เจอเสื้อผ้าบู๊ตถูกถอดทิ้งไว้ในลำห้วยแบ่งเขตชายแดน สอบเจ้าของรถ-อ้างถูกปล้น แม่ค้าร้านทองเผยนาทีโหด

‘บิ๊กใหม่’บินด่วนลงพื้นที่ชายแดน อำเภอพบพระ ติดตามคดีปล้นชิงร้านทองหนัก 200 บาท ล่าสุดพบเสื้อผ้า-รองเท้าบู๊ตของคนร้ายถูกถอดทิ้งในลำห้วยกั้นชายแดน คาดหลบหนีข้ามฝั่งไปแล้วกำลังเร่งประสานขอความร่วมมือจากประเทศเพื่อนบ้าน ให้ช่วยออกติดตามค้นหาตัวอย่างเร่งด่วน ระบุทีมปล้นน่าจะมีมาก กว่า 3 คน ส่วนเจ้าของรถกระบะคันที่ใช้ ก่อเหตุ เผยถูกปล้นและยังถูกจับมัดไว้กับต้นไม้ด้วย ส่วนตัวเจ้าของร้าน ก็เผยเหตุระทึกขณะยืนขายทอง เห็นกลุ่มคนร้ายขับรถเข้ามาจอด ทั้งหมดสวมหมวกนิรภัยปิดบังใบหน้า เห็นท่าไม่ดีแน่ก็รีบกดปิดล็อกประตู จนถูกยิงปืนใส่ต้องพากันวิ่งหนีตายไปหลบหลังร้าน ปล่อยให้กลุ่มคนร้ายลงมืออย่างใจเย็น ใช้เวลาแค่ 5 นาทีก่อนหลบหนีอย่างลอยนวล

จากกรณีคนร้าย 3 คน พร้อมอาวุธปืนครบมือบุกเข้าปล้นห้างทองกรุงเทพ 4 พบพระ ก่อนจะกวาดทองรูปพรรณไปมากกว่า 200 บาท มูลค่าเกือบ 6 ล้านบาทไป พร้อมกับลงมือยิงลูกค้าในร้านทองเสียชีวิตไปอีก 1 ราย แล้วขึ้นรถกระบะหลบหนีไป เหตุเกิดขึ้นตอนกลางวันแสกๆ บนถนนสายดอนเจดีย์-วาเล่ย์ หมู่ 1 ต.พบพระ จ.ตาก เมื่อวันที่ 12 ก.พ.ตามที่เป็นข่าวอยู่ในขณะนี้

ความคืบหน้า เมื่อวันที่ 13 ก.พ. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตลอดทั้งคืนที่ผ่านมาตั้งแต่หลังเกิดเหตุทาง พล.ต.ต.ปกปภพ บดีพิทักษ์ ผบก.ภ.จว.ตาก พ.ต.อ.รัฐศรัณย์ เกตุสิงห์สร้อย ผกก.สภ.พบพระ พ.ต.อ.ธีระพัฒน์ ธารีไทย ผกก.สส.ภ.จว.ตาก นำกำลังประสานเจ้าหน้าที่ฝ่ายทหาร ช่วยนำสุนัขดมกลิ่นหาวัตถุหลักฐานเพิ่มเติมจากภายในรถกระบะโตโยต้า สีเงิน ทะเบียน บง 1910 กำแพงเพชร ที่คนร้ายใช้ขับมาก่อเหตุแล้วขับหลบหนี และนำรถไปจอดทิ้งไว้บนถนนเส้นทางหมู่บ้านผากะเจ้อ หมู่ 9 ต.พบพระ อ.พบพระ ห่างจุดเกิดเหตุไปประมาณ 6 ก.ม. พร้อมกันนี้เจ้าหน้าที่ยังสามารถตรวจยึดรถกระบะโตโยต้า สีขาว ต้องสงสัยได้อีก 1 คัน หลังพบจอดทิ้งไว้ริมแม่น้ำเมย ห่างจากจุดที่พบรถคันแรกไปประมาณ 8 ก.ม. จากนั้นก็ได้ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ กองพิสูจน์หลักฐาน จ.ตาก เข้าเก็บวัตถุพยานหลักฐานและวัตถุต้องสงสัยจากภายในรถทั้ง 2 คันด้วย

นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ยังนำตัวพยาน ซึ่งเป็นบุตรชายของอดีตตำรวจนายหนึ่ง ทราบว่าเป็นเจ้าของรถกระบะคันที่คนร้ายใช้ก่อเหตุ เบื้องต้นให้การว่า รถของตนถูกคนร้ายปล้นไป และตนก็ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการก่อเหตุครั้งนี้ ตำรวจจึงได้กันตัวไว้เป็นพยาน เพื่อจะได้สอบสวนข้อมูลเชิงลึกต่อไป

วันเดียวกัน พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี ผบช.ภ.6, พล.ต.ต.อรรถสิทธิ์ สุดสงวน รอง ผบช.ภ.6 และพล.ต.ต.ณัฐวุฒิ ภาคภูมิ ผบก.สส.ภ.6 พร้อมทีมสืบสวนได้เดินทางเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมกับเข้าพูดคุยเพื่อให้กำลังใจนายสราวุฒิ และนางอำพร อยู่แก้ว เจ้าของร้านเกิดเหตุด้วย

นางอำพรเล่านาทีชีวิตว่า ขณะเกิดเหตุตนพร้อมครอบครัว และพนักงานรวม 3 คน กำลังยืนขายทองอยู่หน้าร้าน ขณะนั้นมีลูกค้าเป็นสามีภรรยา 2 คน กำลังเลือกซื้อทองตามปกติ ระหว่างนั้นมองออกไปนอกร้าน ก็พบรถกระบะต้องสงสัยเข้ามาจอด 1 คัน จากนั้นก็มีชาย 3 คนเดินลงมาจากรถ ทั้งหมดสวมหมวกนิรภัยอำพรางใบหน้า ตนเห็นผิดปกติจึงรีบกดปิดล็อกประตูกระจกหน้าร้านทันที แต่คนร้ายก็ยิงปืนใส่กระจกหน้าร้านจนแตกเป็นรู ทำให้ตนและพนักงานทั้งหมดรีบวิ่งหนีตายเข้าไปหลบด้านหลังร้าน จากนั้นคนร้ายทั้งสามจะบุกเข้ามาใช้ค้อนทุบกระจกหน้าร้านจนแตก แล้วก็เข้าไปกวาดทองคำรูปพรรณน้ำหนักรวมกว่า 200 บาทจากในตู้โชว์ไป โดยใช้เวลาลงมือเพียง 5 นาที จากนั้นวิ่งหนีขึ้นรถคันเดิมขับหลบหนีไป ขณะเกิดเหตุมีลูกค้าที่มาซื้อทองได้รับบาดเจ็บจากอาวุธปืน ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลพบพระ ต่อมาทราบว่าได้ไปเสียชีวิตที่โรงพยาบาล คือนายชิดอาก่า ไม่มีนามสกุล ชาวเมียนมา อายุ 29 ปี

เผ่นพม่า – พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ รอง ผบ.ตร. นำสุนัขตำรวจดมกลิ่นเสื้อผ้าที่ 3 โจรปล้นร้านทองในอ.พบพระ จ.ตาก ทิ้งไว้ริมลำห้วยวาเล่ย์ บริเวณเขตชายแดน พร้อมประสานทางการเมียนมาช่วยตามล่าตัว เมื่อวันที่ 13 ก.พ.

ต่อมาเมื่อเวลา 13.00 น. วันเดียวกัน พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ รอง ผบ.ตร. พร้อมพล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี ผบช.ภ.6 ได้ลงพื้นที่เพื่อติดตาความคืบหน้าของคดี ภายหลังการประชุมนานกว่า 1 ชั่วโมงแล้วเสร็จ พล.ต.อ.สุชาติได้เดินทางไปตรวจสถานที่เกิดเหตุที่ห้างทองกรุงเทพ 4 พบพระ พร้อมกับสอบสวนผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ช่วงที่คนร้ายบุกปล้น พร้อมกำชับให้เจ้าหน้าที่เก็บวัตถุพยานหลักฐานให้ละเอียด

จากนั้นก็เดินทางไปยังหมู่บ้านผากะเจ้อ หมู่ที่ 9 ต.พบพระ เป็นถนนลูกรังซึ่งใช้เป็นเส้นทางทางการเกษตรห่างไกลบ้านเรือนประชาชน และเป็นจุดที่พบรถกระบะโตโยต้า ทะเบียน บง 1910 กำแพงเพชร เบื้องต้นทราบว่า รถคันดังกล่าวคนร้ายปล้นมาจากนายหนุ่ย อายุ 36 ปี เจ้าของรถเดิม โดยนายหนุ่ยนั้นถูกคนร้ายจับมัดติดกับต้นไม้กลางเส้นทางบ้านผากะเจ้อ ก่อนจะนำรถไปใช้เหตุปล้น ภายในรถเจ้าหน้าที่ยังตรวจพบวัตถุพยานหลักฐานที่สำคัญหลายรายการด้วย

ต่อมา พล.ต.อ.สุชาติได้เดินทางไปที่ถนนทางการเกษตร ท้ายหมู่บ้านยะพอ หมู่ที่ 5 ต.วาเล่ย์ อ.พบพระ ซึ่งเป็นจุดพบรถกระบะโตโยต้าสีขาว คาดว่าเป็นรถคันที่ 2 ที่มีผู้ขับมารับทีมปล้นออกจากจุดทิ้งรถกระบะจุดแรก แล้วขับไปส่งที่จุดที่สองริมลำห้วยวาเล่ย์ท้ายหมู่บ้านยะพอ ซึ่งจุดนี้เจ้าหน้าที่พบหลักฐานสำคัญทางคดี โดยนำสุนัขดมกลิ่นทางยุทธวิธีของทหารมาช่วยค้นหาวัตถุพยานหลักฐานเพิ่มด้วย ซึ่งก็พบกระเป๋าสะพายและค้อนเหล็กของคนร้ายอย่างละ 1 ชิ้น นอกจากนี้ยังตรวจพบเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายและรองเท้าบู๊ตของคนร้ายทั้งสามคนถูกถอดทิ้งไว้ที่ในลำห้วยวาเล่ย์ที่กว้างเพียง 10 เมตร กั้นระหว่างพรมแดนไทย-เมียนมา ท้ายหมู่บ้านยะพอ เจ้าหน้าที่พฐ.จึงเข้าไปเก็บหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ และเก็บดีเอ็นเอของวัตถุพยานหลักฐานทุกชิ้นในทุกจุด เพื่อนำมาใช้ประกอบสำนวนคดีอย่างละเอียด พร้อมเร่งหาแหล่งร้านค้าที่คนร้ายไปหาซื้อ ทั้งเครื่องแต่งกายพร้อมอุปกรณ์ที่ใช้ ขณะนี้มีความคืบหน้าเป็นอย่างมากตามลำดับ

พล.ต.อ.สุชาติกล่าวว่า ขณะนี้คดีมีความคืบหน้าไปอย่างมาก คาดว่าคนร้ายวางแผนมาเป็นอย่างดี โดยลงมืออย่างเป็นระบบ และคาดว่าอาจหลบหนีข้ามไปยังประเทศเพื่อนบ้าน หรือไม่ก็อาจยังซ่อนตัวอยู่ในพื้นที่แนวตะเข็บชายแดนไทย-เมียนมา ซึ่งได้ประสานความร่วมมือไปยังประเทศเพื่อนบ้าน ให้ช่วยออกติดตามค้นหาตัวคนร้ายแล้ว นอกจากนี้ก็ยังมีความเป็นไปได้สูงว่า ผู้ที่ก่อเหตุและช่วยเหลือสนับสนุนในการปล้นอาจจะมีมากกว่า 3 คน ขณะนี้ฝ่ายสืบกำลังระดมกำลังลงพื้นที่ เร่งสืบสวนสอบสวนขยายผลทางคดีอย่างเร่งด่วนแล้ว

สำหรับเหตุการณ์ปล้นร้านทองครั้งนี้ สร้างความหวาดกลัวให้ชาวบ้านในพื้นที่เป็นอย่างมาก เนื่องจากขณะเกิดเหตุมีลูกค้าที่มาใช้บริการในร้านทองถูกยิงเสียชีวิตไป 1 ราย ซึ่งห้างทองดังกล่าวยังตั้งอยู่ใกล้กับตลาดสดเทศบาลพบพระและอยู่ปากทางเข้าออกโรงพยาบาลอำเภอพบพระ ถือเป็นย่านใจกลางเมืองอีกด้วย หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ทุกหน่วยยังคงออกไล่ล่าคนร้ายไปอย่างกระชั้นชิด ซึ่งอาจมีความเป็นไปได้ทั้งสองแนวทาง คือคนร้ายทิ้งรถแล้วยังคงหลบหนีอยู่ในพื้นที่อำเภอพบพระ หรือเขตรอยต่อสองอำเภอแนวชายแดน ส่วนอีกแนวทางคือหลบหนีข้ามแนวชายแดนไทย-เมียนมา ผ่านช่องทางธรรมชาติข้ามไปยังประเทศเพื่อนบ้านแล้วด้วย

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน