เมินก๊วนธรรมนัสป่วน9พรรคเล็กจ่อชิ่งด้วยจับตารัฐบาล‘ปริ่มน้ำ’‘พรรคอุตตม’เนื้อหอม

‘บิ๊กตู่’ เสียงแข็ง ไม่ปรับครม. ไม่ยุบสภา ยันไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับปัญหาใน พปชร. ‘บิ๊กป้อม’ ลั่นจบแล้ว สบายใจ หลังนายกฯ รุดเคลียร์ถึงบ้านป่ารอยต่อฯ ย้ำให้เกียรติกันตลอด ไม่เคย ขัดแย้ง ‘ไพบูลย์’ แถลงแจกแจงจุดแตกหัก เหตุ ‘ธรรมนัส’ บีบปรับโครงสร้างพรรค ครั้งใหญ่ เผย ‘สันติ พร้อมพัฒน์’ เต็งเสียบเลขาฯ พรรคคนใหม่ สะพัดอีก 8 พรรคเล็กเตรียมชิ่ง ไปร่วมก๊วนผู้กองธรรมนัส เช็กเสียงรัฐบาล ปริ่มน้ำสุดๆ ‘วิษณุ’ ชี้ถ้ายุบสภาก่อนมีกฎหมายลูกเลือกตั้ง ยังนึกไม่ออกจะเลือกตั้งยังไง พรรคสร้างอนาคตไทยเนื้อหอม กลุ่มการเมืองดัง เล็งย้ายเข้าเพียบ

‘บิ๊กตู่’ยันไม่มีเอี่ยวพปชร.ขับ21ส.ส.

เมื่อวันที่ 20 ม.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ด้วยสีหน้าเนือยๆ พูดอย่างช้าๆ ว่า เรื่องการเมืองตนเคยพูดเสมอว่า ตนเคารพในกระบวนการประชาธิปไตย ซึ่งตนในฐานะนายกฯ เป็นหัวหน้าในการบริหารราชการแผ่นดิน มีความรับผิดชอบในภาพรวม และตนเข้ามาด้วยกระบวนการตามรัฐธรรมนูญที่กำหนดไว้ ถูกเสนอชื่อโดยพรรคการเมืองที่มีคะแนนเสียงมากที่สุดในการจัดตั้งรัฐบาล รวมมาเป็นพรรคร่วมรัฐบาลและเสนอชื่อขึ้นมา ผ่านการพิจารณาของสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.)

หลายคนไปบิดเบือนว่า ส.ว.สืบทอดอำนาจให้ตนนั้น ถามว่าหากพรรคเสนอชื่อขึ้นมา แต่ไม่มีคะแนนเสียงมากเพียงพอแล้วจะเสนอชื่อตนได้หรือไม่ ดังนั้นใครหรือพรรคใดคะแนนสูง แล้วจัดตั้งรัฐบาลได้ด้วย ก็จะเป็นผู้เสนอรายชื่อขึ้นไปเพื่อให้เป็นนายกฯ ส.ว.ก็คงไม่ขัดข้อง ถ้าไม่ใช่คนที่มีปัญหา และตนยอมรับกติกาทุกอย่าง จึงอย่าเอาการเมืองมาพันทุกเรื่องเลย

วันนี้เรื่องที่ทุกคนให้ความสนใจคงเป็นเรื่องการประชุมของพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ที่ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.พะเยา เลขาธิการพรรรค ถูกกรรมการบริหารพรรค (กก.บห.) มีมติขับพ้นพรรคพร้อมส.ส.อีก 20 คน เป็นเรื่องของการประชุมกก.บห.และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ตนในฐานะ นายกฯ ไม่ได้เข้าไปเกี่ยวข้อง เป็นเรื่องของกก.บห. หัวหน้าพรรค ดำเนินการ เชื่อว่า ทุกคนได้พยายามทำให้สถานการณ์เป็นปกติให้ได้โดยเร็วมากที่สุด โดยทุกอย่างต้องขึ้นอยู่กับประชาชน

เสียงแข็ง – พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ให้สัมภาษณ์ ถึงกรณี ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า และ 20 ส.ส. ถูกขับพ้นพรรคพลังประชารัฐ โดยยืนยัน ไม่ปรับครม. ไม่ยุบสภา และไม่เกี่ยวข้องกับปัญหาของพปชร. ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อ วันที่ 20 ม.ค.

ลั่นไม่ปรับครม.-ยุบสภา

“สิ่งสำคัญที่สุดทุกคนต้องมองใครเป็นอย่างไร เพราะโอกาสในการเลือกตั้งข้างหน้ายังมีอยู่ ขอให้ทุกคนช่วยกันติดตามพฤติกรรมของแต่ละคนด้วย ซึ่งตนไม่ได้กล่าวว่าใครดีหรือไม่ดี แต่พฤติกรรมจะเป็นตัวกำหนด และให้ประชาชนตรวจสอบ คัดกรอง ไตร่ตรอง ในการตัดสินใจต่อการเลือกตั้งครั้งต่อไป และยืนยันว่าผมยังไม่ได้คิดจะดำเนินการในเรื่องการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) หรือยุบสภาอะไรต่างๆ โดยเฉพาะขณะนี้กฎหมายเกี่ยวกับเลือกตั้งยังไม่เรียบร้อย จึงอย่าเอาทุกอย่างมาตีทั้งหมด ผมรักใครชอบใครผมก็พูดไม่ได้ หลายอย่างก็ต้องเก็บไว้กับตัว” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ขอบคุณประชาชนส่วนใหญ่ที่ให้ความเชื่อมั่นและเชื่อถือตนในการทำงานที่ผ่านมา ซึ่งตนได้วางอนาคตไว้มากพอสมควรในการทำงานหลายเรื่องที่เป็นปัญหายาวนานและหมักหมม ผมก็ต้องมาแก้ นี่คือภาระของผมที่ทำให้การทำงานใหม่ๆ ออกมาได้ช้า ต้องเห็นใจเจ้าหน้าที่และข้าราชการด้วย นโยบายที่ประกาศออกไปหรือสั่งการออกไปรายวันค่อนข้างเยอะมาก เพราะตนเข้าไปลงรายละเอียดทุกเรื่อง เพื่อให้การทำงานสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี อะไรติดขัดตรงไหน นายกฯ สามารถดูแล ช่วยเหลือ และสั่งการเพิ่มเติมให้ ก็ไม่เคยว่างเว้นการทำงาน

ผู้สื่อข่าวถามว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐได้หารือและส่งสัญญาณอะไรมาหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์เดินออกจากโพเดียมให้สัมภาษณ์ไป ก่อนกล่าวลอยๆ ขณะเดินขึ้นตึกไทยคู่ฟ้าว่า “ส่งความรักความปรารถนาดีให้กัน เคารพซึ่งกันและกัน”

‘บิ๊กป้อม’ไม่เครียด-ปัดพรรคแตก

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์เกี่ยวกับมติพรรค พลังประชารัฐให้ ร.อ.ธรรมนัส และส.ส.รวม 21 คนพ้นจากสมาชิกพรรค อาจส่งสัญญาณพรรคส่อแตกว่า ไม่มีปัญหาอะไร ขอให้ใจเย็น

ผู้สื่อข่าวถามว่า รู้สึกเครียดกับปัญหาที่เกิดขึ้นหรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ไม่เครียด ต่อข้อถามว่าปมปัญหาที่เกิดขึ้น หลายคนมองว่าเป็นความขัดแย้งระหว่าง พล.อ.ประวิตร กับนายกฯ พล.อ.ประวิตรกล่าวตอบเสียงดังลั่นแบบออกอาการไม่พอใจว่า “เฮ้ย บอกว่าไม่มีอะไร ไม่มีขัดแย้งเว้ย ก็บอกแล้วไม่มีอะไร” ก่อนจะตัดสายทิ้งทันที

ยันจบแล้ว-คุยหวาน‘น้องตู่’

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เวลาประมาณ 16.00 น. พล.อ.ประยุทธ์ออกจากทำเนียบรัฐบาล ไปเข้าพบหารือกับพล.อ.ประวิตร ที่มูลนิธิป่ารอยต่อฯ เป็นการส่วนตัว คาดว่าเป็นการให้กำลังใจและหารือถึงปัญหาความขัดแย้งต่างๆ ภายในพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งอาจส่งผล กระทบต่อรัฐบาล

พล.อ.ประวิตรให้สัมภาษณ์อีกครั้งทางโทรศัพท์หลังนายกฯ เข้าพบว่า ตนสบายใจแล้ว ไม่มีอะไรต้องกังวลเลย ไม่ต้องเป็นห่วง ขณะนี้เรื่องทุกอย่างมันจบลงหมดแล้ว เลิกเขียน ได้แล้วว่าตนมีความขัดแย้งกับพล.อ.ประยุทธ์ เพราะตนกับนายกฯ ให้เกียรติซึ่งกันและกันตลอดเวลา ไม่เคยขัดแย้ง การขับร.อ.ธรรมนัส ออกจากพรรคพลังประชารัฐ พล.อ.ประยุทธ์ไม่ได้เข้ามาเกี่ยวข้อง เพราะนายกฯเป็น ฝ่ายบริหารบ้านเมือง การขับร.อ.ธรรมนัส ขึ้นอยู่กับพรรคและตนเป็นผู้รับผิดชอบ

‘ไพบูลย์’แถลงจุดแตกหัก

เวลา 10.25 น. ที่รัฐสภา นายไพบูลย์ นิติตะวัน รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ แถลงกรณีพรรคมีมติให้ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.พะเยา เลขาธิการพรรค พร้อม ส.ส.รวม 21 คน ออกจากพรรค ว่า การประชุมเกิดขึ้นเนื่องจากมีสมาชิก นำโดย ร.อ.ธรรมนัส เสนอต่อ พล.อ.ประวิตร ให้ปรับโครงสร้างพรรคขนานใหญ่ ถ้าไม่ปรับจะเคลื่อนไหวให้พรรคเกิดความเสียหาย หัวหน้าพรรคเห็นว่าข้อเรียกร้องจะสร้างปัญหาและเกรงจะเกิดความขัดแย้งครั้งใหญ่ จึงนัดประชุมกก.บห. และส.ส.ของพรรค เมื่อวันที่ 19 ม.ค. หารือถึงข้อเรียกร้องของ ร.อ.ธรรมนัส

ที่ประชุมร่วม ประกอบด้วย กก.บห. 17 คน และส.ส. 61 คน รวม 78 คน เห็นว่าข้อเรียกร้องดังกล่าวไม่สามารถดำเนินการให้ได้ เนื่องจากจะเป็นความเสียหายทั้งระบบ เพื่อรักษาหลักการในเรื่องความมั่นคง ความมีเสถียรภาพและความเป็นเอกภาพ ถือเป็นจุดแตกหักที่ต้องตัดสินใจ ข้อเสนอนี้เป็นเหตุที่ร้ายแรง เข้ากับข้อบังคับของพรรค ข้อที่ 54(5) ประกอบวรรคท้าย จึงมีมติขับ ร.อ.ธรรมนัส และส.ส.กลุ่มดังกล่าว ด้วยเสียง 63 เสียง ซึ่งถือว่าเกิน 3 ใน 4 ของที่ประชุมร่วม ขั้นตอนต่อไปทางพรรคจะจัดเตรียมเอกสารเพื่อแจ้งไปยังกกต. แต่ขณะนี้สถานะทั้ง 21 คน ยังเป็นส.ส. ปฏิบัติหน้าที่ได้ตามปกติ แต่จะต้องหาพรรคสังกัดใหม่ภายใน 30 วัน ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 101 (9)

มั่นใจเสถียรภาพนายกฯมั่นคง

นายไพบูลย์กล่าวว่า ส่วนอนาคตของส.ส.ทั้ง 21 คน จะสามารถร่วมงานกับพรรคได้อีกหรือไม่นั้น ขอให้ไปถาม ร.อ.ธรรมนัส เอง ตนตอบแทนได้ มั่นใจว่าหลังจากนี้ปัญหาความขัดแย้งภายในพรรคจะจบ ไม่เกิดปัญหาลักษณะนี้ขึ้นมาอีก ถึงเวลาที่ต้องขจัดความ ขัดแย้งที่ฝั่งรากลึกเกินเยียวยา เชื่อมั่นว่ามติครั้งนี้จะเป็นประโยชน์ต่อพรรค เป็นสถาบันทางการเมืองอย่างแท้จริง รับรองว่าพรรค ดีขึ้นแน่

ผู้สื่อข่าวถามว่า 21 ส.ส.ที่หายไป จะทำให้เสถียรภาพของนายกฯ ยังมั่นคงหรือไม่ นายไพบูลย์กล่าวว่า สถานะของนายกฯ มั่นคงอยู่แล้วและจะมั่นคงต่อไป ภาพลักษณ์ของพรรคก็จะดีขึ้นด้วย ซึ่งเรายังเหลือส.ส.อีก 100 คน ส่วนที่มองว่า ร.อ.ธรรมนัส ต้องการต่อรองเรื่องการปรับครม.จึงเคลื่อนไหวนั้น ตนไม่ทราบ

เผยถกเครียด-งัดกฎกกต.ท้วง

สำหรับบรรยากาศการประชุม กก.บห. และส.ส.พรรคพลังประชารัฐ ที่มูลนิธิป่า รอยต่อฯ ช่วงเย็น 19 ม.ค. ก่อนมีมติขับ ร.อ.ธรรมนัส กับส.ส.รวม 21 คนนั้น มีรายงานว่าแกนนำพรรค คือ นายนิโรธ สุนทรเลขา ประธานคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร (วิปรัฐบาล) คัดค้านการลงมติขับ เกรงจะดำเนินการไม่ถูกต้องตามขั้นตอนกฎหมายเพราะยังไม่มีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบความผิดและไม่มีความผิดเชิงประจักษ์ กลัวพรรคจะได้รับผลกระทบจนถูกยุบ พร้อมสอบถามที่ประชุมถึงเหตุผลการขับ ร.อ.ธรรมนัส จึงพูดขึ้นมาว่า ข้อหาที่ต้องขับคือภายในพรรคมีความขัดแย้งมาโดยตลอด จนไม่สามารถบริหารงานได้

ขณะที่ นายบุญสิงห์ วรินทร์รักษ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ นายทะเบียนสมาชิกพรรค คนสนิทของ ร.อ.ธรรมนัส ยกเหตุผลขึ้นมาอ้างว่า ตามข้อบังคับพรรคให้ขับได้ แต่สมาชิกหลายคนยังกังวลประเด็นที่นายนิโรธท้วงติง พล.อ.ประวิตร จึงสั่งให้โทร.สอบถามจากเจ้าหน้าที่ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เพื่อให้ชัดเจน โดยเจ้าหน้าที่ กกต.อ่านระเบียบการขับสมาชิกพ้นพรรคให้ฟังว่า ต้องอาศัยมติที่ประชุม กก.บห.และส.ส.โดยใช้เสียง 3 ใน 4 จากนั้นพล.อ.ประวิตรจึงเรียก กก.บห.แยกไปประชุมอีกห้อง เพื่อทำให้ถูกต้องตามระเบียบกกต.

‘บิ๊กป้อม’ตะเพิดออกไปจะได้สงบ

เมื่อประชุมเสร็จได้ออกมาสอบถาม ส.ส.โดยให้ยกมือว่าเห็นด้วยกับการขับ ร.อ.ธรรมนัสกับพวกหรือไม่ มีเสียงเห็นด้วยกว่า 30 คน งดออกเสียง 19 คน และไม่เห็นด้วย 1 คนคือ นายนิโรธ จนต้องโหวตรอบสอบเพื่อให้เสียงผ่านตามเกณฑ์

ก่อนโหวต ร.อ.ธรรมนัสเดินไปพูดคุยโน้มน้าวส.ส.แต่ละคน เพื่อให้ลงมติขับ แต่ยังมีส.ส.บางส่วนลังเลอยู่ แม้เจ้าหน้าที่ กกต.จะอธิบายแล้วก็ตาม เพราะมองว่าไม่มีลายลักษณ์อักษร จน พล.อ.ประวิตร พูดย้ำว่า “มันจะออกก็ออกๆ ไป พรรคจะได้สงบ” ส่งผลให้ส.ส.ที่ลังเลอยู่ลงมติให้ขับออก ขณะที่นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง และรองหัวหน้าพรรค กล่าวว่า “ต้องรีบทำให้เสร็จๆ จะได้จบๆ” แต่นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน และกก.บห. นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) และกก.บห. ยังคงลงมติงดออกเสียงเนื่องจากกังวลเรื่องข้อกฎหมายในอนาคต

ในที่ประชุมช่วงหนึ่ง ส.ส.คนสนิทของร.อ.ธรรมนัส พูดว่า “เรื่องที่เกิดขึ้นเป็นเพราะปัญหาตำแหน่งรัฐมนตรี ทำไมไม่แต่งตั้ง” ขณะที่ ร.อ.ธรรมนัสถามรัฐมนตรีที่มีปัญหากับตนเองว่า “ตอนนั้นทำไมถึงล่าชื่ออยากขับผมออกไป แต่ตอนนี้ทำไมถึงไม่ขับผม”

นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เปิดเผยว่า ในวันที่ 21 ม.ค. เวลา 10.00 น. จะไปยื่นร้อง กกต. ให้สอบพรรคพลังประชารัฐกรณีขับ 21 ส.ส. หากกกต.วินิจฉัยว่าขัดต่อข้อบังคับพรรคหรือพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยพรรคการเมือง 2560 อาจถูกยุบพรรคได้

‘สันติ’ตัวเต็งเสียบเลขาฯ

รายงานข่าวเปิดเผยว่า ภายหลังที่ประชุม กก.บห.และส.ส.พรรคพลังประชารัฐมีมติขับ ร.อ.ธรรมนัส และส.ส.ในกลุ่ม พบมี 3 คนที่เป็นกก.บห. ได้แก่ ร.อ.ธรรมนัส นายบุญสิงห์ วรินทร์รักษ์ นายทะเบียนพรรค และนายไผ่ ลิกค์ รองเลขาธิการพรรค แม้จะไม่มีผล กระทบต่อการทำงาน แต่คาดว่าจะมีการเรียกประชุมใหญ่เพื่อแต่งตั้ง กก.บห.ชุดใหม่เร็วๆ นี้ เพื่อแทนตำแหน่งที่ว่าง โดยเฉพาะตำแหน่งเลขาธิการพรรค ซึ่งขณะนี้มีแคนดิเดต 2 รายคือ นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง และรองหัวหน้าพรรค และนายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน และกก.บห. โดยเสียงส่วนใหญ่ในพรรคเห็นว่าควรสนับสนุนนายสันติ เพราะอาวุโสกว่า และสมาชิกให้การยอมรับมากกว่า

ก๊วน‘ธรรมนัส’เร่งไปพรรคใหม่

วันเดียวกัน ร.อ.ธรรมนัสได้เคลื่อนไหวในโซเชี่ยล โดยเข้ามาแสดงความเห็นทางเพจ เฟซบุ๊กส่วนตัว พร้อมโพสต์รูประหว่างพบปะกับประชาชนว่า “ไม่ว่าผมจะอยู่ที่ไหนผมก็จะช่วยเหลือพี่น้องประชาชนทุกท่านอย่างเต็มที่ต่อไป เพราะชีวิตนี้ผมอุทิศแล้วเพื่อพี่น้องประชาชนครับ”

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับส.ส.กลุ่มร.อ.ธรรมนัส ที่ถูกขับออกจากพรรคบางส่วนได้พูดคุยเพื่อหารือถึงทิศทางการทำงานพรรคใหม่ และขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการใน ขั้นตอนรวบรวมเอกสาร ส่วนจะแถลงข่าวเปิดตัวเมื่อใดนั้นยังไม่ยืนยัน เนื่องจากอยู่ระหว่างพูดคุย แต่แม้จะพ้นจากพรรคพลังประชารัฐ ก็ยังคงสถานะเป็นส.ส.ฝ่ายรัฐบาล

ส่วนกระแสข่าวว่าจะย้ายไปสังกัดพรรคเศรษฐกิจไทย โดยมี พล.อ.วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา ประธานกรรมการยุทธศาสตร์พรรคพลังประชารัฐ เป็นหัวหน้าพรรค เป็นสิ่งที่มีการพูดคุยกันแต่ต้องรอความชัดเจนอีกครั้ง แต่ขณะนี้ พล.อ.วิชญ์ยังเป็นสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ

เปิดใจ-ให้รอดูเซอร์ไพรส์

ค่ำวันเดียวกัน ร.อ.ธรรมนัส โพสต์คลิปวิดีโอ ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ความยาว 3.27 นาที เป็นคลิปลักษณะของการตั้งคำถามให้ โดย ระบุว่า ต้องยอมรับอย่างหนึ่งว่า อยู่บ้านเก่าหลายอย่างทำได้ไม่เต็มที่ เพราะด้วยเงื่อนไขหลายอย่างที่ไม่ต้องไปพูด ในหัวเราใจเราที่สั่งสมองให้ทำงาน เรายึดหลักผลประโยชน์ประชาชนเป็นที่ตั้ง เราเอาปัญหามาทำเป็นโจทก์ มาเป็นคำถามถามตัวเองว่าจะแก้อย่างไร ท้ายที่สุดมันทำไม่ได้ เราก็อยากจะมาทำด้วยตัวเอง อะไรที่ทำด้วยตัวเอง ตนมีความมั่นใจว่าจะมีคุณภาพมากกว่า

ส่วนรู้สึกอย่างไรที่ได้ยินคนพูดว่าก็แค่ละครฉากหนึ่ง ร.อ.ธรรมนัส ตอบว่า เราต้องยอมรับความเป็นจริงอย่างหนึ่งว่า พี่เป็นคนตรงไปตรงมา ฉะนั้นการพูดตรงไปตรงมาอาจไม่เป็นที่ถูกใจของนักการเมืองบางกลุ่ม ฉะนั้นภาพที่เราออกสื่อ ก็เพราะเราทำงาน ทำให้หลายคนไม่ชอบ คนอย่างตนเคลียร์จบก็คือจบ ไม่เคยที่จะเอามาเป็นประเด็น เมื่อจบไม่จบ เราก็แยกกันเดินดีกว่า

เมื่อถามว่า บ้านหลังใหม่นี้มีชื่อว่าอะไร ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า พรรคนี้ บ้านหลังใหม่นี้ไม่ใช่พรรคที่เพิ่งเกิด เป็นพรรคที่เกิดมานานพอสมควร ครั้งหนึ่งผู้ใหญ่ในบ้านเมืองจะใช้เป็นพรรคหลัก พรรคนี้เมื่อเปิดตัวมาแล้ว ทุกคนจะร้องอ๋อว่าเป็นพรรคของใคร เรามีความพร้อมทุกเรื่อง องค์ประกอบอื่นๆเราพร้อมหมด บ้านหลังใหม่เราเตรียมมานานแล้ว เดี๋ยวมีเซอร์ไพรส์

9 พรรคเล็กเสียงแตก

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับความเคลื่อนไหวของพรรคเล็กที่ร่วมรัฐบาล มีแนวโน้มที่ส.ส.จะไปร่วมกับกลุ่มของร.อ.ธรรมนัส ประกอบด้วย พรรครักษ์ผืนป่าประเทศไทย 2 คน พรรคพลังชาติไทย 1 คน พรรคประชา ภิวัฒน์ 1 คน พรรคครูไทยเพื่อประชาชน 1 คน พรรคพลเมืองไทย 1 คน พรรคประชาธิปไตยใหม่ 1 คน พรรคไทรักธรรม 1 คน พรรคเพื่อชาติไทย 1 คน รวม 9 คน

ส่วนพรรคเล็กที่ยังตัดสินใจอยู่กับ พล.อ. ประยุทธ์ มีเพียง 1 พรรคคือ นพ.ระวีมาศ ฉมาดล ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคพลังธรรมใหม่ เนื่องจากมีความขัดแย้งกับ ร.อ.ธรรมนัส ช่วงการลงมติอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลครั้งที่ผ่านมา

นายสุรทิน พิจารณ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคประชาธิปไตยใหม่ กล่าวยอมรับว่า ในส่วนของพรรคของตน และพรรคเล็กอื่นๆ ได้มีการหารือกับนายพีระวิทย์ เลื่องลือดลภาค ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคไทรักธรรม ถึงการสนับสนุนงานการเมืองในกลุ่มของร.อ.ธรรมนัส แต่ยังไม่ตกผลึก เนื่องจากมีบางพรรคต้องการยุบ พรรคตัวเองเพื่อไปรวมกับพรรคใหม่ของร.อ.ธรรมนัส แต่ตนขอยืนยันว่าจะทำงานการเมืองในนามพรรคประชาธิปไตยใหม่ ต่อไป ไม่ยุบพรรคหรือควบรวมกับพรรคใด

“ผมยังทำงานการเมืองกับ ร.อ.ธรรมนัส ซึ่งเรื่องนี้จะมีความชัดเจนในสัปดาห์หน้า เพราะต้องรอให้ ร.อ.ธรรมนัสปักหลักให้ได้บ้านก่อน ไม่ใช่เป็นผีตองเหลืองแบบนี้” นายสุรทินกล่าว

ด้านนายคฑาเทพ เตชะเดชเรืองกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคเพื่อชาติไทย กล่าวว่า ขอปฏิเสธข่าวว่าจะเป็นพรรคเล็ก ที่ไปร่วมงานการเมืองกับ ร.อ.ธรรมนัส ตอนนี้ไม่ขอตอบโต้ข่าวที่เกิดขึ้น เพราะจะทำให้รัฐบาลเสียหาย อีกทั้งตนรู้วัตถุประสงค์ ของผู้ที่ปล่อยข่าวว่าต้องการสร้างเกมทาง การเมือง

“ผมรู้ว่าตอนนี้มี 4 พรรคที่จะไปอยู่กับร.อ.ธรรมนัส แต่อีก 5 พรรค นอกจากพรรคของตนแล้ว ยังมีพรรคครูไทยเพื่อประชาชน พรรคพลเมืองไทย พรรคพลังชาติไทย พรรคพลังธรรมใหม่ ไม่ไป เพราะเป็นเอกเทศ และยังต้องการเป็นพรรคร่วมรัฐบาล สนับสนุนการทำงานของนายกฯ”นายคฑาเทพกล่าว

นายเขตรัฐ เหล่าธรรมทัศน์ ส.ส.บัญชี รายชื่อ โฆษกพรรครวมพลังประชาชาติไทย (รปช.) กล่าวว่า เมื่อประชาชนไว้วางใจ ลงคะแนนให้ ส.ส.ทั้ง 5 คนของพรรคเข้ามาทำงานในรัฐสภา บนสัญญาที่ว่าเราต้องการเห็นการเมืองที่ดีขึ้น การเมืองที่สุจริต พรรครวมพลังประชาชาติไทยคือสุภาพบุรุษทางการเมือง โดยพวกเราเชื่อมั่นว่า พล.อ.ประยุทธ์ เป็นผู้ที่มีคุณสมบัติครบทุกประการ จึงพร้อมที่จะอยู่เคียงข้างลุงตู่จนจบสมัยตามสัญญาที่ได้ให้ไว้กับประชาชนมาตั้งแต่ช่วงหาเสียง

จับตารัฐบาลเสียงปริ่มน้ำ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนี้ส.ส.ในสภาที่ปฏิบัติหน้าที่ได้มี 475 คน ฝ่ายรัฐบาลมีเสียงรวม 275 คน ฝ่ายค้าน 200 คน ในการประชุมสภาจะใช้เสียงเกินกึ่งหนึ่งขององค์ประชุม 238 เสียง เมื่อพรรคพลังประชารัฐขับร.อ.ธรรมนัส พร้อมด้วย ส.ส.รวม 21 คนพ้นพรรค ทำให้เสียงของรัฐบาลเหลือ 254 เสียง เท่ากับฝ่ายรัฐบาลมีเสียงเกินกึ่งหนึ่งเพียง 16 เสียง

ที่น่าห่วงอีกคือ ในจำนวน 254 เสียงของฝ่ายรัฐบาล เมื่อหักเสียงประธานและรองประธานสภา 3 เสียงแล้ว เสียงส.ส.รัฐบาลเกินครึ่งแค่ 13 เสียง ซึ่งมีความเสี่ยงสูงใน การโหวตกฎหมายสำคัญ หากส.ส.กลุ่มร.อ.ธรรมนัส ไม่เข้าประชุมสภาหรืองด ออกเสียง หรือไปร่วมกับฝั่งฝ่ายค้าน และหาก ส.ส.พรรคเล็ก ร่วมมุ้ง ร.อ.ธรรมนัส ก็จะทำให้เสียงรัฐบาลปริ่มน้ำยิ่งขึ้นไปอีก

‘ชินวรณ์’มั่นใจสภาเดินหน้าได้

นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ ส.ส.นครศรี ธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) รองประธานวิปรัฐบาล กล่าวว่า ขณะนี้มี ส.ส.ในสภา 475 เสียง การประชุมสภาใช้เสียงกึ่งหนึ่งคือ 238 เสียง รัฐบาลมี 275 เสียง และจากการขับส.ส.ออกจากพรรค 21 คน เสียงรัฐบาลจะเหลือ 254 เสียง เรื่องตัวเลขยังทำให้การประชุมสภาดำเนินการต่อเนื่องได้ แต่เสียงปริ่มน้ำ เป็นเรื่องที่วิปแต่ละพรรคต้องปรึกษาหารือและหามาตรการให้การประชุมมีประสิทธิภาพ และยังเชื่อมั่นเพื่อนส.ส.ที่มีการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองต้องร่วมกันคำนึงถึงการทำงานของสภาให้เดินหน้าต่อไปได้

เมื่อถามว่าตอนสภาล่ม ส.ส. 21 คนที่ถูกพรรคพลังประชารัฐขับออกก็ไม่ได้อยู่ที่สภา นายชินวรณ์ กล่าวว่า แต่ละพรรคต้องร่วมมือกันต่อไป กรณีเสียงรัฐบาลปริ่มน้ำก็ดี หรือบางครั้งประธานรัฐสภาเป็นอีกฝ่ายหนึ่งกับฝ่ายรัฐบาลก็เคยมีมาแล้ว ดังนั้น อยู่ที่การประสานงานในการทำงานร่วมกัน หลังจากนี้คงจะมีการหารือของผู้บริหารพรรคร่วมรัฐบาลแต่ละพรรค ซึ่งวิปรัฐบาลต้องทำหน้าที่ในการดูแลมาตรการเพื่อรักษาองค์ประชุมต่อไป

ด้านนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ให้สัมภาษณ์ถึงปัญหาในพรรคพลังประชารัฐว่า พรรคใครพรรคมัน ขออย่าให้มีออกจากพรรคภูมิใจไทยพอ พรรคเราอบอุ่น สามัคคี ไม่ดึงใคร และใครอย่ามาดึงเรา

พท.คาดชิงยุบสภาก่อนซักฟอก

นายสมคิด เชื้อคง ส.ส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย (พท.) รองประธานวิปฝ่ายค้าน กล่าวว่า การประชุมสภาสมัยสามัญที่เหลืออีก 5 สัปดาห์ รัฐบาลคงไม่กล้าเสนอกฎหมายสำคัญๆ อาทิ กฎหมายการเงิน เข้าสู่ที่ประชุมสภาแน่นอน หากมีปัญหานายกฯ ต้องรับผิดชอบ ฝ่ายรัฐบาลคงจะประคองสถานการณ์ไปจนถึงวันปิดประชุมสภาในสมัยนี้ไปก่อน แต่เมื่อเปิดประชุมสภาในสมัยหน้า คือตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค.เป็นต้นไป ยังไม่รู้พล.อ.ประยุทธ์จะเอาอย่างไร เพราะสมัยประชุมหน้าพรรคร่วมฝ่ายค้านจะยื่นญัตติเปิดอภิปรายเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจนายกฯ และรัฐมนตรี ดังนั้นระหว่างสมัยการประชุม พ.ค.-ก.ค. พล.อ.ประยุทธ์อาจจะชิงยุบสภาก่อนก็ได้ เพราะอยู่ในภาวะเสือติดจั่น ถูกบีบจากฝ่ายรัฐบาลด้วยกันเอง

พล.อ.ประยุทธ์คงจะไปได้ยากแล้ว กลุ่ม ร.อ.ธรรมนัสออกไปประมาณ 21 เสียง ถ้าเขาพาพรรคเล็กๆ ออกไปด้วยอีก 9 เสียง รวมแล้วประมาณ 30 เสียง ขณะที่เสียงฝ่ายรัฐบาลมีมากกว่าฝ่ายค้านประมาณ 30 กว่าเสียงเท่านั้น ซึ่งเสียงของฝ่าย ร.อ.ธรรมนัส 21 เสียงคงยังอยู่กับฝ่ายรัฐบาล ส่วนจะโหวตหรือจะต่อรองกันอย่างไร เป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่เชื่อว่าหลังจากนี้คงจะต่อรองกันเอง ทั้งเรื่องผลประโยชน์และตำแหน่งมากขึ้น

‘วิษณุ’แนะรอกม.เลือกตั้งผ่านก่อน

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีพรรคพลังประชารัฐ ตอบข้อถามหากนายกฯ ยุบสภาในขณะที่ร่างพ.ร.ป. หรือกฎหมายลูกว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส.และร่างพ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง ยังไม่ผ่านจะทำได้หรือไม่ว่า จะเรียกว่าค้างอยู่อย่างนั้น หรือเรียกว่าตกไปก็ได้ เพราะเมื่อยุบสภาแล้วจะไม่สามารถประชุมสภาได้ ซึ่งกฎหมายทั้ง 2 ฉบับจะต้องเข้าสู่ทั้งสองสภา และเมื่อยุบสภาแล้วต้องเลือกตั้งภายใน 45-60 วัน แล้วจะเลือกกันอย่างไร ตนก็นึกไม่ออก

ผู้สื่อข่าวถามว่าหากเป็นรัฐบาลรักษาการจะนำกฎหมายลูกทั้ง 2 ฉบับมาออกเป็นพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) เพื่อให้มีผลบังคับใช้ได้หรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า ก็มีข้อเสนอแนะอย่างนั้น แต่ตนไม่เห็นด้วย และคิดว่าไม่ใช่วิธีที่ฉลาด เพราะการออกเป็นพ.ร.ก.เป็นการที่รัฐบาลกำหนดฝ่ายเดียว เท่ากับว่ากติกานี้รัฐบาลกำหนด ถึงอย่างไรก็ต้องให้กฎหมายลูกผ่านออกมาใช้เสียก่อน จะได้มีกลไกและเครื่องมือใช้ในการเลือกตั้ง ซึ่งกกต. จะส่งกฎหมายทั้ง 2 ฉบับ เข้าครม.สัปดาห์หน้า หากผ่านครม.แล้ว จะส่งสภาได้ทันที

เมื่อถามว่า นายกฯ จะใช้วิธีลาออกเพื่อแก้ปัญหาได้หรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า ได้ แต่วิธีนั้นจะแก้ปัญหาอะไรถ้าเลือกนายกฯ ใหม่ สภายังเป็นสภาเดิม เสียงยังอยู่แบบเดิม ใครจะย้ายพรรค ยุบพรรค ไม่ได้ทั้งนั้น เมื่อถามว่า นายกฯ จะต้องเร่งแก้ไขปัญหาภายในรัฐบาลใช่หรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า “ทั้ง นายกฯ และพรรคร่วมรัฐบาลทั้งหลายจะต้องรีบแก้ ผมถึงเคยพูดตั้งแต่ตอนตั้งรัฐบาลเมื่อ 2 ปีที่แล้วว่า รัฐบาลเป็นเรือเหล็ก แต่เป็นเรือลำเล็ก และสนิมเหล็กเกิดแต่เนื้อในตน มันไม่ได้มาจากฝ่ายค้าน”

‘สร้างอนาคตไทย’เนื้อหอม

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับพรรคสร้างอนาคตไทย (สอคท.) ที่นายอุตตม สาวนายน และนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เปิดตัวเมื่อ วันที่ 19 ม.ค. เบื้องต้นมีกลุ่มการเมืองที่สนิทสนมกับนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ อดีตรองนายกรัฐมนตรี ได้พูดคุยและมีแนวโน้มที่อาจจะย้ายเข้าพรรค อาทิ กลุ่มกำแพงเพชร ของนายวราเทพ รัตนากร อดีตรมช.หลายกระทรวง ,กลุ่มชลบุรี ของนายสนธยา คุณปลื้ม นายกเมืองพัทยา ที่ระยะหลังมีความ ขัดแย้งในระดับพื้นที่กับนายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน กก.บห.พรรคพลังประชารัฐ

นอกจากนี้ยังมี กลุ่มสะสมทรัพย์ ของนายเผดิมชัย สะสมทรัพย์ ส.ส.นครปฐม พรรคชาติไทยพัฒนา นายวิลาศ จันทรพิทักษ์ อดีตส.ส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์ เป็นต้น

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน