โฆษกศาลยุติธรรมยืนยันบุคคลในคลิปขับรถชนที่ กระหึ่มโซเชี่ยลเป็นผู้พิพากษาจริง กำลังตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อนดำเนินการต่อไป ยืนยันไม่มีช่วยเหลือกัน ด้านผู้พิพากษาที่ก่อเหตุพร้อมคู่กรณีเข้าพบตำรวจไกล่เกลี่ยจ่ายค่าเสียหายรวม 1 หมื่น จนพอใจทั้งสองฝ่าย

เมื่อวันที่ 31 ธ.ค. นายประยุทธ เพชรคุณ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวถึงกรณีที่มีการเผยแพร่คลิปวิดีโอในโซเชี่ยลมีเดีย เหตุเกิดที่แยกแสงตะวัน อ.เมือง จ.เชียงใหม่ โดยเหตุการณ์ดังกล่าวนั้นคนขับรถขับรถย้อนศรและชนเข้ากับรถคันอื่น และมีการนำเสนอว่าเป็นรองอธิบดีอัยการภาค 5 ว่า ตนตรวจสอบเเล้วพบว่าบุคคลดังกล่าวไม่ใช่รองอธิบดีอัยการภาค 5 เเละบุคลากรของสำนักงานอัยการสูงสุดเเต่อย่างใด ส่วนจะเป็นหน่วยงานใดเป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามกระบวนการต่อไป

ด้านนายสรวิศ ลิมปรังษี โฆษกศาลยุติธรรม กล่าวว่าจากการตรวจสอบพบว่าบุคคลในคลิปดังกล่าวเป็นผู้พิพากษาจริง สำนักงานศาลยุติธรรมกำลังตรวจสอบข้อเท็จจริงจากทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องว่าเหตุการณ์ ดังกล่าวเป็นมาอย่างไร เมื่อได้ข้อเท็จจริงที่เเน่ชัดจะดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง ยืนยันไม่มีการช่วยเหลือปกป้องกัน ให้เรื่องเป็นไปตามกระบวนการขั้นตอนข้อเท็จจริง

วันเดียวกัน เวลา 13.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้ากรณีดังกล่าวว่า นายไพโรจน์ พรหมธารา อายุ 32 ปี เจ้าหน้าที่กู้ภัยของเทศบาลตำบลเจดีย์แม่ครัว ซึ่งเป็นคู่กรณีกับนายชาญศักดิ์ สมประโยชน์ ผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์ประจำกองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 6 ช่วยทำงานชั่วคราวในตำแหน่งรองอธิบดีผู้พิพากษาภาค 5 เหตุเกิดเมื่อคืนวันที่ 28 ธ.ค. โดยนายไพโรจน์เดินทางเข้าพบพ.ต.อ. ภูวนาท ดวงดี ผกก.สภ.เมืองเชียงใหม่ และพนักงานสอบสวน สภ.เมืองเชียงใหม่ ที่สภ.เมืองเชียงใหม่ หลังจากนั้นนายชาญศักดิ์ สมประโยชน์ เดินทางตามมาเพื่อเจรจาไกล่เกลี่ยค่าเสียหายที่เกิดขึ้น

พ.ต.อ.ภูวนาทกล่าวว่า การเจรจาไกล่เกลี่ยเป็นไปด้วยดี จากการพูดคุยกันเกี่ยวกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นนั้นอาจเกิดจากความเข้าใจผิดของทั้งสองฝ่าย เนื่องจากในวันเกิดเหตุรถของคู่กรณีได้ไปเฉี่ยวชนกับรถตุ๊กตุ๊ก และได้เจรจาไกล่เกลี่ยกับคนขับรถตุ๊กตุ๊กแล้วว่าจะมาไกล่เกลี่ยกันที่สภ.เมืองเชียงใหม่ ระหว่างนั้นทางด้านของกู้ภัยกำลังไปเอารถแล้วคู่กรณีขับรถออกจากที่เกิดเหตุพอดี ทำให้ทางด้านกู้ภัยเข้าใจผิดว่าจะขับรถหลบหนี จึงขับรถติดตามจนเกิดเฉี่ยวชนกันขึ้นและเกิดการโต้เถียงกันตามคลิป จากการพูดคุยกับทางคู่กรณียืนยันว่าไม่ได้หลบหนี และในวันนั้นจะเดินทางมาเจรจาไกล่เกลี่ยที่โรงพัก ส่วนเรื่องที่เกิดขึ้นไม่ติดใจเอาความ เพราะคิดว่าเป็นความตั้งใจของเจ้าหน้าที่กู้ภัยในการปฏิบัติหน้าที่ และยินดีชดใช้ค่าเสียหาย

ผกก.สภ.เมืองเชียงใหม่กล่าวเพิ่มเติมว่า ยืนยันว่ากรณีที่เกิดขึ้นจะดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมายโดยไม่มีข้อยกเว้น หากพบว่ามีความผิดจริงจะดำเนินคดีตามกฎหมาย ทั้งนี้ ทั้งสองฝ่ายไม่ติดใจเอาความกัน

ด้านนายไพโรจน์กล่าวว่า หลังจากพูดคุยกับคู่กรณีรู้สึกพอใจและไม่ติดใจเอาความ ในส่วนการชดใช้ค่าเสียหายนั้นคู่กรณีมอบเงินสดให้ตน 10,000 บาท เป็นค่าซ่อมรถ 8,000 บาท และค่าเสียเวลา 2,000 บาท ส่วนกรณีที่มีคลิปเผยแพร่คู่กรณีไม่ติดใจเอาความ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน