ผู้การปากน้ำสั่งเอาผิด ยุบทิ้งตำรวจอาสาด้วย

เด้ง 4 ตร.โรงพักสำโรงเหนือ เหตุร่วมอาสาตำรวจจับหนุ่มยัดยา ขณะผกก.สั่งยกเลิกอาสาตำรวจช่วยงานโรงพัก ขณะผู้เสียหายออกทีวีเล่าเหตุการณ์ โดนอาสาขี่จยย.มาเคาะกระจกรถ เรียกตรวจค้น ไม่ได้ผิดเลยยอม กลับหยิบการบูรอ้างเป็นยา แล้วยังโดนตร.ต่อยพร้อมใส่กุญแจมือนำตัวมาโรงพัก

มันคือ‘การบูร’ – นายซัน หนุ่มวัย 27 ปี ชูถุงใส่การบูรที่อยู่ในรถ ซึ่งถูกด่านตำรวจสำโรงเหนือ จ.สมุทรปราการ ตรวจค้นจับกุมกล่าวหาว่าเป็นยาเสพติด จนต้องต่อสู้ขอความเป็นธรรม กระทั่งผบก.ภ.สมุทรปราการ สั่งย้าย 4 นายตำรวจชุดจับกุม เมื่อวันที่ 11 ม.ค.

จากกรณีคลิปสาวร้องขอความเป็นธรรม น้องชายขับรถยนต์กลับบ้าน เมื่อมาถึงทาง เข้าซอยแบริ่ง ต.สำโรงเหนือ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ มุ่งหน้าเข้าปากน้ำ ซึ่งมีเจ้าหน้าที่ตำรวจตั้งด่านตรวจอยู่ แล้วถูกตรวจค้น โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจพบการบูรในรถแต่กลับระบุว่าเป็นยาเค แล้วจับล็อกกุญแจมือ ทั้งยังอ้างว่าตรวจปัสสาวะพบสารเสพติด ทั้งที่ไม่ได้เสพ เมื่อกลางดึกคืนวันที่ 7 ม.ค. 2565 เมื่อเวลาประมาณ 5 ทุ่ม ตามที่นำเสนอไปแล้ว

ความคืบหน้าล่าสุดเมื่อวันที่ 11 ม.ค. พ.ต.อ.อาทิตย์ ซิ้มเจริญ ผกก.สภ.สำโรงเหนือ เปิดเผยว่า เบื้องต้นทางสภ.สำโรงเหนือ ออกคำสั่งตั้งคณะกรรมการขึ้นมาเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงต้องขอเวลาให้คณะกรรมการได้ทำงานสักระยะหนึ่ง หากว่าเป็นความบกพร่องของเจ้าหน้าที่ก็ต้องลงทัณฑ์ไปตามระเบียบ อีกส่วนหนึ่งก็คือวันนี้จะมีคำสั่งของบก.ภ.สมุทรปราการ ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้องในเรื่องนี้ไประจำที่ศปก.บก.ภ. สมุทรปราการ

พ.ต.อ.อาทิตย์กล่าวต่อว่า ส่วนเรื่องการตรวจสอบสารเสพติดในปัสสาวะพบหรือไม่พบนั้น ต้องรอการรายงานของคณะกรรมการรายงานขึ้นมาก่อน แต่ก็ยังยืนยันว่าถ้าเป็นความบกพร่องของเจ้าหน้าที่ก็จะต้องลงโทษ ส่วนทางด้านผู้เสียหายขณะนี้อยู่ระหว่างการประสานทางผู้เสียหายเพื่อเข้ามาสอบถามข้อเท็จจริง ส่วนผู้เสียหายรายใดเคยถูกกระทำในทำนองเดียวกัน ก็สามารถแจ้งความร้องทุกข์ได้ หากพบว่าผิดจริงก็จะดำเนินคดีอาญาทุกราย ไม่ว่าเป็นเจ้าหน้าที่หรือเป็นใครก็แล้วแต่ ตนขอยืนยันว่าจะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ที่ผ่านมาทางโรงพักยังไม่เคยได้รับการร้องเรียนในเรื่องทำนองนี้ แต่ถ้ามีก็สามารถเข้ามาร้องเรียนเกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่ของ เจ้าหน้าที่ที่มีพฤติกรรมแบบนี้

พ.ต.อ.อาทิตย์กล่าวอีกว่า กรณีที่ระบุกันว่าไม่ยอมรับแจ้งความนั้น จากการตรวจสอบเบื้องต้นจากกล้องวงจรปิดในโรงพักและสอบถามร้อยเวรที่เกี่ยวข้องแล้วเชื่อว่าน่าจะเป็นการคลาดเคลื่อนในเรื่องการสื่อสารกับผู้เสียหาย ขณะนี้อยู่ระหว่างตามตัวน้องผู้เสียหายและญาติเขามาสอบปากคำโดยละเอียด ซึ่งเรื่องนี้อยู่ระหว่างการสอบสวนข้อเท็จจริงของคณะกรรมการการสอบสวน คาดว่าน่าจะใช้เวลาประมาณ 7 วัน ถ้ายังไม่เสร็จสิ้นก็จะขยายเวลาออกไป ยืนยันว่าจะให้ความเป็นธรรมกับทั้งสองฝ่าย

นอกจากนี้พ.ต.อ.อาทิตย์ยังมีคำสั่งสภ.สำโรงเหนือที่ 3/2565 เรื่องยกเลิกคำสั่งปฏิบัติหน้าที่ของอาสาสมัคร จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพื่อให้การปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจ สภ.สำโรงเหนือ เป็นไปด้วยความเรียบร้อยและไม่ให้เกิดความเสียหายต่อทางราชการ จึงให้ยกเลิกคำสั่งการปฏิบัติหน้าที่ของอาสาสมัครตำรวจที่ช่วยงานแต่ละสายงานทั้งหมด ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 10 ม.ค.2565

วันเดียวกัน พล.ต.ต.ชุมพล พุ่มพวง ผบก.ภ.จว.สมุทรปราการ มีคำสั่งเรื่องให้ข้าราชการตำรวจปฏิบัติราชการ ระบุว่าด้วยปรากฏข่าวทางสื่อสังคมออนไลน์ กรณีภาพข่าวที่เกิดขึ้นบริเวณจุดตรวจ-จุดสกัด ถนนสุขุมวิท (ขาออก) ปากซอยสุขุมวิท 109 ต.สำโรงเหนือ อ.เมืองสมุทรปราการ โดยเหตุการณ์เกิดจากการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจในสังกัดบก.ภ.สมุทรปราการ เหตุเกิดเมื่อวันที่ 7 ม.ค. 2565 เวลาประมาณ 23.25 น.เพื่อให้การตรวจสอบข้อเท็จจริงในเรื่องดังกล่าวเป็นไปด้วยความเรียบร้อย

ดังนั้นอาศัยอำนาจตามความในมาตรา 15 แห่งพ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2547 และระเบียบสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ว่าด้วยการสั่งให้ข้าราชการตำรวจไปปฏิบัติราชการภายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2563 ข้อ 6(3) และข้อ 8(3) จึงให้ 1.ร.ต.อ.เอกนรินทร์ รุ่งโรจน์ รองสารวัตรป้องกันปราบปราม สภ.สำโรงเหนือ 2.ร.ต.อ.สุรยุทธ พึ่งคำ รองสารวัตรป้องกันปราบปราม สภ.สำโรงเหนือ 3.ส.ต.อ.กรวิทย์ วิศรีสิทธิ์ ผู้บังคับหมู่งานป้องกันปราบปราม สภ.สำโรงเหนือ และ 4.ส.ต.ต.สันติ โยธมาศ ผู้บังคับหมู่ป้องกันปราบปราม สภ.สำโรงเหนือ ไปปฏิบัติราชการที่ศูนย์ปฏิบัติราชการตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรปราการโดยขาดจากตำแหน่งและหน้าที่เดิม เพื่อปฏิบัติหน้าที่ตามที่ผบก.ภ.จว.สมุทรปราการมอบหมาย จนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 11 ม.ค.2565 เป็นต้นไป

วันเดียวกัน ผู้เสียหายวัย 27 ปี พร้อมด้วยพี่สาวและมารดา เดินทางมาเปิดใจถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับรายการโหนกระแส โดยผู้เสียหายเล่าว่า ระหว่างขับรถจากบ้านแฟนกลับบ้าน แล้วจอดรถติดไฟแดงก่อนถึงด่านตรวจของตำรวจเพื่อรับโทรศัพท์ ก่อนเจ้าหน้าที่อาสาสมัครตำรวจขี่จักรยานยนต์ตามมาเคาะกระจกเพื่อขอตรวจค้นโดยไม่แสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ แต่ตนก็ปล่อยให้เขาตรวจ พอพบซองการบูรที่ลิ้นชักข้างคนขับแล้วอ้างว่าเป็นยาเค จึงโทร.หาแม่บอกว่าถูกยัดยา

จากนั้นอาสาตำรวจก็พาตนไปด่านแล้วก็ถูกตำรวจต่อยหน้า 2 ครั้ง อาสาตำรวจทุบไหล่หลายครั้ง พยายามให้ยอมรับว่าไปเอายาเสพติดมาจากไหน ก่อนจะล็อกกุญแจมือพาไปสภ.สำโรงเหนือ ตรวจปัสสาวะหาสารเสพติดถึง 2 ครั้ง ซึ่งผลก็ไม่พบสารเสพติด จนแม่ตนมาถึงโรงพัก ก็สอบถามเจ้าหน้าที่ว่าเรื่องราวเป็นอย่างไร มีคนแต่งกายเหมือนอาสาตำรวจ อ้างว่าตรวจไม่เจอหรอก เพราะตนดมเคมา

“แต่กว่าจะทราบว่าเป็นการบูรนั้น ก็เมื่อตอนที่แฟนตนเอะใจขึ้นมาจึงบอกให้แม่ไปขอดูของกลางจนมารู้ทีหลัง ส่วนเจ้าหน้าที่บอกว่าผมโวยวายจึงต้องชกต่อย แต่พออ้างว่าของที่เจอนั้นเป็นยา ผมก็ใจเย็นไม่ได้ ยืนยันว่าไม่ยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดแน่นอน และยืนยันไม่ได้ขัดขืนหรือสู้อะไร เพราะเขามากัน 7-8 คน แถมผมถูกล็อกกุญแจมือ ทำได้ก็เพียงโวยวายใส่เขาเท่านั้น ซึ่งเรื่องนี้ไม่เป็นธรรมกับผม เพราะเจ้าหน้าที่ไม่ตรวจสอบให้ละเอียด หลังเกิดเรื่องก็ไม่มีคำขอโทษอะไรให้เลย”

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน