6วัน-ตาย300
กทม.แชมป์ดับ

กรมคุมประพฤติเผยปีนี้จับเมาขับแล้ว 5,200 คดี เพิ่มจากปีก่อน 2,801 คดี ส่วนปีใหม่6 วันเกิดอุบัติเหตุ 2,488 ครั้ง ดับ 300 ศพ เจ็บรวม 2,471 คน กรุงเทพฯ ตายสูงสุด 20 ราย ขณะที่ 11 จังหวัดยังไร้ผู้เสียชีวิต

เมื่อวันที่ 4 ม.ค. นายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร รองปลัดกระทรวงมหาดไทย แถลงสถิติอุบัติเหตุปีใหม่ 2565 ว่า ศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน (ศปถ.) รวบรวมสถิติอุบัติเหตุทางถนนประจำวันที่ 3 ม.ค. 2565 ซึ่งเป็นวันที่ 6 ของเทศกาล เกิดอุบัติเหตุ 264 ครั้ง เสียชีวิต 34 ราย บาดเจ็บ 274 คน โดยกาญจนบุรีเกิดอุบัติเหตุสูงสุด 15 ครั้งและบาดเจ็บสูงสุด 16 คน ส่วน กทม.และจันทบุรีเสียชีวิตสูงสุดจังหวัดละ 3 ราย

นายนิติรัตน์กล่าวว่า สรุปช่วง 6 วัน ระหว่างวันที่ 29 ธ.ค. 2564 – 3 ม.ค.2565 เกิดอุบัติเหตุรวม 2,488 ครั้ง เสียชีวิตรวม 300 ราย บาดเจ็บรวม 2,471 คน จ.เชียงใหม่ เกิดอุบัติเหตุสะสมสูงสุด 92 ครั้ง กรุงเทพฯ เสียชีวิตสะสมสูงสุด 20 ราย และกาญจนบุรีบาดเจ็บสะสมสูงสุด 91 คน จังหวัดที่ไม่มี ผู้เสียชีวิตในช่วง 6 วันหรือตายเป็น 0 มี 11 จังหวัด ได้แก่ ตรัง นครนายก ปัตตานี พังงา แพร่ แม่ฮ่องสอน ยะลา ระนอง สตูล สมุทรสงคราม และสุโขทัย

นายบุญธรรม เลิศสุขีเกษม อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) กล่าวว่า คาดว่าเส้นทางสายหลักจะยังมีปริมาณการจราจรหนาแน่นในบางจุด จึงได้เน้นย้ำให้จังหวัดดูแลความปลอดภัยต่อเนื่อง ร่วม เจ้าหน้าที่ตำรวจและอาสาสมัครเข้มจุดตรวจบนเส้นทางสายหลัก สายรอง ทางลัด และทางเลี่ยงเมือง กวดขันตามหลัก “4 ห้าม 2 ต้อง คือ ห้ามดื่ม ห้ามเร็ว ห้ามง่วง ห้ามโทร. ต้องสวมหมวกนิรภัย และต้องคาดเข็มขัดนิรภัย” คุมเข้มพฤติกรรมเสี่ยงอุบัติเหตุ

วันเดียวกัน นายวิตถวัลย์ สุนทรขจิต อธิบดีกรมคุมประพฤติ เปิดเผยสถิติคดีที่ศาลสั่งคุมความประพฤติวันที่ 6 ของ 7 วันอันตราย จำนวนทั้งสิ้น 332 คดี จำแนกเป็น คดีขับรถในขณะเมาสุรา 317 คดี คิดเป็น ร้อยละ 95.48 และคดีขับเสพ 15 คดี คิดเป็นร้อยละ 4.52 สำหรับช่วง 7 วันอันตราย ปี 2565 มียอดคดีสะสมทั้งสิ้น 5,767 คดี

จำแนกเป็น ขับรถในขณะเมาสุรา 5,200 คดี คิดเป็นร้อยละ 90.17 ติด EM 10 ราย, ขับรถประมาท 11 คดี คิดเป็นร้อยละ 0.19 ติด EM 1 ราย, ขับเสพ 556 คดี คิดเป็นร้อยละ 9.64 จังหวัดที่มีสถิติคดีเมาแล้วขับสะสมสูงสุด 3 อันดับได้แก่ ชัยภูมิ 403 คดี บุรีรัมย์ 350 คดี และสกลนคร 278 คดี

นายวิตถวัลย์กล่าวต่อว่า เมื่อเปรียบเทียบสถิติคดีที่เข้าสู่กระบวนการคุมประพฤติ สะสม 6 วัน ช่วงเทศกาลปีใหม่ พ.ศ.2564 และ พ.ศ.2565 พบว่า คดีขับรถขณะเมาสุรา ปี พ.ศ.2564 มี 2,399 คดี กับปี พ.ศ.2565 มี 5,200 คดี เพิ่มขึ้น 2,801 คดี คิดเป็นร้อยละ 53.8 หากเปรียบเทียบสถิติคดีรายวัน (3 ม.ค.) ที่เข้าสู่การคุมประพฤติช่วงเทศกาลปีใหม่ปี 2565 มี 332 คดี เทียบกับปีที่แล้ว 326 คดี พบว่าเพิ่มขึ้น 6 คดี คิดเป็นร้อยละ 1.8

ขณะที่นายพิเชฐ คุณาธรรมรักษ์ รองอธิบดีกรมการขนส่งทางราง เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 3 ม.ค. 2565 ซึ่งเป็นวันที่หก ของเทศกาลปีใหม่ 2565 มีประชาชนมาใช้บริการระบบรางรวมจำนวน 411,824 คน ลดลงจากวันเดียวกันของปีที่ผ่านมาที่มี 10,178 คน หรือลดลงร้อยละ 2.41 แบ่งเป็น รถไฟระหว่างเมืองของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) 44,863 คน และรถไฟฟ้าในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑลและรถไฟชานเมือง (สายสีแดง) 366,961 คน

ทั้งนี้จำนวนผู้โดยสารที่ใช้บริการระบบรางสะสม 6 วัน ตั้งแต่วันที่ 29 ธ.ค 2564- 3 ม.ค. 2565 มีประชาชนใช้บริการระบบราง 3,160,216 คน ประกอบด้วย รถไฟระหว่างเมืองของรฟท. มีผู้ใช้บริการรวม 262,982 คน แบ่งเป็นผู้โดยสารเชิงพาณิชย์ 108,109 คน และผู้โดยสารเชิงสังคม 154,873 คน โดยมีผู้โดยสารขาออกสะสม 132,339 คน และขาเข้า 130,643 คน โดยสายใต้มีผู้ใช้บริการมากสุดถึง 80,010 คน แบ่งเป็นขาออก 40,272 คน และขาเข้า 39,738 คน

รองลงมาคือสายตะวันออกเฉียงเหนือ 71,703 คน มีผู้โดยสารขาออก 35,995 คน และขาเข้า 35,708 คน ส่วนสายเหนือ 61,877 คน ขาออก 31,742 คน ขาเข้า 30,135 คน ขณะที่สายตะวันออก 31,185 คน ขาออก 15,250 คน ขาเข้า 15,935 คน และสายมหาชัย/แม่กลอง 18,207 คน ขาออก 9,080 คน ขาเข้า 9,127 คน

และระบบรถไฟฟ้าในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล สะสม 6 วัน มีผู้ใช้บริการ 2,897,234 คน ประกอบด้วยแอร์พอร์ต เรล ลิงก์ 135,665 คน สายสีแดง 37,658 คน สายฉลองรัชธรรม (สีม่วง) 106,810 คน สายเฉลิมรัชมงคล (สีน้ำเงิน) 791,173 คน และรถไฟฟ้า บีทีเอส (สีเขียวและสีทอง) 1,825,928 คน

สำหรับด้านความปลอดภัย ช่วง 6 วันที่ผ่านมา มีเหตุอันตรายทางรางรวม 6 ครั้ง (ขบวนรถไฟชนคน 2 ครั้ง ชนรถยนต์ 1 ครั้ง ชนสัตว์ 1 ครั้ง ตกราง 1 ครั้ง และคนร้ายปาระเบิดใส่ 1 ครั้ง) ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 2 ราย และผู้บาดเจ็บ 2 ราย และมีรถไฟฟ้าขัดข้องรวม 5 ครั้ง ส่งผลให้ขบวนรถล่าช้ารวม 4 เที่ยว และงดให้บริการ 1 เที่ยว

ที่จ.นครราชสีมา ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศการเดินทางกลับเข้ากรุงเทพฯ ช่วงบ่ายวันที่ 4 ม.ค. สภาพการจราจรบนถนนมิตรภาพเริ่มตั้งแต่ อำเภอบัวลาย สีดา คง และโนนสูง ยังคงมีประชาชนเดินทางเป็นจำนวนมาก ส่งผลทำให้การจราจรถนนมิตรภาพปริมาณรถหนาแน่น โดยเฉพาะ ขาเข้ากรุงเทพฯ บริเวณแยกบ้านวัด อ.คง และแยกตลาดแค อ.โนนสูง มีรถสะสมเป็นทางยาวเนื่องจากเป็นจุดที่รถวิ่งมาจากเส้นมหาสารคามมาเลี้ยวขึ้นถนนมิตรภาพ บริเวณแยกบ้านวัด ทำให้รถที่วิ่งมาทางตรงต้อง หยุดชะลอความเร็ว เป็นสาเหตุหลักทำให้ รถติดสะสม โดยรถสามารถใช้ความเร็วได้ 40-50 กิโลเมตรต่อชั่วโมง บางจุดติดสะสมสลับหยุดนิ่ง

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน