4สายหลักติดหนึบแล้ว
คนแห่มุ่งหน้าเมืองกรุง

หยุดปีใหม่ 4 วัน กทม.ยังมียอดตายสะสมสูงสุด อุบัติเหตุดับแล้ว 226 ราย เฉพาะวันที่ 1 ม.ค. 574 ครั้ง ผู้เสียชีวิต 73 ราย ผู้บาดเจ็บ 574 คน เมาขับ 2,458 คดี อธิบดีคุมประพฤติเผย ทำผิดซ้ำถูกส่งเข้าค่ายฟื้นฟู นายกฯ กำชับทุกหน่วยงาน ดูแลคนกลับบ้าน อธิบดีปภ.ห่วงคนขับรถหลับใน ด้านการจราจรเริ่มหนึบทั้งถนนมิตรภาพ พหลโยธิน สายเอเชียและเพชรเกษม

ขอพรพระ – ประชาชนและนักท่องเที่ยวจำนวนมากพาครอบครัวเดินทางมากราบไหว้ขอพรพระร่วงโรจนฤทธิ์ ที่องค์พระปฐมเจดีย์ จ.นครปฐม เพื่อความเป็นสิริมงคลเนื่องในเทศกาลปีใหม่ 2565 เมื่อวันที่ 2 ม.ค.

นายกฯ กำชับดูแลคนกลับบ้าน

เมื่อวันที่ 2 ม.ค. น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม กำชับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กระทรวงคมนาคม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ดูแลอำนวยความสะดวกประชาชนในการเดินทางกลับจากภูมิลำเนาและเดินทางกลับจากการท่องเที่ยวหลังเทศกาลปีใหม่ จึงให้ทุกหน่วยงานได้ดูแลด้านการจราจร ความปลอดภัย ลดอุบัติเหตุ ให้ปีใหม่ 2565 เป็นเทศกาลแห่งความสุข ปลอดภัย

น.ส.ไตรศุลีกล่าวว่า สำหรับมาตรการลดอุบัติเหตุในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2565 ปภ.ได้มีการรณรงค์ภายใต้แนวคิด “ชีวิตวิถีใหม่ ขับขี่อย่างปลอดภัย ไร้อุบัติเหตุ” โดยสถิติอุบัติเหตุจากการเดินทางปีนี้พบสาเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุสูงสุดส่วนใหญ่มาจากขับรถเร็ว ดื่มแล้วขับ ส่วนยานพาหนะที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุดคือรถจักรยานยนต์ ช่วงเวลาที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุดได้แก่ ช่วงเวลา 18.00-21.00 น. ดังนั้น จึงขอให้ทุกหน่วยงาน ช่วยกันป้องกัน ระงับยับยั้งอุบัติเหตุทางถนน เพื่อลดการสูญเสียให้ได้มากที่สุด

น.ส.ไตรศุลีกล่าวว่า นายกรัฐมนตรีเน้นย้ำการบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด โดยต้องดำเนินการกับผู้ที่ฝ่าฝืนกฎจราจรทุกราย ไม่มีข้อยกเว้น เพราะถือเป็นปัจจัยสำคัญในการเกิดอุบัติเหตุ นำมาซึ่งความสูญเสีย พร้อมกันนี้ยังขอความร่วมมือประชาชนไม่ขับรถเร็วเกินกฎหมายกำหนด ดื่มไม่ขับ ขับขี่ยานพาหนะด้วยความระมัดระวัง ไม่ประมาท เพื่อลดความสูญเสียที่อาจเกิดขึ้นแก่ชีวิตและทรัพย์สินของตนเองและผู้อื่น และขอให้ประชาชนเดินทางด้วยความปลอดภัย ให้พบเจอแต่สิ่งดีๆ ตลอดปี 2565 นี้

วันปีใหม่อุบัติเหตุ 574 ครั้ง

ที่กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) นายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร รองปลัดกระทรวงมหาดไทย หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านสาธารณภัยและพัฒนาเมือง ฐานะประธานการประชุมคณะอนุกรรมการเฉพาะกิจศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนตลอดทั้งปี (ศปถ.) เผยสถิติอุบัติเหตุทางถนนประจำวันที่ 1 ม.ค.ซึ่งเป็นวันที่สี่ ของการรณรงค์ “ชีวิตวิถีใหม่ ขับขี่อย่างปลอดภัย ไร้อุบัติเหตุ” เกิดอุบัติเหตุ 574 ครั้ง ผู้เสียชีวิต 73 ราย ผู้บาดเจ็บ 574 คน สาเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ ดื่มแล้วขับ ร้อยละ 37.28 ขับรถเร็ว ร้อยละ 35.71

ยานพาหนะที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ รถจักรยานยนต์ ร้อยละ 89.27 ส่วนใหญ่เกิดบนเส้นทางตรง ร้อยละ 81 ถนนกรมทางหลวง ร้อยละ 37.80 ช่วงเวลาที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ ช่วงเวลา 03.01-06.00 น. ร้อยละ 25.96 ผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตสูงสุดอยู่ในช่วงอายุ 30-39 ปี ร้อยละ 17 ทั้งนี้ ได้จัดตั้งจุดตรวจหลัก 1,890 จุด เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงาน 42,189 คน เรียกตรวจยานพาหนะ 419,239 คัน มีผู้ถูกดำเนินคดี รวม 85,196 ราย มีความผิดฐานไม่สวมหมวกนิรภัย 24,279 ราย ไม่มีใบขับขี่ 21,815 ราย

4 วันดับแล้ว 226 ราย

นายนิรัตน์เผยต่อว่า จังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ กาญจนบุรี (24 ครั้ง) จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสูงสุด ได้แก่ กรุงเทพ มหานคร (6 ราย) จังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสูงสุด ได้แก่ กาญจนบุรี (31 คน) สรุปอุบัติเหตุทางถนนสะสมในช่วง 4 วันของการรณรงค์ (29 ธ.ค.64-1 ม.ค.65) เกิดอุบัติเหตุรวม 1,906 ครั้ง ผู้เสียชีวิตรวม 226 ราย ผู้บาดเจ็บรวม 1,894 คน จังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสะสมสูงสุด ได้แก่ เชียงใหม่ (74 ครั้ง) จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสะสมสูงสุด ได้แก่ กรุงเทพมหานคร (14 ราย) จังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสะสมสูงสุด ได้แก่ เชียงใหม่ (70 คน) จังหวัดที่ไม่มีผู้เสียชีวิต (ตายเป็นศูนย์) มี 35 จังหวัด

ห่วงคนขับรถหลับใน

นายบุญธรรม เลิศสุขีเกษม อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ฐานะเลขานุการศูนย์ กล่าวว่า ในวันนี้คาดว่าจะมีประชาชนบางส่วนทยอยเดินทางกลับ ทำให้เส้นทางหลักกลับเข้าสู่กรุงเทพฯ และจังหวัดใหญ่ในภูมิภาคต่างๆ มีปริมาณรถเพิ่มขึ้น ประกอบกับความอ่อนล้าของผู้ขับขี่ ทำให้มีความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุง่วงหลับในได้ ขณะที่บางส่วนยังคงท่องเที่ยวและเฉลิมฉลองอยู่ในพื้นที่ ศปถ.จึงได้ประสานจังหวัดสนธิกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจและอาสาสมัครอำนวยการจราจร ดูแลความปลอดภัยแก่ประชาชนตลอดเส้นทาง ดำเนินมาตรการดูแลความปลอดภัยในการเดินทางอย่างเข้มข้นและต่อเนื่อง

ปรับแผนเจ้าหน้าที่ประจำจุดตรวจบนเส้นทางสายหลัก สายรอง และจุดเสี่ยงอันตรายที่เกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้ง รวมถึงเพิ่มความถี่ในการจัดตั้งจุดตรวจบนเส้นทางสายหลัก ทางร่วม ทางแยก เพื่อชะลอความเร็วรถและประเมินความพร้อมของ ผู้ขับขี่ เน้นกวดขันพฤติกรรมเสี่ยงและการใช้อุปกรณ์นิรภัย โดยเฉพาะบริเวณจุดเสี่ยงอุบัติเหตุเส้นทางตรงที่มีระยะทางยาวที่มักเกิดอุบัติเหตุจากการหลับใน อีกทั้งเข้มข้นการดูแลเส้นทางสายรองที่ประชาชนใช้เป็นทางลัดและทางเลี่ยงเมือง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นถนนทางตรง วิ่งสวนเลน และไม่มีเกาะกลาง จึงสามารถใช้ความเร็วได้สูง ทำให้เสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ

ทั้งนี้ ขอฝากให้ผู้ใช้รถใช้ถนนปฏิบัติตามกฎหมายจราจรอย่างเคร่งครัด ไม่ขับรถเร็ว หากขับรถระยะทางไกลให้หยุดพักรถทุก 1-2 ชั่วโมง ไม่ฝืนขับรถเมื่อมีอาการง่วงนอน เพื่อให้เดินทางถึงจุดหมายอย่างปลอดภัยสำหรับประชาชนที่ประสบหรือพบเห็นอุบัติเหตุสามารถแจ้งเหตุได้ทางสายด่วนนิรภัย 1784 หรือแจ้งเหตุทางไลน์ “ปภ.รับแจ้งเหตุ 1784” โดยเพิ่มเพื่อน Line ID @1784DDPM เพื่อประสานให้การช่วยเหลือต่อไป

ตร.พอใจสถิติอุบัติเหตุลดลง

ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ. ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รองผบ.ตร. ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์บริหารงานจราจร (ผอ.ศจร.ตร.) เปิดเผยว่า สถิติอุบัติเหตุเทียบกับเทศกาลปีใหม่ปีที่แล้วยังลดลง โดยวันที่ 1 ม.ค.65 มีจำนวนทั้งสิ้น 574 ครั้ง ลดลงจากวันที่ 1 ม.ค.64 จำนวน 138 (ลดลง 19.38%) ยอดสะสม 4 วันของเทศกาลปีใหม่ 65 อุบัติเหตุเกิดจำนวน 1,906 ครั้ง ลดลงจากยอดสะสม 4 วันของปีใหม่ปีที่แล้วจำนวน 454 ครั้ง (ลดลง 19.24%) ขณะที่จำนวนผู้เสียชีวิต วันที่ 1 ม.ค.65 มีจำนวน 73 ราย ลดลงจากวันที่ 1 ม.ค.64 จำนวน 11 ราย (ลดลง 13.10%)

ยอดสะสม 4 วันแรกของเทศกาลปีใหม่ 2565 เสียชีวิตจำนวน 226 ราย ลดลงจากยอดสะสม 4 วันของปีใหม่ปีที่แล้วจำนวน 58 ราย (ลดลง 20.42%) ขณะที่จำนวน ผู้บาดเจ็บวันที่ 1 ม.ค.65 จำนวน 574 คน ลดลงจากวันที่ 1 ม.ค.64 จำนวน 131 คน (ลดลง 18.58%) ยอดสะสม 4 วันแรกของเทศกาลปีใหม่ 2565 บาดเจ็บจำนวน 1,894 คน ลดลงจากยอดสะสม 4 วันของปีใหม่ปีที่แล้ว จำนวน 446 คน (ลดลง 19.06%)

ทั้งนี้ ศูนย์บริหารงานจราจร (ผอ.ศจร.ตร.) ได้เน้นย้ำให้บังคับใช้กฎหมาย 10 ข้อหาหลักมากขึ้นเพื่อลดอุบัติเหตุ รวมถึงการบังคับใช้กฎหมายของเจ้าหน้าที่ตำรวจอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะขับรถเร็วเกินกฎหมายกำหนด ขับรถในขณะเมาสุรา

มิตรภาพยังหนึบเป็นวันที่สอง

ผู้สื่อข่าวรายงานสภาพการจราจรบนถนนมิตรภาพ ในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา ตั้งแต่อำเภอบัวลาย อำเภอสีดา อำเภอโนนแดง และ อำเภอโนนสูง ที่ปริมาณรถ เริ่มมากตั้งแต่เมื่อวันที่ 1 ม.ค. เนื่องจากประชาชนเริ่มทยอยเดินทางกลับเป็นจำนวนมาก สามารถใช้ความเร็วได้ 30-40 กิโลเมตรต่อชั่วโมง บางจุดติดสะสมสลับหยุดนิ่ง โดยเฉพาะบริเวณหน้าจุดพักรถตามปั๊มน้ำมันและร้านอาหารริมทาง เจ้าหน้าที่ได้เปิดช่องทางพิเศษเป็นระยะเพื่อเร่งระบายรถ ขณะที่บริเวณสี่แยกโชคชัย รถติดสะสมตั้งแต่ 06.00 น. มีปริมาณรถขาล่องติดยาวประมาณ 4 ก.ม. คาดว่าจะติดไปตลอดทั้งวัน

ส่วนบนทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองหรือถนนมอเตอร์เวย์ หมายเลข 6 สายบางปะอิน-นครราชสีมา ช่วงขาล่อง อ.สีคิ้ว-อ.ปากช่อง ระยะทาง 35.75 ก.ม. ซึ่งเป็นทางยกระดับบนถนนมิตรภาพ ช่วงผ่านอ่างเก็บน้ำลำตะคอง อ.สีคิ้ว มีปริมาณรถติดสะสมมากกว่าด้านล่างที่เป็นเส้นทางเดิมส่งผลให้การจราจรคับคั่งท้ายแถวสะสมยาวหลาย ก.ม.

ขณะที่ถนนมิตรภาพ ลงเนิน กลางดง ต.พญาเย็น อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา เข้าเขต อ.มวกเหล็ก จ.สระบุรี ขาล่องเข้า กทม. มีปริมาณรถเดินทางหนาแน่น ช่วงวัดซับบอน (พระใหญ่) ต.ทับกวาง อ.แก่งคอย จ.สระบุรี ปริมาณรถก็หนาแน่น เจ้าหน้าที่ตำรวทางทางหลวงต้องเปิดช่องทางพิเศษวิ่งสวนลงมาได้อีก 1 เลน

เปิดช่อง – สภาพการจราจร ถ.มิตรภาพ ก.ม.36 ต.กลางดง อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ตำรวจทางหลวงต้องเปิดช่องทางพิเศษขึ้นหลายจุดเพื่อระบายรถ รองรับประชาชนเดินทางกลับจากเทศกาลปีใหม่ เมื่อวันที่ 2 ม.ค.

สระบุรีเปิดเลนพิเศษรับรถเข้ากรุง

ขณะที่สภาพการจราจรถนนมิตรภาพขาเข้ากทม. ช่วง อ.มวกเหล็ก จ.สระบุรี หลักก.ม.ที่ 36 ซึ่งเป็นรอยต่อ จากการลงเนินเขากลางดง อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ส่งผลให้มีรถเพิ่มปริมาณมากอย่างต่อเนื่อง รถทำความเร็ว 30-50 ก.ม.ต่อชั่วโมง จะสลับหยุดนิ่งในบางช่วงวิ่งลงเนินเขาจัน และเนินลงเขาวัดซับบอน อ.แก่งคอย จ.สระบุรี ในขณะที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงหินกอง และตำรวจภูธรจังหวัดสระบุรี พร้อมแขวงทางหลวงสระบุรีได้มีการเริ่มวางกรวย เปิดเส้นทางพิเศษ เพื่อให้รถขาเข้ากทม.วิ่งทำความเร็วได้ดี โดยมีการเปิดเส้นทางพิเศษจากหลักก.ม.ที่ 43 จากเขต อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา เข้ามาถึงหลัก ก.ม.ที่ 17 อ.แก่งคอย จ.สระบุรี

ส่วนเส้นทางพลโยธินมุ่งหน้าเข้ากทม.ซึ่งเป็นเส้นทางที่รวมรถมาจากถนนมิตรภาพ สายอีสาน และพหลโยธินจากสายลพบุรีและเพชรบูรณ์ เจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงเตรียมการเปิดทางพิเศษ 8 เลน จากหลักก.ม.ที่ 99 เขต อ.หนองแค สระบุรี ไปจดเข้าก.ม.ที่ 74 อ.วังน้อย จ.พระนคร ศรีอยุธยา ขณะเดียวกันรถที่วิ่งมาจาก กทม.เพื่อมาสระบุรีจะให้รถวิ่งเส้นทางคู่ขนานอย่างเดียว

เต็มถนน – สภาพการจราจรบนถนนเอเชีย ก่อนขึ้นต่างระดับบางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา ขาเข้ากรุงเทพฯ ประชาชนเดินทางกลับหลังจากหยุดยาวปีใหม่ จนปริมาณ รถเต็มทุกช่องการจราจร เคลื่อนตัว ได้ช้า เมื่อวันที่ 2 ม.ค.

สายเอเชียก็แน่นแล้ว

ส่วนสภาพการจราจรบริเวณ ถ.สายเอเชีย ช่วงจังหวัดอ่างทอง ขาเข้า กทม. ปริมาณรถหนาแน่น เคลื่อนตัวได้ช้าสลับกับหยุดนิ่ง ช่วงที่เป็นรอยต่อรอยเชื่อมของถนน ที่เชื่อมมาจากจากอำเภอมหาราช จ.พระนครศรีอยุธยา ความเร็วได้ประมาณ 50-60 ก.ม./ชั่วโมง โดยปริมาณรถเพิ่มขึ้น เมื่อเทียบกับเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา และคาดว่า จะมีปริมาณเพิ่มขึ้นในช่วงค่ำ

ขณะที่บริเวณก่อนขึ้นต่างระดับบางปะอิน หลักกิโลเมตรที่ 4 อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา ปริมาณรถหนาแน่น เต็มทุกช่องการจราจร รถชะลอเลี้ยวเข้าออกปั๊มน้ำมัน เบี่ยงซ้ายออกถนนพหลโยธินเพื่อขึ้นมอเตอร์เวย์ ชะลอตัวขึ้นต่างระดับบางปะอิน ส่งผลทำให้รถเคลื่อนตัวได้ช้า สลับหยุดนิ่ง เป็นแถวยาว จนถึงหลักกิโลเมตรที่ 12-13 ต.คุ้งลาน อ.บางปะอิน ระยะทางประมาณ 10 กิโลเมตร

นครสวรรค์รถสะสมแน่น

ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศสภาพการจราจรในพื้นที่ จ.นครสวรรค์ ตั้งแต่ช่วงเช้า ปริมาณรถที่วิ่งผ่านเข้าตัวเมืองนครสวรรค์ เริ่มหนาแน่นมาตลอดช่วงเช้า ทั้งถนนทางหลวงหมายเลข 1 ถนนทางหลวงหมายเลข 117 มีปริมาณรถหาแน่นเต็มทุกช่องทางจราจรในฝั่งขาล่อง ตำรวจจราจรนครสวรรค์ ต้องเปิดการจราจรพิเศษบริเวณสะพานกลางเดชาติวงศ์ เพื่อเร่งระบายรถให้สะดวกยิ่งขึ้น

แต่ในภาพรวมยังไม่พบปัญหารถติดขัดสะสมแต่อย่างใด อันเป็นผลมาจากทาง เจ้าหน้าที่ได้มีการวางแผนระบายรถในช่วงขากลับไว้แล้ว โดยปรับสัญญาณไฟจราจรเป็นแบบปรับด้วยเมืองเอง เน้นในส่วนของฝั่งขาเข้ากรุงเทพฯ ให้นานกว่าปกติ

ทั้งนี้ ในส่วนของผู้ที่เลือกหลีกเลี่ยงไปยังถนนสายเลี่ยงเมือง ทางหลวงหมายเลข 122 นั้น พบว่า มีปริมาณการจราจรแน่นหนากว่าตัวเมืองนครสวรรค์ตลอดทั้งวัน ซึ่งผู้ที่ใช้ถนนเส้นทางนี้ จะต้องพบกับการจราจรไม่คล่องตัว เพราะรถแต่ละคน ไม่สามารถทำความเร็วได้ โดยตลอดทั้ง เส้นทาง จะสามารถเคลื่อนตัวไปได้อย่างช้าๆ สลับกับหยุดนิ่ง

เนื่องจากปลายทางต้องไปเจอกับจุดบรรจบถนนทางหลวงหมายเลข 1 ที่บีบเข้ามารวมกับผู้ที่ใช้รถผ่านตัวเมืองนครสวรรค์ ประกอบกับ ยังมีผู้ใช้รถใช้ถนนบางส่วนไม่เคารพกฎจราจร ไปใช้ไหล่ทางถนนวิ่งแซงรถที่เขาชะลอต่อแถวกันยาวเหยียดแล้วไปแซงเอาข้างหน้า จึงทำให้จุดดังกล่าว มีปัญหารถแน่นสะสมเป็นจำนวนมาก เจ้าหน้าที่ต้องเปิดเส้นทางพิเศษในฝั่งขาขึ้นเหนืออีก 1 ช่องทางบนถนนทางหลวงหมายเลข 1 ยาวนับ 10 กิโลเมตร เพื่อช่วยระบายรถให้สามารถเคลื่อนตัวไปได้ให้เร็วที่สุด

ประจวบฯ รถกลับเข้ากรุงแน่น

เวลา 17.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศสภาพการจราจรบนถนนเพชรเกษมทางหลวงหมายเลข 4 ฝั่งขาเข้ากรุงเทพฯ บริเวณช่วงตัวอำเภอเมืองประจวบ มีปริมาณรถที่วิ่งสัญจรบนถนนเพชรเกษมมุ่งหน้าเข้ากรุงเทพฯ รถมีจำนวนเพิ่มมากขึ้นตามลำดับ และหนาแน่นรถติดยาวกว่า 2 กิโลเมตรตามจุดสัญญาณไฟแดง ช่วงระหว่างหลักกิโลเมตรที่ 309 ถึง 311 โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรได้ควบคุมสัญญาณไฟตามแยกต่างๆ ด้วยระบบควบคุมด้วยมือ เพื่อเปิดสลับสัญญาณไฟเขียว-แดง ให้นานกว่าเดิม เป็นการเร่งระบายรถเพื่อไม่ให้ติดสะสมบริเวณสัญญาณไฟแดงเป็นเวลานาน

เฉียดหัว – เรือเอกเกียรติภูมิ สุวรรณพงศ์ ชี้ร่องรอยรูกระสุนปืนขนาด 9 ม.ม. ที่คาดว่ามีคนยิงขึ้นฟ้าฉลองปีใหม่ แล้วตกทะลุหลังคาลงมาเฉียดศีรษะ ภายในบ้านพัก ต.ปันแต อ.ควนขนุน จ.พัทลุง เมื่อวันที่ 2 ม.ค.

กระสุนตกใส่บ้านรองผกก.

เมื่อเวลา 22.00 น. วันที่ 1 ม.ค. ร.ต.ท. วุฒิชัย แสงชาตรี ร้อยเวรสภ.ควนขนุน จ.พัทลุง รับแจ้งจากศูนย์วิทยุ 191 พัทลุง พบกระสุนปริศนาตกใส่หลังคาบ้านเลขที่ 176 ม.5 ต.ปันแต อ.ควนขนุน จ.พัทลุง จึงเดินทางรุดสอบที่เกิดเหตุ ภายในบ้านพบพ.ต.ท.ปิยะวัฒน์ สุวรรณพงศ์ รอง ผกก. สภ.ท่าศาลา จ.นครศรีธรรมราช เจ้าของบ้านรอให้การอยู่ บริเวณโต๊ะคอมพิวเตอร์พบหัวกระสุนปืนขนาด 9 ม.ม.ตกอยู่ 1 หัว จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน

จากการสอบสวน ร.อ.เกียรติภูมิ สุวรรณพงศ์ อายุ 27 ปี นายทหารเรือ กองเรือทุ่นระเบิด กองเรือยุทธการ กองทัพเรือ ให้การว่าก่อนเกิดเหตุขณะที่กำลังเรียนหนังสือออนไลน์บริเวณโต๊ะคอมพิวเตอร์ภายในบ้านได้ยินเสียงดังแป๊ก เข้าใจว่าเราเตอร์อินเตอร์เน็ตระเบิด ตนตกใจเลยก้มหน้าลง พอสิ้นเสียงหันมาดูแต่ไม่ใช่ พบว่าตรงพื้นข้างเก้าอี้มีหัวกระสุนปืนตกอยู่ 1 หัว หากตนไม่ก้มหน้าลงในจังหวะตกใจคงโดนหัวกระสุนปืนแน่นอน

ส่วนที่บ้านเลขที่ 442 หมู่ 8 บ้านหนอง ไฮโพธิ์ชัย ต.พระลับ อ.เมือง จ.ขอนแก่น นายศิริศักดิ์ ขันตี อายุ 42 ปี เล่าว่า เมื่อคืนวันที่ 31 ธ.ค. 64 ที่ผ่านมา ตนเองพร้อมญาติและครอบครัว ได้จัดงานเลี้ยงฉลองปีใหม่กันจนช่วงเที่ยงคืน ทางทิศเหนือของบ้านมีการจุดพลุหลายนัด มีเสียงคล้ายปืนจำนวน 3 นัด ต่อมาลูกชายขึ้นไปนอนจึงเห็นว่าเพดานห้องมีรูปริศนา และบนที่นอนพบเศษฝ้าเพดาน จึงได้มาบอกกับตน

เมื่อไปตรวจสอบก็ได้บริเวณพื้นห้อง ได้พบหัวกระสุนแบบตะกั่วตกอยู่ จึงได้ไปแจ้งความกับตำรวจให้มาตรวจสอบ เมื่อตำรวจมาตรวจสอบพบว่า เป็นกระสุนขนาด 9 ม.ม. ซึ่งโชคดีที่ในคืนเกิดเหตุปกติลูกชายจะเข้านอน แต่เนื่องจากมีญาติที่เดินทางมาจากต่างจังหวัด จึงได้ให้ญาติไปนอนที่ห้องลูกชายแทน จึงอยากให้ตำรวจได้ติดตามหาเจ้าของลูกปืนปริศนาด้วย และอยากให้ตามตัวจนเจอเพื่อจะได้เอาผิดให้เป็นคดีตัวอย่าง

ทะเลหมอก – ทะเลหมอกบนดอยอินทนนท์ จ.เชียงใหม่ มีนักท่องเที่ยวจำนวนมากเดินทางมาชมความสวยงาม ท่ามกลางบรรยากาศหนาวเย็น โดยตลอดช่วงเทศกาลปีใหม่ มีนักท่องเที่ยวสะสมแล้วกว่า 8 พันคน เมื่อวันที่ 2 ม.ค.

แหล่งท่องเที่ยวดังยังคึกคัก

ขณะที่ประชาชนส่วนหนึ่งเริ่มเดินทางกลับ แต่บางส่วนยังคงอยู่ท่องเที่ยวต่อเนื่องจากยังเหลือวันหยุดชดเชยในวันจันทร์ที่ 3 ม.ค.อีก 1 วัน ที่อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่ นักท่องเที่ยวเดินทางขึ้นมาสัมผัสอากาศหนาวเย็น ชมธรรมชาติของป่า ชมแสงแรกของวันใหม่ และทะเลหมอก กันคึกคัก อุณหภูมิเช้าวันนี้ที่ยอดดอยอินทนนท์ และกิ่วแม่ปานวัดได้ 8 องศาเซลเซียส เท่ากัน และที่ทำการอุทยานแห่งชาติ ก.ม.31 วัดได้ 13 องศาเซลเซียส สถิติของ นักท่องเที่ยวสะสมจากเมื่อวานนี้ นักท่องเที่ยวชาวไทยจำนวน 8,377 คน ต่างชาติ 193 คน ยอดรวมจำนวน 8,580 คน ยานพาหนะ 2,934 คัน

ส่วนที่จ.เลย เช้าวันนี้อุณหภูมิยังหนาวเกือบทุกพื้นที่ อุณหภูมิยอดภูจะอยู่ที่ 9-12 องศา โดยเฉพาะพื้นที่สูงอย่างอำเภอภูเรือ ด่านซ้าย นาแห้ว อากาศกำลังดี นักท่องเที่ยวยังเดินทางมาท่องเที่ยวต่อเนื่อง

ด้านบรรยากาศที่วนอุทยานภูเขาไฟกระโดง ต.เสม็ด อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ ก็มี นักท่องเที่ยวพาครอบครัวเดินทางขึ้นไปเที่ยวสะพานแขวนลาวา ชมความสวยงามของปากปล่องภูเขาไฟที่มอดดับสนิทมาแล้วนับแสนปี พร้อมกราบไหว้ขอพร พระสุภัทรบพิตรองค์ใหญ่คู่บ้านคู่เมือง ชมวิวทิวทัศน์และสัมผัสอากาศหนาวบนยอดภูเขาไฟกระโดงที่มีความสูงจากระดับน้ำทะเลถึง 265 เมตรอย่างคึกคัก

ขึ้นเขาใหญ่ – สภาพการจราจรบริเวณหน้าด่านทางขึ้นอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ จ.นครราชสีมา ซึ่งมีประชาชนเดินทางมาท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก ต้องเปิดช่องทางขึ้น เพิ่มเป็น 3 ช่อง แต่ยังทำให้การจราจรติดยาวเหยียดกว่า 2 ก.ม. เมื่อวันที่ 2 ม.ค.

ด้านนายอดิศักดิ์ ภูสิทธิ์วงศานุยุต หัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ เผยว่า ตั้งแต่ช่วงเช้าวันที่ 2 ม.ค. มีประชาชนและนักท่องเที่ยวจำนวนมากหันมาใช้เส้นทางถนนธนะรัชต์มุ่งหน้าขึ้นอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ มีปริมาณรถจำนวนมาก คาดว่าน่าจะหลีกเลี่ยงรถติดบนถนนมิตรภาพ ทำให้บริเวณหน้าด่านติดยาว นักท่องเที่ยวยังแวะสักการะศาลเจ้าพ่อเขาใหญ่ และท่องเที่ยวจุดชมวิว ก.ม.30 รวมทั้งบริเวณอ่างเก็บน้ำสายศร และในหลายจุดท่องเที่ยว บนอุทยานฯ มีประชาชนจำนวนมาก

เมาขับ 4 วันทะลุ 2,458 คดี

นายวิตถวัลย์ สุนทรขจิต อธิบดีกรมคุมประพฤติ กล่าวว่า สถิติคดีขับรถในขณะเมาสุราที่ศาลสั่งคุมความประพฤติ ต้อนรับวันปีใหม่ 1 ม.ค. 2565 มีเพียง 52 คดี เนื่องจากศาลส่วนใหญ่ปิดทำการ ซึ่งสถิติยอดรวมสะสม 4 วัน ที่มีการควบคุมเข้มงวด ตั้งแต่วันที่ 29 ธ.ค. 2564-1 ม.ค. 2565 มีจำนวน 2,952 คดี จำแนกเป็น คดีขับรถขณะเมาสุรา 2,458 คดี คิดเป็นร้อยละ 83.27 คดีขับเสพ 484 คดี คิดเป็นร้อยละ 16.4 คดีขับรถประมาท 10 คดี คิดเป็นร้อยละ 0.34

จังหวัดที่มีสถิติคดีขับรถขณะเมาสุรายอดสะสมสูงสุด 3 อันดับ ยังคงเป็นจังหวัดเดิม ได้แก่ ชัยภูมิ 194 คดี สกลนคร 159 คดี และบุรีรัมย์ 157 คดี ทั้งนี้ เมื่อเปรียบเทียบสถิติคดีเข้าสู่คุมประพฤติใน วันที่ 4 ของช่วงเทศกาลปีใหม่ พ.ศ. 2564 และ พ.ศ. 2565 พบว่า คดีขับรถในขณะเมาสุรา ปี พ.ศ. 2564 จำนวน 36 คดี และปี พ.ศ. 2565 มีจำนวน 52 คดี เพิ่มขึ้น 16 คดี

นอกจากนี้ สำนักงานคุมประพฤติทั่วประเทศ ยังคงสนับสนุนการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ในการให้บริการประชาชน โดยร่วมกับอาสาสมัครคุมประพฤติ ภาคีเครือข่าย และผู้ถูกคุมความประพฤติ พร้อมทั้งจัดให้มีการทำงานบริการสังคม โดยการตรวจเยี่ยมด่าน แจกน้ำดื่ม ผ้าเย็น ตรวจวัดอุณหภูมิ และอำนวยความสะดวกการจราจรแก่ประชาชนที่เดินทาง ณ จุดบริการประชาชน และด่านชุมชน จำนวน 37 จุด มีผู้เข้าร่วมกิจกรรมจำนวนทั้งสิ้น 1,100 คน

ทำผิดซ้ำ-ส่งเข้าค่ายเมาขับ

อธิบดีกรมคุมประพฤติ กล่าวเพิ่มเติมว่า กรมคุมประพฤติ เน้นย้ำมาตรการคุมเข้มสำหรับผู้กระทำผิดในฐานความผิดขับรถในขณะเมาสุรา มีทั้งการติดกำไล EM จัดกิจกรรมให้ความรู้ เช่น การให้ความรู้เกี่ยวกับกฎหมายจราจร การให้ความรู้เกี่ยวกับการลด ละ เลิกแอลกอฮอล์ รวมทั้งการจัดกิจกรรมการทำงานบริการสังคม ที่สร้างจิตสำนึก และตระหนักถึงผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นจากการกระทำของตนและการป้องกันอุบัติเหตุ ได้แก่ อาสาพาเหยื่อเที่ยว การดูแลเหยื่อที่บ้าน การดูแลเหยื่อที่ตึกอุบัติเหตุ อีกทั้งยังมีการจำแนกความเสี่ยง หากพบว่า มีความเสี่ยงสูงในการติดสุรา จะส่งบำบัดรักษา ณ สถานพยาบาล

หากผลการประเมินอยู่ในระดับควบคุมเข้มงวดหรือปานกลาง หรือมีประวัติการกระทำความผิดคดีขับรถขณะเมาสุรา ให้ส่งไปเข้ารับการแก้ไขฟื้นฟูแบบเข้มข้น ในรูปแบบค่ายแก้ไขฟื้นฟูผู้ถูกคุมความประพฤติความผิดฐานขับรถขณะเมาสุรา เป็นระยะเวลา 3 วันต่อเนื่อง และหากเห็นสมควรอาจเสนอศาลให้เพิ่มเงื่อนไขการคุมความประพฤติตามความเหมาะสม เช่น การติดอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ติดตามตัว หรือเพิ่มชั่วโมงการทำงานบริการสังคม

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน