รัฐรับมือแตกตื่น-กระทบศก. ครม.ไฟเขียวลดค่าไฟถึงส.ค. จยย.วินเติมเบนซินราคาถูก เร่งหาเงินต่อคนละครึ่งเฟส5 นายกครวญโรค-สงครามรุม
รถดีเซลเตรียมใจรอ 1 พ.ค. ราคาน้ำมันดีด 35.50 บาทต่อลิตร หลังรัฐเลิกอุดหนุนหันใช้จ่ายคนละครึ่ง ส่วนต่างแทน ก.พลังงานสั่งหามาตรการรองรับหวั่นประชาชนตื่นตระหนก แต่คงไม่ถูกกว่า 32 บาท รัฐเร่งหาเงินลุ้นขยาย คนละครึ่งเฟส 5 ครม.เคาะเพิ่มมาตรการช่วยลด ค่าครองชีพประชาชน เพิ่มสิทธิ์ส่วนลดน้ำมันเบนซินให้จยย.รับจ้าง จากเดิมช่วยแค่แก๊ส โซฮอล์ ลดอัตราค่าไฟฟ้าผันแปรให้ผู้ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 300 หน่วยต่อเดือน ‘บิ๊กตู่’โอดเจอปัญหารุมทั้งโรค-สงคราม หากไม่ต้องดูแลโควิด ก็ไม่เกิดปัญหาบริหารงบฯ ตรงนี้

เมื่อเวลา 12.30 น. วันที่ 19 เม.ย. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) ที่ทำเนียบรัฐบาล ว่า วันนี้เป็นการประชุมครม.ครั้งแรกหลังหยุดสงกรานต์ที่ผ่านไปได้ด้วยดี ขอขอบคุณ เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทุกคน ทั้งบุคลากรทาง การแพทย์ทั้งหน้างาน และอยู่เบื้องหลัง ที่ช่วยดูแลความปลอดภัยพี่น้องประชาชนตลอดช่วงวันหยุดที่ผ่านมา ตนเห็นว่าสงกรานต์ปีนี้เป็นสัญลักษณ์เริ่มต้นใหม่เพื่อขับเคลื่อนประเทศ ฟื้นฟูเศรษฐกิจตามแผน และโรดแม็ปหลัง โควิด-19 ทั้งเรื่องการท่องเที่ยว การลงทุน การส่งออก รวมถึงการสร้างความเป็นอยู่ที่ดีให้กับประชาชน

ปัญหาอยู่ที่งบประมาณที่มีอยู่ในปัจจุบัน โดยสรุปแล้วใช้เงินเหล่านี้ดูแลคนทุกช่วงวัย ตั้งแต่อยู่ในครรภ์ จนกระทั่งถึงผู้สูงอายุ ใช้งบประมาณในแต่ละปีเป็นเงิน 8 แสนกว่าล้านบาท การที่จะให้เพิ่มขึ้นอยู่ที่งบประมาณ ที่หาได้ในอนาคต ว่าจะเพิ่มขึ้นได้อย่างไร เพื่อรองรับการใช้จ่าย นอกจากนี้ ยังมีมาตรการ ช่วยเหลือด้านการเกษตร พืชหลัก 6 ชนิด เป็นจำนวนหลายแสนล้านบาท

ฉะนั้น การใช้จ่ายงบประมาณในปี 2565 ที่เหลืออยู่ และการจัดทำงบประมาณในปี 2566 ให้หลักการไปแล้วว่าจะทำอย่างไร ที่จะนำพาประเทศผ่านปัญหาอุปสรรคและวิกฤตการณ์ที่เกิดขึ้น ทั้งภายในประเทศ และต่างประเทศที่เราควบคุมไม่ได้นั้นจะนำไปสู่อนาคตได้อย่างไร โดยใช้หลักการว่าจะทำให้อยู่รอดปลอดภัย พอเพียง และนำไปสู่ความยั่งยืนในอนาคต นี่หลักการที่ได้สั่งการมอบหมายไปกับครม.วันนี้ ว่าต้องระมัดระวังอย่างที่สุด ในขณะที่รายได้ลดลงหลายๆ เรื่องด้วยกัน ถึงแม้การส่งออกจะดีขึ้น ต้องดูว่าปัญหามีที่ไหนพุ่งเป้าไปจุดนั้น และไม่ใช่แค่แก้จุดนั้นเพียงจุดเดียว ต้องแก้ปัญหาที่มีผลทางอ้อมถึงอันอื่นด้วยให้เกิดมูลค่าเพิ่มขึ้น บางทีเราจ่ายเงินดูแลกลุ่มเปราะบางไป เป็นการจ่ายขาดไปเฉยๆ ต้องดูทั้ง 2 ทาง เพื่อให้เกิดรายได้ เพิ่มขึ้นในห่วงโซ่ของเขา เน้นย้ำให้เป็นนโยบาย คือ อยู่รอด ปลอดภัย พอเพียง ยั่งยืน และพุ่งเป้า

“เรื่องการแก้ปัญหาระบบการเงิน การคลัง ทางคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ได้รายงานชี้แจงมาแล้วว่ายังมีเสถียรภาพที่ เข้มแข็งเพียงพอ เพียงแต่งบประมาณที่เรา นำมาใช้ในการบริหารประเทศอาจจะต้อง ลดลงบ้าง ส่วนเรื่องอื่นๆ ทุกคนทราบกันดี อยู่แล้ว ขอให้ฟังรัฐบาลบ้างแล้วกัน ที่มีข่าวรัฐบาลมีปัญหาเรื่องการเงินการคลัง ไม่มีเสถียรภาพ เขาชี้แจงกันหมดแล้วว่ามีปัญหาเกิดขึ้นอย่างไร หรือมาตรการที่รัฐบาลเตรียมการไว้อย่างไร บางทีก็ไปตัดตอนออกไป พอตอนแก้ปัญหาไม่พูด ไปพูดแต่สิ่งที่เกิดขึ้นแล้ว ซึ่งสิ่งที่ไม่ดีรัฐบาลก็แก้ไข รัฐบาลไม่รู้ไม่ได้ ต้องรู้อยู่แล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งกระทรวงการคลัง หัวหน้าเศรษฐกิจทั้งหมดได้เตรียมมาตรการต่างๆ รองรับสิ่งเหล่านี้ ไว้หมดแล้ว ผมเพียงจะบอกว่าขอให้เข้าใจ ซึ่งกันและกัน ผมมีความห่วงใยประชาชน ทุกคน ทุกระดับ” นายกฯ กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่า จะมีการกู้เงินเพิ่มหรือไม่ พล.ต.ประยุทธ์กล่าวว่า ถ้าจำเป็นก็หารือกัน อย่างที่บอกแล้วว่า การจะทำให้อยู่รอด ปลอดภัย เพียงพอ ยั่งยืน จะต้องใช้เงินอย่างไร และมีเงิน อยู่เท่าไหร่ จำเป็นต้องหาเงินเพิ่มไหม ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนหารืออย่าให้เป็นประเด็น เพราะหากไม่ต้องดูแลในช่วงโควิด ไม่เกิดปัญหาตรงนี้ เชื่อว่าประเทศไทยจะดีกว่านี้ แต่เพราะสถานการณ์ภายนอกที่บังคับไม่ได้ มันอยู่นอกการควบคุมของเรา ดังนั้น เราต้องบริหารให้ดี ที่สุด

เมื่อถามว่า มาตรการที่กำลังพิจารณา มีโครงการคนละครึ่งเฟส 5 ด้วยหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ให้แนวทางไปแล้ว ซึ่งใช้เงินเยอะพอสมควร พูดถึงผลดีมีมาก เพราะทำให้เกิดเงินหมุนเวียนอีกหลายเท่า แต่ปัญหาอยู่ที่จะเอางบประมาณมาจากไหนต้องหาวิธีการ แต่หากทำทุกอย่างแล้วถูกนำมาโจมตีกลับไปกลับมา รัฐบาลทำงานลำบาก บางอย่างต้องเข้าใจกันบ้างถึงเหตุผลและความจำเป็น

“เพราะเงินทุกวันนี้ใช้จ่ายอย่างประหยัดเท่าที่มีอยู่ ในส่วนของงบเงินกู้ใช้ไปบ้างแล้ว ในช่วงโควิด-19 ช่วง 2 ปีที่ผ่านมา และยังมีความเสี่ยงหลายอย่างอยู่ ยังมาเจอสงครามอีก ทุกรัฐบาลไม่เคยเจอสถานการณ์นี้มาก่อน คิดว่าทุกคนช่วยกันอย่างเต็มที่แล้ว และขอความร่วมมือประชาชนให้เข้าใจเท่านั้นเอง ถ้ามัวแต่โจมตีกันไปมา จะทำอะไรไม่สำเร็จซักอย่าง ซึ่งเราต้องฟังเสียงประชาชนด้วย” นายกฯ กล่าว

รายงานข่าวแจ้งว่า ระหว่างประชุมครม. พล.อ.ประยุทธ์ให้การบ้านทุกกระทรวงไปช่วยกันคิดช่วยกันทำเพื่อลดค่าครองชีพและเพิ่มรายได้ให้กับประชาชน ขณะที่เรื่องของราคาสินค้าเกษตร นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เสนอว่าขณะนี้ราคาต้นทุนการผลิตทางการเกษตร ที่สูงขึ้น ทั้งปุ๋ยและอื่นๆ อยากให้เพิ่มราคา ค่าประกันให้มากขึ้น เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ แต่ที่ประชุมยังไม่ได้มีข้อสรุปอะไรในเรื่องนี้

ด้านนายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำ สำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลประชุม ครม. ว่า ครม.เห็นชอบปรับปรุงรายละเอียด ในมาตรการ เร่งด่วนเพื่อบรรเทาผลกระทบต่อประชาชนจากสถานการณ์ราคาพลังงาน อันเนื่องจากปัญหาความขัดแย้งในภูมิภาคยุโรป ดังนี้

1.ปรับปรุงถ้อยคำมาตรการลดภาระค่าครองชีพของประชาชน โดยการให้ส่วนลดอัตราค่าไฟฟ้าผันแปร (ค่า FT) ให้ผู้ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 300 หน่วยต่อเดือน จากเดิมที่ให้ส่วนลดแก่ผู้ใช้ไฟฟ้าที่ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 300 หน่วยต่อเดือน ปรับเป็นโดยให้ส่วนลดอัตราค่าไฟฟ้าผันแปรแก่ผู้ใช้ไฟฟ้าประเภทบ้านอยู่อาศัยและประเภทกิจการขนาดเล็ก (ไม่รวมส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจ) ที่มียอดการใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 300 หน่วยต่อเดือน เป็นระยะเวลา 4 เดือน ตั้งแต่เดือนพ.ค.-ส.ค. ทำให้มาตรการมีความชัดเจนและเป็นการช่วยเหลือแบบมุ่งเป้า

2.มาตรการลดภาระค่าใช้จ่ายของผู้ประกอบ อาชีพในภาคขนส่ง ให้ส่วนลดราคาน้ำมัน กลุ่มเบนซิน จากเดิมที่ให้ส่วนลดราคาน้ำมันแก๊สโซฮอล์ แก่ผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์สาธารณะ หรือรถมอเตอร์ไซค์รับจ้างที่มีใบอนุญาต จดทะเบียนกับกรมการขนส่งทางบก จำนวน 106,655 คน (จากการตรวจสอบข้อมูลกับกรมการขนส่ง วันที่ 22 มี.ค. 65) ในรูปแบบรัฐร่วมจ่ายร้อยละ 50 ไม่เกิน 50 บาทต่อคน ต่อวัน และไม่เกิน 250 บาทต่อคนต่อเดือน ในช่วงเดือนพ.ค.-ก.ค.

พร้อมให้ยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์สาธารณะที่ได้รับเงินจากโครงการบรรเทาผลกระทบราคาน้ำมันกลุ่มเบนซิน โดยภาครัฐจะมีภาระค่าใช้จ่ายรวมประมาณ 79.992 ล้านบาท ทำให้ขอบเขตการช่วยเหลือค่าน้ำมันครอบคลุม ทั้งน้ำมันเบนซินและน้ำมันแก๊สโซฮอล์ และสามารถให้ความช่วยเหลือกลุ่มเป้าหมายได้อย่างคล่องตัว

นายธนกรกล่าวว่า ผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์สาธารณะ สามารถกดยืนยันสิทธิ์และเงื่อนไขผ่านแอพพลิเคชั่น และจ่ายเงินโดยสแกน QR Code ที่สถานีบริการน้ำมัน ที่เข้าร่วมโครงการ สำหรับสถานีบริการน้ำมันสามารถแจ้งความประสงค์เข้าร่วมโครงการผ่าน แอพพลิเคชั่นฝั่งผู้ขาย เพื่อสร้าง QR Code เพื่อรับชำระเงินจากผู้ใช้สิทธิ์ มาตรการดังกล่าว มุ่งลดภาระค่าครองชีพของประชาชนจากการปรับขึ้นค่าโดยสารรถจักรยานยนต์สาธารณะ และลดค่าใช้จ่ายโดยการให้ส่วนลดอัตราค่าไฟฟ้าผันแปร สำหรับผู้ใช้ไฟฟ้าประเภทบ้านอยู่อาศัยและประเภทกิจการขนาดเล็ก ที่ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 300 หน่วยต่อเดือน

น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ครม. รับทราบรายงานความคืบหน้าการดำเนินคดีอาญากับ ผู้ทุจริตโครงการเราเที่ยวด้วยกัน โครงการคนละครึ่ง และโครงการเราชนะ ตามที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติเสนอ เป็นการรายงานการดำเนินคดีอาญาระหว่างวันที่ 1 ก.ย. 2564-1 ม.ค. 2565 มีคดีรวมทั้งสิ้น 435 คดี แบ่งเป็นโครงการเราเที่ยวด้วยกัน 323 คดี โครงการคนละครึ่ง 110 คดี และโครงการ เราชนะ 2 คดี

ส่วนความคืบหน้าในการดำเนินคดี มีคดีที่อยู่ระหว่างการสอบสวน 363 คดี สอบสวนเสร็จส่งพนักงานอัยการแล้ว 37 คดี และอื่นๆ 35 คดี เช่น ชดใช้ค่าเสียหายก่อนร้องทุกข์ และถอนคำร้องทุกข์ สำหรับข้อหาของผู้ทุจริต โครงการรัฐส่วนใหญ่เกี่ยวกับร่วมกันฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นคนอื่น ฉ้อโกง ฉ้อโกงประชาชน ฉ้อโกงและนำข้อมูลอันเป็นเท็จ เข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์

รายงานข่าวจากกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกฯ และรมว.พลังงาน สั่งการให้สำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (สกนช.) สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) และหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้องจัดทำแผนรองรับมาตรการพยุงราคาน้ำมันดีเซลไม่ให้กระทบภายหลังวันที่ 30 เม.ย. รัฐบาลจะทยอยปล่อยราคาขายปลีกดีเซลเกิน 30 บาทต่อลิตร โดยจะอุดหนุนราคาครึ่งหนึ่งแทน

ทั้งนี้ หลังจากสิ้นสุดมาตรการอุดหนุนราคาขายปลีกดีเซลไม่เกิน 30 บาทต่อลิตร วันที่ 30 เม.ย.นี้ รัฐบาลจะทยอยปรับขึ้นดีเซล โดยตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค. ส่งผลให้ราคาขายปลีกหน้าสถานีบริการน้ำมันอยู่ที่ประมาณ 35.50 บาทต่อลิตร จุดนี้รัฐจะเข้าไปช่วยเหลือส่วนที่ราคาน้ำมันดีเซลปรับเพิ่มขึ้นครึ่งนึง ทีมผู้บริหาร และคณะทำงาน ประกอบด้วยผู้ทรงคุณวุฒิ กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงการคลัง ฯลฯ ยังกังวลว่าราคาน้ำมันมีโอกาสปรับตัวสูง ขึ้นไปเกินจากสถานการณ์ราคาน้ำมันดิบ ที่เป็นอยู่ในขณะนี้

“ถ้าราคาน้ำมันดีเซลปรับขึ้นไปเป็น 35 บาท ต่อลิตรทันที ประชาชนจะเกิดการแพนิกหรือไม่ อัตราเงินเฟ้อจะเป็นอย่างไร เพราะค่าขนส่งจะขึ้นทันที ทุกคนเป็นห่วง จึงให้สำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (สกนช.) เร่งทำแผนช่วยเหลือมาหลายแนวทาง อาทิ การขึ้นราคาทีละสเต็ป โดยปรับราคาเป็น 32 บาทต่อลิตรก่อน และดูสถานะกองทุนฯ เพราะขณะนี้ เห็นว่า ติดลบแล้วกว่า 5 หมื่นล้านบาท กระแสเงินสดเหลือราว 1.4 หมื่นล้านบาท ขณะที่มีเงินเข้าเดือนละราว 3 พันล้านบาท หากราคาน้ำมันดิบยังคงสูงขึ้น การช่วยเหลือคนละครึ่งอาจจะไม่เพียงพอ” รายงานข่าวเผย

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน