เสี่ยมะขามเจ๊งพิษโควิด
บุกห้างลงมือ-หนีไม่รอด
ตร.รวบอดีตเสี่ยมะขามหวาน บุกเดี่ยวจี้ชิงทองคำมูลค่ากว่า 6 แสนกลางห้างดังที่หล่มสัก เพชรบูรณ์ สุดท้ายทนแรงกดดันไม่ไหวยอมมอบตัวหลังหนีกบดานในป่าข้ามคืน สารภาพตกอับเพราะเศรษฐกิจตกจากพิษโควิด อาศัยกู้เงินประทังชีวิตเป็นหนี้สินรุงรังต้องหาเงินใช้หนี้วันละเป็นหมื่นจนไร้ทางออก
เมื่อวันที่ 25 ม.ค. พล.ต.ต.อรรถสิทธิ์ สุดสงวน รองผบช.ภาค 6 เผยว่า ตำรวจบช.ภาค 6 สนธิกำลัง ตำรวจบก.ป. บก.ภ.จว.เพชรบูรณ์ และสภ.หล่มสัก จับกุมนายนพรุจ สุขเสถียร อายุ 40 ปี ชาวต.นาเกาะ อ.หล่มสัก ผู้ต้องหาก่อเหตุใช้อาวุธปืนจี้ชิงทองคำรูปพรรณน้ำหนักรวม 23 บาท มูลค่า 690,000 บาท จากห้างทองเยาวราชสินทวี ภายในห้างสรรพสินค้าบิ๊กซี สาขาหล่มสัก เมื่อช่วงค่ำวันที่ 24 ม.ค.ที่ผ่านมา โดยจับกุมตัวที่ทุ่งนาแห่งหนึ่งในพื้นที่ ต.นาเกาะ พร้อมกับของกลางสร้อยคอทองคำ 17 เส้น และอาวุธปืนไทยประดิษฐ์ 1 กระบอก
โดยวันเกิดเหตุเวลา 19.00 น. พนักงานสอบสวนสภ.หล่มสักรับแจ้งเหตุชิงทรัพย์ที่ห้างทองดังกล่าวจึงนำกำลังรุดไปตรวจสอบ พบภาพวงจรปิดขณะเกิดเหตุ คนร้ายเป็นชายผิวดำแดง สูงประมาณ 170 เซนติเมตร ใส่เสื้อแขนสั้นคอปกสีเขียวเข้ม กางเกงยีนส์สีน้ำเงิน สวมรองเท้าผ้าใบสีดำ สวมหน้ากากอนามัย สีดำ ใช้อาวุธปืนเข้าไปจี้ชิงทอง จากนั้นใช้ปืนยิงเพื่อเปิดทางหลบหนี แต่ไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งสกัดจับตามเส้นทางที่คาดว่าคนร้ายใช้ หลบหนี พร้อมเก็บรอยนิ้วมือแฝงของคนร้ายตามตู้กระจกโชว์ทอง
สอบสวนพนักงานห้างทองที่เกิดเหตุทราบว่าช่วงเกิดเหตุเป็นเวลาใกล้ปิดร้าน พนักงานกำลังช่วยกันลำเลียงทองรูปพรรณเก็บในตู้เซฟ คนร้ายเดินเข้ามาที่เคาน์เตอร์พร้อมกับชักปืนออกมาจากกระเป๋าที่สะพายมา พร้อมสั่งให้ส่งทองให้และกำชับห้ามกดสัญญาณกันขโมย ก่อนกระโดดขึ้นเคาน์เตอร์และคว้าถาดใส่สร้อยคอทองคำที่แขวนอยู่วิ่งหลบหนีออกไปทางประตูหน้า โดยใช้ปืนยิงขึ้นฟ้าเปิดทาง 1 นัด
พนักงานอีกรายกล่าวว่า เห็นชายที่มีลักษณะคล้ายผู้ที่มาก่อเหตุมาเดินป้วนเปี้ยนอยู่แถวร้านทองมาหลายวันและหลายครั้งแล้วระหว่างวันที่ 17-20 ม.ค.ที่ผ่านมา ในช่วงเวลา 10.00 น. และ 14.00 น. บางวันมาสองรอบ โดยจะใส่หน้ากากอนามัยสีดำ แต่การแต่งกายจะเปลี่ยนไป บางครั้งถือถุง บางครั้งสะพายกระเป๋าเป้ วันที่ 20 รู้สึกแปลกใจจึงเดินตามดูแต่ยังไม่เกิดอะไรขึ้น ไม่คิดว่าวันนี้จะมาก่อเหตุดังกล่าว
พล.ต.ต.อรรถสิทธิ์กล่าวว่า หลังจากคนร้ายก่อเหตุ เจ้าหน้าที่ระดมกำลังปิดล้อมเส้นทางที่คาดว่าจะหลบหนี พร้อมทั้งตรวจเช็กจากกล้องวงจรปิด และเผยแพร่ภาพคนร้ายในโซเชี่ยลเพื่อให้ประชาชนช่วยชี้เบาะแส จนกระทั่งทราบว่าผู้ก่อเหตุคือนายนพรุจจึงนำกำลังไปตรวจสอบที่บ้าน แต่ไม่พบจึงได้เชิญตัวญาติๆ มาสอบสวนที่สภ.หล่มสัก และใช้กำลังกดดันในพื้นที่ กระทั่งในช่วงเช้าคนร้ายได้ติดต่อผ่านกำนันตำบลนาเกาะว่าจะเข้ามอบตัวในที่สุด
สอบสวนผู้ต้องหาสารภาพว่า ดูลาดเลาและเส้นทางการหลบหนีในช่วงเช้าก่อนลงมือในช่วงเย็น โดยขี่รถจักรยานยนต์ฮอนด้าเวฟ สีขาว-แดง ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียนจอดในที่จอดรถของห้าง จากนั้นได้เดินเข้าไปด้านในทำทีกดเงินจากตู้เอทีเอ็มที่อยู่หน้าห้างทอง เมื่อสบโอกาสเดินเข้าไปและใช้ปืนสั้นไทยประดิษฐ์ที่ทำเองจี้พนักงาน แต่พนักงานไม่ได้ยินจึงกระโดดขึ้นเคาน์เตอร์พร้อมกระชากทองรูปพรรณไปจำนวนหนึ่ง ทราบภายหลังว่าจำนวน 23 บาท จากนั้นขี่รถจักรยานยนต์หลบหนีไป แต่ระหว่างที่วิ่งออกจากห้างประตูปิดอยู่จึงใช้ด้ามปืนกระแทกอย่างแรงจนประตูเปิด จากนั้นจึงวิ่งไปขี่รถจักรยานยนต์หลบหนีไปอยู่กลางทุ่งนา จนกระทั่งทนการกดดันไม่ไหวจึงติดต่อขอเข้ามอบตัวดังกล่าว
ส่วนสาเหตุและแรงจูงใจในการก่อเหตุนั้นเนื่องมาจากผู้ต้องหาประกอบอาชีพรับซื้อมะขามหวาน แต่ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาเกิด โควิด-19 ธุรกิจขาดทุน จึงไปกู้เงินมาเป็นค่าใช้จ่ายจนมีหนี้สินเงินกู้รายวันจำนวนมาก ไม่รู้จะเอาที่ไหนไปใช้จึงตัดสินใจก่อเหตุ ก่อนที่จะลงมือได้ไปพูดคุยกับภรรยาแล้วและภรรยาได้ห้ามแล้ว แต่ไม่เชื่อจึงมาก่อเหตุดังกล่าว
ด้านนายมนัญชัย ตรีสุข กำนันตำบลนาเกาะเผยว่า หลังจากคนร้ายก่อเหตุได้มีการแชร์ภาพคนร้ายในโซเชี่ยล จำได้ทันทีเพราะเป็นลูกบ้านจึงได้ไปตรวจสอบที่บ้านแต่ไม่พบ กระทั่งรุ่งเช้าคนร้ายติดต่อให้พาเข้ามอบตัว และจากการพูดคุยทราบว่ามีหนี้เงินกู้รายวันจำนวนมาก ต้องหาเงินใช้หนี้วันละหมื่นกว่าบาท จึงเกิดความเครียดและตัดสินใจก่อเหตุดังกล่าว สำหรับผู้ต้องหารายนี้นิสัยดีมากขยันทำมาหากินเป็นคนรักครอบครัว ไม่คิดว่าจะมาก่อเหตุดังกล่าว
เบื้องต้นพ.ต.อ.สุรวิชญ์ ชัยสิทธิ์ ผกก.สภ.หล่มสัก และพนักงานสอบสวนพา ผู้ต้องหาไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพในที่เกิดเหตุ ก่อนควบคุมตัวไว้ดำเนินคดีข้อหาชิงทรัพย์ในเวลากลางคืนโดยมีอาวุธ, และ ใช้อาวุธปืน เครื่องกระสุนปืนโดยไม่ได้ รับอนุญาต และพกพาไปในเมือง หมู่บ้าน โดยไม่มีเหตุอันควร
