บินหนีหลังก่อเหตุสงสัยจนท.ช่วยหนุ่มแขกเข้าปท.

2 มือปืนฆ่ามาเฟียแขก เผ่นออกนอกประเทศแล้ว นั่งเครื่องไปจากสนามบินสุวรรณภูมิ พบประวัติเป็นอดีตทหารด้วย ‘บิ๊กปั๊ด’ เร่งประสานทางการแคนาดา เจอปืนสังหาร 2 กระบอกโยนทิ้งที่หาดราไวย์ มีทะเบียนถูกต้องเป็นของคนมีสีจ่อเรียกสอบ พบเบาะแสหนุ่มแขกเหยื่อปืนไปมาเลย์ก่อน แต่เข้าไม่ได้เลยมาไทยแทนแล้วผ่านฉลุยสงสัยมีจนท.อำนวยความสะดวก

เมื่อเวลา 16.30 น. พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. บินด่วนลงพื้นที่ จ.ภูเก็ต ประชุมที่บก.ภ.จว.ภูเก็ต ร่วมกับพล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ รอง ผบ.ตร. พล.ต.ท.อำพล บัวรับพร ผบช.ภ.8 พล.ต.ต.เสริมพันธุ์ ศิริคง ผบก.ภ.จว.ภูเก็ต และร่วมสอบปากคำนาย อีกอร์ ครูย์คอฟ อายุ 33 ปี สัญชาติรัสเซีย ผู้ต้องหาคดียาเสพติดที่ถูกตำรวจจับกุมพร้อมเคตามีนจำนวนหนึ่งภายในบ้านพักเลขที่ 136/43 ม.4 ต.ราไวย์ อ.เมือง จ.ภูเก็ต เมื่อวันที่ 9 ก.พ.ที่ผ่านมา หลังพบความเชื่อมโยง 2 มือปืนต่างชาติ ที่บุกยิงถล่มสังหารนายจิมมี่ ซิงห์ หรือนายซิงห์ แมนดีฟ สมาชิกแก๊งมาเฟียสัญชาติแคนาดา เชื้อสายอินเดีย เมื่อวันที่ 4 ก.พ.ที่ผ่านมา

สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่พฐ.ตรวจสอบเครื่องจีพีเอสที่พบถูกลอบติดในรถยนต์เอ็มจี สีแดง ทะเบียนป้ายแดง ก 7221 ภูเก็ต ที่ผู้ตายขับไปจอดหน้าที่พัก บริเวณบ้านวิลล่าหรู ในพื้นที่ ม.5 ต.ราไวย์ ก่อนถูก 2 มือปืนบุกยิงเสียชีวิต เจ้าหน้าที่พบซิมโทรศัพท์มือถือในจีพีเอสดังกล่าวจดทะเบียนโดยใช้บ้านเลขที่ 136/43 ม.4 ต.ราไวย์ จึงขออนุมัติหมายค้นจากศาลจังหวัดภูเก็ต พ.ต.ท.ฤทธิไกร เหมทานนท์ สว.กก.สส.2 บก.สส.ภาค 8, พ.ต.ท.อนิรุจน์ ภัทรวิวัฒน์ สว.ตม.จว.ภูเก็ต และเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนสภ.ฉลอง เข้าตรวจค้นพบนายอีกอร์และยาเสพติดดังกล่าว จึงคุมตัวไว้ดำเนินคดีข้อหาครอบครองยาเสพติด สอบปากคำเบื้องต้นผู้ต้องหารับสารภาพว่าเป็นผู้นำเครื่องจีพีเอสไปลอบติดตั้งในรถผู้ตาย จึงคุมตัวไว้สอบสวนเพิ่มเติม

นอกจากนั้น พล.ต.อ.สุชาติที่ปักหลักคุมทีมสืบสวนในพื้นที่ ส่งกำลังตำรวจและ เจ้าหน้าที่พฐ.ใช้เครื่องตรวจหาวัตถุโลหะสแกนพื้นที่ชายหาดราไวย์ หลังสืบทราบว่า 2 มือปืนนำอาวุธปืนที่ใช้ก่อเหตุโยนทิ้งในพื้นที่ดังกล่าว เบื้องต้นพบอาวุธปืน 2 กระบอก ประกอบด้วย ปืนพกกึ่งอัตโนมัติวอลเธอร์ พีพีเค และซีแซด 75 ตรวจสอบพบเป็นปืนที่มีการจดทะเบียนถูกต้องตามกฎหมาย และมีชื่อคนมีสีชาวไทย 2 คน เป็นผู้ครอบครอง เจ้าหน้าที่กำลังเรียกตัวมาสอบปากคำว่ามีส่วนรู้เห็นด้วยหรือไม่ ส่วนคนร้ายต่างชาติทั้ง 2 ราย จากการสืบสวนทราบว่า หลบหนีออกนอกประเทศไปแล้ว

รายงานข่าวแจ้งว่า เบื้องต้นเจ้าหน้าที่พบเบาะแสผู้ต้องสงสัยเป็น 2 มือปืนที่ก่อเหตุ โดยทั้งคู่เป็นชายสัญชาติแคนาดา เดินทางออกจาก จ.ภูเก็ตไปยังกรุงเทพฯ ก่อนโดยสารเครื่องบินออกจากประเทศไทย ผ่านสนามบินสุวรรณภูมิ จ.สมุทรปราการ โดยแยกกันคนละเที่ยวบิน เมื่อกลางดึกวันที่ 6 ก.พ.ที่ผ่านมา

นอกจากนั้นยังพบข้อมูลน่าสงสัยสำหรับนายจิมมี่ ซิงห์ ผู้ตาย ว่าเข้าประเทศไทยมาได้โดยมีเจ้าหน้าที่ไทยคอยช่วยเหลือหรือไม่ เนื่องจากพบข้อมูลว่า ผู้ตายโดยสารเครื่องบินส่วนตัวไปลงที่ประเทศมาเลเซียก่อน แต่ เจ้าหน้าที่มาเลเซียตรวจพบพาสปอร์ตมีปัญหาจึงปฏิเสธการเข้าประเทศ ทำให้ต้องเปลี่ยนจุดหมายบินมาลงที่สนามบินภูเก็ตแทนและเข้าประเทศได้อย่างง่ายดาย เจ้าหน้าที่กำลังเร่งสืบสวนว่า เจ้าหน้าที่ไทยมีใครมีส่วนพัวพันหรือไม่ รวมทั้งตรวจสอบภาพวงจรปิดว่าวันที่มาถึง มีใครคอยอำนวยความสะดวกให้ผู้ตายเป็นพิเศษหรือไม่

ติดตามคดี – พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. ประชุมคลี่คดีฆ่ามาเฟียแขกที่บก.ภ.จว.ภูเก็ต เมื่อวันที่ 10 ก.พ. ได้หลักฐานวงจรปิด 2 ผู้ต้องสงสัย หลังก่อเหตุรีบเดินทางมาขึ้นเครื่องออกจากสนามบินสุวรรณภูมิตอนดึกวันที่ 6 ก.พ.

ช่วงค่ำวันเดียวกัน พล.ต.อ.สุวัฒน์เผยหลังเสร็จการประชุมว่า การทำงานของทีมสืบสวนสอบสวนเราสามารถรวบรวมพยานหลักฐานซึ่งสามารถนำจับได้ ตอนนี้คนร้ายได้เดินทางออกนอกประเทศไปแล้วเรากำลังติดต่อผสานกับต่างประเทศ ถ้าอยู่ต่างประเทศต้องขอให้นำตัวมาดำเนินการที่ประเทศไทย ตอนนี้กำลังตรวจสอบเอกสารอยู่ เบื้องต้นคนร้ายเข้ามาเมื่อ 18 ธ.ค. 2564 และเดินทางออกจากประเทศไทยวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2565 ที่ผ่านมาเดินทางไปด้วยเครื่องบินปกติ เบื้องต้นไม่มีการปลอมแปลงเอกสารในการเดินทางเข้ามายังประเทศไทย

ขณะนี้เชื่อว่ามีผู้เกี่ยวข้องมากกว่า 2 คน แต่ต้องหาหลักฐานสองคนนี้ก่อน คนก่อเหตุ 2 คน มี 1 ราย เคยกระทำความผิดในประเทศเขาแต่ไม่ร้ายแรง การออกหมายจับคิดว่าเรามีมากพอแต่ตอนนี้เราต้องหาให้มากกว่านี้ ส่วนอีกรายอายุ 37 ปี เคยเป็นทหาร ส่วนข้อมูลยังต้องรวบรวมให้มากกว่านี้ สำหรับปืนที่ตรวจพบทั้ง 2 กระบอก อยู่ระหว่างตรวจสอบว่าเป็นของใคร เพราะมีหมายเลขทะเบียนเรียบร้อยแล้ว

“คนลงมือมาจากต่างประเทศ คนเสียชีวิตก็ต่างชาติ แต่เขามาเสียชีวิตในประเทศไทย เข้ามาในฐานะนักท่องเที่ยวข้อมูลข่าวสารเราไม่รู้เลย เราต้องประสานกับประเทศนั้นๆ อย่างแคนาดาเป็นไปได้ไหม ใครที่มีความเสี่ยงเข้ามาในประเทศเรา ต้องแจ้งเราได้ไหม จ.ภูเก็ต เป็นพื้นที่เล็กๆ อยากให้ทำเซฟตี้โซนทั้งหมด ตำรวจจะเป็นผู้ประสานงาน แต่ทำงานคนเดียวไม่ได้เราต้องร่วมมือกับทางราชการผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้องต้องมาคุยกัน เมืองท่องเที่ยวในประเทศไทยเราต้องเข้มงวดตามกฎหมายของเรา แต่ช่วงนี้โควิดเลยผ่อนผัน เราได้สั่งงานทางตม.ให้ไปทบทวนกันไปแล้วคือที่ผ่านมาคำสั่งที่สั่งให้ทำได้ทำตามคำสั่งไหม” ผบ.ตร.กล่าว

 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน