ศาลฟันจริยธรรมรุกป่า บิ๊กตู่ชี้ศึก2รมต.จบแล้ว กมธ.ปิดช่องกลุ่มกปปส.เป็นผู้ร่วมจัดตั้งพรรค

ปิดฉากชีวิตการเมือง ศาลฎีกาพิพากษาสั่ง ‘เอ๋ ปารีณา ไกรคุปต์’ พ้นตำแหน่งส.ส. เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งตลอดชีวิต เพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง 10 ปี จาก คดีฝ่าฝืนจริยธรรมร้ายแรง บุกรุกป่าสงวน จ.ราชบุรี เจ้าตัวตัดพ้อไม่เหลืออะไรแล้ว ตกงานร้อยเปอร์เซ็นต์ ‘ปิยบุตร’ ค้านโทษประหารทางการเมือง ชี้ทำลายสิทธิขั้นพื้นฐาน พปชร.-ปชป.เตรียมส่งคนเลือกตั้งซ่อม กกต.เล็งวันกาบัตร 15 พ.ค. ‘บิ๊กตู่’ ยันศึก ‘วราวุธ-มนัญญา’ เคลียร์จบแล้ว เผยให้กำลังใจผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม.ทุกคน กมธ.กฎหมายลูกลงมติ ปิดช่องอดีต ส.ว.-กลุ่มการเมือง-คนถูกตัดสิทธิ เป็นผู้จัดตั้งพรรค

ศาลฎีกาสั่ง‘เอ๋’พ้นส.ส.-ถอนสิทธิลต.

เมื่อวันที่ 7 เม.ย. ที่ศาลฎีกา สนามหลวง ศาลฎีกานัดฟังคำพิพากษา คดีหมายเลขดำที่ คมจ.1/2564 ที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้ยื่นคำร้องขอให้ศาลวินิจฉัยการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรงของ น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กรณีบุกรุกพื้นที่ป่าสงวนในจ.ราชบุรี อันเป็นการขัดกันระหว่างผลประโยชน์ส่วนตัวและส่วนรวม และขอให้ศาลฎีกามีคำสั่งให้ผู้คัดค้านพ้นจากตำแหน่งนับแต่วันหยุดปฏิบัติหน้าที่ และให้เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของผู้คัดค้าน และเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งมีกำหนดเวลา ไม่เกิน 10 ปี ซึ่งน.ส.ปารีณา ไม่ได้เดินทางมาศาล มีเพียงทนายความเดินทางมา

ศาลฎีกาพิเคราะห์พยานหลักฐานเห็นว่า การครอบครองที่ดิน 665 ไร่ 1 งาน 53 ตร.ว. เป็นพื้นที่สีส้ม โดยไม่มีเอกสารสิทธิใด ที่ดินโดยรอบมียื่นขอออกเอกสารสิทธิ ส.ป.ก. 4-01 หลายแปลง จึงมีเหตุให้เชื่อได้ว่าประกอบธุรกิจฟาร์มเลี้ยงสัตว์ขนาดใหญ่อยู่ในพื้นที่เดียวกัน ย่อมต้องทราบว่ามีการปฏิรูปที่ดินเช่นเดียวกับคนอื่น

ต่อมา 17 มิ.ย.2562 สำนักงานปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) ประกาศให้ยื่นขอปฏิรูปที่ดินอีกครั้ง โดยกำหนดคุณสมบัติผู้มีสิทธิ์ยื่นคำร้องต้องเป็นเกษตรกรและไม่มีที่ดินเป็นของตัวเอง สำนักงานปฏิรูปที่ดินฯ จะจัดสรรที่ดินให้ไม่เกินคนละ 50 ไร่ ผู้คัดค้านก็ยังไม่เข้าสู่กระบวนการปฏิรูปที่ดินเพราะมีที่ดินมากกว่าคนอื่น และการครอบครองที่ต่อจากบิดาโดยรู้ว่าเป็นที่เกษตรกรรม มีเจตนาไม่ส่งคืนเพื่อจัดสรรให้เกษตรกรและเลี่ยงการเข้ากระบวนการปฏิรูปมาตลอด จนมีการตรวจสอบ จึงคืนที่ดินให้ทั้งหมดโดยไม่มีเงื่อนไข หาใช่สมัครใจส่งมอบเองตามที่อ้าง ประกอบกับผู้คัดค้านเป็นส.ส. 4 สมัย ย่อมมีความรู้เกี่ยวกับที่ดินเขตปฏิรูป การครอบครองที่ดินของจำเลยยังเป็นการปิดโอกาสเกษตรกรรายอื่นไม่สามารถได้รับการจัดสรรที่ดินทำกินได้ คนทั่วไปจะแคลงใจว่าเหตุใจผู้คัดค้านจึงสามารถครอบครองที่ดินในเขตปฏิรูปได้หลาย 100 ไร่

รุกป่า-ฝ่าฝืนจริยธรรมร้ายแรง

สถานะผู้คัดค้านมีรายได้จากการเป็น ส.ส. 4 สมัย ใช้เวลาทำงานส่วนใหญ่ในรัฐสภา ไม่ใช่เกษตรกรอาชีพ มีกรรมสิทธิ์ที่ดินของตัวเองหลาย 10 แปลง และมีที่อยู่อาศัยคนละพื้นที่กับที่ดินพิพาท การครอบครองที่ดินเขตปฏิรูปโดยทราบว่าไม่มีคุณสมบัติและไม่มีเอกสารสิทธิ ส.ส.ย่อมไม่ควรปฏิบัติ การ กระทำของผู้คัดค้านเสื่อมเสียเกียรติ และมาตรฐานจริยธรรมร้ายแรง ข้อ 17 ที่ต้องรักษาชื่อเสียง ตำแหน่งหน้าที่ของส.ส. และไม่กระทำการใดที่ก่อให้เกิดความเสียหาย ต่อภาพลักษณ์ แม้ต่อมาจะส่งคืนที่ดินทั้งหมดก็ไม่ทำให้การฝ่าฝืนจริยธรรมฯที่เกิดขึ้นแล้ว เป็นไม่เกิดขึ้นได้ ส่วนที่อ้างนำรายได้จาก การทำเกษตรในที่ดินเขตปฏิรูปมาเลี้ยงดูบิดา ซึ่งเป็นหลักศีลธรรมนั้นการเลี้ยงดูบิดาต้องอยู่ภายใต้กรอบกฎหมาย และคนทั่วไปก็มีหน้าที่ไม่ต่างจากผู้คัดค้าน

ศาลพิพากษาว่า ผู้คัดค้านฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานจริยธรรม มีคำสั่งให้ผู้คัดค้านพ้นจากตำแหน่งนับจากวันที่ 25 มี.ค.2564 ซึ่งเป็นวันที่ศาลฎีกา สั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ และให้เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของผู้คัดค้านตลอดไป และเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งมีกำหนดเวลาไม่เกิน 10 ปี มีผลให้ผู้คัดค้านไม่มีสิทธิ์รับเลือกตั้งเป็น ส.ส. สว. ผู้บริหารท้องถิ่น และดำรงตำแหน่งทางการเมืองใดๆ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 235 วรรคสี่ และพ.ร.ป.ว่าด้วยป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ พ.ศ.2561 มาตรา 81, 87 และมาตรฐานจริยธรรมของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระ ข้อ 3 ข้อ 17 ประกอบข้อ 27 วรรคสอง

ทนายหาช่องยื่นอุทธรณ์

นายทิวา การกระสัง ทนายความของ น.ส. ปารีณา กล่าวหลังศาลฎีกาพิพากษาว่า การตัดสินวันนี้ไม่สามารถทำให้น.ส.ปารีณาเป็นนักการเมืองได้ ถือเป็นราษฎรแล้วต้องพักผ่อนไปอีก 10 ปี ส่วนที่ตัดสิทธิ์ทางการเมืองตลอดไปต้องดูว่าคำว่าผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองมีคุณสมบัติอะไร เช่น เป็นผู้มีคุณสมบัติการเลือกตั้ง และหากถูกตัดสิทธิ์ลง ส.ส. ดำรงตำแหน่งทางการเมืองไม่ได้ แต่หากมีการแก้ไข รัฐธรรมนูญใหม่น.ส.ปารีณาก็มีโอกาสกลับมาดำรงตำแหน่งได้อีกครั้ง ตนอยากให้รู้ว่าที่ผ่านมา น.ส.ปารีณาโดนมาเยอะ นี่คือผลของผู้กล้าที่ตายกลางสนามรบ เป็นเรื่องปกติ แต่วีรบุรุษไม่เคยตายกลางสนามรบ ซึ่งนี่คือการเมืองไทย

“ภายหลังจากการฟังคำพิพากษาไม่ได้มีการพูดคุยกับน.ส.ปารีณา แต่ทางด้าน น.ส. ปารีณาได้เตรียมทำฟาร์มไก่ใหม่ ส่วนเรื่องคดีต้องดูว่าตามกฎหมายสามารถยื่นอุทธรณ์ ไปยังที่ประชุมใหญ่ของศาลฎีกาได้หรือไม่ หากทำได้ก็จะลองยื่นอุทธรณ์ดู ในส่วนคดีอาญาทางการเมืองทั่วไปสามารถยื่นอุทธรณ์ได้ แต่กรณีผิดจริยธรรมเป็นการพิพากษาคดีแรก จึงต้องศึกษาดูข้อกฎหมายก่อนว่าจะใช้ระเบียบเดียวกันหรือไม่”นายทิวากล่าว

‘ปารีณา’ตัวชา-ไม่เหลืออะไรแล้ว

น.ส.ปารีณาให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ ทราบคำพิพากษาของศาลฎีกาแล้วและน้อมรับทุกกรณี แต่ขอเวลาทำใจก่อนจะให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน เพราะขณะนี้ตน ไม่พร้อมที่จะพูดถึงเรื่องนี้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในไลน์กลุ่มส.ส.พรรคพลังประชารัฐ ได้มีส.ส.เข้ามาให้กำลังใจ น.ส.ปารีณา จนกระทั่งเวลา 10.21 น. น.ส. ปารีณาได้ดีดตัวเองออกจากไลน์กลุ่มส.ส. พรรคพลังประชารัฐ

ผู้สื่อข่าวพยายามโทรศัพท์ติดต่อสอบถาม น.ส.ปารีณาอีกครั้ง จนกระทั่งเวลา 13.45 น. น.ส.ปารีณาให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ด้วยเสียงสั่นเครือ ว่า “ตอนนี้ยังไม่เจอใคร ยัง ไม่ได้คิดอะไร ตอนนี้ตัวชา กำลังทำใจอย่างเดียว ไม่ต้องทำพื้นที่แล้ว เพราะเหมือนคนตกงาน 100 เปอร์เซ็นต์ ไม่มีสภาให้ไป ไม่มีไก่ให้เลี้ยง ไม่เหลืออะไรแล้ว”

นางพรพิศ เพชรเจริญ เลขาธิการสภา ผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์ว่า น.ส.ปารีณา ไม่ต้องจ่ายเงินคืนสภา เนื่องจากทางสภา ไม่ได้จ่ายเงินเดือนและเงินอื่นๆ ให้กับ น.ส.ปารีณา ตั้งแต่ศาลมีคำสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ในวันที่ 25 มี.ค. 2564 แล้ว ซึ่งถือว่าเราปฏิบัติตามคำสั่งของศาล

พปชร.-ปชป.ส่งชิงซ่อมส.ส.ราชบุรี

ด้านนายอัฏฐพล โพธิพิพิธ ส.ส.กาญจนบุรี ในฐานะหัวหน้าภาค 7 (กาญจนบุรี นครปฐม ประจวบคีรีขันธ์ ราชบุรี สมุทรสงคราม สมุทรสาคร สุพรรณบุรี และเพชรบุรี) พรรคพลังประชารัฐ ให้สัมภาษณ์ถึงการเลือกตั้งซ่อม ส.ส.เขต 3 จ.ราชบุรี แทน น.ส.ปารีณา ว่า ยืนยันว่าจะส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งซ่อม ส.ส.แน่นอน เพื่อรักษาพื้นที่ แต่ต้องรอนายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง ในฐานะเลขา ธิการพรรคเรียกประชุมกรรมการบริหารพรรค (กก.บห.) เพื่อพิจารณาก่อน ส่วนตัว ผู้สมัครส.ส. เท่าที่ทราบขณะนี้มีการเตรียมไว้แล้ว แต่ยังไม่ได้มีการพูดคุยกับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ

นายอัครเดช วงศ์พิทักโรจน์ ส.ส.ราชบุรี รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์(ปชป.) กล่าวว่า จากการพูดคุยกับนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.เกษตรและสหกรณ์ เลขาธิการพรรคประชา ธิปัตย์ ระบุว่าอยู่ที่กก.บห.จะเป็นผู้พิจารณาตัดสินใจในการส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งซ่อมส.ส.เขต 3 ราชบุรี แต่พรรคมีความพร้อมในเรื่องตัวผู้สมัครอยู่แล้ว เป็นบุคคลที่ประชาชนให้การตอบรับอยู่แล้ว คือนายชัยทิพย์ กมลพันธ์ทิพย์ อดีตผู้สมัครราชบุรี เขต 3 พรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งการเลือกตั้งครั้งที่แล้วได้คะแนนมาเป็นอันดับสอง ที่ผ่านมาลงพื้นที่ดูแลพี่น้องประชาชนอย่างต่อเนื่องมาตลอด

กกต.เล็งกาบัตร 15 พ.ค.

นายอิทธิพร บุญประคอง ประธานกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เปิดเผยถึงขั้นตอนการจัดการเลือกตั้งส.ส.เขต 3 ราชบุรี แทนตำแหน่งที่ว่างว่า กกต. ต้องจัดให้มีการเลือกตั้งแทนตำแหน่งที่ว่าง ภายใน 45 วันนับแต่วันที่ตำแหน่งว่างลง (วันที่ศาลฎีกามีคำพิพากษา) ซึ่งขั้นตอนต่อไปทางคณะรัฐมนตรี (ครม.) จะทูลเกล้าฯ ร่างพระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกตั้ง ส.ส. แทนตำแหน่งที่ว่าง เมื่อพระราชกฤษฎีกาฯ มีผลใช้บังคับแล้ว กกต.จะประกาศกำหนดวันเลือกตั้ง และวันรับสมัครเลือกตั้งต่อไป

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การกำหนดวันเลือกตั้งนั้น ถ้านับจากวันที่ศาลฎีกาพิพากษา 45 วัน คาดว่าจะมีการจัดเลือกตั้งได้ในวันอาทิตย์ ที่ 15 พ.ค.นี้

‘ปิยบุตร’ค้านโทษประหารการเมือง

นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า ทวีตข้อความผ่านทวิตเตอร์ว่า รัฐธรรมนูญ 2560 กำหนดให้กรณีนักการเมืองละเมิดจริยธรรมอย่างร้ายแรงไปให้ศาลฎีกาตัดสิน และมีโทษประหารชีวิตทางการเมือง เป็นเรื่องไม่ถูกต้อง 1.มาตรฐานจริยธรรมเป็นเรื่องจริยธรรม จรรยาบรรณเป็นเรื่องภายในองค์กร ต้องให้แต่ละองค์กรกำหนดและชี้ขาดกันเอง หน่วยงานอื่นๆ เขาก็ทำกันเอง ลงโทษกันเอง 2.มาตรฐานทางจริยธรรมไม่ใช่เรื่องเกณฑ์ทางกฎหมาย ไม่ใช่ถูกหรือผิดกฎหมาย แต่เป็นเรื่องความ เหมาะสม จึงไม่ควรให้ศาลชี้ขาดลงโทษ

3.โทษสูง การตัดสิทธิสมัครเลือกตั้งตลอดชีวิต ไม่ควรมี นี่คือการทำลายสิทธิขั้นพื้นฐานอย่างรุนแรง ประหารชีวิตทางการเมือง รัฐธรรมนูญ 2560 เอามาใช้สองกรณี คือ ติดคุกเพราะคอร์รัปชั่น และละเมิดจริยธรรมร้ายแรง ซึ่งผู้ร่างเที่ยวเอาไปโฆษณาว่านี่คือ “รธน.ปราบโกง” แต่จริงๆ แล้วการโกงก็ยังมี และเพิ่มขึ้น ส่วนช่องทางนี้ก็เอาไว้เล่นงานนักการเมืองกันไปมา

“ผมจึงไม่เห็นด้วยกับกรณีศาลฎีกาตัดสิน น.ส.ปารีณา และเสนอว่าเราไม่ควรดีใจกับเรื่องแบบนี้ ตรงกันข้าม เราควรรณรงค์ชี้ปัญหาพิษภัย รัฐธรรมนูญ 2560 และต่อสู้กับนิติสงคราม” นายปิยบุตรระบุ

ฝ่ายค้านมั่นใจซักฟอกก่อน23ส.ค.

เวลา 10.05 น. ที่รัฐสภา นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน หัวหน้าพรรคเพื่อไทย(พท.) ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์ ถึงการยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 151 ในเดือนพ.ค. ว่า ฝ่ายค้านมีการประชุมร่วมกันตลอดและบ่าย วันเดียวกันนี้ เป็นการนัดประชุมครั้งที่ 3 ที่จะพิจารณาร่วมกัน มติของฝ่ายค้านออกมาตั้งแต่แรกแล้วว่าจะพยายามยื่นให้เร็วที่สุด นับตั้งแต่หลังวันที่ 22 พ.ค. เป็นต้นไป

คำว่าเร็วที่สุด ที่ประชุมมีเงื่อนไขว่าต้องดูบริบทโดยรวมว่าการยื่นจะเป็นประโยชน์ต่อชาติและประชาชนหรือไม่ เพราะจังหวะการยื่นมีการพิจารณากฎหมายสำคัญอยู่ เช่น ร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.และร่างพ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง ที่กำลังพิจารณาอยู่จะเข้ารัฐสภาได้ช่วงไหน รวมถึงร่างพ.ร.บ.งบประมาณปี 2566 ซึ่งมีความชัดเจนว่าจะเข้าสู่สภาวาระรับหลักการวันที่ 1-2 มิ.ย. ถ้ายื่นไปทำให้กฎหมายสำคัญเนิ่นช้าหรือไปขัดขวาง เราอาจจะนำสิ่งเหล่านั้นมาร่วมพิจารณากำหนดเวลาในการยื่น แต่มั่นใจว่าการอภิปรายต้องเกิดก่อน 23 ส.ค.แน่นอน

เชื่อยุบสภาหลังเอเปก

นพ.ชลน่านกล่าวว่า รัฐบาลจะอยู่ครบ 4 ปีหรือไม่เป็นจุดมุ่งหมายของเขาอยู่แล้ว แต่เท่าที่ดูตนยังมั่นใจรัฐบาลไม่น่าจะอยู่ครบเทอม เพราะ 1.มีประเด็นเรื่องของผลงาน 2.เชื่อว่ายุบสภาก่อนแล้วไปเลือกตั้งได้ครบเทอมอย่างที่เขาเคยพูดออกมาว่าหลังเอเปกเดือนพ.ย. เพราะต้องการผลงานเรื่องเอเปก และถ้าปล่อยให้ครบเทอมมีประเด็นสำคัญเรื่องการย้ายพรรคของส.ส. ถ้ายุบสภามีเวลา 30 วันที่จะโยกย้ายและเปลี่ยนพรรคง่าย เมื่อเปรียบเทียบกับการอยู่ครบเทอมที่ต้องสังกัดใหม่ภายใน 90 วัน และเลือกตั้งภายใน 45 วัน ซึ่งเป็นเงื่อนไขที่เขาดูว่าเขามีโอกาสที่มีประโยชน์สูงสุด

นอกจากนั้น มีเรื่องวาระครบ 8 ปีของ นายกฯ วันที่ 23 ส.ค. ที่ทำให้เขาอาจต้องตัดสินใจยุบสภาก่อน และการอภิปรายไม่ไว้วางใจที่เราจะยื่น ฝ่ายค้านจะทดสอบเบื้องต้นคือการพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณปี 2566 จะติดตามว่าวาระรับหลักการมีประเด็นอะไรหรือไม่ หากมีร่องรอยไม่เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของ ส.ส.ที่สนับสนุนรัฐบาล ซึ่งจะคาดการณ์ได้ เพราะจะยื่นญัตติการอภิปรายไม่ไว้วางใจช่วงนั้น

กมธ.คว่ำอดีตส.ว.-กปปส.ตั้งพรรค

เวลา 13.00 น. ที่รัฐสภา นายรงค์ บุญสวยขวัญ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคพลังประชารัฐ และนายอัครเดช วงศ์พิทักษ์โรจน์ ส.ส.ราชบุรี พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะโฆษกคณะกรรมาธิการ(กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่างพ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส. (ฉบับที่…) พ.ศ… แถลงภายหลังการประชุมว่า ที่ประชุมได้พิจารณาร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง ในประเด็นคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของผู้ร่วมดำเนินการก่อตั้งพรรคการเมือง มีมติไม่เห็นด้วยกับร่างของนายอนันต์ ผลอำนวย ส.ส.กำแพงเพชร พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะรองประธานกมธ. ที่เสนอในมาตรา 9 วรรค 1 ซึ่งเกี่ยวโยงกับมาตรา 98 ของรัฐธรรมนูญ ที่เปิดช่องให้อดีต ส.ว., กลุ่ม กปปส. และผู้ที่ถูกตัดสิทธิ์ทาง การเมือง สามารถจัดตั้งพรรคได้

โดยที่ประชุมลงมติไม่เห็นด้วย 24 เสียง เห็นด้วย 19 เสียง และงดออกเสียง 2 เสียง จากองค์ประชุมทั้งหมด 45 เสียง และให้ กลับไปใช้ข้อความตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรค การเมืองฉบับปัจจุบัน ที่ห้ามบุคคลเหล่านี้ เป็นผู้จัดตั้งพรรค

ยืนค่าสมาชิกเหมือนเดิม

สำหรับประเด็นค่าบำรุงพรรคการเมืองแบบรายปีและแบบตลอดชีพ มีการพิจารณาว่า ควรแก้ไขเพิ่มเติมจำนวนค่าบำรุงพรรค การเมืองแบบรายปีและแบบตลอดชีพหรือไม่ และควรกำหนดจำนวนค่าบำรุงพรรค การเมืองแบบรายปีและแบบตลอดชีพไว้ในข้อบังคับพรรค การเมืองหรือไม่ โดยที่ประชุมมีมติให้คงความในมาตรา 3 และมาตรา 4 ของร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมืองไว้ตามเดิม คือ รายปี 20 บาท ตลอดชีพ 200 บาท ด้วยคะแนนเสียงไม่เห็นด้วย 29 เสียง เห็นด้วย 10 เสียง งดออกเสียง 2 เสียง จากองค์ประชุมทั้งหมด 41 เสียง

ส่วนประเด็นที่ยังต้องมีการถกเถียงกันมากคือเรื่องไพรมารีโหวตในร่างพ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง และสูตรการคำนวณ ส.ส. บัญชีรายชื่อ (ปาร์ตี้ลิสต์) ว่าจะใช้ 100 หรือ 500 หาร ซึ่งกมธ.จะกลับมาประชุมอีกครั้งในวันที่ 20 เม.ย. เนื่องจากสัปดาห์หน้าเป็นหยุดสงกรานต์ จึงไม่มีการประชุม

นายสาธิต ปิตุเตชะ รมช.สาธารณสุข ประธานกมธ.วิสามัญพิจารณาร่างพ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส. เปิดเผยว่า ที่ประชุมยังมีมติกำหนดเพิ่มเวลาการประชุมตั้งแต่เวลา 09.30-16.30 น. จากเดิมที่ประชุมเวลา 09.30-13.00 น. เริ่มตั้งแต่หลังเทศกาลสงกรานต์เป็นต้นไป เนื่องจากที่ผ่านมาหยุดการประชุมไป 2 สัปดาห์ ตั้งเป้าว่าต้องพิจารณาให้เสร็จทันกรอบเวลาคือ ก่อนช่วงเปิดสมัยการประชุมสภาสมัยสามัญวันที่ 22 พ.ค.นี้

ชี้‘หมอระวี’ยื่นศาลไม่กระทบ

นายสาธิตกล่าวว่า กรณี นพ.ระวี มาศ ฉมาดล หัวหน้าพรรคพลังธรรมใหม่ (พธม.) เตรียมไปยื่นศาลรัฐธรรมนูญให้พิจารณาคว่ำการแก้รัฐธรรมนูญเป็นบัตรเลือกตั้ง 2 ใบให้เป็นโมฆะ นายสาธิตกล่าวว่า เชื่อว่าจะไม่เกิดผลกระทบต่อการพิจารณาของกมธ. ตนเข้าใจและเห็นใจพรรคเล็ก แต่วันนี้สถานการณ์เปลี่ยนไป เราให้ความสำคัญว่าต้องทำให้สถาบันพรรคการเมืองเข้มแข็ง เป็นที่ยอมรับในวงกว้าง รวมถึงคะแนนที่จะนำมาคำนวณต้องเปลี่ยนแปลงไป

นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ว่า การยื่นตรงไปที่ศาลรัฐธรรมนูญ ไม่แน่ใจว่าศาลจะรับหรือไม่ แต่อาจจะทำได้ก็ได้ อยู่ที่ศาลว่าจะรับหรือไม่ แต่ยังไม่เข้าใจว่านพ.ระวีจะยื่นประเด็นอะไร ผู้สื่อข่าวถามว่า กรณีนี้ต้องยื่นผ่านไปที่ผู้ตรวจการแผ่นดิน ก่อนหรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า ใช่ แต่หาก ผู้ตรวจการไม่รับเรื่อง ก็เหมือนคดีอื่นที่ต้องผ่านอัยการ ถ้าอัยการไม่รับ สามารถยื่นโดยตรงได้ ส่วนศาลจะรับหรือไม่ก็ได้

ต่อข้อถามว่านพ.ระวี อ้างว่าเป็นผู้มีส่วนได้ส่วนเสียโดยตรง จะเป็นเหตุผลที่ฟังขึ้นหรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า มีส่วนได้ส่วน เสียจริง ผู้สื่อข่าวถามว่า หากศาลรับไว้พิจารณา จะทำให้การพิจารณากฎหมายลูกในสภาสะดุดหรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า ไม่ มีหลายคดีที่ร้องว่าขัดรัฐธรรมนูญ แต่ถ้ายังดำเนินการอยู่ก็ดำเนินการต่อไป แล้วให้ไปเจอกันตรงไหนสักที่

เมื่อถามว่าหากศาลวินิจฉัยว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ผ่านมา ขัดกับรัฐธรรมนูญจะเกิดอะไรขึ้น นายวิษณุกล่าวว่า “ก็จบเลิกกระบวนความ แต่คงไม่กลับ ทุกอย่างไปอัตโนมัติ ศาลต้องพูดอะไรออกมาให้ยืดยาว ว่าจะให้ทำอย่างไร เพราะเดี๋ยวนี้เวลามีคำสั่ง จะอธิบายเหตุผลตามมาว่าจะต้องทำอะไรต่อ”

‘บิ๊กตู่’ยันศึก‘ท็อป-มนัญญา’จบ

ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงความขัดแย้งระหว่างนายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและ สิ่งแวดล้อม และน.ส.มนัญญา ไทยเศรษฐ์ รมช.เกษตรและสหกรณ์ ระหว่างการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 5 เม.ย.ว่า ไม่ได้มีปัญหาอะไร เพียงแต่มีการพูดจากัน ซึ่งตนต้องการเดินหน้าไปสู่การประชุมวาระอื่นๆ แต่พูดกันไม่จบเสียที ซึ่งเป็นเรื่องเล็กน้อย ไม่เข้าใจกันนิดหน่อยเรื่องถุงพลาสติก โดยวันนี้มีมาตรการการลดใช้ถุงพลาสติก

เข้าใจกันแล้ว พูดจากันแล้ว หัวหน้าพรรคก็คุยกันแล้ว ทั้งสองท่านคุยกันแล้วก็แค่นั้นเอง ในฐานะที่ผมเป็นประธานการประชุม เป็นนายกฯ จำเป็นต้องให้หยุดพูดในเรื่องนี้เพื่อไปเรื่องอื่น เพราะยังมีอีกหลายเรื่องก็เท่านั้นเอง โกรธกันไม่ได้อยู่แล้ว อย่าขยายให้เป็นเรื่องใหญ่โต ทั้งสองท่านก็รายงานมาให้ผมทราบแล้ว เขาคุยกันแล้ว” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

ให้กำลังใจผู้สมัครผู้ว่าฯทุกคน

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ตนห่วงใยปัญหาในพื้นที่กทม. ที่ผ่านมารัฐบาลพยายามทำให้เป็นเมืองที่สะอาด มีระเบียบเรียบร้อย ซึ่งคืบหน้าเยอะพอสมควรแล้ว และหวังว่าวันหน้าไม่ว่าใครจะมานั่งผู้ว่าฯ กทม.ก็ควรทำเรื่องเหล่านี้ด้วย การแก้ไขปัญหาทั้งหมดใน กทม.ไม่ใช่เรื่องง่ายเพราะติดอยู่ที่ประชาชนว่าจะยินยอมหรือไม่ สิ่งที่สำคัญที่สุดจะทำอย่างไรให้คลายความแออัด ด้วยการขยายพื้นที่ทางเศรษฐกิจออกไปรอบนอกพื้นที่ หากอยู่กันใจกลางเมืองก็จะแน่นแบบนี้ ขอให้ช่วยคิดกัน

“ผมให้กำลังใจผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม.ทุกคนอยู่แล้ว และคาดหวังว่าเราจะได้ผู้ว่าฯ กทม. ที่ดี” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

‘ดร.เอ้’ลุยสีลม-ละลายทรัพย์

เวลา 11.00 น. นายสุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. พรรคประชาธิปัตย์ หมายเลข 4 พร้อมด้วยนายสุวิทย์ เลิศธนากุลวัฒน์ ผู้สมัครส.ก. เขตบางรัก หมายเลข 1 ลงพื้นที่แนะนำตัวพร้อมขอคะแนนเสียงจากประชาชนตั้งแต่แยกศาลาแดงไปตลอดแนวถนนสีลม และเข้าไปในตลาดละลายทรัพย์ ซอยสีลม 5

จากนั้น เดินเท้าพบประชาชนไปจนสุดถนนเจริญกรุงก่อนแวะเข้าซอยสีลม 13 (ไวตี) เพื่อพบปะชุมชนชาวมุสลิม แล้วเดินออกมาที่ถนนสีลมไปพบร้านค้าละแวกวัดแขกและตึกวรวัฒน์ ตามด้วยการเดินตลาดบางรัก เยี่ยมเยียนร้านค้า และช่วงเย็นมีกิจกรรมการไลฟ์สด ในชุมชนซอยพิพัฒน์ 2 เพื่อนำเสนอนโยบายการติดตั้งไฟส่องสว่างเพิ่มเติมและการสร้างความปลอดภัยตามชุมชนต่างๆ

นายสุชัชวีร์ให้สัมภาษณ์ว่า การลงพื้นที่ของตนไม่ใช่ทำเพื่อแนะนำเบอร์ในการหาเสียงเลือกตั้งเท่านั้น แต่ยังเป็นการได้มารับฟังว่าแต่ละพื้นที่มีปัญหาอะไรบ้าง โดยปัญหาในกทม.มีมากมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องเศรษฐกิจปากท้อง และเรื่องโรคโควิด-19 ถ้าตนได้รับเลือกเป็นผู้ว่าฯ กทม. จะเร่งแก้ปัญหาเหล่านี้ก่อน และยืนยันว่าถ้าได้เป็น ผู้ว่าฯ กทม. จะเปิดให้ขายของได้ทุกวัน

‘วิโรจน์’ชูจุดแข็งทำงานเป็นทีม

เมื่อเวลา 11.00 น. ที่ตลาดห้วยขวาง นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. พรรคก้าวไกล หมายเลข 1 พร้อมด้วย น.ส.เต็มสินี โสภาสมสวัสดิ์ ผู้สมัคร ส.ก.เขตห้วยขวาง เดินตลาดพบปะพูดคุยกับพ่อค้าแม่ค้าและพี่น้องประชาชนที่มาจับจ่ายซื้อของ

นายวิโรจน์กล่าวว่า จุดแข็งของพรรคก้าวไกล คือ การทำงานเป็นทีมร่วมกับ ส.ก. ซึ่งรู้จักพื้นที่เป็นอย่างดี ทำให้การหาเสียงเป็นไปอย่างสบายใจมาก สิ่งที่ต้องทำต่อไป คือ การพบปะพี่น้องประชาชนเพื่อให้มองเห็นความมุ่งมั่นตั้งใจ และเชื่อใจว่าพรรคก้าวไกลกล้าที่จะแก้ไขปัญหาให้เขาได้ หากได้เป็นผู้ว่าฯ กทม. สิ่งที่จะต้องทำก่อน คือ การแก้ปัญหาที่ประชาชนฝากอำนาจไว้กับเรา และเป็นปัญหาที่ประชาชนไม่สามารถแก้ไขด้วยตนเองได้ เช่น ปัญหาโรงไฟฟ้าขยะอ่อนนุชส่งกลิ่นเหม็น การเปิดเผยสัญญาสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียว การแก้ปัญหาไซต์ก่อสร้างต่างๆ ที่บดบังผิวจราจรหรือทางเท้า ทำให้เกิดอุบัติเหตุบ่อย ปัญหาเหล่านี้จะต้องไปเคลียร์กับนายทุนผู้รับเหมา

‘ศิธา’ลั่นจะให้คนกรุงร่วมจัดงบ

วันเดียวกัน พรรคไทยสร้างไทย โดยน.ต.ศิธา ทิวารี ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. หมายเลข 11 คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานพรรค พร้อมด้วยดร.รัตติกาล แก้วเกิดมี ผู้สมัครส.ก.เขตสายไหม หมายเลข 4 และ นายวิกรม ธรรมวัฒนะ ผู้สมัครส.ก.เขตบางเขน หมายเลข 4 จัดเสวนาเปิดนโยบาย “สภาชุมชน” (PEOPLE COUNCIL) ที่แขวงคลองถนน เขตสายไหม มีผู้นำชุมชน และประชาชน จากเขตบางเขนและสายไหม ให้ความสนใจร่วมหารือกันเป็นจำนวนมาก

น.ต.ศิธากล่าวว่า ตนจะเป็นผู้ว่าฯ คนแรกที่จะกระจายอำนาจการจัดการงบประมาณ กทม.ให้กับคนกทม. ผ่าน #สภาชุมชน โดยการออกเป็นระเบียบกรุงเทพมหานคร เป็นการคืนอำนาจให้ประชาชนผ่านสภาชุมชน และปลดปล่อยประชาชนจากพันธนาการ “รัฐราชการอำนาจนิยม” เป็นประชาธิปไตยทางตรง ที่ชุมชนสามารถร่วมจัดงบประมาณของกทม. เพื่อไปแก้ไขปัญหาในหมู่บ้านหรือชุมชนของตนเองได้ จัดการตัวเองได้ เป็นการแก้ไขปัญหาที่ตรงจุดตามความต้องการของประชาชน

‘อัศวิน’อ้อนขอคัมแบ๊ก

เวลา 14.30 น. ที่ชาวชุมชนโรงปูน เขตห้วยขวาง พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. หมายเลข 6 พร้อมนายวริษทนนต์ คูณธนานุวัฒน์ ผู้สมัครส.ก.เขตห้วยขวาง กลุ่มรักษ์กรุงเทพ พร้อมทีมคนลุยเมืองลงพื้นที่หาเสียงพบปะชาวชุมชนโรงปูน ซึ่งตลอดเส้นทางมีประชาชนในชุมชนออกมาต้อนรับ และส่งเสียงเชียร์อย่างคึกคัก

พล.ต.อ.อัศวินกล่าวทักทายประชาชนว่า ในขณะที่ดำรงตำแหน่งเป็นผู้ว่าฯ กทม. เคยมาพบปะกับพี่น้องเพื่อร่วมรับฟังและแก้ปัญหา ตนยังมีกำลังกายกำลังใจที่อยากจะพัฒนาและสร้างชุมชนให้เข้มแข็งยิ่งๆ ขึ้นไปอีก จึงอยากขอโอกาสให้เข้ามาทำงานเป็น ผู้ว่าฯ อีกครั้ง เพราะอยากเห็นพี่น้องในชุมชนมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นและเป็นชุมชนที่เข้มแข็งอย่างแท้จริง

พล.ต.อ.อัศวินกล่าวถึงการจัดเวทีปราศรัยว่า จะจัดอีกหลายครั้ง อย่างน้อย 6 ครั้ง กระจายไปในทุกโซน เพื่อสร้างความเข้าใจกับพี่น้องประชาชนว่าตนและทีมอัศวินจะสามารถพัฒนาและแก้ปัญหาเพื่อพี่น้องคนกรุงเทพฯ ได้ หลังจากที่ได้จัดเวทีแรกที่เขตมีนบุรี ซึ่งได้รับเสียงตอบรับเป็นจำนวนมาก

 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน