เหยื่อราย4แจ้งความ ถูกล่อลวงทำอนาจาร อดีตรองหน.ปชป.โต้ สาวบางคน-ไม่รู้จักกัน

โผล่แจ้งจับ ‘ปริญญ์’ ต่อเนื่อง เหยื่อสาวอีกรายถูกกระทำอนาจารเช่นกันเผยตกเป็นเหยื่อเมื่อครั้งเป็นนักศึกษาหลังเชิญไปเป็นวิทยากรบรรยาย ด้านเมียไฮโซลูกนัทเข้าให้การตำรวจเพิ่มเติม ลั่นพร้อมสู้จนถึงที่สุด ขณะที่พนักงานสอบสวนสน.ลุมพินีเร่งขออนุมัติศาลออกหมายจับพร้อมประสานตม.สกัดผู้ถูกกล่าวหาเผ่นนอก ขณะที่อดีตรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ยันพร้อมเข้าพบตำรวจ ซัดผู้ที่ออกมากล่าวหาไม่เคยรู้จักและพูดคุย

จากกรณีที่นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม โพสต์เฟซบุ๊กระบุมีรองหัวหน้าพรรคการเมืองใหญ่ มีพ่อดังระดับโลก ลวนลามหญิงสาวที่มาปรึกษาความรู้ด้านเศรษฐศาสตร์ โดยไม่สมยอม ซึ่งมีผู้เสียหายเข้าแจ้งความที่สน.ลุมพินีแล้ว 2 ราย เมื่อวันที่ 14 เม.ย.ที่ผ่านมา

ความคืบหน้า เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 15 เม.ย. พล.ต.ต.ไตรรงค์ ผิวพรรณ รองผบช.น. ดูแลงานสอบสวน เปิดเผยว่า ขณะนี้มีผู้เสียหายมากล่าวโทษรวม 3 ราย คือ ผู้เสียหาย อายุ 18 ปี 1 ราย และภรรยาของนายธนัตถ์ ธนากิจอำนวย หรือไฮโซลูกนัท เกิดเหตุในพื้นที่สน.ลุมพินี และผู้เสียหายที่เข้าร้องทุกข์ที่สภ.เมืองเพชรบุรี จ.เพชรบุรี

“ขณะนี้ทางพนักงานสอบสน.ลุมพินี อยู่ระหว่างสอบปากคำและรวบรวมพยาน หลักฐานกรณีดังกล่าวที่เกิดขึ้น ยังไม่ได้ไปขออนุมัติศาลออกหมายจับแต่อย่างใด ซึ่งผู้ถูกกล่าวหาสามารถเข้ามาพบพนักงานสอบสวนเพื่อชี้แจงได้ตามสิทธิ์” รองผบช.น.กล่าว

ด้านนายปริญญ์ ซึ่งตกเป็นผู้ถูกกล่าวหาในคดีนี้ กล่าวว่า การดำเนินการดังกล่าวได้ให้ทางทนายความเป็นผู้ดำเนินการเกี่ยวกับกรณีที่เกิด ซึ่งอย่างที่ตนได้แถลงข่าวไปเมื่อวานนี้ทั้งหมดแล้ว ถือว่ามีความชัดเจนทั้งหมดแล้ว ยืนยันว่า ตนพร้อมที่จะเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม

ขณะที่มีรายงานข่าวระบุว่า นายปริญญ์ ผู้ถูกกล่าวหา ยังไม่ได้ติดต่อพนักงานสอบสวนเพื่อขอเข้ามาชี้แจงข้อเท็จจริงแต่อย่างใด ทั้งนี้ ช่วงบ่าย พล.ต.ต.ไตรรงค์จะเดินทางมาประชุมร่วมกับพนักงานสอบสวนสน.ลุมพินี เพื่อติดตามความคืบหน้าคดีต่อไป

เวลา 14.00 น. ที่สน.ลุมพินี พล.ต.ต.ไตรรงค์ ซึ่งเดินทางมาประชุมติดความคืบหน้าคดีเปิดเผยว่า กรณีดังกล่าวถือว่ามีอัตราโทษเกินกว่า 3 ปี ตำรวจมีหน้าที่รวบรวมพยานหลักฐานเพียงพอกล่าวหาได้ว่าเป็นผู้กระทำความผิด นำพยานหลักฐานทั้งหมด ขออำนาจศาลออกหมายจับ อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่เมื่อวันที่ 14 เม.ย.ที่ผ่านมา ผู้เสียหายเข้ามาแล้ว ส่วนติดต่อผู้ถูกกล่าวหายังไม่ได้มีการติดต่อมาหาทางพนักงานสอบสวนสน.ลุมพินีแต่อย่างใด

พล.ต.ต.ไตรรงค์กล่าวต่อว่า ขณะนี้ เจ้าหน้าที่มีทั้งพยานบุคคลและวัตถุพยาน ส่วนกรณีที่ผู้เสียหายกระทำการอนาจารขายหน้าแก่ธารกำนัลนั้น ไม่ว่าการกระทำอยู่ในสถานที่ที่เปิดเผย ยกตัวอย่าง สถานีตำรวจเวลากลางคืนไม่มีใครอยู่ถือว่ามีความเสียหายต่อหน้าธารกำนัล ยืนยันว่า ขอให้ทั้งผู้เสียหายและ ผู้ต้องหาเชื่อมั่นในการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า จะทำคดีนี้อย่างตรงไปตรงมา ส่วนกรณีแท็กซี่ที่รับผู้เสียหายอายุ 18 ปี มาให้การนั้น ถือเป็นพยานแวดล้อมมีประโยชน์ต่อรูปคดี

ส่วนกรณีที่พนักงานสอบสวนยังไม่แจ้งข้อกล่าวหานั้น พล.ต.ต.ไตรรงค์กล่าวว่า ทาง เจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ระหว่างดำเนินการรวบรวมพยานหลักฐาน มีบางประเด็นสอบสวนเพิ่มเติม รวมถึงคดีกล่าวโทษร้องทุกข์เพิ่มเติม ส่วนในพื้นที่เกิดเหตุดำเนินการตรวจสอบแล้วในคดีแรกที่แจ้งวันที่ 12 เม.ย. ส่วนคดีอื่นที่เกี่ยวข้องนั้น พนักงานสน.ลุมพินีจะรับแจ้งความร้องทุกข์ หากเวลานานแต่อยู่ในอายุความก็สามารถร้องทุกข์กล่าวโทษได้ แต่ต้องคุยตามข้อเท็จจริง พยานหลักฐานต้องใช้ความพยายามค้นหาหลักฐานที่อาจจะสูญหาย เนื่องจากเรื่องเกิดขึ้นมาเป็นเวลาค่อนข้างนาน ทั้งนี้ มีผู้เสียหายเข้าแจ้งความทั้งหมด 4 ราย 3 รายในพื้นที่สน.ลุมพินี ส่วน 1 ราย อยู่ในพื้นที่สภ.เมืองเพชรบุรี

ต่อมาเมื่อเวลา 15.20 น. พล.ต.ต.ไตรรงค์ เปิดเผยหลังมาตรวจสำนวนคดีที่มีรองหัวหน้าพรรคการเมืองใหญ่ ล่อลวงนักศึกษาสาววัย 18 ปี ไปกระทำอนาจารบนร้านอาหารชั้นดาดฟ้าในย่านสุขุมวิทว่า หลังได้ตรวจดูสำนวนคดีและประเด็นข้อสั่งการต่างๆ พบว่าได้ดำเนินการครบถ้วนเพียงพอจะขอศาลอาญากรุงเทพใต้ออกหมายจับผู้ถูกกล่าวหาในความผิดฐานกระทำอนาจารต่อหน้าธารกำนัลได้ภายในวันที่ 16 เม.ย. จึงขอให้ประชาชนได้มั่นใจในการทำงานของตำรวจ หลังรับแจ้งเหตุเมื่อวันที่ 12 เม.ย. นอกจากนี้ ยังได้สอบพยานเพิ่มเติมเป็นคนขับรถแท็กซี่ไปรับผู้เสียหายมาส่ง และวันเดียวกันนี้ก็ได้ให้ผู้เสียหายยืนยันหลักฐานเพิ่มเติมแล้ว อย่างไรก็ตาม วันนี้ได้รับแจ้งความจากผู้เสียหายในคดีลักษณะเดียวกันอีก 1 คดี ซึ่งเหตุเกิดปลายเดือน ก.พ.

สำหรับรายละเอียด กรณีนักศึกษาสาวอายุ 18 ปี ซึ่งเข้าแจ้งความร้องทุกข์เมื่อวันที่ 12 เม.ย.2565 เวลา 19.51 น.นั้น เป็นข้อหากระทำอนาจารฯ

พฤติการณ์ในคดี “ก่อนเกิดเหตุ เมื่อวันที่ 11 เม.ย.ผู้กล่าวหาได้ทราบจากมารดาว่าให้ติดต่อไปหานายปริญญ์ ซึ่งเป็นรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ผ่านทางมือถือ เนื่องจากมารดาของผู้กล่าวหาต้องการให้ผู้กล่าวหาได้รู้จักและพูดคุยกับนายปริญญ์ เพื่อแลกเปลี่ยนความรู้ทางด้านการลงทุน และเศรษฐศาสตร์ เนื่องจากนายปริญญ์ เป็นผู้เชี่ยวชาญในด้านนี้ ผู้กล่าวหาจึงได้โทร.ติดต่อไปหาและได้นัดหมายพบกันที่ร้าน Above Eleven restaurant สุขุมวิท 11 ในวันที่ 11 เม.ย.เวลา 17.00 น. เมื่อถึงเวลานัดจึงได้ไปพบกับนายปริญญ์ที่ร้านดังกล่าว ขณะอยู่ที่ร้าน นายปริญญ์ได้สั่งเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มาเพื่อให้ผู้กล่าวหาดื่ม ผู้กล่าวหาไม่ต้องการดื่มแต่นายปริญญ์ก็ยังบังคับให้ดื่ม โดยอ้างว่าตนเป็นหัวหน้า เป็นผู้ใหญ่ ให้ทำตามที่บอก ผู้กล่าวหาเกิดความเกรงใจและไม่ได้ต้องการมีปัญหาจึงดื่มไปตามที่บอก

ระหว่างนั้น นายปริญญ์กับผู้กล่าวหาก็ได้พูดคุย โดยนายปริญญ์พยายามที่จะพูดคุยเรื่องส่วนตัว ซึ่งไม่เกี่ยวกับวัตถุประสงค์ที่มาพูดคุย อีกทั้งยังมีการสอบถามว่า เคยมีแฟนมากี่คน เคยจูบและมีเพศสัมพันธ์หรือไม่ ระหว่างพูดคุยกันนั้น นายปริญญ์พยายามขยับเข้ามานั่งใกล้ และใช้มือมาแตะเนื้อตัวผู้กล่าวหา ซึ่งผู้กล่าวหาก็ได้พยายามผลักออกไปและบอกให้เว้นระยะห่าง เพราะไม่ชอบให้ใครมาถูกตัว แต่นายปริญญ์ก็ยังขยับเข้ามาใกล้ทุกครั้งที่มีโอกาส และยังลวนลามผู้กล่าวหาหนักขึ้นโดยการมาจับตามเนื้อตัว จับมือ แขน ขา ก้น หอมแก้ม หอมมือ และจูบปาก ซึ่งทั้งหมดนี้ผู้กล่าวหาไม่ได้ยินยอม

ต่อมาเวลาประมาณ 19.00 น. ผู้กล่าวหาทนไม่ไหวกับพฤติกรรมของนายปริญญ์ จึงหาข้ออ้างที่จะขอกลับโดยอ้างว่าได้นัดเพื่อนไว้ แต่นายปริญญ์ยังขอขับรถมาส่ง ผู้กล่าวหาไม่สามารถปฏิเสธได้จึงจำยอมให้ขับรถมาส่งขึ้น MRT ที่สถานีเพชรบุรี ระหว่างอยู่บนรถ นายปริญญ์ยังพยายามที่จะจับมือผู้กล่าวหาอีก แต่ผู้กล่าวหาก็พยายามผลักออกอยู่เรื่อยๆ จนเมื่อมาถึงสถานีเพชรบุรี จึงลงจากรถและเดินทางกลับบ้าน ซึ่งการกระทำดังกล่าวข้างต้น ทำให้ผู้กล่าวหาได้รับความเสียหาย จึงมาแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีกับผู้ต้องหา จนกว่าคดีจะถึงที่สุด

เหตุเกิด ร้าน Above Eleven restaurant แขวงคลองเตยเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 11 เม.ย.ระหว่างเวลาประมาณ 17.30 น. ถึงเวลา 19.00 น. ร.ต.อ.อดิเทพ เทพเสนา พนักงานสอบสวน ได้สอบสวนปากคำ ผู้เสียหายไว้แล้ว ส่งตัวผู้เสียหายตรวจร่างกายโรงพยาบาลตำรวจ และแจ้งฝ่ายสืบสวนตรวจสอบภาพวงจรปิดในที่เกิดเหตุต่อไป

ล่าสุด ช่วงค่ำวันที่ 14 เม.ย. คนขับรถแท็กซี่ที่รับผู้เสียหาย วัย 18 ปี จากโรงแรมที่เกิดเหตุมาส่งยังสน.ลุมพินี เข้าให้ข้อมูลกับตำรวจในฐานะพยาน โดยเล่าเหตุการณ์วันดังกล่าวว่า ในวันที่ 12 เม.ย. พนักงานโรงแรมออกมาเรียกรถแท็กซี่เข้าไปรับผู้โดยสาร เมื่อผู้เสียหายขึ้นมาบนรถแท็กซี่ ตนเห็นว่ามีอาการฟูมฟายร้องไห้ไม่หยุด ก่อนที่จะโทรศัพท์หาแม่ ซึ่งจับใจความการพูดคุยได้ว่า ผู้เสียหายมาที่โรงแรม เพื่อขอดูกล้องวงจรปิดหลังจากถูกกระทำ ก่อนจะบอกกับตนอีกครั้งว่าขอเปลี่ยนจุดหมายมาเป็นที่สน.ลุมพินี เพื่อแจ้งความ

วันเดียวกัน นายษิทรา เบี้ยบังเกิด เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า ตำรวจทำอะไรกันอยู่ครับ ผู้เสียหายแจ้งความตั้งแต่วันที่ 12 เมษาฯ สอบทั้งผู้เสียหาย แม่ผู้เสียหาย และพยาน แถมเก็บกล้องวงจรปิดหมดแล้ว ตอนนี้เหยื่อก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ถ้า ผู้ต้องหาหนีออกนอกประเทศไปก่อนจะทำยังไง อย่าให้สังคมติฉินนินทานะครับว่า ไม่กล้าออกหมายจับไฮโซ!!

นอกจากนั้น ยังโพสต์ภาพห้องทำงานห้องหนึ่ง พร้อมระบุว่า นี่เป็นห้องที่รองหัวหน้าพรรค ที่มักจะหลอกผู้หญิงว่าเป็นสำนักงาน เหยื่อคนไหนหลงเชื่อยอมขึ้นมาบนห้อง รองหัวหน้าพรรคก็จะล็อกประตู ใช้กำลังปลุกปล้ำข่มขืน แล้วก็มักจะขู่เหยื่อว่าหากแจ้งความ ครอบครัวเหยื่อจะเดือดร้อน เพราะพ่อตัวเองนั้นใหญ่มาก บางคนต้องยอมให้ข่มเหงเป็นปีๆ บางคนเป็นบาดแผลในใจถึงกับป่วยเป็นโรคซึมเศร้า บางคนถึงกับต้องหนีไปอยู่ต่างประเทศ

วันนี้พวกเราคนไทย ต้องขอบคุณและส่งกำลังใจให้เหยื่อทุกคนนะครับ ที่กล้าออกมาเปิดเผยข้อมูลด้วยความกล้าหาญ น้องๆ เป็นผู้ถูกกระทำโดยไม่เต็มใจ ซึ่งสิ่งที่ทุกคนทำ ทำให้อีกหลายคนรู้สันดาน #รองหัวหน้าพรรคโรคจิต ว่าต่อหน้าสื่อเป็นคนดี ดูน่าเชื่อถือ แต่ลับหลังกลับมีพฤติกรรมตรงกันข้ามขนาดไหน จะได้ไม่มีคนตกเป็นเหยื่อมันอีก ขอขอบคุณทุกคนด้วยใจครับ

ห้องทำงาน – ภาพที่ ‘ทนายตั้ม’ ษิทรา เบี้ยบังเกิด โพสต์ลงในเฟซบุ๊ก ระบุเป็นห้องที่รองหัวหน้าพรรคใช้หลอกว่าเป็นสำนักงาน และหากหญิงสาวคนไหนหลงเชื่อ ยอมขึ้นมาบนห้องก็จะตกเป็นเหยื่อ เมื่อวันที่ 15 เม.ย.

ต่อมานายษิทรา ให้สัมภาษณ์ รายการ เจาะลึกทั่วไทย Inside Thailand เล่าถึงความคืบหน้าคดีการแจ้งความเอาผิดรองหัวหน้าพรรค การเมืองชื่อดัง หลังมีหญิงสาวออกมาแจ้งความ ถูกลวนลาม คุกคามทางเพศ ต่อมามีหญิงสาวอีกหลายคนเข้าให้ข้อมูล และร่วมแจ้งความว่าถูกคุกคามทางเพศและถูกข่มขืนด้วยนั้น

นายษิทราเปิดเผยว่า ล่าสุดมีบุคคลมีชื่อเสียงถูกกระทำอีก ทุกคนรู้จักเป็นนักแสดง แต่ขอคุยกับครอบครัวก่อนว่าจะไฟเขียวให้ไปแจ้งความหรือไม่ โดยพ่อก็เป็นคนมีชื่อเสียง หลังจากออกจากโรงพักช่วงค่ำ มีคนทักมาไม่หยุด มีเคสใหม่ๆ มาตลอด หลายคนพร้อมให้ข้อมูลเพิ่ม หลายคนไม่พร้อม จนตอนนี้เริ่มสับสน ล่าสุดที่ให้ข้อมูลเพิ่มมาอีก 5 คน และจะคุยเพิ่มเติม เช่น คดียังอยู่ในอายุความไหม พร้อมแจ้งความไหม

“ตอนนี้ไม่มีผู้ใหญ่หรือใครโทร.มาคุย เชื่อว่าตอนนี้เรื่องไปไกลเกินกว่าที่โทร.มาเคลียร์แล้ว โดยเฉพาะสามรายที่แจ้งความไป เคสน้องนักศึกษาอายุ 18 ปี หลักฐานแน่นมาก เพราะมีหลักฐานด้วยตัวเอง ทั้งกล้องวงจรปิด และมีประจักษ์พยานหลายคน ตามสถานการณ์ ถ้าใครพร้อมดำเนินคดีก็จะดำเนินคดีตามหลักฐานข้อมูล ทั้งนี้ผู้เสียหายออกมาเรื่อยๆ ก็กลัวจะถึงร้อยคน คือว่ารองหัวหน้าพรรคคนดังกล่าวคงจะอยู่ประเทศไทยลำบาก” นายษิทรากล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีการแจ้งความดำเนินคดีกับอดีตรองหัวหน้าพรรคประชา ธิปัตย์ ขึ้นอีกหลายพื้นที่ เช่นที่ จ.เพชรบุรี คดีนักการเมืองดัง-รองหัวหน้าพรรคการเมือง ลวนลามสาว อีก 1 คดี เป็นคดีอาญาที่ -/2565 ข้อหา/เหตุ กระทำอนาจารผู้อื่นฯ สถานที่เกิดเหตุ โรงแรมแห่งหนึ่งใน อ.เมือง จ.เพชรบุรี โดยวันที่ 8 พ.ย.2563 เวลาประมาณ 18.00 น. ถึงเวลาประมาณ 20.00 น.

ผู้เสียหาย อายุ 43 ปี กล่าวคือเมื่อวันที่ 8 พ.ย.2563 เวลาประมาณ 18.00 น. ผู้เสียหาย ไปร่วมรับประทานอาหารกับกลุ่มทีมเศรษฐกิจทันสมัย พรรคการเมืองใหญ่ โดยมีนักการเมืองดังที่โรงแรมดังกล่าวโดยในขณะรับประทานอาหารอยู่ นักการเมืองคนดังกล่าว เอามือมาโอบเอวของผู้เสียหาย ผู้เสียหายรู้สึกตัวจึงตกใจจึงบอกให้นักการเมืองคนดัง ว่า “พี่…เอามือออกไป จะทำแบบนี้ไม่ได้นะ”

จากนั้น นักการเมืองคนดังกล่าว จึงลุกขึ้นและเดินออกไปพูดคุยกับผู้ร่วมงานคนอื่น จนกระทั่งเวลาประมาณ 20.00 น. ผู้เสียหายนำของชำร่วยไปเก็บที่รถยนต์ที่จอดไว้บริเวณลานจอดซึ่งอยู่ข้างๆ กับห้องอาหาร ระหว่างที่ผู้เสียหายวางสิ่งของชำร่วยไว้บนเบาะท้ายรถยนต์ นักการเมืองคนดัง ซึ่งเดินตามหลังเข้ามาโอบกอดจนผู้เสียหายรู้สึกเจ็บ จึงร้องด้วยความเจ็บปวดและร้องว่า “พี่น้องเจ็บอย่ามาทำแบบนี้” จากนั้นผู้เสียหาย จึงผลักนักการเมืองคนดังออก นักการเมืองคนดังจึงเดินหนีไป จากนั้นผู้เสียหายขับรถกลับมายังห้องพัก และบอกเรื่องที่เกิดขึ้นกับเพื่อนของผู้เสียหายให้ทราบ

ต่อมา เมื่อวันที่ 13 เม.ย. ผู้เสียหายทราบข่าวจากทางสื่อออนไลน์ เพจ “ษิทรา เบี้ยบังเกิด เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ” และสื่อทางโทรทัศน์ ว่านักการเมืองคนดังกล่าว มีพฤติการณ์กระทำอนาจารกับหญิงผู้เสียหายอายุ 18 ปี เหตุเกิดในพื้นที่ สน.ลุมพินี ผู้เสียหายเห็นว่าพฤติการณ์นักการเมืองคนดัง มีการกระทำคล้ายคลึงกับที่ผู้เสียหายประสบมาก่อน

ผู้เสียหายจึงคิดว่า นักการเมืองคนดังกล่าว ซึ่งมีพฤติกรรมการกระทำความผิดกับหญิงซ้ำซาก สมควรถูกดำเนินคดีให้ได้รับโทษตามกฎหมายเพื่อไม่เป็นเยี่ยงอย่างกับบุคคลอื่น ผู้เสียหายจึงมาแจ้งความร้องทุกข์มอบคดีกับพนักงานสอบสวน เพื่อให้ดำเนินคดีกับนักการเมืองคนดังกล่าวอีก 1 คดี เมื่อวันที่ 14 เม.ย.

วันเดียวกัน น.ส.รัชดา ธนาดิเรก กรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ เปิดเผยว่า จากกรณีข้อกล่าวหาคุกคามทางเพศที่เกิดขึ้น พรรคประชาธิปัตย์เข้าใจในความรู้สึกทั้งของผู้เสียหายและสังคม ทั้งนี้พรรคสนับสนุนให้ผู้เสียหายจากการถูกคุกคามหรือล่วงละเมิดดำเนินคดีให้ถึงที่สุด และขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งรัดดำเนินการเพื่อให้กระบวนการยุติธรรมได้เดินหน้าโดยเร็ว อีกทั้งขอยืนยันว่าพรรคจะไม่แทรกแซงหรือดำเนินการใดๆ ที่เป็นการปกป้องคนผิดอย่างแน่อน

“พรรคยังคงยึดมั่นในจุดยืนเรื่องการต่อต้านการคุกคาม ล่วงละเมิดทางเพศ ความรุนแรงในครอบครัว การเลือกปฏิบัติ โดยพร้อมรับฟังข้อมูล ความคิดเห็น และข้อเสนอจากประชาชน อีกทั้งมีทีมนักการเมืองหญิงที่ได้ทำงานร่วมกับภาคประชาสังคมอย่างเข้มแข็งมาอย่างยาวนาน ให้ความช่วยเหลือผู้เสียหายในทุกกรณี โดยเฉพาะด้านกฎหมาย เพื่อร่วมกันเป็นกลไกในการยุติปัญหาสังคมดังกล่าว” น.ส.รัชดากล่าว

เหยื่อ – นายธนัตถ์ ธนากิจอำนวย หรือไฮโซลูกนัท พร้อมภรรยา เข้าพบตำรวจ เพื่อให้ปากคำเพิ่มเติมในคดีฝ่ายหญิงตกเป็นเหยื่อ ถูกนักการเมืองระดับรองหัวหน้าพรรคบังคับขืนใจ เหตุเกิดเมื่อปี 64 ที่สน.ลุมพินี เมื่อวันที่ 15 เม.ย.

ด้านนายธนัตถ์ ธนากิจอำนวย หรือลูกนัท อดีตผู้สมัคร ส.ส.กรุงเทพฯ พรรคประชาธิปัตย์ ได้โพสต์เฟซบุ๊กตั้งคำถามกรณีข่าวนายปริญญ์ ผู้ถูกกล่าวหาลวนลามหญิงสาว และถูกแจ้งความดำเนินคดีหลายราย ไปยังผู้แทนผู้หญิงในประชาธิปัตย์ ต่อท่าทีดังกล่าวว่า “ถามจริงๆ ผู้แทนผู้หญิงในประชาธิปัตย์ ที่วางตัวไว้สู้เรื่องความเท่าเทียม ความรุนแรงทางเพศ ไม่คิดจะออกมาให้ความเห็นใจกับเหยื่อหน่อยหรอครับ? จะมีคณะกรรมการสิทธิ์เด็กและสตรีไปทำไม?”

เมื่อเวลา 16.24 น.วันเดียวกัน ที่ สน.ลุมพินี นายธนัตถ์ พร้อมนางหทัยรัตน์ วิทยภูมิ หรือแอนนา ภรรยา เข้าพบตำรวจเพื่อให้ปากคำเพิ่มเติมหลังจากนางหทัยรัตน์เข้าแจ้งความดำเนินคดีรองหัวหน้าพรรคการเมือง ข้อหาข่มขืนกระทำชำเรา

นายธนัตถ์กล่าวว่า ตำรวจแจ้งให้ภรรยาตนมาให้ปากคำเพิ่มเติม โดยยังไม่ทราบว่ามีรายละเอียดอย่างไร แต่เรื่องหลักฐานที่จะนำมาใช้ประกอบนั้น เป็นรายละเอียดที่มอบให้นายษิทราไปแล้ว อย่างไรก็ตาม เคยมีข่าวของบุคคลนี้เกิดขึ้นที่ประเทศอังกฤษเมื่อ 19 ปีก่อน และตนยังได้หลักฐานแช็ตการพูดคุยระหว่างเหยื่อกับผู้ก่อเหตุ เมื่อปี 2561 ซึ่งตอนนั้นเหยื่อมีอายุแค่ 17 ปีเท่านั้น แต่ผู้ก่อเหตุบอกว่าจะกลับไปเจอที่กรุงเทพฯ พร้อมชวนไปเที่ยวกลางคืน เชื่อว่าเหยื่อบางรายไม่พร้อมออกมาเปิดเผยเรื่องราวนี้ ตนก็อยากให้เขาได้ออกมาพูด ยืนยันว่าพร้อมจะปกป้องชื่อเสียงทุกคนและต่อสู้คดีนี้ให้ถึงที่สุด เพราะทุกคนรับรู้ แต่ไม่เคยมีเหยื่อออกมาต่อสู้เลยตลอดเวลา 19 ปี จนมีเหยื่อรายเดียวที่เปิดหน้าออกมา ก็มีคนอื่นๆ ตามออกมาอีก

เมื่อถามว่าจะมีการยื่นเรื่องให้ตรวจสอบจริยธรรมของผู้บริหารพรรค นายธนัตถ์กล่าวว่า พรรคต้นสังกัดยังไม่แสดงท่าทีแสดงความเสียใจต่อเหยื่อเลย มองว่าการลาออกจากตำแหน่งรองหัวหน้าพรรคนั้นไม่ได้มีค่ากับใครเลย รู้สึกรับไม่ได้ และไม่แปลกใจที่นักการเมืองให้ท้ายกันในเรื่องผิดๆ

ด้านนางหทัยรัตน์กล่าวว่า หลังตนออกมาแจ้งความ ก็มีเหยื่ออีก 2 คนติดต่อเข้ามาหา โดยบอกว่าถูกนักการเมืองคนนี้ กระทำในลักษณะที่คล้ายกันกับตน ซึ่งหนึ่งในนี้ เคยเกิดเหตุขึ้นที่ต่างประเทศ อย่างไรก็ตาม ไม่กังวลว่าเรื่องที่เกิดขึ้นจะส่งผลกระทบอะไรกับตน คนที่ควรกังวลควรเป็นคนกระทำมากกว่า ซึ่งนับแต่เกิดเรื่อง ก็ไม่มีการติดต่อเข้ามาจากฝ่ายผู้ก่อเหตุเข้ามาเลย ยืนยันว่านี่ไม่ใช่เรื่องการเมือง แต่เป็นเรื่องของสังคม ทุกคนรู้ความจริงแต่ทำอะไรไม่ได้ ตอนตนทราบข่าวแต่แรก ก็รู้สึกไม่แปลกใจ แต่พอเห็นท่าทางที่ผู้ก่อเหตุออกมาปฏิเสธ ตนก็รู้สึกโกรธมาก เพราะสิ่งที่เหยื่อออกมาพูดนั้นเป็นความจริงทั้งหมด

ก่อนหน้านี้ เมื่อเวลา 13.00 น. น.ส.เอ (นามสมมติ) อายุ 18 ปี นักศึกษาของมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นผู้เสียหายรายที่ 4 ได้เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับนักการเมืองรายหนึ่งที่ล่อลวงไปกระทำอนาจารในร้านอาหารร้านเดียวกับผู้เสียหายคนแรก

น.ส.เอ เปิดเผยว่า เคยทำงานอยู่ในองค์กรนักศึกษาแห่งหนึ่ง มีโอกาสชวนนักการเมืองคนนี้มาเป็นวิทยากรภายในงานเมื่อช่วงเดือน ส.ค.2564 ซึ่งตอนนั้นตนเป็นเอ็มซีภายในงาน และหลังจบงานนักการเมืองคนนี้ได้ส่งแช็ตส่วนตัวมาให้ตนผ่านทางแอพพลิเคชั่นซูม แล้วให้แอดไลน์มา ด้วยความเป็นเด็กจึงตัดสินใจแอดไปเพื่อขอบคุณที่มาเป็นวิทยากรให้

น.ส.เอเผยอีกว่า จากนั้นนักการเมืองคน ดังกล่าวก็ทักมาคุยกับตนเรื่อยๆ แต่ไม่ได้ตอบอะไรไป กระทั่งเมื่อเดือน ก.พ. จึงได้ทักไปเชิญเจ้าตัวเพื่อเชิญให้มาเป็นวิทยากร จนงานได้จบลงไป หลังจากนั้นนักการเมือง ได้ทักไลน์มาถามตนเองเรื่อยๆ ว่า “มีงานอะไรอีกไหม” ก่อนที่จะโทร.มาหาตนเองว่า “ว่างวันไหน ไปทานข้าวกัน” ตอนนั้นตนก็คิดในแง่ดีว่าคงไปคุยกันเรื่องงาน และหนทางการทำงานในอนาคต จึงตัดสินใจไปทานข้าวตามร้านอาหารในช่วง 5 โมงเย็น เมื่อตนไปถึงร้านอาหาร ซึ่งเป็นร้านอาหารเดียวกันกับร้านของผู้เสียหายรายล่าสุด ตอนนั้นตนไปถึงก่อน นักการเมืองคนนี้บอกให้ขึ้นไปรอและสั่งไวน์ดื่มได้เลย แต่ตนไม่ได้สบายใจและรู้สึกแปลกๆ จึงสั่งน้ำมะเขือเทศ พร้อมส่งโลเกชั่นให้เพื่อนมารออยู่ข้างๆ โรงแรมด้วย

น.ส.เอกล่าวอีกว่า จากนั้นพอนักการเมืองคนนั้นมาถึง ก็คะยั้นคะยอจนถึงขั้นบังคับให้ดื่มไวน์ และชวนคุยเรื่องการเรียนก่อนจะถามว่า “มีแฟนยัง?” แล้วก็ถามแต่เรื่องเซ็กซ์ และพูดว่า “มีเซ็กซ์ตั้งแต่วันแรกที่เจอกันได้เลยหรือไม่” ก่อนเขาจะจับแขน จับหน้า จับมือตนเอง พร้อมอ้างว่าขอดูลายมือ และยังเดินวนมาที่เก้าอี้ของตนเอง ก่อนถามตนเองว่า “หนักเท่าไหร่” และอุ้มตนเองกลางร้านอาหาร ซึ่งตอนนั้นจำได้ว่าคนเยอะมาก รวมถึงโต๊ะที่นั่งก็อยู่ใกล้โต๊ะของพนักงานด้วย

น.ส.เอยอมรับว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำอะไรไม่ถูก และสงสัยมากว่าทำไมนักการเมืองคนนี้ถึงกล้าทำ จึงรีบขอตัวไปเข้าห้องน้ำ ก่อนขอตัวกลับทันที แต่นักการเมืองคนนี้ได้เรียกเก็บเงินและเดินมารอที่หน้าห้องน้ำ ก่อนเข้ามาจับมือตนเอง และอ้างว่า “จะเดินไปส่งข้างล่าง กลัวตนเองหลง” ตนจึงโทร.หาเพื่อนและให้เพื่อนฟังเสียงไว้ เพราะกลัวอันตราย กระทั่งตนขึ้นรถของเพื่อนออกมา และไปแวะที่ห้างแห่งหนึ่ง เพื่อเล่าให้เพื่อนฟัง และร้องไห้อย่างหนัก

น.ส.เอบอกอีกว่า หลังจากนั้นนักการเมืองคนนี้ยังทักตนเองมาในไลน์ และบอก “very nice meeting you” รวมถึงพยายามจะนัดตนอีกรอบ จึงบล็อกไลน์ไปทันที ยอมรับว่า สาเหตุที่ออกมาตอนนี้ เพราะตอนแรกไม่กล้า และไม่มีความรู้เรื่องกฎหมาย รวมถึงกลัวครอบครัวรู้ และอยากลืมเรื่องนี้ให้เร็วที่สุด

รายงานข่าวแจ้งว่า ทั้ง 4 คดีที่เกี่ยวข้องที่มีการกระทำผิดอนาจารและข่มขืนกระทำชำเรา แบ่งออกเป็นกรณีแรกผู้เสียหายอายุ 18 ปี ร้าน Above Eleven restaurant วันที่ 11 เม.ย. 2565 ช่วงเย็น ส่วนผู้เสียหายรายที่ 2 อายุ 43 ปี เหตุเกิดที่โรงแรมเพชรพิชชา รีสอร์ท หมู่ 1 ต.เวียงคอย อ.เมือง จ.เพชรบุรี เหตุเกิดเมื่อ 8 พ.ย.2563 ช่วงเย็น ซึ่งได้ประสานพนักงานสอบสวนสภ.เมืองเพชรบุรีไปแล้ว ผู้เสียหายรายที่ 3 อายุ 30 ปี เหตุเกิดที่คอนโดสุขุมวิท ซอย 3 เมื่อต้นปี 2564 คนที่ 4 ผู้เสียหายเป็นนักศึกษาปี 2 อายุ 18 ปี ร้าน Above Eleven restaurant เมื่อวันที่ 24 ก.พ.2565

ทั้งนี้ ทางพนักงานสอบสวนสน.ลุมพินี ได้เตรียมประสานขออนุมัติหมายจับผู้ก่อเหตุกรณีผู้เสียหายรายแรกข้อหาการกระทำอนาจารต่อหน้าธารกำนัล ในวันที่ 16 เม.ย. ต่อไป นอกจากนี้ ประสานตำรวจตรวจคนเข้าเมือง เฝ้าระวัง ขึ้นบัญชีรายชื่อของประชาชนที่ถูกขึ้นบัญชีวอตช์ลิสต์ บุคคลเฝ้าระวังกรณีที่จะเดินทางออกนอกประเทศต่อไป

เวลา 16.00 น. นายปริญญ์ พานิชภักดิ์ อดีตรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ ถึงกรณีที่มีหญิงสาวอีกหลายรายออกมาแจ้งความว่าถูกล่วงละเมิดทางเพศว่า บางคนที่ไปแจ้งความฟ้องร้องนั้น ตนยืนยันว่าไม่เคยรู้จักกันเลย และไม่เคยพูดคุยกันสักครั้ง แต่กลับมาหาเรื่องกันอย่างนี้ และอยากให้สื่อมวลชนลองไปตรวจสอบดูให้ดีว่าคนที่มาร้องเรียนนั้น บางคนเป็นใคร มีประวัติ มีที่มาเป็นอย่างไร อย่างไรก็ตาม ตนขอย้ำว่าพร้อมเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม และสิ่งที่ได้แถลงข่าวเมื่อวันที่ 14 เม.ย. มีความชัดเจนทั้งหมดแล้ว

นายปริญญ์กล่าวว่า ส่วนคดีความของตนสมัยที่อยู่ในประเทศอังกฤษนั้น ศาลตัดสินยกฟ้องแล้วว่าไม่ได้กระทำผิด เรื่องจึงจบไปนานแล้ว แต่กลับมีคนหยิบยกมาเขียนกันอีก ทำให้ตนได้รับความเสียหาย

เมื่อถามว่าได้แจ้งหรือประสานงานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้วหรือไม่ว่าจะไปรับทราบข้อกล่าวหาหรือไปให้การเมื่อไหร่ นายปริญญ์กล่าวว่า ตนพูดเมื่อวันที่ 14 เม.ย.แล้วว่าตนมีความบริสุทธิ์ใจ และลาออกจากทุกตำแหน่งในพรรคประชาธิปัตย์ อีกทั้งลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคแล้ว และพร้อมเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม นี่จึงบอกชัดอยู่แล้วว่าตนพร้อมไปชี้แจงทุกเมื่อ

เมื่อถามว่าทางตำรวจได้ติดต่อเรียกตัวแล้วหรือไม่ นายปริญญ์กล่าวว่าตำรวจให้สัมภาษณ์ไปหมดแล้ว ส่วนตนพร้อมเดินทางไปให้การทุกเมื่อ โดยตนมีข้อมูลทุกอย่างพร้อมหมด ซึ่งอยากให้ตำรวจฟังข้อมูลทั้งหมดจากตนก่อนไปพูดกับสื่อมวลชน ขณะเดียวกันอยากพูดทุกอย่างให้ทุกคนได้ฟัง ทั้งนี้ตนเชื่อว่าทั้งตำรวจ อัยการ และศาล ถ้าได้เห็นและรับฟังสิ่งที่พูดทั้งหมด ก็ได้จะรู้ว่าตนไม่ได้โกหก และไม่ได้ทำตามข้อกล่าวหา

เมื่อเวลา 19.20 น.นางหทัยรัตน์ วิทยภูมิ หรือแอนนา เปิดเผยหลังเข้าพบพนักงานสอบสวน เพื่อให้ปากคำเพิ่มเติมกว่า 2 ชั่วโมง กรณีเข้าแจ้งความดำเนินคดีอดีตรองหัวหน้าพรรคการเมืองที่ข่มขืนกระทำชำเรา

นางหทัยรัตน์ เปิดเผยว่า วันนี้ได้มาให้รายละเอียดทั้งหมด เช่น เหตุการณ์ พยาน ยอมรับว่าในตอนนี้เริ่มรู้สึกเหนื่อย เริ่มรู้สึกว่าเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ขณะให้การต้องลงรายละเอียดลึกมาก ซึ่งหลังจากนี้ตำรวจแจ้งว่าจะไปชี้จุดที่เกิดเหตุ ซึ่งคาดว่าจะเป็นภายในวันเดียวกันนี้ แต่ยังไม่ทราบว่าจะมีผู้เสียหายคนใดไปชี้จุดด้วยบ้าง จากการพูดคุย ตำรวจให้ความร่วมมือดีมาก ตนรู้สึกปลอดภัย ส่วนเรื่องการออกหมายจับ ตนไม่ทราบว่าผู้ถูกกล่าวหาจะมามอบตัว หรือหนี แต่คิดว่าถ้ายังปฏิเสธโดยที่หลักฐานแน่นขนาดนี้ ก็คงไม่กล้ามา และใช้วิธีการอื่นๆ แต่ถ้ากล้ามา ตนก็โอเค เพราะทราบว่าคดีของผู้เสียหายอายุ 18 ปี มีหลักฐานมัดแน่นมาก ซึ่งตนไม่รู้ว่าการให้ปากคำเพิ่มเติม สามารถใช้เป็นพยานหรือหลักฐานในคดีได้ แต่ถือว่าทำในหน้าที่ผู้เสียหาย และให้เป็นหน้าที่ของตำรวจต่อไปในการนำตัวคนผิดมาลงโทษ ทั้งนี้ ตนยังไม่ได้คุยกับนายษิทราเพิ่มเติม แต่แจ้งแค่ว่ามาให้การเพิ่มเติม

ด้านนายธนัตถ์กล่าวว่า หลังเข้าแจ้งความ ตนก็ให้กำลังใจภรรยาตลอด ในหลายสถานการณ์ ภรรยาของตนก็เจ็บปวดกับสิ่งที่เกิดขึ้น มีอารมณ์แปรปรวนบ้าง ตนก็คอยให้กำลังใจตลอด มั่นใจว่าผู้ถูกกล่าวหาไม่มีศักยภาพที่จะหลบหนีออกนอกประเทศ เชื่อว่าขณะนี้ เมื่อมีหมายเรียก ก็ย่อมมารายงานตัวตามหมายเรียก ถ้ามีการฝากขังก็ขอประกันตัวไปสู้คดีได้ โดยบุคคลนี้เป็นอันตรายต่อสังคม ไม่เหมาะสมให้ใช้ชีวิตปกติ หากไม่ได้รับการลงโทษก่อน ส่วนตัวเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรม ทั้งนี้ คดีนี้ไม่ใช่คดีทางการเมือง มีเพียงผู้เสียหายและผู้ถูกกล่าวหา

โผล่อีกราย – นักศึกษาสาววัย 18 ปี ผู้เสียหายรายที่ 4 เข้าแจ้งความดำเนินคดี นักการเมืองชื่อดัง ในข้อหาทำอนาจาร โดยเหตุเกิดเมื่อช่วงเดือนสิงหาคมปีที่แล้ว แต่เพิ่งรวบรวมความกล้ามาแจ้งความเอาผิด ที่สน.ลุมพินี เมื่อวันที่ 15 เม.ย.

 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน