ชาวอำเภอนาแก จ.นครพนม ต่างอาลัยต่อการจากไปของ “พระเทพมงคล วัชโรดม” หรือ “หลวงปู่แสง จันทวังโส” อดีตเจ้าอาวาสวัดโพธิ์ชัย บ้านโพนตูม หมู่ 4 ต.ก้านเหลือง อ.นาแก จ.นครพนม

พระสงฆ์ที่มีวัตรปฏิบัติเคร่งครัดและเปี่ยมด้วยคุณธรรม เป็นที่พึ่งของชาวบ้านและสาธุชนทั่วไป อุทิศตนรับใช้พระพุทธศาสนาอย่างเต็มกำลัง

อีกทั้งยังเป็นแพทย์แผนไทย รักษาโรคด้วยสมุนไพร

มีนามเดิมว่า นายแสงวงศ์ วงค์ตาผา เกิดเมื่อวันที่ 10 มี.ค.2454 ตรงกับสมัยรัชกาลที่ 6 เป็นชาวบ้านดอนโทน ต.ก้านเหลือง อ.นาแก จ.นครพนม บิดา-มารดา ชื่อ นายบุญจันทร์และนางสิงห์ วงค์ตาผา

ในวัยเยาว์ใช้ชีวิตตามประสาเด็กชนบททั่วไป ขณะอายุ 7 ขวบ บวชเป็นสามเณรหน้าไฟ อุทิศส่วนกุศลให้ตา ที่วัดศรีสำราญจิต บ้านดอนโทน ต.ก้านเหลือง อ.นาแก จ.นครพนม มีพระอินทร์ เจ้าอาวาส เป็นพระอุปัชฌาย์และขอร้องไม่ยอมให้สึก

กระทั่งอายุครบ 20 ปี เข้าพิธีอุปสมบทที่วัดบ้านแก้ง อ.เขมราฐ มีพระครูบริหารเกษมรัฐ เป็นพระอุปัชฌาย์

มุ่งมั่นศึกษาพระปริยัติธรรม สามารถสอบได้นักธรรมชั้นตรี-โท-เอก ตามลำดับ อีกทั้งยังได้เล่าเรียนอักขระ เลขยันต์และวิทยาคม

อยู่รับใช้อุปัฏฐากพระอุปัชฌาย์เป็นระยะเวลาหนึ่ง จึงได้ออกธุดงค์ยังสถานที่ต่างๆ ไปที่ จ.ขอนแก่น จ.ร้อยเอ็ด แล้ววกมาที่ อ.เขมราฐ จ.อุบลราชธานี นานกว่า 7 เดือน

ช่วงที่อยู่วัดบ้านแก้ง เอาใจใส่การศึกษา จนมีความรู้อย่างลึกซึ้ง มีปฏิภาณดีเลิศ ทั้งยังเทศนาโวหารทำนองไพเราะจับใจยิ่งนัก

หลังกลับจากธุดงค์สู่มาตุภูมิ จำพรรษาที่วัดบ้านเกิด ได้พบกับสมุนไพรที่อยู่ในป่าลึกภูดงน้อย ต.ก้านเหลือง อ.นาแก จ.นครพนม โดยนำสมุนไพรดังกล่าวมาสับเป็นท่อนยาว 2 นิ้ว เชื่อว่าเมื่อนำมาแช่น้ำให้กินจะสามารถรักษาโรคภัยไข้เจ็บได้

สมุนไพรดังกล่าว นอกจากแช่น้ำให้กินแล้ว ต้องนำน้ำ ที่แช่มาลูบจุดที่พบว่าแข้งขาปวดเมื่อย ก่อนที่นำสีผึ้ง ที่หลวงปู่ลงมือเคี่ยวเองทุกครั้ง ประกอบด้วย น้ำมันมะพร้าว ขี้ผึ้ง น้ำมันจระเข้และน้ำมันนกกาเหว่าที่หาได้ยากยิ่ง เมื่อนำมานวดทาถูวนรอบ เชื่อว่าอาการที่ปวดหายเป็นปลิดทิ้ง

แม้อายุล่วงเลยมาเกินกว่า 100 ปี แต่สายตาท่านยังดี หากจะอ่านหนังสือสวดมนต์หรือหนังสือธรรมะจะใส่แว่น หูได้ยิน 1 ข้าง ชอบพูดคุยสนทนาสนุกสนานติดตลก ไม่ถือเนื้อถือตัว

ไม่เคยนอนกางมุ้ง แต่ยุงไม่กัด เป็นคนที่ไม่รู้ร้อนรู้หนาว อากาศหนาวเหน็บเพียงใด จะใส่แค่สบงห่มด้วยจีวร ปล่อยวางไม่ยึดติดกับ วัตถุใดๆ และไม่แสวงความสุขสบาย โดยเฉพาะ กุฏิหลังใหม่ที่ลูกศิษย์สร้างถวาย หมดงบ 7 แสนกว่าบาท แต่ก็ไม่ไปอยู่ เนื่องจากอึดอัด และหายใจไม่ออก

เคล็ดลับที่อายุยืน เพราะชอบฉันเนื้อปลา นม มะละกอ กล้วยน้ำว้า ส่วนมะขามหวานจะชอบเป็นพิเศษ และท่านยังปลูกกล้วย มะขามไว้ที่บ้านเกิด ทุกต้นจะออกลูกดกจนเป็นที่น่าแปลกใจ

เมื่อ 3 ปีก่อนประสบอุบัติเหตุหกล้มในห้องน้ำ จนต้องนั่งรถวีลแชร์ และไม่รับกิจนิมนต์นอกวัดระยะหนึ่ง

ด้านวัตถุมงคลเป็นที่โจษขาน อนุญาตจัดสร้าง 6-7 รุ่น โดยเฉพาะ เหรียญรุ่นมหาสมปรารถนา เป็นเหรียญเสมา เริ่มหายากยิ่ง

ลำดับสมณศักดิ์ วันที่ 5 มิ.ย.2564 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะชั้นราช ที่ พระราชมงคลวัชโรดม

วันที่ 6 ก.พ.2565 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็น พระราชาคณะชั้นเทพ ที่ พระเทพมงคลวัชโรดม

แม้ท่านอยู่ในช่วงปัจฉิมวัย แต่สภาพร่างกายยังคงแข็งแรง ดังนั้น จึงยังรับกิจนิมนต์เป็นปกติ
แต่ด้วยความไม่เที่ยงของสังขาร มีโรคประจำตัว คือ โรคปอดและระบบทางเดินหายใจ มีอาการหอบเหนื่อยอ่อนเพลีย เนื่องจากชราภาพมากแล้ว

ท้ายที่สุดเวลา 06.20 น. วันที่ 21 เม.ย.2565 จึงมรณภาพอย่างสงบ ภายในกุฏิ สิริอายุ 111 ปี พรรษา 91

สร้างความเศร้าสลดแก่ศิษยานุศิษย์

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน