่งส.ส.ภาคใต้ โดยจะเริ่มจาก 2 จังหวัดนี้ก่อน

‘ธรรมนัส’ยัน 21 ธ.ค.พปชร.เคาะชื่อ

ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.พะเยา เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เปิดเผยว่า วันที่ 21 ธ.ค.เวลา 15.00 น. จะมีการประชุมคณะกรรมการบริหารพรรค ที่รัฐสภา วาระสำคัญคือการพิจารณาเรื่องส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งซ่อมส.ส.ชุมพร เขต 1 และสงขลา เขต 6 ที่จะมีความชัดเจน โดยคณะทำงานพื้นที่ภาคใต้ได้พิจารณามาก่อนหน้านี้ ซึ่งการส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งซ่อม ตนอยากให้มองเป็นเรื่องของหลักการทางการเมือง

ส่วนสนามกทม.คณะทำงานภาคกทม.จะพิจารณาสรรหาว่าที่ ผู้สมัครสมาชิกสภากรุงเทพ มหานคร (ส.ก.) ก่อน ที่ยังขาดว่าที่ผู้สมัคร 4-5 คน โดยนายจักรพันธ์ พรนิมิตร ส.ส.กทม. เขต 30 ในฐานะหัวหน้าภาคกทม. พรรคพลังประชารัฐกำลังดำเนินการ ขณะที่ตัว ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม.ยังมีเวลา

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับแคนดิเดต ผู้สมัครเลือกตั้งซ่อม ส.ส.ชุมพร เขต 1 พรรคจะส่งอดีตผู้สมัครคนเดิม คือนายชวลิต อาจหาญ หรือทนายแดง ที่ได้คะแนนมาเป็นลำดับที่ 2 ในการเลือกตั้งปี 2562 ส่วน สงขลา เขต 6 จะส่งนายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ ลงสมัครรับเลือกตั้งซ่อม

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นัดประชุมเพื่อกำหนดวันเลือกตั้งซ่อมส.ส.ชุมพรเขต 1 และสงขลา เขต 6 ในวันที่ 20 ธ.ค. เวลา 13.00 น. คาดว่าจะมีการกำหนดให้เปิดรับสมัครเลือกตั้งในวันที่ 23-27 ธ.ค.254 และกำหนดให้วันอาทิตย์ที่ 16 ม.ค.2565 เป็นวันเลือกตั้ง

พบสมาชิก – พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง ส.ส.บัญชีรายชื่อและเลขาธิการพรรคประชาชาติ พบปะสมาชิกพรรค ผู้สนับสนุนและผู้สนใจลงสมัครเลือกตั้งส.ส.สงขลา ในนามพรรคประชาชาติ ที่ห้องประชุมโรงแรมอัลฟาฮัจย์ หาดใหญ่ จ.สงขลา เมื่อวันที่ 19 ธ.ค.

‘ทวี’ปลุกใจสมาชิกประชาชาติ

วันเดียวกัน ที่โรงแรมอัลฟาฮัจย์ หาดใหญ่ จ.สงขลา พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง ส.ส.บัญชีรายชื่อ เลขาธิการพรรคประชาชาติ มาพบสมาชิกพรรค รวมทั้งผู้เสนอตัวลงสมัคร ส.ส.สงขลา ในนามพรรคประชาชาติ เขต 7 เขต 8 และเขตใหม่ (อ.จะนะ-นาทวี-เทพา-สะบ้าย้อย) พร้อมผู้สนับสนุน

พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า จุดยืนพรรคประชาชาติ อยากให้คนที่จะมาเป็นสมาชิกหรือเป็นกรรมการบริหารพรรคให้เป็นดาวฤกษ์ คือเป็นอัตลักษณ์ของตัวเอง หรือเป็นตัวแทนของประชาชนที่สามารถจะพัฒนาหรือสร้างอนาคตให้กับประชาชน และความฝัน คืออยากเป็นพรรคที่แก้ปัญหาของประเทศชาติไม่ว่าประชาชนผู้นั้นจะอยู่ส่วนใดของประเทศ ถ้าเกิดไม่ได้รับความเสมอภาคไม่มีคุณภาพชีวิตที่ดีแล้วมีชีวิตที่ยากลำบาก พรรคประชาชาติอยากจะใช้บทบาททางการเมืองเข้าไปแก้ปัญหา

ถ้าคิดในฐานของถ้าจะเป็นนายกฯ ได้ในระบบรัฐธรรมนูญฉบับนี้ พรรค การเมืองต้องมี ส.ส. 25 คน ถึงจะเสนอชื่อ ผู้เป็นนายกฯ ได้ แต่ถ้าจะแก้กฎหมายของเราเองได้ ต้องมี ส.ส. 20 คน เราต้องให้คนรู้จักพรรค ต้องสร้างว่าถ้าไม่เลือกพรรคนี้จะ เสียโอกาส

เยี่ยมจะนะ – พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง ส.ส.บัญชีรายชื่อ และเลขาธิการพรรคประชาชาติ เดินทางไปพบปะชาวบ้านกลุ่มจะนะรักษ์ถิ่น เพื่อรับฟังและแลกเปลี่ยนความเห็นการคัดค้านโครงการนิคมอุตสาหกรรม ที่โรงเรียนสันติวิทย์ ต.บ้านนา อ.จะนะ จ.สงขลา เมื่อวันที่ 19 ธ.ค.

พ.ต.อ.ทวียังไปรับฟัง-แลกเปลี่ยนความเห็นกับกลุ่มจะนะรักษ์ถิ่น ประมาณ 100 คนที่โรงเรียนสันติวิทย์ ต.บ้านนา อ.จะนะ จ.สงขลา พร้อมมอบดอกกุหลาบให้เพื่อเป็นการขอบคุณที่ได้ออกมารณรงค์และยื่นข้อเสนอต่อรัฐบาลในการปกป้องทรัพยากร ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รวมทั้งร่วมรับประทานอาหารร่วมกับกลุ่มชาวบ้านที่มารอต้อนรับ และกลุ่มเด็กและเยาวชนที่กำพร้า ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ ภายใต้การสนับสนุนดูแลโดยโรงเรียนสันติวิทย์

‘อุตตม-สนธิรัตน์’ปล่อยคลิปอีก

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายอุตตม สาว นายน อดีตรมว.คลัง และอดีตหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ และนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ อดีตรมว.พลังงาน อดีตเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ ในทีม 4 กุมาร ที่ทั้งคู่ยังคงเคลื่อนไหวทางการเมืองอย่างต่อเนื่อง หลังปล่อยภาพนิ่งนั่งจิบกาแฟร่วมกันผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว พร้อมโพสต์ข้อความคุยเรื่องอนาคตประเทศไทย หลังปีใหม่มีเรื่องมาแลกเปลี่ยน ท่ามกลางกระแสข่าวตั้งพรรคการเมืองใหม่ และเตรียมเปิดตัวปลายเดือนม.ค.2565

ล่าสุด เมื่อเวลา 12.00 น.วันที่ 19 ธ.ค. นายอุตตมและนายสนธิรัตน์ พร้อมใจกันโพสต์คลิปวิดีโอความยาว 31 วินาที เป็นคลิปที่เชื่อมโยงภาพนิ่งที่ปล่อยก่อนหน้านี้ โดยนายอุตตม โพสต์ว่า “ชวนทุกท่านร่วมมองหาโอกาสใหม่ๆ บนเส้นทางใหม่ๆ เพื่ออนาคต ประเทศไทย กับผมและคุณสนธิรัตน์ครับ” ขณะที่นายสนธิรัตน์โพสต์ข้อความว่า “Thailand Future Focus อนาคตประเทศไทย กับ ดร.อุตตม และผม เร็วๆ นี้ครับ” #สนธิรัตน์

ทำงาน – นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ว่าที่ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. นั่งเรือตรวจสอบเก็บข้อมูลชายทะเลบางขุนเทียน ซึ่งกำลังเผชิญปัญหากัดเซาะชายฝั่ง พร้อมเปิดตัวนายพิจิตต รัตตกุล อดีตผู้ว่าฯ กทม.ที่จะมาร่วมทำงาน เมื่อวันที่ 19 ธ.ค.

‘ชัชชาติ’ดึง‘พิจิตต’ร่วมทีมกทม.

เมื่อเวลา 09.50 น. ที่ชุมชนคลองพิทยาลงกรณ์ บางขุนเทียน กทม. นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ว่าที่ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. ในนามอิสระลงพื้นที่บางขุนเทียน เพื่อรับฟังเสียงสะท้อนจากพื้นที่ชายทะเลบางขุนเทียน ซึ่งกำลังเผชิญปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งและการพัฒนาพื้นที่ พร้อมเปิดตัวนายพิจิตต รัตตกุล อดีตผู้ว่าฯกทม.พร้อมแนวร่วมทำงานเมืองอิสระมาร่วมทีม

นายชัชชาติ ให้สัมภาษณ์ว่า รัฐบาลควรจัดการเลือกตั้งให้เร็วที่สุดเพราะล่าช้ามากว่า 2 ปีแล้ว โดยเฉพาะการเลือกส.ก. ที่ต้องทำงานใกล้ชิดกับประชาชน แต่ปัจจุบันเหลือผู้ที่ปฏิบัติหน้าที่ได้เพียง 27 คน ซึ่งควรจัดให้มีการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ไปพร้อมกับ ส.ก.ในคราวเดียวกัน เพื่อเป็นการประหยัดงบประมาณและจะทำให้ประชาชนตื่นตัวออกมาใช้สิทธิ์เลือกตั้งจำนวนมาก เนื่องจากเป็นการเลือกตั้ง 2 อย่าง

ส่วนตนที่ตัดสินใจลงเลือกตั้งในนามอิสระ เชื่อมั่นว่าจะทำงานได้สะดวก และสามารถประสานการทำงานร่วมกับคนที่มีความรู้ความสามารถได้สะดวก โดยไม่ต้องกังวลเรื่องพรรคการเมือง ยืนยันว่าไม่ได้ ขัดแย้งกับพรรคเพื่อไทย เพราะอดีตก็เริ่มต้นมาจากพรรคเพื่อไทย และอดีตไม่มีทางก้าวผ่านได้ การลงในนามอิสระก็ต้องเจียมเนื้อเจียมตัว ถ้าสนับสนุนเราก็เอา

ผู้สื่อข่าวถามว่าถ้าไม่ชนะเลือกตั้งครั้งนี้ นายชัชชาติ กล่าวว่า ไม่เอาการเมืองแล้ว พอแค่นี้แล้ว ถ้าคนไม่เลือกจะอยู่ต่อได้อย่างไร ไปเลี้ยงลูกดีกว่า เพราะเราไม่ได้ทะเยอทะยานถึงการเมืองใหญ่ เพราะนั่นมันเหนือความสามารถเรา และไม่คิดกลับไปเพื่อไทย มาตรงนี้อิสระก็อิสระแล้ว ถ้ากลับไปกลับมาคนคงไม่ไว้ใจเราแล้ว ถ้าไม่ได้ตรงนี้คงดูลูก ทำธุรกิจ การเกษตรไม่แน่

ระบุไม่คิดดึงฐานเสียงปชป.

นายชัชชาติกล่าวถึงกระแสตอบรับดี หลังเปิดตัวนายพิจิตต เข้าร่วมงานว่า ทุกคนสำคัญหมด มีหลายคนต้องการมาร่วมทำงาน หนึ่งในนั้นคือนายพิจิตตด้วย สิ่งที่ท่านเคยทำ สอดคล้องกับเรา เชื่อว่าตนไม่สามารถทำงานคนเดียวได้เพราะด้วยความรู้อันจำกัด ตนอยากให้หยุดเรื่องความขัดแย้งและถึงเวลาที่ต้องร่วมมือกันแล้ว กทม.สามารถทำให้เป็นเมืองที่น่าอยู่ระดับโลกได้ขอให้เรามาช่วยกัน เดินหน้าไปด้วยกัน

ผู้สื่อข่าวถามถึงการที่นายพิจิตต มาร่วมงานด้วยจะเป็นการดึงฐานเสียงจากพรรคประชาธิปัตย์หรือไม่ เพราะในอดีตนายพิจิตต เคยช่วยผู้สมัครจากพรรคประชาธิปัตย์ หาเสียงด้วย นายชัชชาติ กล่าวว่า ไม่อยากให้คิดเรื่องฐานเสียง แต่เห็นว่าเป็นบุคคลที่มีประสบการณ์จึงอยากขอความรู้ สิ่งใดที่ทำมาแล้วดีก็สานต่อ แต่สิ่งใดไม่ดีก็จะแก้ไขปรับปรุง

ด้านนายพิจิตต กล่าวว่า ตนกับนาย ชัชชาติเคยทำงานด้วยกันเมื่อเป็นผู้ช่วยอธิการบดี ที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ก็รู้จักแนวคิดสไตล์การทำงาน และวิธีการที่จะแก้ไขปัญหา ได้รับฟังปัญหาประชาชน แบบนี้คือว่าที่ผู้ว่าฯ กทม. ดีใจที่ได้มาช่วยคนที่จะทำให้กทม.ดีขึ้น การทำงาน กทม.ไม่อยากให้ไปคิดถึงฝั่งเขาฝั่งเรา ถ้าระดมคนช่วยกันได้ก็ช่วยกัน ที่สำคัญคือนาย ชัชชาติลงในนามอิสระ ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับการเมืองแบบนี้ยิ่งดีจะได้เปิดโอกาสให้คนเข้ามาร่วมช่วยด้วย และถ้าโชคดีนาย ชัชชาติได้เป็นผู้ว่าฯ กทม. แบบนั้นยิ่งต้องการความร่วมมือ เพราะคงทำคนเดียวไม่ได้ เพราะไม่ใช่ซูเปอร์แมน

ดุสิตโพลชี้‘ชัชชาติ’ทิ้งห่าง‘ดร.เอ้’

วันเดียวกัน สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต สำรวจความคิดเห็นของคนกรุงเทพฯ ที่มีสิทธิเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. จำนวนทั้งสิ้น 1,135 คน (สำรวจด้วยการเก็บข้อมูลภาคสนามและออนไลน์) ระหว่างวันที่ 13-16 ธ.ค. พบว่า ว่าที่ผู้สมัคร “ผู้ว่าฯ กทม.” ที่ได้รับความนิยมมากที่สุด ได้แก่ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ร้อยละ 56.72 นายสุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ หรือ ดร.เอ้ ร้อยละ 29.60 พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ร้อยละ 10.62 น.ส.รสนา โตสิตระกูล ร้อยละ 2.26 คนอื่นๆ ร้อยละ 0.80

ถ้าพรรคการเมืองส่งผู้สมัคร “ผู้ว่าฯ กทม.” คนกรุงเทพฯ จะเลือกผู้สมัคร จากพรรคใด อันดับ 1 ผู้สมัครอิสระ ร้อยละ 38.65 อันดับ 2 ผู้สมัครจากพรรคประชาธิปัตย์ ร้อยละ 20.52 อันดับ 3 ผู้สมัครจากพรรคก้าวไกล ร้อยละ 16.06 อันดับ 4 ผู้สมัครจากพรรคเพื่อไทย ร้อยละ 13.58 อันดับ 5 ผู้สมัครจากพรรคพลังประชารัฐ ร้อยละ 9.43

หนุนผู้สมัครอิสระ-ทำงานไว

เมื่อถามว่าคนกรุงเทพฯ จะเลือกผู้ว่าฯ กทม.ที่สังกัดพรรคการเมืองหรือไม่ พบว่า สังกัดพรรคการเมืองหรือไม่ก็ได้ ร้อยละ 65.72 ไม่สังกัดพรรคการเมือง (ผู้สมัครอิสระ) ร้อยละ 21.90 สังกัดพรรคการเมือง ร้อยละ 12.38 ส่วนคนกรุงเทพฯ คิดว่าถึงเวลาเลือกตั้ง “ผู้ว่าฯ กทม.” แล้วหรือยัง ตอบว่า ถึงเวลาแล้ว ร้อยละ 90.57 ไม่แน่ใจ ร้อยละ 7.05 ยังไม่ถึงเวลา ร้อยละ 2.38

ส่วนผู้ว่าฯ กทม.” ควรมีคุณสมบัติอย่างไร อันดับ 1 ทำงานเร็ว แก้ปัญหาไว พร้อมที่จะทำงาน ร้อยละ 85.40 อันดับ 2 เก่ง มีความรู้ความสามารถ ร้อยละ 77.74 อันดับ 3 ซื่อสัตย์ สุจริต ภาพลักษณ์ดี ร้อยละ 74.89 อันดับ 4 เข้าใจคนกรุงเทพฯ พร้อมรับฟังความคิดเห็น ร้อยละ 68.92 อันดับ 5 มีทีมงานที่ดี ร้อยละ 55.12

ซูเปอร์โพลระบุคนกรุงยังไม่เทใจ

ด้านนายนพดล กรรณิกา ผอ.สำนักวิจัยซูเปอร์โพล (SUPER POLL) เปิดเผยว่า ได้ทำการสำรวจ เรื่องโพลเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. รอบ 1 (ชีวิตที่สัมผัสได้จริง) ด้วยการสำรวจตัวอย่างประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.จากทั้ง 50 เขตของ กทม.จำนวนทั้งสิ้น 29,595 ตัวอย่าง และได้สุ่มตัวอย่างเครือข่ายแกนนำชุมชนที่มีสิทธิเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.จาก 2,016 ชุมชนจำนวน 498 ตัวอย่าง ระหว่างวันที่ 10-18 ธ.ค. พบว่า ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 89.5 ต้องการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.โดยเร็ว ในขณะที่ร้อยละ 10.5 ยังไม่ต้องการ

เมื่อสอบถามถึงความตั้งใจจะเลือกใครเป็นผู้ว่าฯ กทม. พบว่า ส่วนใหญ่ในกลุ่มประชาชน คนกทม. ทั่วไป หรือร้อยละ 43.8 และแกนนำชุมชนร้อยละ 29.7 ยังไม่มีใครในใจ ยังไม่รู้มีเลือกตั้งเมื่อไหร่เลย ยังไม่ตัดสินใจ ยังไม่แน่นอน ขณะที่ผลสำรวจ นายชัชชาติ ได้ร้อยละ 17.6 เพราะมีประสบการณ์ ติดดินลงพื้นที่ต่อเนื่อง ปฏิบัติงานจริง ไม่สร้างภาพ เข้าถึงชุมชน ประชาชนเข้าถึงได้ เป็นผู้สมัครอิสระ ไม่สังกัดพรรค เชื่อมั่นว่าทำงานกับทุกพรรคการเมืองได้ มีแนวคิดและวิสัยทัศน์กว้างไกล เป็นต้น

นายสุชัชวีร์ ได้ร้อยละ 14.2 เพราะเป็นคนรุ่นใหม่กับแนวคิดเปลี่ยนกรุงเทพฯ มีฐานสนับสนุนจากพรรค จะทำอะไรได้มากกว่าทำเพียงลำพังอิสระ และอยากลองคนใหม่ และพล.ต.อ.อัศวิน ได้ร้อยละ 12.6 เพราะเป็นคนจริงจัง มีความกล้าหาญ ทำงานหนัก เป็นอดีตตำรวจ เป็นต้น ในขณะที่ร้อยละ 11.8 ระบุอื่นๆ ตามลำดับ ขณะที่ร้อยละ 28.1 ของเครือข่ายแกนนำชุมชน ระบุเป็น นายสุชัชวีร์ รองลงมาคือ ร้อยละ 22.5 เป็นนายชัชชาติ ร้อยละ 9.2 เป็น พล.ต.อ.อัศวิน และร้อยละ 10.5 ระบุอื่นๆ ตามลำดับ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน