แม่ค้าน-แตงโม คดีพิเศษ วอนอย่าทำยุ่งเหยิง

‘เต้’เปิดคลิปอ้างว่ายน้ำคนหาปลายัน-ขอนไม้สำนักโยคีโดนอ่วมอีกอธิบดีธนารักษ์ไปถึงที่พบรุกชัด-ฟันย้อน14ปี

‘แม่แตงโม’ โฟนอินแถลง ยืนยันไม่มีความประสงค์ยื่นขอการตายของลูกสาวเป็นคดีพิเศษ ชี้ทำให้ตำรวจยุ่งยาก ขอคนอื่นอย่ายุ่งเลย ไม่เชื่อคลิปส.ส.เต้อ้างแตงโมว่ายน้ำขอความช่วยเหลือ ทวงสัญญาไฮโซปอสารภาพหลังบวช ลั่นยังไม่ได้สักบาทจากใคร ด้านคนหาปลาชาวบางกรวยเปิดตัวยันภาพในคลิปส.ส.แค่ ขอนไม้ลอยน้ำ อธิบดีกรมธนารักษ์-ผบ. พลพัฒนาที่ 1 บุกสำนักโยคีธรรมสถานวิโมกสิวาลัย ย้ำรุกพื้นที่จริง เพิ่งขอยื่นเช่าที่หลังตกเป็นข่าวร้องเรียน เตรียมเรียกเก็บค่าเสียหายย้อนหลัง 14 ปี

เมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 22 มี.ค. ที่สภ.เมืองนนทบุรี พ.ต.อ.จาตุรนต์ อนุรักษ์บัณฑิต ผกก.สภ.เมืองนนทบุรี เปิดเผยว่า ได้รับการติดต่อจากตัวแทนของนายตนุภัทร เลิศทวีวิทย์ หรือไฮโซปอ และนายไพบูลย์ ตรีกาญจนานันท์ หรือโรเบิร์ต ซึ่งตกเป็น ผู้ต้องหาในคดีการเสียชีวิตของ น.ส.นิดา หรือแตงโม พลัดตกเรือจมน้ำเสียชีวิตในข้อหากระทำการโดยประมาท ทั้งสองคนพร้อมที่จะเดินทางมารายงานตัวกับพนักงานสอบสวน หลังครบกำหนดเงื่อนไขในการขอประกันตัวในวันพรุ่งนี้ 23 มี.ค.

พ.ต.อ.จาตุรนต์กล่าวว่า ส่วนกมธ. มนุษยชนฯ วุฒิสภา เสนอให้นำ 5 คนบนเรือเข้าเครื่องจับเท็จนั้น ประเด็นนี้ไม่จำเป็นต้องใช้ ตำรวจเคยชี้แจงไปแล้วว่าคดีนี้ไม่มีความจำเป็นต้องเข้าเครื่องจับเท็จ เพราะการสอบปากคำและพูดไม่ตรงกัน สิ่งที่ขัดแย้งกันจะเป็นผลที่ตำรวจนำไปเป็นข้อมูลทางคดี โดยเครื่อง จับเท็จเป็นสิ่งหนึ่งที่สร้างความเชื่อมั่นเท่านั้น ไม่ได้เป็นปัจจัยที่จะชี้คำรับสารภาของผู้ต้องหา

ตรวจสำนัก – นายประภาศ คงเอียด อธิบดีกรมธนารักษ์ พล.ต.มนิต ศิริรัตนากุล ผบ.พลพัฒนาที่ 1 นำเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบธรรมสถานวิโมกสิวาลัย อ.สวนผึ้ง จ.ราชบุรี สถานที่บวชโยคีให้ 2 หนุ่มไฮโซคดีแตงโม พบรุกพื้นที่ราชพัสดุ เตรียมเรียกเก็บเงินค่าเช่าที่ย้อนหลัง 14 ปี เมื่อวันที่ 22 มี.ค.

ต่อมาเวลา 13.00 น. ที่กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนนทบุรี พล.ต.ท.จิรพัฒน์ ภูมิจิตร ผบช.ภ.1 พล.ต.ต.ไพศาล วงศ์วัชรมงคล ผบก.ภ.จ.นนทบุรี พล.ต.ต.หญิง ชุติมา ชัยมุสิก ผบก.สพฐ.1 ปทุมธานี พล.ต.ต.วสันต์ เตชะอัครเกษม ผบก.สส.ภ.1 แพทย์นิติเวช ร.พ.ตร.และผู้เชี่ยวชาญ ร่วมกันประชุมหารือถึงความเป็นไปได้เกี่ยวกับบาดแผลที่พบต้นขาขวา ด้านใน และบาดแผลอื่นๆ ของแตงโม-นิดา หลังจากที่แพทย์นิติเวช รพ.ตร.และแพทย์สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม ได้ชันสูตรทั้ง 2 รอบ เพื่อหาสาเหตุว่าตกจากเรือในท่าทางลักษณะใดจึงเกิดบาดแผลได้

ส่วนเรือสปีดโบ๊ต ลำเกิดเหตุที่แตงโม นิดา พลัดตกเรือเสียชีวิต ตำรวจได้ลาก ออกไปจากกองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนนทบุรี ตั้งแต่ช่วงเช้าเพื่อนำไปจำลองเหตุการณ์ยังอู่เรือแห่งหนึ่ง เพื่อคลายข้อสงสัยเกี่ยวกับบาดแผลที่เกิดขึ้น

เวลา 14.00 น.ตำรวจสืบสวนภาค 1 ตำรวจพิสูจน์หลักฐานจังหวัดนนทบุรี พนักงานสอบสวนได้จำลองเหตุการณ์ บนเรือสปีดโบ๊ต ลำเกิดเหตุที่ท่าเรือ แห่งหนึ่ง ต.ไทรม้า อ.เมืองนนทบุรี โดยให้ตำรวจชายแสดงแทนแซนอยู่ในท่านอนท้ายเรือ และตำรวจหญิง แสดงแทนแตงโม ในท่านั่งปัสสาวะท้ายเรือและท่าลุกขึ้น โดยใช้เวลา 1 ช.ม. ก่อนที่ตำรวจจะนำเรือลำเกิดเหตุออกจากอู่จอดเรือ ล่องออกไปแม่น้ำเจ้าพระยา และมีเรืออีกลำขับตามไปเพื่อจำลองเหตุการณ์จริง ซึ่งมุ่งหน้าไปทาง อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี

เวลา 15.00 น.วันเดียวกัน ที่สำนักงานทนายคลายทุกข์ ของทนายเดชา กิตติวิทยานันท์ ทนายความ พร้อมนางภนิดา ศิริยุทธโยธิน แม่ของแตงโม-นิดา พัชรวีระพงษ์ แถลงชี้แจงผ่านโฟนอินต่อสื่อมวลชนถึงเรื่องกลุ่มบุคคลไปยื่นหนังสือถึงดีเอสไอให้เป็นคดีพิเศษ เรื่องปมคดีดาราสาวตกน้ำ และเคลียร์กลุ่มหิวแสง

นางภนิดากล่าวว่า ได้เห็นจากข่าวว่ามีกลุ่มบุคคลไปยื่นหนังสือถึงดีเอสไอเมื่อเช้านี้ เพื่อขอให้รับคดีการเสียชีวิตของแตงโมเป็นคดีพิเศษ ก็ตัดสินใจด้วยตัวเอง โทรศัพท์บอกกับทนายเดชาว่าคุณแม่เห็นข่าวว่า จะถูกนำเข้าคดีพิเศษของดีเอสไอ ตนจึงขอบอกว่าตนไม่มีความประสงค์ให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ รับคดีการเสียชีวิตของแตงโม เป็นคดีพิเศษ เพราะเชื่อมั่นในการสืบสวนสอบสวนของตำรวจ ที่พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. ได้กำชับสั่งการให้ทำคดีอย่างละเอียดรอบคอบ

นางภนิดากล่าวต่ออีกว่า การไปยื่นหนังสือถึงดีเอสไอขอให้รับคดีแตงโมเป็นคดีพิเศษนั้นเป็นการสร้างความยุ่งยากให้กับตำรวจในการทำงาน ซึ่งมีแนวโน้มจะสรุปสำนวนคดีในเร็วๆ นี้ ก็ไม่อยากให้มายุ่ง ตำรวจทำหน้าที่อยู่ แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาของดีเอสไอ คดีจะจบแล้ว จะไปขุดขึ้นมาทำไม มันไม่ใช่คดีฆาตกรรมหลายศพ ไม่ใช่ว่าจะเป็นคดีใหญ่ที่จะต้องมาช่วยกัน แม้จะบอกว่าหวังดีแต่ขอว่าอย่ามาให้ยุ่งยากอีกเลย ประกอบกับแม่ก็ไม่รู้จักคน เหล่านี้เป็นการส่วนตัว เห็นแต่ในข่าวเท่านั้น และมองว่า คดีแตงโมไม่มีอะไรซับซ้อน จากการที่ตัวเองได้รับรายงานการสืบสวนบางส่วนจากตำรวจแล้ว

ส่วนภาพคลิปวิดีโอที่นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ หัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ ได้นำออกมาแถลงข่าวระบุว่าเป็นภาพของแตงโมลอยคออยู่ในน้ำราว 30 นาที ผู้สื่อข่าวได้สอบถามนางภนิดาว่าเห็นภาพนั้นแล้วหรือยังและรู้สึกอย่างไร นางภนิดากล่าวว่า ถ้าเรื่องนี้เป็นแตงโมจริงแม่ก็รู้สึกเศร้าใจที่เห็นคลิป มีเรือผ่านไปแต่ไม่ช่วยเหลือ แต่แม่ก็คิดว่าคลิปนั้นไม่ใช่เรื่องจริง แตงโมจะเก่งมากขนาดที่ว่ายน้ำเป็นครึ่งชั่วโมง แถมยังมีแผลเต็มตัว จะว่ายน้ำไปไหวเหรอ

สำหรับการพิสูจน์ความจริงด้วยเครื่องจับเท็จนั้น นางภนิดากล่าวว่า ยังต้องการให้ตำรวจเชิญคนบนเรือ 3 คน คือ กระติก แซน และจ๊อบ เข้าเครื่องจับเท็จ เนื่องจากการสอบสวนที่ผ่านมาทั้ง 3 คน ยังไม่ยอมให้การถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบนเรือ ทำให้ตัวเองเกิดความสงสัย ว่า 3 คนนี้ ยังปิดบังซ่อนเร้นอะไรบางอย่างไว้ เพื่อให้ได้ผลประโยชน์ ส่วนปอ กับ โรเบิร์ต ที่บวชพราหมณ์อยู่ในขณะนี้ ไม่สามารถติดต่อได้ แต่ปอได้เคยรับปากไว้ว่า หลังจากสึกออกมาจะพูดความจริงทั้งหมด ซึ่งนางภนิดาระบุว่าจะรอวันนั้น

ส่วนประเด็นในสังคมโซเชี่ยลที่ขณะนี้มีการระบุว่าได้รับเงินบางส่วนมาจากปอและโรเบิร์ตแล้ว นางภนิดากล่าวปฏิเสธพร้อมระบุว่า การขอรับเงินเยียวยามีกระบวนการตามกฎหมาย ที่ต้องยื่นฟ้องต่อศาล และให้ศาลเป็นผู้พิจารณา

ทั้งนี้ นางภนิดาได้ชี้แจงต่อสื่อมวลชนผ่านทางโทรศัพท์ประมาณ 20 นาที พร้อมฝากขอบคุณสื่อมวลชนที่ให้ความเคารพและติดตามทำข่าวมาตลอด ขอบคุณตำรวจที่เกี่ยวข้องในคดี ที่ทำงานอย่างหนักเพื่อคลี่คลายคดีนี้ ขอบคุณสังคมที่ยังรักแตงโม ยังอยากให้เกิดความยุติธรรม แต่ข้อเท็จจริงอยากขอให้รอตำรวจแถลงข่าวแถลงในรายละเอียดทั้งหมดก่อน สุดท้ายฝากถึงปอว่า จะรอคำสารภาพหมดเปลือกตามคำสัญญาที่เคยให้ไว้ก่อนหน้านี้

ด้านทนายเดชา กิตติวิทยานันท์ ในฐานะทนายความของแม่แตงโม กล่าวว่า เตรียมทำหนังสือถึงอธิบดีดีเอสไอ เพื่อแจ้งความประสงค์ ว่าทางผู้เสียหายไม่ต้องการให้ ดีเอสไอรับคดีนี้เป็นคดีพิเศษ เพราะมีความมั่นใจในการทำงานของตำรวจ จึงไม่ต้องการให้หน่วยงาน หรือบุคคลอื่น เข้ามาข้องเกี่ยว เนื่องจากจะทำให้คดียุ่งเหยิง ซึ่งตามขั้นตอนการสอบสวนคดี หากตำรวจมีการสรุปสำนวนส่งให้พนักงานอัยการแล้ว จะถือว่าหมดหน้าที่ของพนักงานสอบสวน และ ไม่สามารถโอนคดีได้ ส่วนตัวจึงมองว่า หากตำรวจมีการสรุปสำนวนคดีแตงโม ภายในเดือนนี้ ดีเอสไอก็น่าจะไม่มีเวลาในการพิจารณาคำร้องและรับคดีนี้เป็นคดีพิเศษ

ส่วนกรณีที่แม่แตงโม ต้องการให้นำ 3 คนบนเรือ เข้าเครื่องจับเท็จ ทนายเดชาบอกว่า อาจมีการทำหนังสือถึงพนักงานสอบสวน แต่ตามขั้นตอนการเข้าเครื่องจับเท็จ ตำรวจจะดำเนินการหลังรวบรวมพยานหลักฐานและสอบปากคำพยานแล้วเสร็จ เพื่อนำไปประกอบในสำนวน ก่อนปิดคดี

สำหรับกรณีนายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ หัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ ออกมาระบุว่าเจอพยานหลักฐานใหม่ในคดี ที่เห็นแตงโมลอยคออยู่ในน้ำนาน 30 นาที ทนายเดชากล่าวว่า ยินดีหากนายมงคลกิตติ์ นำหลักฐานมามอบให้กับตัวเอง เพื่อจะได้ส่งมอบให้กับพนักงานสอบสวน แต่ที่ผ่านมายืนยันว่าไม่ได้รับหลักฐานที่มีความสำคัญ

จำลองเหตุ – ตำรวจพิสูจน์หลักฐานนนทบุรี นำเรือสปีดโบ๊ตออกจากท่าเรือริมคลองในต.ไทรม้า อ.เมือง จ.นนทบุรี ไปจำลองเหตุการณ์อีกครั้ง ช่วงที่แตงโม-นิดา ดาราสาว พลัดตกจากเรือจมน้ำเสียชีวิตกลางแม่น้ำเจ้าพระยา เมื่อวันที่ 22 มี.ค.

ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษหรือดีเอสไอ นางรสนา โตสิตระกูล อดีตสมาชิกวุฒิสภา และนายนิติธร ล้ำเหลือ หรือทนายนกเขา เดินทางมายื่นหนังสือถึงนายไตรยฤทธิ์ เตมหิวงศ์ อธิบดีดีเอสไอ ขอให้รับดำเนินคดีการเสียชีวิตของแตงโม-นิดา พัชรวีระพงษ์ เป็นคดีพิเศษ โดยมีพ.ต.ท.สุภัทธ์ ธรรมธนารักษ์ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เป็นผู้รับเรื่องดังกล่าว

ที่พรรคไทยศรีวิไลย์ นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ เปิดแถลงข่าว พร้อมเปิดคลิปหลักฐานที่ชัดเจนเกี่ยวกับการเสียชีวิตของแตงโม โดยกล่าวว่า เดิมได้คลิปนี้มาแล้วแต่ไม่ได้สนใจ เพราะไปสนใจจุดอื่นอยู่ จนได้กลับมาดูอีกครั้งและไปขอคลิปเพิ่มเติมจากส่วนราชการ เพื่อนำมาวิเคราะห์ โดยได้นำคลิปไปให้โปรดิวเซอร์ตรวจสอบคลิปอื่นๆ ประกอบด้วย เช่น สะพานซังฮี้ว่ามีคนอยู่บนเรือกี่คน พบว่ามีการเปิดคลิปที่เขื่อนกั้นแม่น้ำเจ้าพระยาเวลา 21.35.49 น. ซึ่งเป็นด้านไกล และเหมือนจะมีอะไรตกลงมาจากเรือ ซึ่งครั้งแรกไม่ได้สนใจ จนไปขอคลิปเพิ่มเติมจากเทศบาลบางกรวย เป็นคลิปช่วงก่อนเวลา 22.00 น. โดยพบว่าวัตถุบางอย่างได้ลอยมาเรื่อยๆ จนใกล้กับเขื่อนระบายน้ำ ก่อนที่จะมีเรือลำหนึ่งพายไปดู ก่อนที่จะพายออกมา ซึ่งพบว่าวัตถุดังกล่าวยังคงขยับและลอยเรื่อยๆ

นายมงคลกิตติ์กล่าวต่อว่า จากภาพวงจรปิดพบว่า เวลา 21.35 น. คาดว่าเป็นเรือสปีดโบ๊ตกำลังขับผ่านสะพานพระราม 7 มุ่งไปสะพานพระราม 8 แล้วแตงโมตกเรือ ต่อมาเวลา 21.41 น. มีวัตถุบางอย่างผลุบๆ โผล่ๆ อยู่กลางแม่น้ำเจ้าพระยา ต่อมาเวลา 21.44 น.จะเริ่มเห็นวัตถุนั้นชัดขึ้นเหมือนกำลังพยายามว่ายเข้าฝั่ง ต่อมาเวลา 21.53 น. มีเรือที่กำลังหาปลาอยู่ตรงนั้นกำลังพายเรือเข้าไปหาวัตถุนั้น และก็พายออกมา จากนั้นเวลา 21.57 น. วัตถุนั้นว่ายใกล้ถึงฝั่งแล้วแต่ก็จมหายไปในที่สุด อย่างไรก็ตาม พบว่า คลิป ดังกล่าวเป็นเวลาก่อน 22.00 น. ซึ่งก่อนที่จะมีภาพแตงโมถ่ายรูปกับกระติกที่สะพานพระราม 8 ตามที่กลุ่มเพื่อนแตงโมบนสปีดโบ๊ตนำมาเปิดในรายการโหนกระแส

นายมงคลกิตติ์กล่าวต่อว่า หลักฐานจากกล้องวงจรปิดนี้ตนเชื่อว่าอาจจะทำให้ข้อเท็จจริงของคดีเปลี่ยน เพราะจุดตกเรือเปลี่ยนไปจากเดิม แต่ทั้งนี้เป็นหน้าที่ของพนักงานสอบสวน ผู้รับผิดชอบคดี ที่จะสอบสวนขยายผลต่อ ตนเพียงตั้งข้อสันนิษฐานไว้ว่าแตงโมตกเรือหรืออาจจะกระโดดหนีตรงจุดนี้ เพราะก็เป็นจุดเดียวกับที่เจอศพ เชื่อว่าจุดที่มีการพายเรือไปดูสิ่งที่ลอยผิดปกติอยู่ในน้ำจะต้องพบเสื้อสีขาวที่เป็นเสื้อคลุมอยู่ อยากขออาสาสมัครไปช่วยกันดำน้ำหาเสื้อขาวตัวดังกล่าวซึ่งน่าจะอยู่แถวริมตลิ่ง โดยก่อนหน้าพบว่ากระติกได้บอกว่าแตงโมน่าจะว่ายน้ำเข้าฝั่งไปรอที่บ้าน ก็เชื่อว่ากระติกน่าจะรู้ อย่างไรก็ตาม ต้องไปตามหาคนพายเรือคนดังกล่าวต่อไป

“มันแปลกๆ คิดได้ทุกอย่าง พวกเราเชื่อหรือไม่ว่าตกตรงนี้ไปตั้งนานแล้วไม่รู้ว่าเพื่อนบนเรือหายไป ต้องถามคนบนเรือว่าเกิดอะไรขึ้น และใครจะมาว่ายข้ามฟากตอนนี้ และหากเป็นไปตามข้อสันนิษฐานแปลว่าแตงโมน่าจะเสียชีวิตแถบริมตลิ่ง ตรงกับท่านคำรณวิทย์ จึงอยากขออาสาสมัครไปช่วยกันงมหาเสื้อของแตงโมกันต่อ ส่วนคนพายเรือเราก็มีคำถามว่าเจอแล้วทำไมไม่ช่วย” นายมงคลกิตติ์กล่าว

ล่าสุด “ข่าวสดออนไลน์” ลงพื้นที่ชุมชนวัดลุ่มคงคาราม อ.บางกรวย จ.นนทบุรี ได้คุยกับนายวินิต ตรีปัญญา หรือลุงนิด อายุ 53 ปี ซึ่งเป็นคนหาปลาที่ปรากฏในคลิปกล่าวว่า คลิปวงจรปิดที่เห็น ตนก็ยังไม่ยืนยันว่าเป็นตัวเอง ปกติทุกคืนตนจะใช้เรือพาย หัวแหลม ท้ายกุด สีขาว ไปวางตาหาปลา โดยจะล่องเรือไปตามน้ำผ่านท่าเรือวัดลุ่ม แต่ในคืนนั้นขณะตนกำลังหาปลา เห็นวัตถุเป็นขอนไม้อยู่กลางแม่น้ำ มีขนาดประมาณ 1 เมตร ลอยอยู่ใต้น้ำ ผลุบๆ โผล่ๆ ถ้าดูไกลๆ จะเหมือนคน ตนจึงพายเรือไปตรงนั้นเพราะขอนไม้ กำลังจะเข้าไปพันกับตาข่าย เลยทำให้ในคลิป ดูเหมือนว่าตนกำลังวนหาอะไรอยู่

นายวินิตกล่าวต่อว่า ตนยืนยันว่าไม่เห็นคนว่ายน้ำ เพราะถ้าเป็นคนจริงๆ ตนจะรีบเข้าไปหา และจะโยนเชือกให้เขา เพราะเรือตนมีตาข่าย ให้เขาขว้างเอาไว้และตนจะดึงขึ้นเรือ และยืนยันว่าไม่ได้กลัว เพราะตอนหาศพตนยังมาช่วยโยนตาข่ายตามหาเลย ในคืนเกิดเหตุวันที่ 24 ก.พ. ตนเห็นเรือสปีดโบ๊ต วิ่งอยู่ฝั่งตรงข้าม วนไปมา 2-3 จากนั้นก็ได้ยินเสียง ผู้หญิงตะโกนร้องกรี๊ด คุยกันเสียงดัง ตนก็หันไปมอง แต่ก็ไม่รู้ว่าเป็นทะเลาะกันหรือเปล่า

เมื่อเวลา 13.00 น.วันเดียวกัน ที่ธรรมสถานวิโมกสิวาลัย อ.สวนผึ้ง จ.ราชบุรี นายประภาศ คงเอียด อธิบดีกรมธนารักษ์, พล.ต.มนิต ศิริรัตนากุล ผบ.กองพลพัฒนาที่ 1 พร้อมเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองท้องถิ่น อ.สวนผึ้ง เพื่อเข้าตรวจสอบ ทันทีที่มาถึง ทุกฝ่ายได้เข้าหารือกัน โดยมีพระปัฐพงษ์ ปุญญฺวํโส ผู้ดูแลธรรมสถานวิโมกสิวาลัย เป็นตัวแทนพระสงฆ์ ให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่

พระปัฐพงษ์กล่าวว่า สถานที่แห่งนี้ มีการจดทะเบียนเป็นมูลนิธิแล้ว แต่เมื่อเจ้าหน้าที่ตรวจสอบกลับพบว่ามีการจดทะเบียนจริง แต่เป็นสถานที่อื่น ไม่ใช่พื้นที่แห่งนี้ แต่เป็นวัดท่าไม้ โดยอ้างว่า เป็นมูลนิธิเดียวกัน แต่ เจ้าหน้าที่แย้งว่าไม่สามารถกระทำการเช่นนี้ได้ ต้องจดทะเบียนให้ถูกต้อง จึงได้อธิบายการจัดตั้งเป็นวัด ตั้งแต่แรก ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ชี้แจงเหตุผลในการตั้งเป็นวัดไม่ได้ เนื่องในพื้นที่มีวัดอื่นอยู่ใกล้เคียงพื้นที่แล้ว ซึ่งตามเงื่อนไข ต้องมีระยะห่าง 5 กิโลเมตรขึ้นไป ทางวัดจึงขอเปลี่ยนมาเป็นการจัดตั้งเป็นสถานปฏิบัติธรรม เจ้าหน้าที่จึงถามต่อว่า เหตุผลที่ต้องสร้างศูนย์ปฏิบัติธรรมคืออะไร

พระปัฐพงษ์จึงตอบว่า เป็นความประสงค์ของพระอาจารย์อุเทน เจ้าอาวาสวัดท่าไม้ อยากตั้งแห่งนี้เป็นสถานปฏิบัติธรรม และเพื่อเป็นการช่วยเหลือชาวบ้านในพื้นที่ เจ้าหน้าที่จึงถามพระปัฐพงษ์ว่า ได้ยื่นเอกสารขอเช่า หรือสอบถามขั้นตอนในการใช้พื้นที่ หรือไม่ พระปัญพงษ์ตอบว่า เจ้าหน้าที่ของมูลนิธิ เป็นคนดำเนินการ โดยระหว่างสอบถาม เจ้าหน้าที่กรมธนารักษ์ ได้ตรวจสอบข้อมูลพบว่าในระบบเพิ่งจะมีการมาขอยื่นเอกสารเช่าพื้นที่ เมื่อวันที่ 21 มี.ค.2565

ด้านอธิบดีกรมธนารักษ์กล่าวต่อว่า เรื่องนี้จะต้องตรวจสอบ เพราะเข้าข่ายกระทำความผิด เพราะไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไข วิธีการปฏิบัติให้ถูกต้องตามกฎหมาย จากนั้นจึงให้ พระปัฐพงษ์เดินพาชี้จุดไปดูตามที่ต่างๆ ภายในธรรมสถาน โดยเจ้าหน้าที่ได้นำภาพถ่ายทางอากาศมาร่วมตรวจสอบด้วย

พระปัฐพงษ์กล่าวถึงประเด็นที่มีเจ้าหน้าที่ของมูลนิธิ ยื่นหนังสือ เปลี่ยนจากผู้ใข้สถานที่ ให้เป็นผู้เช่าเมื่อวานนี้ โดยระบุว่า เป็นการดำเนินการของเจ้าหน้าที่ เป็นการดำเนินการของเจ้าหน้าที่ตามขั้นตอนที่จะดำเนินการ ขอตั้งเป็นมูลนิธิ ซึ่งเเต่เดิมที่นี่ก็เป็นมูลนิธิ เเละเคยขอยื่นเรื่องไปเเล้ว ขณะนี้ดำเนินการในนามมูลนิธิอยู่ที่วัดท่าไม้

หลังจากใช้เวลานานกว่า 1 ชั่วโมง ในการเดินตรวจสอบภายในธรรมสถาน นายประภาศ กล่าวว่าจากการเช็กข้อมูลอย่างละเอียด พบว่าธรรมสถาน ได้จดทะเบียนเป็นมูลนิธิอย่าง ถูกต้อง จึงให้คำแนะนำพระสงฆ์ว่า จะต้องดำเนินการให้ถูกต้อง โดยต้องยื่นขออนุญาตเช่าพื้นที่กับกองพลทหารพัฒนาที่ 1 โดยเร็วที่สุด และเมื่อหนังสือมาถึงกรมธนารักษ์ ก็จะพิจารณาว่าพื้นที่ค่าเช่านั้นอยู่ในเรตราคาเท่าไหร่ หากได้รับการอนุญาต ก็จะเริ่มเรียกเก็บค่าเช่ารายปี ตามระเบียบและจะพิจารณาเรียกเก็บค่าเสียหายย้อนหลัง ตั้งแต่เริ่มก่อสร้างเมื่อปี 2551 ซึ่งพบว่าสถานที่ธรรมสถานมีพื้นที่ทั้งหมด 38 ไร่ บางส่วนได้แบ่งให้ชาวบ้านเช่าเป็นพื้นที่อาศัย และทำการเกษตร ซึ่งตามหลักกฎหมาย ถือว่าสถานที่แห่งนี้ทำผิดกฎหมายอย่างชัดเจน แต่ในเรื่องการดำเนินคดีจะอะลุ้มอล่วย โดยหากดูจากเจตนา พบว่าทางธรรมสถาน ไม่ได้หาผลประโยชน์จากการจัดตั้งสถานที่ จึงให้คำแนะนำให้รีบดำเนินการให้ถูกต้องเสีย