วางระเบิด 14 จุด-ย่านธุรกิจเมืองยะลา

ตั้งเวลาบึ้มไล่เลี่ยกัน ญาติเหยื่อ‘วิ’ร้องขอศพ

วางระเบิดป่วนยะลาทั้งคืน บึ้มกระจาย 14 จุด ลุงวัย 60 ถูกลูกหลงบาดเจ็บ อีโอดีรุดตรวจ เป็นระเบิดแสวงเครื่องในกระป๋องสเปรย์และท่อเหล็ก จุดชนวนด้วยระบบตั้งเวลา ไม่มีสะเก็ดระเบิด คาดหวังสร้างสถานการณ์แสดงศักยภาพ แม่ทัพภาค 4 ชี้คนร้ายปลอมเป็นพนักงานส่งอาหารมาวาง ญาติเหยื่อวิสามัญฯ ที่นราฯ เรียกร้องเจ้าหน้าที่คืนศพเพื่อทำพิธีทางศาสนา

บึ้ม 14 จุด – เจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้ระเบิดตรวจสอบและเก็บหลักฐาน คนร้ายลอบวางระเบิดกระจาย 14 จุดย่านธุรกิจของจ.ยะลา ฝ่ายความมั่นคงชี้เป็นการสร้างสถานการณ์ แสดงศักยภาพของกลุ่มก่อความไม่สงบ เมื่อวันที่ 29 ม.ค.

เมื่อวันที่ 28 ม.ค. เวลา 21.00 น. ศูนย์วิทยุ สภ.เมืองยะลา รับแจ้งว่าพบวัตถุต้องสงสัยคล้ายระเบิดและได้ยินเสียงดังสนั่นหวั่นไหวหลายจุดภายในเขตเทศบาลนครยะลาและชานเมืองยะลา อ.เมือง จ.ยะลา อย่างต่อเนื่อง หลังรับแจ้ง พ.ต.อ.ตรัยฤกษ์ ปัญญาไตรรัตน์ ผกก.สภ.เมืองยะลา นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร ฝ่ายปกครอง เจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้และทำลายวัตถุระเบิด (อีโอดี) ภ.จว.ยะลา ชุดเก็บกู้และทำลายวัตถุระเบิด ศปก.ตร. และเจ้าหน้าที่จากศูนย์พิสูจน์หลักฐานที่ 10 ยะลา เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุทันทีด้วยความระมัดระวังเกรงว่ากลุ่มคนร้ายจะก่อเหตุซ้ำซ้อน

จากการตรวจสอบพบว่าคนร้ายไม่ทราบกลุ่มและจำนวนใช้ระเบิดสร้างความปั่นป่วนขณะนี้รวม 14 จุด ประกอบด้วย 1.วัดเห้งเจีย 2.Home Car Care 3.ห้าแยกผังเมือง 4 หน้าร้านสุชาติค้าไม้ 4.ร้าน เซเว่นอีเลฟเว่น รัตน์ปิติ 5.หน้าโรงพยาบาลสัตว์ผังเมือง 4 6.จุดตรวจภูมาชีพ 7.เซเว่นอีเลฟเว่น ก่อนถึงจุดตรวจสะเตง 8.บริเวณเนินหูกวาง หน้าบ้านเลขที่ 153 9.เลยจุดตรวจสะเตง บริเวณสามแยกทางไปเรือนจำ 10.เซเว่นอีเลฟเว่น หน้าตลาดผังเมือง 4 11.หน้าเซเว่นอีเลฟเว่น ปากซอยกอบกุล 12. และ 13. หน้าบิ๊กซีผังเมือง 4 ทางขึ้นแฟลตตำรวจ จำนวน 2 ลูก ส่งผลให้นายมนูญ อุ่นอก อายุ 60 ปี อยู่บ้านเลขที่ 2-4 ซ.บางนา ถ.ผังเมือง 4 ต.สะเตง อ.เมือง จ.ยะลา ถูกลูกหลงมีบาดเเผลบริเวณแขน-ขา ด้านซ้าย ชุดกู้ชีพ-กู้ภัย นำตัวส่งโรงพยาบาลศูนย์ยะลา จากนั้นพบวัตถุต้องสงสัย 2 จุด คือ 1.หน้าวัดเห้งเจีย 2.ข้างห้างสรรพสินค้าโคลีเซี่ยมยะลา บริเวณหน้าร้านสเวนเซ่นส์ เจ้าหน้าที่กำลังตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง

บึ้มต่อเนื่อง – เจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้ระเบิดตรวจสอบและเก็บหลักฐานคนร้ายลอบวางระเบิดซ้ำอีกในช่วงบ่ายวันที่ 29 ม.ค. ที่ทางแยกบ้านร่ม ต.สะเตง อ.เมือง จ.ยะลา หลังจากคืนที่ผ่านมาเกิดเหตุวางระเบิดในเมืองยะลาถึง 14 จุด

พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสํานักงานตํารวจแห่งชาติ ชี้แจงกรณีเกิดเหตุระเบิดที่จ.ยะลาเมื่อช่วงเวลาประมาณ 22.00 น. วันที่ 28 ม.ค. ว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหารและเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองเดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ 13 จุดดังกล่าว และยังตรวจพบวัตถุต้องสงสัยอีก 3 จุด ที่ยังไม่ระเบิด บริเวณตรงข้ามตลาดพิมลชัย บริเวณข้างโคลีเซี่ยม และบริเวณหน้า โรงพยาบาลสัตว์ยะลา เจ้าหน้าที่ใช้ปืนแรงดันยิงทำลายไป 2 ลูก อีก 1 ลูกไม่ทำงาน คาดว่าระเบิดน่าจะด้าน จากการตรวจสอบพบว่าระเบิดที่ใช้ก่อเหตุเป็นระเบิดแสวงเครื่องบรรจุอัดดินในกระป๋องสเปรย์และ ท่อเหล็ก จุดชนวนด้วยระบบตั้งเวลา อาศัยแรงอัดทำให้เกิดเสียงดัง ไม่มีสะเก็ดระเบิด จึงคาดว่าเป็นการระเบิดเพื่อสร้างสถาน การณ์ในพื้นที่ จากเหตุการณ์ดังกล่าวมี ผู้บาดเจ็บเล็กน้อย 1 ราย ไม่มีผู้เสียชีวิต ในช่วงเช้าวันเดียวกันนี้เจ้าหน้าที่รวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ เพิ่มเติม และนำไปประกอบการตรวจพิสูจน์ รวมถึงประกอบการสืบสวนสอบสวนหาตัว ผู้กระทำความผิดต่อไป

รองโฆษกสํานักงานตํารวจแห่งชาติกล่าวถึงความคืบหน้าคดีระเบิดเสาไฟฟ้าหลายจุดในพื้นที่จังหวัดยะลา เมื่อวันที่ 31 ธ.ค. 2564 ว่าพนักงานสอบสวนขออนุมัติหมายจับผู้ต้องหาแล้ว 2 ราย และในเหตุการณ์ระเบิดบริเวณสถานีรถไฟยะลาเมื่อวันที่ 21 ม.ค. 2565 เจ้าหน้าที่ตรวจสอบกล้องวงจรปิดจนพบตัวคนร้ายแล้ว อยู่ระหว่างการพิสูจน์ทราบตัวบุคคล ซึ่ง เจ้าหน้าที่ตำรวจจะดำเนินการสืบสวนสอบสวนและติดตามจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับ และขยายผลถึงผู้ที่เกี่ยวข้องต่อไป

วันเดียวกัน เวลา 11.30 น. พล.ท.เกรียงไกร ศรีรักษ์ แม่ทัพภาคที่ 4 พร้อมด้วยนายภิรมย์ นิลทยา ผู้ว่าฯ ยะลา พล.ต.ต.ปราบพาล มีมงคล รอง ผบช.ภาค 9 และ พล.ต.ต.ทินกร รังมาตย์ ผบก.ภ.จว.ยะลา ลงพื้นที่จุดเกิดเหตุ บริเวณด้านหน้าตลาดพิมลชัย ถ.สิโรรส เขตเทศบาลนครยะลา พร้อมพบปะเยี่ยมเยียนให้กำลังใจประชาชนและพ่อค้าแม่ค้าที่ออกมาขายของบริเวณดังกล่าว

พล.ท.เกรียงไกรกล่าวว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืนที่ผ่านมา คนร้ายลอบวางระเบิด จำนวน 13 จุด ในพื้นที่ อ.เมืองยะลา เป็นสิ่งที่เจ้าหน้าที่เองก็ค่อนข้างจะอ่อนบางจุด โดยเฉพาะมีการป้องกันรอบนอกและในตัวเมืองยะลา มีประชาชนคอยสอดส่องดูแลให้เจ้าหน้าที่ แต่ในรอบนี้ หลังจากมีเหตุปะทะในพื้นที่ จ.นราธิวาส เจ้าหน้าที่แจ้งเตือนแล้วว่าอาจจะมีการหันเหของกลุ่มผู้ก่อเหตุ กับรถส่งอาหาร นำระเบิดปิงปองที่ประกอบขึ้นมาเพื่อมาก่อเหตุก่อกวนในรูปแบบต่างๆ ทำให้เกิดสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง กองทัพภาค 4 กอ.รมน.ภาค 4 ผู้ว่าราชการจังหวัด ตำรวจ สั่งการให้กองกำลังทุกภาคส่วนเพิ่มความเข้มงวด จุดสังเกตในการเข้ามา การนั่งรถสองแถว การส่งอาหารที่แทรกซึมเข้ามาเหมือนกับระเบิดที่ด้านหน้าสถานีรถไฟก่อนหน้านี้ ทั้งนี้ขอให้ประชาชนมั่นใจว่าเจ้าหน้าที่ทุกส่วนจะวิเคราะห์พื้นที่ สร้างความเข้มแข็ง สร้างความอุ่นใจให้ประชาชนถึงแม้ว่าจะเป็นการก่อกวนแต่ก็ทำให้ประชาชนได้รับผลกระทบ การค้าขายต่างๆ ประชาชนต้องช่วยกันเป็นหูเป็นตาให้เจ้าหน้าที่ด้วย

แม่ทัพภาคที่ 4 กล่าวด้วยว่าการก่อเหตุในครั้งนี้เชื่อว่าเชื่อมโยงจาก จ.นราธิวาส ที่เจ้าหน้าที่ 3 ฝ่าย ไปปิดล้อมยิงปะทะ ตอนนี้เรายังติดตามอยู่ น่าจะเป็นกลุ่มเดิมจากครั้งที่แล้ว ที่หน้าสถานีรถไฟยะลา มาด้วยรถยนต์สองแถว รอบนี้ก็มา 2 คน 2 คัน จากการตรวจสอบภาพวงจรปิด มาพร้อมกันไปคนละสาย คนร้ายจะใช้รถส่งของในช่วงโควิด-19 นี้ ที่คนสั่งซื้ออาหาร นำเข้ามาก่อเหตุ ฉะนั้นต้องเข้มงวดมากยิ่งขึ้น

ทางด้านหน่วยงานด้านความมั่นคงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ เน้นย้ำไปยังเจ้าหน้าที่ 3 ฝ่าย (ตำรวจ ทหาร ฝ่ายปกครอง) ในพื้นที่ จ.สงขลา ให้เพิ่มความเข้มในการดูแลพื้นที่ หลังจากกลุ่มคนร้ายพยายามเข้าไปก่อเหตุร้ายต่างๆ ในพื้นที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ช่วงเทศกาลตรุษจีนนี้
ผู้สื่อข่าวรายงานกรณีเหตุหน่วยปฏิบัติการพิเศษร่วมนำกำลังปิดล้อมตรวจค้นเป้าหมายจนเกิดการปะทะ บริเวณบ้านพักต้องสงสัย ตั้งอยู่บริเวณบ้านบาโงระนะ ม.5 ต.มะรือโบตก อ.ระแงะ จ.นราธิวาส เมื่อวันที่ 28 ม.ค. 2565 มีผู้เสียชีวิตถูกยิงจากการวิสามัญฯ 2 ราย โดยญาติเรียกร้องขอนำศพมาทำพิธีทางศาสนาต่อไป

ที่จ.ปัตตานี กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า แจ้งไปยังนายอำเภอทุกอำเภอเพิ่มความระมัดระวังเป็นกรณีพิเศษ เฝ้าระวังป้องกันการตอบโต้ของกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงในพื้นที่ทั้ง 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ให้แจ้งจุดตรวจจุดสกัดจัดเวรยามปฏิบัติงาน 24 ช.ม. และวางมาตรการตรวจเข้มทั้งพาหนะทั้งบุคคลที่เข้าออกพื้นที่ เช่นเดียวกับในเขตเทศบาลเมืองปัตตานี โดยเฉพาะก่อนถึงเทศกาลตรุษจีน กำชับเจ้าหน้าที่ทุกหน่วยปฏิบัติหน้าที่ด้วยความระมัดระวัง ตรวจเข้มเส้นทางเข้าเมือง และจัดกำลังตรวจเข้มในเขตเทศบาลเมืองที่เป็นย่านเศรษฐกิจ