ฝนถล่มหนักไหลหลาก สั่งเฝ้าระวัง8จังหวัดใต้
‘นครศรีฯ-สุราษฎร์ฯ’อ่วม น้ำป่าหลากท่วม หลังฝนตกต่อเนื่องหลายวัน สั่งเฝ้าระวัง 8 จังหวัดใต้ทั้งชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส เสี่ยงท่วมฉับพลัน ‘สิชล’ หลากไม่ทันตั้งตัว ยายต้องพาหลานหนีขึ้นหลังคา โชคดีกู้ภัยเข้าช่วยออกมาได้ปลอดภัย ถนนสาย 401 จมหนักรถผ่านไม่ได้หลายจุด ส่วนที่อุตรดิตถ์เจอดินไหว 2 วันติด

เมื่อวันที่ 5 เม.ย. นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ห่วงใยประชาชนหลังได้รับรายงานฝนตกหนักในพื้นที่ภาคใต้ ส่งผลกระทบทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก ในพื้นที่จ.สุราษฎร์ธานี และจ.นครศรีธรรมราช ทั้งนี้นายกฯ สั่งศูนย์บัญชาการเหตุการณ์ อุทกภัย วาตภัย และดินถล่มของทั้งสองจังหวัด เน้นย้ำให้แจ้งเตือนทุกอำเภอ และสั่งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเฝ้าระวังติดตามสถานการณ์น้ำท่วมฉับพลันน้ำป่าไหลหลาก อย่างใกล้ชิด พร้อมให้ความช่วยเหลืออพยพประชาชนที่ประสบภัยอย่างเร่งด่วน ควบคู่กับเร่งสำรวจความเสียหาย ทั้งนี้ แนวโน้มสถานการณ์ขณะนี้ยังมีฝนตกต่อเนื่องในพื้นที่ภาคใต้ เตือนประชาชนเฝ้าระวังพื้นที่เสี่ยงน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก ในช่วงวันที่ 5-8 เม.ย. บริเวณจังหวัดชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส

ที่หมู่ที่ 6 บ้านหาดใหญ่ ต.ชลคราม อ.ดอนสัก จ.สุราษฎร์ธานี นายวิชวุทย์ จินโต ผวจ.สุราษฎร์ธานี นายจักรกฤษ ฝั่งชลจิตร์ นายอำเภอดอนสัก นายจำนง สวัสดิ์วงศ์ ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย(ปภ.) จ.สุราษฎร์ธานี นายพิศาล พร้อมสุวรรค นายก องค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ชลคราม พร้อมเจ้าหน้าที่ นพค.46 ลงพื้นที่ให้การช่วยเหลือชาวบ้าน หลังมีฝนตกลงมาอย่างต่อเนื่องกว่า 24 ช.ม.ทำให้ปริมาณน้ำไหลเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชนในหลายพื้นที่

นายวิชวุทย์ กล่าวฝากถึงประชาชนให้ติดตามสถานการณ์และเฝ้าระวังไปจนถึงวันที่ 8 เม.ย.นี้ เนื่องจากยังจะมีฝนตกหนักและลมกระโชกแรง หากต้องการความช่วยเหลือขอให้แจ้งเจ้าหน้าที่ทันที เบื้องต้นได้กำชับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องติดตามเฝ้าระวังและพร้อมเข้าให้ความช่วยเหลือประชาชนตลอด 24 ชั่วโมง

ทั้งนี้ศูนย์บัญชาการเหตุการณ์ อุทกภัย วาตภัย และดินถล่ม จ.สุราษฎร์ธานี สรุปสถานการณ์เบื้องต้น วันที่ 5 เม.ย. เกิดฝนตกหนักในพื้นที่ ส่งผลกระทบทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก ในอ.ดอนสัก และอ.กาญจนดิษฐ์ รวม 4 ตำบล 16 หมู่บ้าน ราษฎรได้รับผลกระทบ 38 ครัวเรือน ไม่มี ผู้บาดเจ็บและไม่มีผู้เสียชีวิต โดยปริมาณน้ำฝนพื้นที่เสี่ยงภัย ช่วง 24 ช.ม. ที่ผ่านมาปริมาณฝนมากที่สุด ดังนี้ 1.บ้านหน้าถ้ำ ม.13 ต.ท่าอุแท อ.กาญจนดิษฐ์ วัดได้ 210 ม.ม. 2.บ้านท่าลำพู ม.2 ต.ดอนสัก อ.ดอนสัก วัดได้ 175 ม.ม. 3.บ้านวังท่าหลา ม.6 ต.คลองพา อ.ท่าชนะ วัดได้ 110 ม.ม.

ที่จ.นครศรีธรรมราช นายไกรศร วิศิษฎ์วงศ์ ผวจ.นครศรีธรรมราช กล่าวว่า ในพื้นที่อำเภอที่มีปริมาณน้ำฝนมากกว่า 100 มิลลิเมตร มี 5 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมือง ท่าศาลา นบพิตำ ขนอม หัวไทร และมีน้ำท่วมหนักที่สิชล ส่งผลให้เส้นทางจราจรบางช่วงมีน้ำท่วมขัง บ้านเรือนราษฎร และพื้นที่การเกษตร เบื้องต้นทางอำเภอและท้องถิ่นเข้าสำรวจและให้การช่วยเหลือขณะนี้อยู่ระหว่างรวบรวมความเสียหาย จึงขอฝากแจ้งเตือนพี่น้องประชาชนเฝ้าระวังสถานการณ์เบื้องต้นจนถึงวันที่ 6 เม.ย. ทั้งนี้ขอความร่วมมืองดให้บุตรหลานลงเล่นน้ำในระยะนี้ เพื่อป้องกันอันตรายจากน้ำท่วม น้ำป่าไหลหลาก

ขณะที่นางกนกพร เดชเดโช นายก อบจ.นครศรีธรรมราช นำเจ็ตสกีเข้าช่วยเหลือชาวบ้านที่ติดอยู่ในพื้นที่น้ำท่วม ม.6 ต.สิชล อ.สิชล อพยพออกไปให้อยู่ในพื้นที่ปลอดภัย พร้อมมีการทำครัวสนามช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบ พร้อมมีการจัดตั้งศูนย์อพยพที่วัดสระสี่มุม ให้ชาวบ้านพักอาศัยเป็นการชั่วคราวจนกว่าสถานการณ์จะเข้าสู่ภาวะปกติ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากสถานการณ์ฝนตกหนักต่อเนื่องร่วม 3 วัน ในพื้นที่จ.นครศรีธรรมราช ส่งผลให้มีรายงานน้ำท่วมน้ำป่าไหลหลากแล้ว ในหลายพื้นที่โดยที่อุทยานแห่งชาติเขาหลวง น้ำตกพรหมโลก อ.พรหมคีรี รวมถึงสถานการณ์น้ำป่าไหลหลากลงมาที่บริเวณคลองท่าดี หมู่บ้านคีรีวง รวมถึงสถานการณ์น้ำป่าไหลหลากตัดขาดถนนสาย 401 เส้นทางนครฯ-สุราษฎร์ฯ หลายจุดที่อำเภอสิชล ส่งผลให้รถไม่สามารถสัญจรได้ในวันนี้ และสถานการณ์ได้เริ่มคลี่คลายในช่วงสายของวันเดียวกัน สำหรับสถานการณ์น้ำท่วมในช่วงฤดูแล้งที่ จ.นครศรีธรรมราช เคยเกิดขึ้นเมื่อปี 2554 อย่างรุนแรงมาแล้ว และขณะนี้ปริมาณฝนสภาพอากาศมีความคล้ายคลึงกับสถานการณ์ในครั้งนั้นอย่างมาก

ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า เช้าวันนี้เกิดน้ำป่าไหลหลากเข้าท่วมพื้นที่อ.สิชล อ.ขนอม ได้รับผลกระทบเป็นวงกว้าง โดยเฉพาะบนถนนสาย 401 อ.สิชล-สุราษฎร์ฯ ม.3ต.ทุ่งใส อ.สิชล นครศรีฯ มีน้ำท่วมบนถนนทั้งสองฝั่งเป็นระยะทางยาว 500 เมตร ส่งผลให้รถ ทุกชนิดไม่สามารถสัญจรไปมาได้ จนท.นำเครื่องกั้นมาปิดถนนห้ามรถสัญจรยกเว้นรถขนาดใหญ่ พบว่าน้ำท่วมถนนสาย 401 เป็นช่วงๆ จนถึงอ.ขนอม ที่บริเวณเขาหัวช้าง ต.ควนทอง อ.ขนอม เกิดดินสไลด์ลงมาทับเส้นทางไม่สามารถสัญจรได้ และที่หน้าเทศบาลตำบลทุ่งใส รถไม่สามารถผ่านได้แล้วทุกประเภท ขณะที่ถนนสาย 4015 บนเขาหัวช้างต่อแดนสุราษฎร์ธานี รถเล็กไม่สามารถผ่านได้

หนีน้ำ – นางจินดา ทองสมยา ชาวบ้านหมู่ที่ 6 ต.สิชล อ.สิชล จ.นครศรีธรรมราช พร้อมหลาน 2 คนหนีขึ้นไปอยู่บนหลังคาบ้าน หลังน้ำป่าทะลักท่วมตั้งแต่เช้าตรู่ เนื่องจากฝนตกหนัก 3 วัน ทำให้ 5 อำเภอของนครศรีธรรมราช จมบาดาล เมื่อ 5 เม.ย.

โดยที่อ.สิชล น้ำท่วมบ้านเรือนประชาชนในพื้นที่ต.สี่ขีด ประชาชนเดือดร้อน 40 หลัง 100 คน ต.ทุ่งใส ประชาชนได้รับความเดือดร้อน 50 หลัง 150 คน ต.เขาน้อย ประชาชนเดือดร้อน 50 หลัง 140 คน ต.ทุ่งปรัง ประชาชนเดือดร้อน 30 หลัง 120 คน ต.สิชล ประชาชนเดือดร้อน 30 หลัง 90 คน ส่วนที่อ.ขนอม ต.ขนอม ประชาชนได้รับความเดือดร้อน 30 หลังคาเรือน 80 คน ตำบลควนทอง ประชาชนได้รับความเดือดร้อน 40 หลังคาเรือน 120 คน สำหรับปริมาณน้ำฝนในพื้นที่อ.ท่าศาลาตกมากที่สุด 182.5 มม.

ที่ม.6 บ้านไสข้าว ต.สิชล อ.สิชล นายสุพจน์ พูลสวัสดิ์ นายกอบต.สิชล ได้ประสานขอความช่วยเหลือจากทหาร, ปภ., ตร.และมูลนิธิใต้เต็กตึ๊ง ให้เข้าไปช่วยเหลือเด็กซึ่งหนีน้ำมาติดอยู่บนหลังคาบ้านในสวนปาล์ม จนท.ได้นำเรือยางเข้าไปการช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน พบว่าเด็กทั้งหมดติดค้างอยู่เนื่องจากกระแสน้ำมาเร็วและแรงมากไม่สามารถอยู่ในบ้านได้ จึงว่ายน้ำออกมาอยู่เพื่อรอการช่วยเหลือ นอกจากนั้น ยังมีชาวบ้านอีกจำนวนหนึ่งติดค้างอยู่ภายในหมู่บ้านม.6 จนท.ได้เร่งเข้าไปให้การช่วยเหลืออย่างเร่งด่วนแล้ว

นางจินดา ทองสมยา อายุ 59 ปี เล่าว่า ตนพร้อมกับหลานชายวัย 13 ปี และหลานสาววัย 8 ขวบ อยู่ในบ้าน แต่น้ำมาอย่างเร็วและแรงมาก จึงนำหลานทั้ง 2 คนขึ้นไปอยู่บนหลังคาและรอความช่วยเหลือ จนมีจนท.เข้าไปให้การช่วยเหลือออกมาได้อย่างปลอดภัย

ที่หมู่ 6 ต.เสาเภา อ.สิชล ระดับน้ำท่วมสวนมังคุด สูงกว่า 2 เมตร มีชาวบ้านติดอยู่กับต้นมังคุด 2 รายเป็นหญิง 1 รายและชายชรา 1 ราย โดยเจ้าหน้าที่สามารถช่วยเหลือทั้งคู่ไว้ได้อย่างปลอดภัย โดยทั้งสองรายถูกกระแสน้ำพัดไปติดอยู่กับสวนผลไม้กระทั่งเจ้าหน้าที่จากกองร้อยฝึกรบพิเศษที่ 4 เข้าให้การช่วยเหลือโดยการลอยคอโยงเชือกเข้าไปโยงแล้วเกาะเชือกออกมา ขณะเดียวกันกำลังอีกชุดปฏิบัติการได้เข้าให้การช่วยเหลืองานบำเพ็ญกุศลศพในพื้นที่หมู่ 5 บ้านใสตาโคตร ต.เสาเภา อ.สิชล โดยได้เข้าแบกหีบศพเคลื่อนย้ายร่างของน.ส.หนูนุ้ย ปลอดแก้ว อายุ 75 ปี ซึ่งถูกบรรจุอยู่ในหีบออกจากพื้นที่น้ำท่วมอย่างทุลักทุเล เจ้าหน้าที่แบกหีบลุยน้ำบางช่วงสูงกว่า 1 เมตรจากนั้นย้ายนำไปบำเพ็ญกุศลต่อที่วัดนาแล ต.เสาเภา ซึ่งเป็นพื้นที่สูงน้ำท่วมไม่ถึงก่อนที่จะถึงกำหนดการฌาปนกิจ

ผู้สื่อข่าวรายงานจากจ.พัทลุงว่า มีฝนตกหนักเกือบทุกพื้นที่ ตั้งแต่เช้าโดยเฉพาะอำเภอริมเทือกเขาบรรทัด ทั้ง อ.กงหรา อ.ตะโหมด อ.ศรีนครินทร์ และอ.ศรีบรรพต มีฝนตกต่อเนื่องมาตั้งแต่วันที่ 2 เม.ย. ทำให้เกิดน้ำสะสมบนภูเขาจำนวนมากและไหลหลากลงมาตามน้ำตกต่างๆ ในพื้นที่ของอ.กงหรา และอ.ศรีนครินทร์ ซึ่งทั้ง 2 อำเภอดังกล่าวได้ประกาศเตือนให้ประชาชนที่อยู่อาศัยริมภูเขาและบริเวณท้ายน้ำของน้ำตก ระมัดระวังอันตรายซึ่งอาจจะเกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก ขณะฝนที่ตกหนักในพื้นที่อ.ศรีบรรพตไหลลงลุ่มน้ำคลองท่าแนะ ทำให้น้ำล้นสปิลเวย์ฝายท่าแนะ ต้องเร่งระบายน้ำเปิดประตูน้ำเพิ่ม 1 บาน ที่ 100 ซ.ม.เนื่องจากฝนยังตกหนัก ทำให้น้ำเอ่อล้นลำคลองพื้นที่ท้ายฝายในอ.ควนขนุน ทั้ง ต.ชะมวง ต.ควนขนุน ต.มะกอกเหนือ ต.ปันแต และต.แหลมโตนด โดยเฉพาะชาวบ้าน ม.7 บ้านท่าโพธิ์ ต.ควนขนุน ต้องเร่งอพยพสิ่งของขึ้นที่สูง เนื่องจากน้ำเอ่อล้นจากลำคลองท่วมบ้านเรือน หลายสิบหลัง และได้รับความเดือดร้อน นอกจากนั้นอ่างเก็บน้ำเขื่อนวังเลน และอ่างเก็บน้ำห้วยน้ำใส ในพื้นที่ อ.ป่าพะยอม ก็มีปริมาณน้ำเต็มความจุและเริ่มล้นสปิลเวย์แล้ว ทำให้ทางจังหวัดเตรียมความพร้อมรับมือ ในพื้นที่ลุ่มท้ายอ่าง

วันเดียวกัน กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง (กอปภ.ก) โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) รายงานกรมอุตุนิยมวิทยาได้ออกประกาศ เรื่องแผ่นดินไหวจุดศูนย์กลาง อยู่บริเวณ ต.ไผ่ล้อม อ.ลับแล จ.อุตรดิตถ์ ที่ละติจูด 17.51 องศาเหนือ 100.05 องศาตะวันออก ขนาด 3.4 ความลึก 2 กิโลเมตร สาเหตุเกิดในบริเวณรอยเลื่อนอุตรดิตถ์ ผลกระทบรู้สึกสั่นไหว 3 อำเภอ อ.ตรอน อ.ลับแล และอ.เมืองอุตรดิตถ์ กอปภ.ก ได้ประสานให้จังหวัดเฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และประสานองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นชี้แจงทำความเข้าใจกับประชาชนในพื้นที่เพื่อลดความตระหนก พร้อมประชาสัมพันธ์แนวทางการปฏิบัติตนให้ปลอดภัย รวมถึงจัดเจ้าหน้าที่เข้าสำรวจความเสียหายเพื่อให้การช่วยเหลือต่อไป

นายสมอาจ แก้วคต นายกอบต.ไผ่ล้อม กล่าวว่า แผ่นดินไหวเกิดขึ้นต่อเนื่อง 2 วันคือ วันที่ 4-5 เม.ย. มากถึง 7 ครั้ง แต่สามารถรับรู้แรงสั่นสะเทือนได้ 2 ครั้ง คือ เมื่อเวลา 03.35 น. วันที่ 4 เม.ย. ขนาด 3.3 แมกนิจูด และเมื่อเวลา 03.47 น. วันที่ 5 เม.ย. ขนาด 3.4 แมกนิจูด เบื้องต้นยังไม่ได้รับรายงานความเสียหายที่เกิดจากแผ่นดินไหวในครั้งนี้

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน