‘ตั้ม’ย้ำ-ไม่หวั่น แม่สาว18-พลิก
‘ษิทรา’ ยังมั่นใจเอาผิด ‘ปริญญ์’ ได้ ยืนยัน 14 สาว ผู้เสียหายไม่ยอมความ แม้แม่สาววัย 18 ผู้เสียหายรายแรกไม่ให้ความร่วมมือ ขอให้ลบโพสต์ที่เคยแชร์ไว้ ยืนยันเหตุการณ์ที่โพสต์เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริงในวันที่พบกับเหยื่อและแม่ ก่อนจะถ่ายภาพขออนุญาตแล้ว ยอมรับไม่มีการแต่งตั้งเป็นทนายแต่มาขอให้ประสานงานจนแจ้งความถือว่าช่วยเหลือลูกความแล้ว หากตั้งทนายใหม่แทนไม่มีปัญหา แค่เสียความรู้สึก เชื่อว่าสาเหตุเกิดจากขบวนการทำลายชื่อเสียงในฐานะทนายความให้ขาดความน่าเชื่อถือ

เมื่อเวลา 14.30 น. วันที่ 23 เม.ย. นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม ทนายความและเลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ ให้สัมภาษณ์ที่สำนักงานษิทรา ลอว์เฟิร์ม ถนนสาทรใต้ แขวงยานนาวา เขตสาทร กรุงเทพฯ ถึงกรณีผู้เสียหายสาวอายุ 18 เข้าแจ้งความกับ สน.ลุมพินี หลังถูกรองหัวหน้าพรรคการเมืองลวนลาม แต่มีนายตำรวจยศ พล.ต.ต. พยายามแทรกแซงคดี เข้าเจรจาเกลี้ยกล่อมแม่ของเหยื่อ จนต้องออกมาโพสต์ทำนองว่าหากใครมาให้ช่วยทำคดี และขอให้ลบหรือดัดแปลงข้อมูลเพื่อเอาตัวรอด แต่ไม่ยอมทำ

นายษิทรากล่าวว่า เมื่อเช้าเห็นข่าวจากสื่อช่องหนึ่งที่สัมภาษณ์แม่ของผู้เสียหายและนำเสนอว่าแม่ของเหยื่อไม่เคยแต่งตั้งให้เป็นทนายความ รวมถึงขอให้ลบโพสต์แล้วไม่ยอมลบจึงโพสต์ไปเช่นนั้น หลังจากโพสต์ไปผู้สื่อข่าวช่องหนึ่งสอบถามแม่ของเหยื่อถึงเรื่องที่เกิดขึ้น พบว่าข่าวดังกล่าวเป็นการบิดเบือนข้อเท็จจริง ตามแช็ตที่เคยโพสต์ไป ทุกครั้งที่ตนเผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับเหยื่อขออนุญาตทุกคนก่อนโพสต์

เมื่อโพสต์ไปแล้วจะขอให้ลบหรือแก้ไขคงไม่สามารถทำได้ เพราะตนเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียง การโพสต์แล้วลบเหมือนเด็กเล่นขายของ ทำให้สูญเสียความน่าเชื่อถือ โดยเหตุการณ์ที่โพสต์เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริง โดยในวันที่พบกับเหยื่อและแม่ ก่อนจะถ่ายภาพขออนุญาตแล้ว การจะบอกว่าแม่ของเหยื่อไม่รู้เรื่องการถ่ายภาพคงไม่ใช่ และทำ ทุกอย่างที่แม่ของเหยื่อต้องการ ไม่ว่าจะเป็นการไม่เผยแพร่คลิปเสียงของนักการเมืองคนดังกล่าวที่โทร.เข้ามา

ส่วนเรื่องการแต่งตั้งทนายความ จริงอยู่ว่าในชั้นสอบสวนไม่มีการแต่งตั้งทนายความ แต่การที่แม่ของเหยื่อติดต่อมาจนประสานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจถือว่าได้ช่วยเหลือลูกความแล้ว หากหลังจากนี้แม่ของเหยื่อจะแต่งตั้งทนายใหม่ไม่มีปัญหาอะไร แต่ยอมรับว่ารู้สึกเสียใจจากการกระทบกระทั่งในเรื่องของความรู้สึกที่เกิดขึ้นทำให้รู้สึกไม่สบายใจ ทั้งที่ออกมาทำโดยไม่ได้ผลประโยชน์และยังต้องเสี่ยงภัยกับอิทธิพล

ไม่รู้ว่าวันใดที่ครอบครัวของผมเองจะไม่ได้รับความปลอดภัย สิ่งที่เกิดขึ้นเหมือนทิ้งผมไว้กลางทาง อย่างไรก็ตาม ต้องขอขอบคุณที่แม่ของเหยื่อยังชื่นชมผม ในเรื่องที่ออกมาช่วยเหลือสังคม อย่างไรก็ตาม เนื่องจากคดีของผู้เสียหายรายดังกล่าวค่อนข้างแน่น แม้ผมจะไม่ได้ทำคดีให้เชื่อว่าผู้ต้องหายังต้องได้รับโทษ ส่วนเหยื่ออีก 14 คน ที่เข้าแจ้งความนั้นยังยืนยันให้ผมและทีมงานเป็นผู้ดูแลในเรื่องของคดีความ ยืนยันว่าผมเคารพความเป็นส่วนตัวของเหยื่อทุกคน หากใครไม่อนุญาตให้เผยแพร่สิ่งใด ผมก็จะไม่เผยแพร่” เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ กล่าว

นายษิทรากล่าวเพิ่มเติมว่า เชื่อว่าสาเหตุเกิดจาก อดีต พล.ต.ต.นายหนึ่งที่เข้ามาแทรกแซงทำให้เหยื่ออายุ 18 ไม่ให้ความร่วมมือ หลังจากแม่ของเหยื่อปฏิเสธเอกสาร การคัดค้านการประกันตัว คิดว่าคงทำอะไรไม่ค่อยได้แล้วเพราะยังต้องตัดสินใจผ่าน พล.ต.ต.คนดังกล่าวอยู่ตลอด เดิมทีครั้งแรกที่เหยื่อเข้ามาปรึกษาแจ้งว่าไม่มีทนายความหรือบุคคลใดให้คำปรึกษา จนกระทั่งมาทราบภายหลังว่าทุกครั้งมีการปรึกษากับอดีตนายตำรวจคนดังกล่าว พร้อมอ้างว่ามีการแต่งตั้งทนายความประจำคดีแล้ว ซึ่งตนคงหมดประโยชน์ และล่าสุดไม่ได้มีการติดต่อกับเหยื่อหรือแม่ของเหยื่อแต่อย่างใด

“เชื่อว่ามีขบวนการคอยทำลายชื่อเสียงผมในฐานะทนายความ เรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องละเอียดอ่อน และผู้ถูกกล่าวหาเป็นถึงรองหัวหน้าพรรคการเมือง อาจมีเส้นสายและเครือข่ายที่ทำให้ตนหมดความน่าเชื่อถือได้” นายษิทรากล่าวในท้ายที่สุด

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน