สธ.ย้ำเวิร์กฟรอมโฮม
รับมือโควิดระบาดพุ่ง

สธ.แนะรับมือโควิดอาจกลับมาระบาดหนักหลังปีใหม่ ให้ตรวจ ‘เอทีเค’ ก่อนเข้าสถานที่ทำงาน ย้ำ ‘เวิร์กฟรอมโฮม’ต่อ กรมควบคุมโรคชี้แม้เชื้อ‘เดลตา’ อยู่ในช่วงขาลงแล้ว แต่ยังต้องเฝ้าระวัง ‘โอมิครอน’ แต่ก็เชื่อไม่น่ารุนแรง เพราะฉีดวัคซีนเยอะแล้ว ขณะที่ยอดติดเชื้อรายใหม่ลดลงต่อเนื่อง เหลือ 2.3 พันราย เสียชีวิต 32 ราย ด้านเชียงใหม่ปิดวัดเจ็ดยอด พบคลัสเตอร์พระ-เณร กาฬสินธุ์ตรวจเชิงรุกค้นหาโอมิครอน อุบลฯ ปิดผับดังอีกรอบ กระบี่รอผลยืนยันโอมิครอน 74 ราย

โควิดลดต่อเนื่อง-ตายเพิ่ม 32

เมื่อวันที่ 28 ธ.ค. ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด 19 (ศบค.) รายงานว่ามีผู้ติดเชื้อใหม่ 2,305 ราย สะสม 2,214,712 ราย หายป่วย 3,070 ราย สะสม 2,159,443 ราย เสียชีวิต 32 ราย สะสม 21,630 ราย อยู่ระหว่างรักษา 33,639 ราย อยู่ในร.พ. 17,468 ราย ร.พ.สนามและอื่นๆ 16,171 ราย อาการหนัก 717 ราย และใส่เครื่องช่วยหายใจ 176 ราย

สำหรับจังหวัดที่ติดเชื้อเกิน 100 ราย เหลือ 3 จังหวัด โดย 10 อันดับที่ติดเชื้อสูงสุด ได้แก่ 1.กทม. 392 ราย 2.ชลบุรี 214 ราย 3.นครศรีธรรมราช 143 ราย 4.สมุทรปราการ 76 ราย 5.เชียงใหม่ 67 ราย 6.กาฬสินธุ์ 54 ราย 7.ตรัง 52 ราย 8.นครราชสีมา 49 ราย 9.พัทลุง 48 ราย และ 10.อุบลราชธานี 44 ราย

ขณะที่การฉีดวัคซีนโควิดวันที่ 27 ธ.ค. ฉีดเพิ่มขึ้น 293,316 โดส สะสม 102,975,259 โดส แบ่งเป็นเข็มแรก 51,069,197 ราย คิดเป็น 70.9 เปอร์เซ็นต์ของประชากร เข็มสอง 45,545,487 ราย คิดเป็น 63.2 เปอร์เซ็นต์ของประชากร และเข็มสาม 6,360,575 ราย คิดเป็น 8.8 เปอร์เซ็นต์ของประชากร

ชี้พ้น‘เดลตา’แล้ว-ไทยขาลง

นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่าผู้ติดเชื้อโควิดในไทยลดลงต่อเนื่อง พ้นช่วงของเดลตามาแล้ว ไทยอยู่ในช่วงขาลงมาเดือนกว่า ส่วนโอมิครอนยังอยู่ในหลักร้อยราย แม้จะระบาดง่าย แต่ความรุนแรงน้อย และคนไทยฉีดวัคซีนไปเยอะแล้ว หากจะเรียกว่าระบาดก็ต้องกลับมาพบผู้ติดเชื้อวันละเป็นหมื่น ส่วนตัวเชื่อว่าไม่น่าจะรุนแรงไปกว่านี้ และหลังปีใหม่ช่วงปลายม.ค.2565 คาดว่าวัคซีนรุ่นใหม่ ยาใหม่แพกซ์โลวิดก็น่าจะเข้ามา สถานการณ์ก็จะดีขึ้นเรื่อยๆ โดยหลังปีใหม่จะประเมินเป็นระยะว่าตัวเลข ผู้ติดเชื้อเพิ่มมากแค่ไหน อาการหนักจนต้องเข้าร.พ.หรือไม่ ถ้าอาการไม่หนัก ไม่เสียชีวิตเพิ่ม จะคงประกาศแจ้งเตือนภัยโควิดระดับ 3 ต่อไป แต่เมื่อมีสัญญาณระบาดมากขึ้น ติดเชื้อมากขึ้น จะประเมินอีกที








Advertisement

นพ.โอภาสกล่าวว่า สำหรับการแจ้งเตือนระดับ 3 ที่ขอให้ทำงานที่บ้าน ที่ผ่านมาเราไม่ได้บังคับ ศบค.สั่งเฉพาะราชการที่ไม่กระทบต่อบริการประชาชน แต่เอกชนหลายแห่งร่วมมือดีมาก พิสูจน์แล้วว่าลดค่าใช้จ่าย ทำงานได้เยอะขึ้น จึงเดินหน้าต่อแม้ไม่มีโควิด ก็คงต้องขอความร่วมมือทำงานที่บ้านต่อ แต่หากทำไม่ได้ก็ให้ตรวจเอทีเคพนักงานตามความเสี่ยง ทำตามมาตรการโควิดฟรีเซ็ตติ้ง โดยเฉพาะหลังปีใหม่ให้ตรวจเอทีเคก่อนกลับเข้าทำงาน

ย้ำเวิร์กฟรอมโฮมหลังปีใหม่

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ถึงมาตรการเตรียมรับมือการแพร่ระบาดโควิดหลังเทศกาลปีใหม่ที่คาดจะรุนแรงขึ้นว่า ผู้ที่รับผิดชอบสถานการณ์แนะนำว่าถ้าเป็นได้ขอให้แต่ละหน่วยงานพิจารณาการเวิร์กฟรอมโฮม หรือจัดคนมาทำงานเป็นชุดๆ ไป อย่ามาทำพร้อมกันทีเดียวทั้งหมด เพื่อลดความเสี่ยง ก็เห็นว่าดี มีเหตุผล เพราะเมื่อเราเดินทางมาจากภูมิลำเนา เดินทางไปโน่นมานี่ ก็ควรมาเฝ้าสังเกตอาการของตัวเอง ถ้าทุกคนทำได้แบบนี้ก็จะมีความปลอดภัย

ส่วนนายสาธิต ปิตุเตชะ รมช.สาธารณสุข กล่าวว่ากระทรวงเสนอมาตรการเวิร์กฟรอมโฮม โดยหลังวันที่ 4 ม.ค.2565 จะนำมาตรการมาประเมินอีกครั้ง ช่วงปีใหม่คงหลีกเลี่ยงเชื้อโอมิครอนยากขึ้น หากมีการรวมตัวและระบาดครั้งใหม่ การเวิร์กฟรอมโฮมจะช่วยลดการแพร่กระจายเชื้อได้ จึงต้องเฝ้าระวังไว้ก่อน เป็นสิ่งที่เราทำได้เลย โดยเฉพาะหน่วยงานราชการอยากให้ทำงานที่บ้านให้มากที่สุด และหากเอกชนทำตามจะเป็นประโยชน์มาก หลังปีใหม่ไม่เกิน 2 อาทิตย์จะทราบตัวเลขการติดเชื้อ แต่หากร่วมช่วยปฏิบัติตามมาตรการ ตัวเลขไม่ก้าวกระโดด จะทำให้มาตรการต่างๆ เบาลง

ปิดวัด – คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดเชียงใหม่ สั่งปิดวัดเจ็ดยอด อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ห้ามทุกคนเข้าออกถึงวันที่ 2 ม.ค. 2565 รวมถึงพระเทพปริยัติ เจ้าอาวาส และเจ้าคณะจังหวัดเชียงใหม่ หลังตรวจพบพระ-เณรติดเชื้อโควิด 7 รูป

คลัสเตอร์วัดเจ็ดยอดเชียงใหม่

สำหรับสถานการณ์ในจังหวัดต่างๆ นั้น จ.เชียงใหม่พบผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่ม 56 ราย เป็นผู้ติดเชื้อในจังหวัด 53 ราย อีก 3 รายมาจากต่างจังหวัด ขณะเดียวกันเทศบาลตำบลช้างเผือก อ.เมือง จ.เชียงใหม่ สั่งปิดพื้นที่วัดเจ็ดยอด ห้ามคนเข้าออก และงดทำบุญ รวมทั้งพระเณรต้องงดรับกิจนิมนต์ทั้งหมดไปจนถึงวันที่ 2 ม.ค.2565 เพื่อป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด หลังจากตรวจพบการแพร่ระบาดเป็นคลัสเตอร์ในกลุ่มพระสงฆ์และสามเณรในวัดจำนวน 7 ราย

นอกจากนี้ ยังมีกลุ่มผู้สัมผัสเสี่ยงสูงและเสี่ยงต่ำอีกไม่น้อยกว่า 30 ราย ทั้งพระเณร ลูกศิษย์วัด และผู้ค้าขายภายในวัดที่ต้องกักตัวและอยู่ระหว่างการตรวจคัดกรองหาเชื้อ ในจำนวนนี้มีพระเทพปริยัติ เจ้าอาวาสวัดเจ็ดยอด เจ้าคณะจังหวัดเชียงใหม่ด้วย โดยตลอดช่วงเวลาที่ปิดพื้นที่ควบคุมโรคนั้น เจ้าหน้าที่จะจัดอาหารถวาย รวมทั้งรับฝากอาหารและสิ่งของจำเป็นที่ญาติโยมต้องการถวายนำไปจัดส่งให้ด้วย

กาฬสินธุ์เชิงรุกหาโอมิครอน

ส่วน จ.กาฬสินธุ์ นพ.อภิชัย ลิมานนท์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเปิดเผยว่าพบผู้ติดเชื้อรายใหม่อีก 54 ราย จากคลัสเตอร์เชื่อมโยงสองสามีภรรยากลับจากต่างประเทศ และตรวจพบป่วยจากสายพันธุ์ โอมิครอน ผู้ป่วยส่วนใหญ่ตรวจพบจากการคัดกรองเชิงรุกเมื่อวันอาทิตย์ที่ 26 ธ.ค. โดยเฉพาะคลัสเตอร์เชื่อมโยงสามีภรรยา และร้านอาหารกึ่งผับในตลาดโรงสี เขตเทศบาลเมืองกาฬสินธุ์ พบผู้ติดเชื้อสะสม 173 ราย ในจำนวนนี้ 66 รายผลยืนยันเป็นสายพันธุ์โอมิครอน ส่วนที่เหลือกำลังรอผลตรวจยืนยัน แต่คาดว่าน่าจะเป็นพันธุ์เดียวกัน

ต่อมาโรงเรียนกาฬสินธุ์พิทยาสรรพ์ อ.เมืองกาฬสินธุ์ นพ.อภิชัยนำทีมแพทย์ พยาบาล และอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) นำรถเก็บตัวอย่างชีวนิรภัยพระราชทานตรวจหาเชื้อโควิดในกลุ่มประชาชนในพื้นที่เสี่ยง หรือสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยยืนยัน รวมทั้งบุคคลที่เข้าไปในพื้นที่เสี่ยง เช่น ร้านอาหารกึ่งผับในตลาดโรงสี ร้านอาหารพารวย ห้างสรรพสินค้า หน่วยงานราชการ และธนาคารในเขตเทศบาลเมืองกาฬสินธุ์ งานแสดงดนตรีหาดแสงจันทร์ อ.สหัสขันธ์ และงานแสดงดนตรี ต.ภูปอ อ.เมืองกาฬสินธุ์

อุบลฯ สั่งปิดผับดังรอบ 2

ด้าน จ.อุบลราชธานี สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดมีคำสั่งให้ผู้ประกอบการร้านเอกมัย 487 ตั้งอยู่ในโซนลานประลองแหล่งบันเทิงอุบลสแควร์ ถนนชยางกูร ต.ในเมือง อ.เมืองอุบลราชธานี ปิด 7 วัน เนื่องจากตรวจพบเป็นแหล่งแพร่เชื้อโควิด ทำให้ขณะนี้มีผู้ติดเชื้อจากร้านดังกล่าวแล้ว 19 คน และมีผู้สัมผัสเสี่ยงสูงต้องกักตัวดูอาการอีก 20 คน

สำหรับการแพร่เชื้อมาจากนักศึกษาสถาบันการศึกษาแห่งหนึ่ง เข้ามาเที่ยวเฉลิมฉลองจบการศึกษาเมื่อช่วงกลางเดือนธ.ค. และตรวจพบผู้ป่วยรายแรกเมื่อวันที่ 23 ธ.ค. การแพร่ระบาดของร้านเอกมัย 487 สถานบันเทิงมีชื่อของจังหวัด นับเป็นรอบที่ 2 หลังระบาดมาแล้วรอบหนึ่งเมื่อกลางเดือนพ.ย. มีผู้ป่วยติดเชื้อรวม 104 คน ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องเฝ้าระวังไม่ให้มีเชื้อกลายพันธุ์เข้ามาระบาดร่วมด้วย

ส่วนผู้ชายชาวออสเตรเลียวัย 49 ปี ติดเชื้อโอมิครอน และเดินทางมาหาภรรยาคนไทยที่ จ.อำนาจเจริญ ขณะนี้ยังรักษาตัวในร.พ.ที่อุบลราชธานี และมีผู้เสี่ยงสูง 10 คนอยู่ระหว่างกักตัว

กระบี่เหลือโอมิครอน 2 ราย

ขณะที่ จ.กระบี่ นพ.ชัยวัฒน์ ทองไหม นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด เปิดเผยว่าจากการตรวจคัดกรองนักท่องเที่ยวที่ เข้ามาจ.กระบี่ พบติดเชื้อโควิด 11 ราย ในจำนวนนี้ต้องสงสัยเป็นสายพันธุ์ โอมิครอน 3 ราย จากสายการบินฟินแอร์ 2 ราย เดินทางมาเมื่อวันที่ 18 ธ.ค. ส่วนอีกรายเดินทางมาโดยเครื่องบินส่วนตัวจากประเทศอังกฤษเมื่อวันที่ 19 ธ.ค. พร้อมผู้โดยสารคนอื่นๆ รวม 15 ราย ขณะนี้ นักท่องเที่ยวกลุ่มดังกล่าวเดินทางกลับประเทศไปแล้ว เหลือผู้ติดเชื้อ 2 รายที่ยังรักษาตัวในร.พ.เอกชน จ.กระบี่ แต่ไม่พบมีการแพร่เชื้อไปสู่บุคคลอื่น

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนี้ยังมีนักท่องเที่ยวจากประเทศนอร์เวย์ สวีเดน เดนมาร์ก และฟินแลนด์ที่ลงทะเบียนผ่านไทยแลนด์พาส เพื่อจะเดินทางเข้ามาจ.กระบี่ ผ่านท่าอากาศยานนานาชาติกระบี่ในวันที่ 29-30 ธ.ค.อีก 1,400 คน ยังเดินทางเข้ามาได้ แต่จะต้องผ่านการตรวจหาเชื้อตามมาตรการใหม่ด้วยวิธีอาร์ที-พีซีอาร์ 2 ครั้ง โดยครั้งแรกวันที่เดินทางเข้ามา และอีก 5-7 วันตรวจอีกรอบ

ภูเก็ตรอผลยืนยัน 74 ราย

ส่วน จ.ภูเก็ต นพ.กู้ศักดิ์ กู้เกียรติกูล นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเปิดเผยว่า จากการตรวจหาเชื้อนักท่องเที่ยวเพื่อยืนยันโอมิครอนตั้งแต่วันที่ 15 ธ.ค. รวมทั้งสิ้น 74 รายนั้น มีโอกาสและความเป็นไปได้สูงที่จะเป็นเชื้อสายพันธุ์โอมิครอน แต่ต้องรอผลยืนยันจากกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กรุงเทพฯ โดยจะใช้เวลาประมาณ 7 วันจึงจะทราบผล ขณะที่ผู้ติดเชื้อรายใหม่พบอีก 31 ราย

ที่จ.สงขลา นพ.สงกรานต์ ไหมชุม นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดกล่าวว่า กรณีพบผู้ติดเชื้อโควิดสายพันธุ์โอมิครอน อ.สทิงพระ 1 ราย เพื่อให้การควบคุมโรคในพื้นที่มีประสิทธิภาพสูงสุด เจ้าหน้าที่เครือข่ายสาธารณสุขและทีมแพทย์สอบสวนเคลื่อนที่เร็วสทิงพระลงพื้นที่ค้นหากลุ่มสัมผัสเสี่ยงและสุ่มตรวจเฝ้าระวังพื้นที่ มั่นใจว่าควบคุมได้ ขณะที่ผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มอีก 32 ราย ต่ำสุดในรอบ 4 เดือน เสียชีวิตเพิ่ม 1 ราย

เพิ่มงบฯ โควิดอีก 3 หมื่นล้าน

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกฯ แถลงว่าครม.เห็นชอบโครงการค่าบริการสาธารณสุขภายใต้ระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ กรอบวงเงิน 31,662.9175 ล้านบาท ให้สำนักหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เป็นค่าใช้จ่ายให้กับหน่วยบริการสถานพยาบาลที่ให้บริการสาธารณสุขโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 สำหรับประชาชนทุกคนที่อาศัยอยู่ในประเทศ

นายธนกรกล่าวว่า สปสช.และกรมสนับสนุนบริการสุขภาพพิจารณาปรับปรุงหลักเกณฑ์การสนับสนุนค่ารักษาพยาบาลผู้ป่วยโควิดให้สอดคล้องกับสถานการณ์การควบคุมและป้องกันการระบาดของโรค ทั้งในเรื่องจำนวนประชาชนที่ได้รับวัคซีนเพิ่มขึ้นที่จะช่วยให้ประเทศไทยเข้าสู่ภาวะปกติ สามารถดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจและสังคมได้รวดเร็วยิ่งขึ้น ศักยภาพของสถานบริการภาครัฐที่เพิ่มขึ้นจากผลของความรุนแรงจากการติดเชื้อลดลง โดยคำนึงถึงการใช้จ่ายงบประมาณอย่างคุ้มค่าสูงสุด

ขยายเยียวยาผู้ประกันตน

ส่วนน.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกฯ แถลงว่า ครม.อนุมัติขยายระยะเวลาดำเนินโครงการเยียวยานายจ้าง และผู้ประกันตนมาตรา 33 ในกิจการที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการของรัฐในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด 13 จังหวัด (กลุ่มจังหวัดได้รับเยียวยาเพิ่ม 1 เดือน ในเดือนส.ค.2564) และโครงการเยียวยาผู้ประกันตนมาตรา 39 และมาตรา 40 ในกิจการที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการของรัฐในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด จากเดิมที่สิ้นสุดเดือนธ.ค.2564 เป็นสิ้นสุดเดือนมี.ค.2565

เนื่องจากสำนักงานประกันสังคมรายงานว่าจำเป็นต้องใช้ระยะเวลาเบิกจ่ายเงินให้แก่กลุ่มเป้าหมายที่ยังไม่ได้รับเงินเยียวยาตามโครงการ ซึ่งครม.ให้สำนักงานประกันสังคมเร่งพิจารณาความเหมาะสมของการให้ความช่วยเหลือกลุ่มเป้าหมายดังกล่าวตามขั้นตอนโดยเร็ว เพื่อให้ความช่วยเหลือถึงกลุ่มเป้าหมายเร็วที่สุด

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน